ในจวนก็อาศัยกันแค่นี้ หรือจะเป็นซ่งเชียนฉู่? เขาเดินเข้าไปในเรือนอย่างไว มาถึงในห้องของซ่งเชียนฉู่ แง้มประตูมองผ่านช่อง คนบนเตียงยังคงหลับพริ้ม ในห้องลั่วชิงยวนมิใช่ซ่งเชียนฉู่ เช่นนี้ที่เพิ่มมาคนหนึ่ง คือใครกัน? …… ภายในห้อง ข้างหูดังขึ้นเป็นเสียงลมหายใจมั่นคง ลั่วชิงยวนรู้สึกสบายใจมากขึ้น นางพลิกตัวนอนตะแคง คิดว่ารอให้ฟ้าสว่างจึงค่อยหาโอกาสบอกซ่งเชียนฉู่ แต่จู่ ๆ นางพบว่า เหตุใดผ้าห่มที่มุมเตียงจึงตุงขึ้น นางขนหัวลุกขึ้นมาในทันที มีคนเข้ามานอนเพิ่มหรือ? นางลุกขึ้นนั่งอย่างแรง และกระชากผ้าห่มออก ที่ตกสู่สายตา มีเพียงเตียงโล่ง ๆ ที่ไม่มีอะไรทั้งนั้น! แต่กลับมีไอเหน็บหนาว ขณะเดียวกัน บนข้อมือของนางมีความรู้สึกเย็นเฉียบส่งมา เกล็ดงูค่อย ๆ ลูบผ่านผิวหนังของนาง นางมิกล้าขยับแม้แต่นิด และควักยันต์สีเหลืองออกมาจากในอ้อมอก และเปิดผ้าห่มออกอย่างแรง งูตัวนั้นอ้าปากกว้างและตะครุบเข้ามาหานาง สายตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางยกมือไปจับโดยมิมีความเกรงกลัวแม้แต่นิด นางจับงูไว้อย่างเด็ดขาด และแปะยันต์ลงไป ควันดำกระจายตัวออกกลางอากาศ งูตัวนั้นขัดขืนพักหนึ่ง จากนั้นบ
ลั่วชิงยวนกำลังเดินเล่น เพื่ออยากหาโอกาสเจอซ่งเชียนฉู่ ซ่งเชียนฉู่มิออกมา แต่กลับมีผู้คนมากมายปรากฏในสายตาของนางแทน การแต่งตัวที่เหมือนชาวบ้าน ในมือถือจอบและเสียมที่เอาไว้ทำนา ท่าทีของพวกเขาดุดัน จือเฉาได้ยินเสียง จึงรีบวิ่งออกมาดู นางตะลึงในทันที “เหตุใดจู่ ๆ ชาวบ้านเหล่านี้จึงมาเล่า? ดูแล้วเหมือนจะมาหาเรื่องเลยเจ้าค่ะ” จือเฉาพูดอย่างกังวล ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “น่าจะเพราะรู้ว่าซ่งเชียนฉู่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่” มิฉะนั้นคงมิมากันกลุ่มใหญ่เช่นนี้ ในมือของทุกคนยังถืออาวุธเอาไว้ ชาวบ้านทุกเพศทุกวัยต่างมากันหมด ผู้คนมหาศาลเป็นร้อยคน ปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้าของลั่วชิงยวน “ซ่งเชียนฉู่! ไสหัวมา!” “เจ้าริอ่านหลบหนีจนทำเทวาภูผาพิโรธ หากปีนี้หมู่บ้านของเราเจอภัยใด ๆ นั่นเป็นเพราะเจ้าทั้งนั้น!” ชาวบ้านหลายคนตะโกนขึ้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางดูแล้วค่อนข้างมีอำนาจ เขามองไปทางลั่วชิงยวน น้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “แม่นางท่านนี้ ท่านเป็นคนซ่อนตัวซ่งเชียนฉู่งั้นหรือ? ท่านรู้หรือไม่ การกระทำเช่นนี้ของท่านจะเดือดร้อนพวกเราทั้งหมู่บ้าน!” ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ซ่งเชียนฉู่กระไรกัน ข้ามิร
ให้นางเข้าป่าไปเจอท่านนั้นก่อน ในตอนที่ซ่งเชียนฉู่กำลังจะไปกับชาวบ้าน ลั่วชิงยวนกลับรั้งนางไว้ และเอ่ยเสียงเย็น “ข้าไปแทนเอง!” ทันทีที่สิ้นประโยคนี้ ใบหน้าทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตะลึง ซ่งเชียนฉู่มองนางอย่างไม่น่าเชื่อ “ว่ากระไรนะ? ท่านบ้าไปแล้วหรือ?” ลั่วชิงยวนลากซ่งเชียนฉู่ให้ถอยหลัง นางหันหน้าไปทางชาวบ้าน “ข้ามิมีทางส่งซ่งเชียนฉู่ให้พวกเจ้าแน่!” มีชาวบ้านพูดยุยง “เหตุใดนางผู้นี้จึงตั้งใจต่อกรกับพวกเรา เช่นนั้นเราจับเจ้าไปสังเวยเทวาภูผา!” ฝูงชนกรูกันขึ้นไป จับไหล่และแขนของลั่วชิงยวนเอาไว้ทันที พวกเขากดนางเอาไว้อย่างแน่น จนนางขยับตัวมิได้ จือเฉาตะครุบขึ้นมาด้วยจิตใจที่ร้อนรนเป็นฟืนเป็นไฟ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านางคือใคร? ปล่อย!” ลั่วชิงยวนกลับมองไปทางจือเฉา ส่ายหัว และส่งสายตาวางใจให้นาง จือเฉาชะงัก พระชายาเป็นฝ่ายอยากไปเองงั้นหรือ? หรือพระชายามีแผนอย่างอื่นกัน? จือเฉาสติหลุดเพียงครู่หนึ่ง ก็ถูกชาวบ้านผลักจนล้มลงพื้นอย่างแรงทันที เหล่าชาวบ้านจับตัวลั่วชิงยวนไป ซ่งเชียนฉู่อยากจะกีดกันแต่สวี่ชิงหลินห้ามไว้ “นางผู้นี้ประสงค์ร้าย ใครจะรู้ว่านางเล่นเล่ห์กระไรอยู่
ผ่านผืนป่าทมิฬ ที่ถูกแนวผาด้านหน้าปกคลุมเป็นเงามืด เมื่อมาถึง ที่นี่มีลมหนาวพัดโบก ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังทุกครั้งที่โดนลม ชายหนุ่มหลายคนต่างเหงื่อเย็นไหลซิบ พวกเขารีบยกเกี้ยวไปไว้หน้าถ้ำ และหนีไปอย่างร้อนรน ลั่วชิงยวนมองดูปากถ้ำที่มืดสนิท มีงูอาศัยที่นี่ นางแกะเชือกที่ข้อมือออกนานแล้ว รอบด้านดังขึ้นเป็นเสียงฟ่อ ๆ ฝูงงูปรากฏ และแลบลิ้นออกมาเพื่อตรวจหากลิ่นของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า ลั่วชิงยวนกำผงไล่งูขึ้นมาสาดอย่างสงบ ฝูงงูที่เตรียมจะเข้าใกล้กระจายตัวออก ภายในถ้ำนั้นลึกมาก หลังเดินผ่านอุโมงค์มืดมิด สิ่งตรงหน้าดูเริงร่าขึ้นมา มันเป็นพื้นที่โล่งเตียนอันกว้างขวาง บนผาหินเต็มไปด้วยเถาวัลย์ และยังมีเสียงของน้ำตกส่งมา ในขณะที่นางกำลังอยากเดินไปทางเสียงน้ำตก จู่ ๆ กลับมีลมหนาวพัดมา เสียงน้ำดังฉ่า หยดกระเด็นลงบนร่างของลั่วชิงยวน นางยกมือบดบัง วินาทีต่อมา เสียงน้ำหายไปจนสิ้น แต่เมื่อหันหน้าอีกที งูตัวหนึ่งกำลังอ้าปากกว้างและกระโจนเข้ามาหานาง “ราชันอสรพิษ มีอะไรคุยกันดี ๆ ก่อน!” ลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อบดบังการลอบโจมตีของอีกฝ่าย ทันทีเข็มทิศถูกเอาออกมา แ
เป็นทาสใบ้นั่นเอง! ทาสใบ้อยู่ข้าง ๆ ลั่วเยวี่ยอิง! ลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงโทสะที่พลุ่งขึ้นอีกระลอกหนึ่ง มิน่าชาวบ้านสองคนที่แบกเกี้ยวถึงได้บอกว่าพวกเขาก็แค่รับเงินมาจากหัวหน้าหมู่บ้าน ที่แท้พวกเขาก็รับเงินที่ลั่วเยวี่ยอิงให้มา! การที่ทาสใบ้ตามเข้าไปในถ้ำบนภูเขาน่าจะเป็นเพราะอยากรู้ว่านางตายไปแล้วหรือไม่ เพื่อจะได้กลับไปรายงานให้ลั่วเยวี่ยอิงทราบ หลังจากค้นหาอยู่ในถ้ำได้สักพัก เมื่อทาสใบ้ไม่พบใครก็รีบจากไป นางไม่มีผงไล่งู มันเป็นผงไล่งูที่ลั่วชิงยวนเคยใช้ตอนที่เข้ามาเพื่อไล่งู ดังนั้นนางจึงไม่กล้าอยู่ให้นานเกินไปนัก หลังจากทาสใบ้จากไปแล้ว ลั่วชิงยวนก็โผล่ออกมาจากหลังเถาวัลย์แล้วเดินมาจนถึงน้ำตก นางไม่กล้าเข้าใกล้มากเท่าไหร่นัก ทั้ง ๆ ที่นางแทบไม่เห็นว่าข้างล่างมีสระน้ำลึกขนาดใหญ่มากอยู่ แค่เข้าใกล้ก็รู้สึกกลัวแล้ว นางรู้สึกกายาสั่นสะท้านแล้วรีบก้าวถอยหลังไป ไม่นานก็มีงูยักษ์โผล่ออกมาแล้วส่งเสียงแหบพร่าขึ้นมาว่า "มอบตัวซ่งเชียนฉู่มาให้ข้า" ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "เพราะเหตุใดกัน? เมื่อสักครู่นี้เจ้าว่าซ่งเชียนฉู่เป็นกระไร?" แต่คำพูดต่อมาของงูยักษ์กลับทำให้นางต้องตื่นตะลึง
ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ "บัวมรกตเหมันต์" นี่คือพิษประหลาดที่ยากจะพบในใต้หล้าซึ่งบันทึกอยู่ในตำราโบราณเท่านั้น นางไม่เคยเห็นบัวมรกตเหมันต์ของจริงมาก่อนเลย "แลกเปลี่ยนกับการที่เจ้ากำจัดสวี่ชิงหลินกับคนของมันเพื่อให้แน่ใจได้ว่าซ่งเชียนฉู่จะปลอดภัย จากนั้นก็มอบตัวนางให้ข้าโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน" ช่างใจคอกว้างขวางนัก! ลั่วชิงยวนรู้สึกแปลกใจนัก พิษจากกลีบดอกเหล่านี้เพียงพอให้จัดการกับสวี่ชิงหลินและคนของมันได้แล้ว! "ได้เลย ตกลงตามนั้น!" ของล้ำค่าเช่นนั้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ลั่วชิงยวนห่อบัวมรกตเหมันต์เอาไว้ในผ้าเช็ดมือแล้วออกไปจากถ้ำ ตามที่บันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ บัวมรกตเหมันต์จะเบ่งบานเพียงครั้งเดียว เมื่อดอกบานและสร้างฝักบัวขึ้นมาแล้ว เม็ดบัวที่อยู่ข้างในนั้นก็จะเป็นโอสถหายากในใต้หล้า ต่อให้เป็นผู้ที่มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็สามารถเอากลับมาจากประตูนรกได้ ดูเหมือนว่าบัวมรกตเหมันต์ดอกนี้จะสร้างฝักบัวในช่วงคิมหันตฤดู ทว่าตอนนี้กลับถูกเด็ดออกมาเสียก่อน แต่การที่ได้รับบัวมรกตเหมันต์มาก็นับว่าโชคดีมากแล้ว! คนเราไม่ควรละโมบเกินไป ลั่วชิงยวนเดินลงมาจากเขาที่แวดล้อม
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว สังหารนางหรือ? ซ่งเชียนฉู่เอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนที่ข้ายังเด็กก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับข้า จากนั้นข้าก็มักจะฝันถึงงูอยู่บ่อย ๆ" "ความฝันเหล่านี้เคี่ยวกรำข้ามาหลายสิบปี สุขภาพของข้านับวันก็ย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำข้ายังต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายมากมายอีกต่างหาก" "ข้าเคยปรึกษาซินแสท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าชะตาของข้าจะมีเคราะห์หนัก มันเป็นหนี้กรรมที่ข้าติดค้างมาตั้งแต่ชาติปางก่อน สิ่งนั้นจะคอยตามหลอกหลอนจนกว่าข้าจะตายไป" "ท่านซินแสแนะนำว่าต้องตัดบ่วงกรรมนี้ไปเสีย ข้าต้องมาที่นี่แล้วจัดการให้เรียบร้อยก่อนวันเกิดปีที่ยี่สิบสี่ของข้า มิฉะนั้นข้าจะต้องตาย" "ข้าโกหกว่ามาที่นี่เพื่อมาตามหาญาติ ข้าแค่อยากจะจัดการปัญหาของตัวเอง ท่านซินแสเองก็บอกว่าข้าจะได้พบผู้มีพระคุณที่นี่" "แม่นางลั่ว ดูเหมือนว่าท่านก็คือผู้มีพระคุณของข้า" ซ่งเชียนฉู่จับมือของลั่วชิงยวนด้วยท่าทีตื่นเต้น เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ นางรู้สึกว่าซ่งเชียนฉู่กำลังปกปิดอะไรบางอย่าง ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำนายโชคชะตาของนาง ชะตาของนางมีเคราะห์หนัก
สวี่ชิงหลินพาซ่งเชียนฉู่กลับขึ้นเขาไปอีกครั้ง ลั่วชิงยวนติดตามพวกเขาอยู่ไกล ๆ อีกหนหนึ่ง ในที่สุดคราวนี้พวกมันก็ลงมืออย่างที่คิดเอาไว้เลย สวี่ชิงหลินมุ่งหน้าไปยังถ้ำอสรพิษ ในวันเดียวกันนั้นเอง ข่าวที่พวกชาวบ้านเอาลั่วชิงยวนไปเซ่นสังเวยให้แก่เทวาภูผาก็ดังมาเข้าหูของฟู่เฉินหวน เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินข่าวนี้ ทีแรกเขาก็ไม่อยากเชื่อนัก "เจ้าพูดอีกทีซิ?!" ซูโหยวก้มหน้าลงด้วยเคร่งเครียด "ท่านอ๋อง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของกระหม่อมที่ไม่จับตาดูนางให้ดี กระหม่อมไม่คาดคิดว่าชาวบ้านพวกนั้นจะกล้า..." ทุกคนคิดว่าหลังจากส่งพระชายาไปที่จวนนอกเมืองเพื่อรับโทษสักสองสามวัน จากนั้นท่านอ๋องก็จะรับนางกลับมา แต่ผู้ใดจะคิดว่า... "เหลวไหลทั้งเพ! พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการผู้สูงศักดิ์กลับถูกไพร่กลุ่มหนึ่งเอาไปเซ่นสังเวยเทวาภูผาเช่นนั้นหรือ?!" ฟู่เฉินหวนโกรธจัดรู้สึกหัวใจบีบรัดอย่างบอกไม่ถูกจนแทบจะหายใจไม่ออก "ผู้ติดตามของกระหม่อมส่งคนไปถามดูแล้ว ตอนที่นางถูกพาตัวเข้าไปในหุบเขายังมีชีวิตอยู่ ถ้าโชคเข้าข้างพวกเรา พระชายาก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ" ซูโหยวกล่าวพลางก้มหน้าลง ฟู่เฉินหวนที่โกรธ
“ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย
“คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล
ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา
ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?
ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั