Share

บทที่ 1309

Author: หว่านชิงอิ๋น
“คุณหนูมู่”

มู่หยวนหยวนหันมาเหลือบมองนาง “ท่านยังมิไปอีกหรือ”

“คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูมู่”

“ได้เจ้าค่ะ”

มู่หยวนหยวนสงบนิ่งราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมิเกี่ยวข้องกับนาง ไม่มีปฏิกิริยาหรือสีหน้าใด ๆ

ด้วยการจัดการของนางรับใช้ ลั่วชิงยวนจึงได้พักในห้องข้าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นห้องของนางรับใช้ข้างกายมู่หยวนหยวน

แต่ยามนี้นางรับใช้ผู้นั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว

ลั่วชิงยวนจึงได้พักที่นี่หนึ่งคืน

เดิมทีลั่วชิงยวนคิดจะไปพูดคุยกับมู่หยวนหยวน แต่มู่หยวนหยวนดูเหมือนมิอยากพูดคุยกับผู้ใด นางจึงมิได้เข้าไปใกล้

เฝ้ารอคอยการมาถึงของราตรีอย่างเงียบงัน

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ลั่วชิงยวนก็ให้นางรับใช้ที่คอยปรนนิบัติออกไป

มิให้ผู้ใดเข้ามาในเรือนนี้

ลั่วชิงยวนปิดประตูหน้าต่าง ล้มตัวลงนอนบนเตียง

หลับตาฟังเสียงที่อยู่ภายนอก

มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ราตรีก็มาเยือน

ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ลั่วชิงยวนพลันลืมตาขึ้น จึงเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตู

ลั่วชิงยวนระแวดระวัง แต่กลับพบว่าเป็นสตรี

นางยืนอยู่ที่หน้าประตู กำลังลงกลอนประตู...

หลังจากลงกลอนแล้ว นางก็จากไป

ลั่วชิงยวนตก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1310

    ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยผู้คน!บางส่วนเป็นคนเป็น บางส่วน... เป็นคนตายยังมีคนเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ด้านนอกอย่างต่อเนื่องแม้แต่นายท่านมู่ก็อยู่ในนั้นด้วย เขาเดินโซซัดโซเซเข้ามา ดวงตาเหม่อลอย ไร้ซึ่งสติราวกับมิรู้สึกตัวชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ตกตะลึง มิกล้าเชื่อสิ่งที่เห็นเมื่อได้สติ เขาก็รีบวิ่งไปยังริมกำแพงแล้วปีนหนีไปเมื่อลั่วชิงยวนจะวิ่งตามไปจับเขา จู่ ๆ คนในเรือนเหล่านั้นก็หันมามองนางพร้อมกันยิ่งไปกว่านั้นยังมีศพที่ตายไปเมื่อหลายวันก่อนหันมาด้วย ศีรษะและลำตัวของศพเหล่านั้นยังมิได้เย็บติดกันทันใดนั้น ศีรษะที่ห้อยอยู่ก็หันมา ดวงตาเบิกโพลง น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักคนกลุ่มใหญ่นั้นกระโจนเข้าหาลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรีบหันหลังวิ่งไปยังที่โล่งมิเช่นนั้นจะถูกล้อมไว้ให้จนมุมนางชักกริชออกมาแต่เมื่อนายท่านมู่พุ่งเข้ามา นางกลับมิกล้าใช้คมกริชแทงไปเพราะนี่คือคนเป็นจะให้ตายด้วยน้ำมือของนางมิได้ลั่วชิงยวนเตะนายท่านมู่ออกไป คนอื่น ๆ ก็พากันรุมเข้ามาถึงแม้ว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีสายตาเลื่อนลอยมิรู้สึกตัว แต่ดูเหมือนจะรู้ดีว่าตนเองต้องทำอะไรพวกนั้นกำลังรุมโจมตีลั่วชิงยวนอย่างบ้าคลั่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1311

    นางเดินเข้าไปพร้อมกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดของตนวาดอักขระเวทลงบนหน้าผากของนายท่านมู่ เสียงไหม้เกรียมก็ดังแผ่ขึ้นเมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้น นายท่านมู่ก็หมดสติไปหมอกดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้วสลายไปคนอื่น ๆ ในเรือนก็หยุดลงลั่วชิงยวนขว้างยันต์อีกอันออกไป “กลับไป!”คนในลานก็เหมือนหุ่นเชิด หันหลังกลับออกจากลานไปยังที่เดิมของตนแต่นายท่านมู่กลับถูกทิ้งไว้ที่นี่ชั่วคราวลั่วชิงยวนและมู่หยวนหยวนช่วยกันลากนายท่านมู่เข้าไปในห้องข้าง ๆจากนั้นพามู่หยวนหยวนเข้าไปในห้อง“เมื่อครู่เจ้าเป็นคนลงกลอนประตูห้องข้าหรือ? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า?”ลั่วชิงยวนรู้สึกมิเข้าใจมู่หยวนหยวนตอบ “ข้าลงกลอนประตูห้องของท่านก็เพราะมิอยากให้ท่านออกมา”“เขาจะมิปล่อยข้าไป มีเพียงข้าตายเท่านั้น เขาจึงจะมิทำร้ายผู้อื่นอีก”เมื่อได้ยิน ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงมู่หยวนหยวนลงกลอนประตูเพื่อช่วยนาง เช่นนั้นชายสวมหน้ากากผู้นั้นเป็นใครเล่า? มิได้เป็นพวกเดียวกับมู่หยวนหยวนหรอกหรือ“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเรื่องในวันนี้ยังมิได้รับการแก้ไข” ลั่วชิงยวนนั่งลงตรงข้ามมู่หยวนหยวน“แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรบ้าง”มู่หยวนห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1312

    บนใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยอักขระเวทประหลาดทำให้ลั่วชิงยวนนึกถึงสำนักเทียนฉยงในทันทีสำนักเทียนฉยงมีชื่อเสียงด้านวิชาวงแหวนแห่งเวทชั่วร้าย วงแหวนแห่งเวทที่ใช้ก็ร้ายกาจยิ่งนัก นับว่าเป็นองค์กรลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวในแคว้นหลีผู้ที่ถูกหมายหัวมิอาจหลุดพ้นได้เพียงแต่พวกเขามิค่อยปรากฏตัวในเมืองหลวง เพราะนั่นหมายถึงการเผชิญหน้ากับสำนักนักบวชโดยตรงแต่คราวนี้กลับมาเผชิญหน้าแล้วนี่คือวงแหวนแห่งเวทที่ซ่อนอยู่ในบ้านตระกูลมู่อย่างแท้จริง วงแหวนแห่งเวทที่แก้ไขไปเมื่อตอนกลางวันเป็นเพียงภาพลวงตามันคือการยั่วยุของสำนักเทียนฉยง เรื่องราวในตระกูลมู่มิธรรมดาจริง ๆนางรีบชักกริชออกมาแทงลงไปอย่างแรง ผ่าศีรษะนั้นออกเป็นสองซีกภายในศีรษะมีเพียงกะโหลก นอกจากยันต์อักขระเวทที่แปะเต็มไปหมดก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นลั่วชิงยวนฉีกยันต์อักขระเวทเหล่านั้นทิ้งในทันทีเมื่อจุดศูนย์กลางวงแหวนแห่งเวทถูกทำลายก็พลันปรากฏไอชั่วร้ายที่รุนแรงลอยเหนือบ้านตระกูลมู่ราวกับว่าจะมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นลั่วชิงยวนหรี่ตามองภาพนั้นด้วยความตกตะลึงสำนักเทียนฉยงช่างร้ายกาจยิ่งนักร่างที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกสีดำทมิฬนั้น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1313

    เจ้ายักษ์นั่นมิได้ทำร้ายชายผู้นั้น ราวกับจ้องจะสังหารนางเพียงคนเดียวในขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะต้านทานมิไหวทันใดนั้น จิตสังหารก็พุ่งเข้ามาเห็นเงาร่างสีดำอีกร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในครรลองสายตาพุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าลั่วชิงยวนในทันที ฉวยโอกาสตบฝ่ามือไปยังชายชุดดำอย่างแรงบีบให้เขาถอยร่นไปเพื่อขัดขวางอีกฝ่ายเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างแต่นางไม่มีเวลาพิจารณา เพราะเจ้ายักษ์นั่นกำลังยกกระบี่ฟาดลงมาหานางลั่วชิงยวนหลบหลีกอย่างตื่นตระหนก ล่อเขาไปยังที่กว้างกว่า จากนั้นก็หยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาในทันทีนางกัดนิ้ววาดวงแหวนแห่งเวท วงเวทสีทองที่ปรากฏขึ้นจากเข็มทิศอาณัติสวรรค์ล้อมเจ้ายักษ์นั่นไว้ในทันทีเชือกอักขระเวทพุ่งออกไปมัดเจ้ายักษ์ไว้ ทำให้มันสงบลงชั่วคราวจากนั้นก็รีบไปหาคนทั้งสองที่ยังต่อสู้กันอยู่แต่กลับตกตะลึงเมื่อพบว่าคนทั้งสองหายไปแล้วลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ จึงเห็นเงาร่างหนึ่งกระโดดข้ามกำแพงไปลั่วชิงยวนรีบตามไป“วีรบุรุษท่านใด? ขอทราบนามได้หรือไม่?” ลั่วชิงยวนตามไปถึงริมกำแพงเห็นชายชุดดำวิ่งไปบนหลังคามิไกล ลั่วชิงยวนยิ่งรู้สึกว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1314

    ลั่วชิงยวนถูกปลุกให้ตื่นเห็นเวินซินถงที่เดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวมู่หยวนหยวนก็ตกใจเล็กน้อย ท่าทางของนักบวชระดับสูงทำให้นางหวาดกลัว “ท่านนักบวชระดับสูง เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”เวินซินถงกลั้นโทสะไว้ กล่าวกับมู่หยวนหยวน “คุณหนูมู่ โปรดออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับนางเป็นการส่วนตัว”มู่หยวนหยวนมิกล้าขัดคำสั่ง จึงออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เวินซินถงก็คว้าแขนของลั่วชิงยวนกระชากนางให้ลุกขึ้นพละกำลังรุนแรงยิ่งนักราวกับจะฉีกร่างลั่วชิงยวนออกเป็นชิ้น ๆ“ลั่วชิงยวน เจ้าช่างมีความสามารถนัก เจ้าถึงกับนำสำนักเทียนฉยงมา! เจ้าเกรงว่าข้าจะมีปัญหามิพอรึ!”เวินซินถงโกรธจัดเช้าตรู่วันนี้เซี่ยหลิงมาหานาง บอกว่าคนจากสำนักเทียนฉยงปรากฏตัวที่บ้านตระกูลมู่ นางรีบมาตรวจสอบจึงพบร่องรอยของสำนักเทียนฉยงจริง ๆและทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาที่มู่หว่านจ้าวสร้างขึ้น!ลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ข้านำมาหรือ?”“เมื่อวานข้าบอกเจ้าแล้วว่าเรื่องราวมิได้ง่ายดายเพียงนั้น หากข้าสามารถนำสำนักเทียนฉยงมาได้ ข้าจะไปทำงานกับเจ้าหรือ?”คำพูดของลั่วชิงยวน ทำให้โทสะในใจของเวินซินถงระเบิดออกใบหน้าของนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1

    ตำหนักอ๋องในห้องฝั่งปีกตะวันออก ถัดจากเตียงแกะสลักขาดใหญ่ มีเสื้อผ้าเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้องลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง นางมองดูรอยยุ่งเหยิงบนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวแสงแดดส่องกระทบรอยสีแดง ทำให้นึกไปถึงชายห้าหกคนที่บุกเข้ามาในห้องหอเมื่อคืนนี้ ความอัปยศอดสู และความโกรธค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาโจมตีนางอย่างหนักหน่วงน้ำตาแห่งความรู้สึกอัปยศเอ่อล้นในดวงตา“จะร้องไห้ทำไม ในเมื่อเจ้าได้แต่งงานกับท่านอ๋องอย่างที่หวังไว้ ก็ควรจะดีใจมิใช่รึ?”เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้น ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปที่กระดูกสันหลังของลั่วชิงยวน นางหันกลับไปด้วยความตกใจเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ รูปร่างสง่างามและน่าเกรงขาม สายตาเย็นชา และไม่แยแสนั้นจับจ้องมา ราวกับมีดที่กำลังกรีดเลือดของนางบางสิ่งกำลังระเบิดในหัว ลั่วชิงยวนรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ “ท่านอ๋อง… ท่านอยู่ตรงนี้มาตลอดเลยหรือเพคะ?”น้ำเสียงไม่แยแสกล่าวขึ้น “วันอภิเษกสมรสของข้ากับเจ้า ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วข้าควรจะอยู่ที่ใดเล่า?”ทันใดนั้น นางก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เลือดทั่วร่างพลันแข็งมองดูรอยยับบนเตียง นึกถึงคนที่บุกเข้ามาในห้องหอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 2

    ซ่า…น้ำเย็นในขันถูกสาดลงบนหน้าอย่าแรง!ลั่วชิงยวนยกเปลือกตาขึ้นด้วยความยากลำบาก นี่นางยังไม่ตายหรือ ทำไมถึงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด?หญิงที่แต่งตัวเหมือนแม่นมคนหนึ่งโยนขันน้ำทิ้ง และมองมาที่นางด้วยสายตาโกรธเคือง "อย่ามาเล่นเล่ห์ด้วยการร้องไห้สร้างปัญหา และแขวนคอตัวเองเช่นนี้ ท่านอ๋องไม่หลงกลท่านหรอก! ไม่ได้ดูสารรูปตัวเลยว่าเป็นสินค้าเช่นใด ถึงได้กล้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสแทนคุณหนูรอง ท่านคิดว่า​​ตำหนักอ๋องนี้เข้ามาได้ง่าย ๆ งั้นรึ!”หน้าตาของแม่นมเติ้งเต็มไปด้วยความโกรธ เดิมทีนางวางแผนที่จะกลับบ้านไปดูแลแม่ที่ชรา แต่ใครจะรู้ว่า พระชายาที่ไร้ยางอายผู้นี้จะเล่นอุบายแกล้งปลิดชีพตน ทำให้ต้องมาที่นี่เพื่อรับใช้นางแทน“เป็นคุณหนูจวนอัครเสนาบดีดี ๆ มิเป็น แต่กลับทำแต่เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ ตายไปเสียยังจะดีกว่า!”เสียงข่มเหงและเสียงบ่นดังอยู่เหนือหัวนางอย่างต่อเนื่อง ลั่วชิงยวนมองดูทุกสิ่งที่แปลกประหลาดนี้ และความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางก็พุ่งเข้ามาเมื่อวานนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของท่านอ๋องกับลั่วเยวี่ยอิงแต่ลั่วชิงยวนก็ยอมเสี่ยง แสร้งทำว่าตนคือเจ้าสาวในคืนวันแต่งงาน แถมยังจุดกำยานปลุกกำหนัดในห้อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 3

    แม่นมเติ้งร้องขึ้นอย่างตกใจ “อุ๊ย คุณหนูรอง มือของคุณหนู!”นางรีบเข้าไปประคองลั่วเยวี่ยอิง พลางก่นด่า “ท่านช่างเป็นหญิงที่ร้ายกาจนัก แย่งงานแต่งคุณหนูรองไปแล้ว คุณหนูยังใจดีป้อนยาให้ ท่านยังกล้าผลักคุณหนูอีก!”ทันใดนั้น ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้อง ปรี่ไปที่ลั่วเยวี่ยอิงด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก “เยวี่ยอิง!”ลั่วเยวี่ยอิงขมวดคิ้ว และยกฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของนางขึ้น ทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกสงสารยิ่งนักฟู่เฉินหวนมองไปที่มือของลั่วเยวี่ยอิงที่เต็มไปด้วยเลือด ก่อนจะมองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยสายตาอาฆาตลั่วชิงยวนรีบพูดขึ้นทันที “หม่อมฉัน…”แต่ยังไม่ทันที่จะได้อธิบาย ก็มีเงาปกคลุมมาที่นางก่อนที่ร่างของนางจะถูกกระชากลงมาจากเตียง จนล้มตัวลงกับพื้น ยังไม่ทันที่จะได้ทรงตัว มือใหญ่ก็ตวัดลงมาอย่างแรงทันใดนั้น ในหัวของนางก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น ก่อนจะรู้สึกแสบร้อนและระบมที่แก้มยังไม่ทันที่นางจะได้สติ ลั่วเยวี่ยอิงรีบคว้าแขนเสื้อฟู่เฉินหวน และขอร้องอ้อนวอน “ท่านอ๋องข้ามิระวังเอง อย่าโทษท่านพี่เลยเพคะ!”แม่นมเติ้งรีบฟ้องท่านอ๋องทันที “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเห็นกับตาว่า คุณหนูรองป้อนยาให้ แต่พระชายามิรับ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1314

    ลั่วชิงยวนถูกปลุกให้ตื่นเห็นเวินซินถงที่เดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวมู่หยวนหยวนก็ตกใจเล็กน้อย ท่าทางของนักบวชระดับสูงทำให้นางหวาดกลัว “ท่านนักบวชระดับสูง เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”เวินซินถงกลั้นโทสะไว้ กล่าวกับมู่หยวนหยวน “คุณหนูมู่ โปรดออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับนางเป็นการส่วนตัว”มู่หยวนหยวนมิกล้าขัดคำสั่ง จึงออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เวินซินถงก็คว้าแขนของลั่วชิงยวนกระชากนางให้ลุกขึ้นพละกำลังรุนแรงยิ่งนักราวกับจะฉีกร่างลั่วชิงยวนออกเป็นชิ้น ๆ“ลั่วชิงยวน เจ้าช่างมีความสามารถนัก เจ้าถึงกับนำสำนักเทียนฉยงมา! เจ้าเกรงว่าข้าจะมีปัญหามิพอรึ!”เวินซินถงโกรธจัดเช้าตรู่วันนี้เซี่ยหลิงมาหานาง บอกว่าคนจากสำนักเทียนฉยงปรากฏตัวที่บ้านตระกูลมู่ นางรีบมาตรวจสอบจึงพบร่องรอยของสำนักเทียนฉยงจริง ๆและทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาที่มู่หว่านจ้าวสร้างขึ้น!ลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ข้านำมาหรือ?”“เมื่อวานข้าบอกเจ้าแล้วว่าเรื่องราวมิได้ง่ายดายเพียงนั้น หากข้าสามารถนำสำนักเทียนฉยงมาได้ ข้าจะไปทำงานกับเจ้าหรือ?”คำพูดของลั่วชิงยวน ทำให้โทสะในใจของเวินซินถงระเบิดออกใบหน้าของนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1313

    เจ้ายักษ์นั่นมิได้ทำร้ายชายผู้นั้น ราวกับจ้องจะสังหารนางเพียงคนเดียวในขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะต้านทานมิไหวทันใดนั้น จิตสังหารก็พุ่งเข้ามาเห็นเงาร่างสีดำอีกร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในครรลองสายตาพุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าลั่วชิงยวนในทันที ฉวยโอกาสตบฝ่ามือไปยังชายชุดดำอย่างแรงบีบให้เขาถอยร่นไปเพื่อขัดขวางอีกฝ่ายเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างแต่นางไม่มีเวลาพิจารณา เพราะเจ้ายักษ์นั่นกำลังยกกระบี่ฟาดลงมาหานางลั่วชิงยวนหลบหลีกอย่างตื่นตระหนก ล่อเขาไปยังที่กว้างกว่า จากนั้นก็หยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาในทันทีนางกัดนิ้ววาดวงแหวนแห่งเวท วงเวทสีทองที่ปรากฏขึ้นจากเข็มทิศอาณัติสวรรค์ล้อมเจ้ายักษ์นั่นไว้ในทันทีเชือกอักขระเวทพุ่งออกไปมัดเจ้ายักษ์ไว้ ทำให้มันสงบลงชั่วคราวจากนั้นก็รีบไปหาคนทั้งสองที่ยังต่อสู้กันอยู่แต่กลับตกตะลึงเมื่อพบว่าคนทั้งสองหายไปแล้วลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ จึงเห็นเงาร่างหนึ่งกระโดดข้ามกำแพงไปลั่วชิงยวนรีบตามไป“วีรบุรุษท่านใด? ขอทราบนามได้หรือไม่?” ลั่วชิงยวนตามไปถึงริมกำแพงเห็นชายชุดดำวิ่งไปบนหลังคามิไกล ลั่วชิงยวนยิ่งรู้สึกว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1312

    บนใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยอักขระเวทประหลาดทำให้ลั่วชิงยวนนึกถึงสำนักเทียนฉยงในทันทีสำนักเทียนฉยงมีชื่อเสียงด้านวิชาวงแหวนแห่งเวทชั่วร้าย วงแหวนแห่งเวทที่ใช้ก็ร้ายกาจยิ่งนัก นับว่าเป็นองค์กรลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวในแคว้นหลีผู้ที่ถูกหมายหัวมิอาจหลุดพ้นได้เพียงแต่พวกเขามิค่อยปรากฏตัวในเมืองหลวง เพราะนั่นหมายถึงการเผชิญหน้ากับสำนักนักบวชโดยตรงแต่คราวนี้กลับมาเผชิญหน้าแล้วนี่คือวงแหวนแห่งเวทที่ซ่อนอยู่ในบ้านตระกูลมู่อย่างแท้จริง วงแหวนแห่งเวทที่แก้ไขไปเมื่อตอนกลางวันเป็นเพียงภาพลวงตามันคือการยั่วยุของสำนักเทียนฉยง เรื่องราวในตระกูลมู่มิธรรมดาจริง ๆนางรีบชักกริชออกมาแทงลงไปอย่างแรง ผ่าศีรษะนั้นออกเป็นสองซีกภายในศีรษะมีเพียงกะโหลก นอกจากยันต์อักขระเวทที่แปะเต็มไปหมดก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นลั่วชิงยวนฉีกยันต์อักขระเวทเหล่านั้นทิ้งในทันทีเมื่อจุดศูนย์กลางวงแหวนแห่งเวทถูกทำลายก็พลันปรากฏไอชั่วร้ายที่รุนแรงลอยเหนือบ้านตระกูลมู่ราวกับว่าจะมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นลั่วชิงยวนหรี่ตามองภาพนั้นด้วยความตกตะลึงสำนักเทียนฉยงช่างร้ายกาจยิ่งนักร่างที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกสีดำทมิฬนั้น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1311

    นางเดินเข้าไปพร้อมกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดของตนวาดอักขระเวทลงบนหน้าผากของนายท่านมู่ เสียงไหม้เกรียมก็ดังแผ่ขึ้นเมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้น นายท่านมู่ก็หมดสติไปหมอกดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้วสลายไปคนอื่น ๆ ในเรือนก็หยุดลงลั่วชิงยวนขว้างยันต์อีกอันออกไป “กลับไป!”คนในลานก็เหมือนหุ่นเชิด หันหลังกลับออกจากลานไปยังที่เดิมของตนแต่นายท่านมู่กลับถูกทิ้งไว้ที่นี่ชั่วคราวลั่วชิงยวนและมู่หยวนหยวนช่วยกันลากนายท่านมู่เข้าไปในห้องข้าง ๆจากนั้นพามู่หยวนหยวนเข้าไปในห้อง“เมื่อครู่เจ้าเป็นคนลงกลอนประตูห้องข้าหรือ? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า?”ลั่วชิงยวนรู้สึกมิเข้าใจมู่หยวนหยวนตอบ “ข้าลงกลอนประตูห้องของท่านก็เพราะมิอยากให้ท่านออกมา”“เขาจะมิปล่อยข้าไป มีเพียงข้าตายเท่านั้น เขาจึงจะมิทำร้ายผู้อื่นอีก”เมื่อได้ยิน ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงมู่หยวนหยวนลงกลอนประตูเพื่อช่วยนาง เช่นนั้นชายสวมหน้ากากผู้นั้นเป็นใครเล่า? มิได้เป็นพวกเดียวกับมู่หยวนหยวนหรอกหรือ“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเรื่องในวันนี้ยังมิได้รับการแก้ไข” ลั่วชิงยวนนั่งลงตรงข้ามมู่หยวนหยวน“แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรบ้าง”มู่หยวนห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1310

    ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยผู้คน!บางส่วนเป็นคนเป็น บางส่วน... เป็นคนตายยังมีคนเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ด้านนอกอย่างต่อเนื่องแม้แต่นายท่านมู่ก็อยู่ในนั้นด้วย เขาเดินโซซัดโซเซเข้ามา ดวงตาเหม่อลอย ไร้ซึ่งสติราวกับมิรู้สึกตัวชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ตกตะลึง มิกล้าเชื่อสิ่งที่เห็นเมื่อได้สติ เขาก็รีบวิ่งไปยังริมกำแพงแล้วปีนหนีไปเมื่อลั่วชิงยวนจะวิ่งตามไปจับเขา จู่ ๆ คนในเรือนเหล่านั้นก็หันมามองนางพร้อมกันยิ่งไปกว่านั้นยังมีศพที่ตายไปเมื่อหลายวันก่อนหันมาด้วย ศีรษะและลำตัวของศพเหล่านั้นยังมิได้เย็บติดกันทันใดนั้น ศีรษะที่ห้อยอยู่ก็หันมา ดวงตาเบิกโพลง น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักคนกลุ่มใหญ่นั้นกระโจนเข้าหาลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรีบหันหลังวิ่งไปยังที่โล่งมิเช่นนั้นจะถูกล้อมไว้ให้จนมุมนางชักกริชออกมาแต่เมื่อนายท่านมู่พุ่งเข้ามา นางกลับมิกล้าใช้คมกริชแทงไปเพราะนี่คือคนเป็นจะให้ตายด้วยน้ำมือของนางมิได้ลั่วชิงยวนเตะนายท่านมู่ออกไป คนอื่น ๆ ก็พากันรุมเข้ามาถึงแม้ว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีสายตาเลื่อนลอยมิรู้สึกตัว แต่ดูเหมือนจะรู้ดีว่าตนเองต้องทำอะไรพวกนั้นกำลังรุมโจมตีลั่วชิงยวนอย่างบ้าคลั่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1309

    “คุณหนูมู่”มู่หยวนหยวนหันมาเหลือบมองนาง “ท่านยังมิไปอีกหรือ”“คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูมู่”“ได้เจ้าค่ะ”มู่หยวนหยวนสงบนิ่งราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมิเกี่ยวข้องกับนาง ไม่มีปฏิกิริยาหรือสีหน้าใด ๆด้วยการจัดการของนางรับใช้ ลั่วชิงยวนจึงได้พักในห้องข้าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นห้องของนางรับใช้ข้างกายมู่หยวนหยวนแต่ยามนี้นางรับใช้ผู้นั้นได้เสียชีวิตไปแล้วลั่วชิงยวนจึงได้พักที่นี่หนึ่งคืนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดจะไปพูดคุยกับมู่หยวนหยวน แต่มู่หยวนหยวนดูเหมือนมิอยากพูดคุยกับผู้ใด นางจึงมิได้เข้าไปใกล้เฝ้ารอคอยการมาถึงของราตรีอย่างเงียบงันหลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ลั่วชิงยวนก็ให้นางรับใช้ที่คอยปรนนิบัติออกไปมิให้ผู้ใดเข้ามาในเรือนนี้ลั่วชิงยวนปิดประตูหน้าต่าง ล้มตัวลงนอนบนเตียงหลับตาฟังเสียงที่อยู่ภายนอกมิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ราตรีก็มาเยือนทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ลั่วชิงยวนพลันลืมตาขึ้น จึงเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตูลั่วชิงยวนระแวดระวัง แต่กลับพบว่าเป็นสตรีนางยืนอยู่ที่หน้าประตู กำลังลงกลอนประตู...หลังจากลงกลอนแล้ว นางก็จากไปลั่วชิงยวนตก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1308

    ทั้งสองเดินตามนายท่านมู่มายังห้องโถงด้านหน้าเพื่อกินกลางวันเมื่อสุราและอาหารวางลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วห้องเรียกได้ว่าเป็นมื้อที่อลังการยิ่งนัก เนื่องจากเป็นการต้อนรับนักบวชระดับสูง“วันนี้ต้องขอบคุณท่านนักบวชระดับสูงขอรับ หากมิเช่นนั้นข้าก็มิรู้ว่าบุตรสาวของข้าจะเป็นเช่นไร” นายท่านมู่ยกจอกสุราขึ้นคารวะเวินซินถงยกจอกสุราขึ้นแล้วพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากดื่มสุราไปหนึ่งจอก เวินซินถงก็กล่าว “คุณหนูใหญ่ตกใจขวัญเสีย ต่อไปนี้ต้องพักผ่อนให้ดี”นายท่านมู่พยักหน้า “ขอรับ ขอรับ ข้าจะดูแลนางให้ดี บำรุงร่างกายให้แข็งแรงแล้วค่อยส่งนางเข้าวัง”ตระกูลมู่เป็นตระกูลที่อยู่อันดับสุดท้ายของแปดตระกูลใหญ่ หากคราวนี้บุตรสาวสามารถเข้าวัง แล้วได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิจนได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมฐานะของตระกูลมู่ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยนายท่านมู่ทุ่มเทความรุ่งโรจน์ของทั้งตระกูลไว้กับมู่หยวนหยวนเพียงผู้เดียวลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะถาม “นายท่านมู่ ก่อนหน้านี้คุณหนูมู่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น นายท่านมู่ก็มีสีหน้าบึ้งตึงในทันทีวางตะเกียบลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยความขุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1307

    ลั่วชิงยวนที่เป็นคนธรรมดายังมีความสามารถเช่นนี้แต่นางที่เป็นถึงนักบวชระดับสูงกลับไม่มี!ภายนอกเวินซินถงสงบนิ่งมิแสดงอาการใด ๆ แต่ภายในใจกลับปั่นป่วนราวกับคลื่นลมนางมิอาจยอมรับความจริงนี้ได้เมื่อลั่วชิงยวนมอบสิ่งที่นางต้องการทั้งหมดให้เวินซินถงจึงรีบไปจัดการกับวงแหวนแห่งเวทในทันทีในขณะที่วงแหวนแห่งเวทถูกเปิดออก ลั่วชิงยวนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่จุดศูนย์กลางวงแหวนแห่งเวทแต่ละแห่งกักขังวิญญาณไว้มากมายหากจะทำลายวงแหวนแห่งเวทก็ต้องจัดการกับสิ่งเหล่านั้นก่อนเวินซินถงรับมือแล้วเริ่มรู้สึกว่ายากลำบากลั่วชิงยวนมองดูอยู่ข้าง ๆ อดมิได้ที่จะกังวลเรื่องความสามารถของเวินซินถงนางคงมิเคยรับมือกับวิญญาณมากมายเช่นนี้เพียงลำพังโดยเฉพาะในยามนี้ที่มีอักขระเวทมิเพียงพอ ยิ่งยากลำบากขึ้นไปอีกแต่เนื่องจากนางเป็นนักบวชระดับสูง จะให้ผู้ใดเห็นความยากลำบากของนางมิได้ลั่วชิงยวนมองแล้วอดมิได้ที่จะรู้สึกสงสาร จึงเข้าไปช่วยนางในทันทีพร้อมกับสอนนาง “เชื่อมอักขระเวทเหล่านี้เข้าด้วยกันจะกลายเป็นเชือกที่สามารถจัดการวิญญาณได้ในวงกว้างมากขึ้น”ลั่วชิงยวนกล่าวพลางสาธิตให้นางดูด้วยการสะบัดเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1306

    “ดูเหมือนว่าจะมิได้อะไรจากศพพวกนี้ ไปดูคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ดีกว่า”ลั่วชิงยวนมองไปยังนายท่านมู่นายท่านมู่มองเวินซินถงด้วยสีหน้าลำบากใจ “ท่านนักบวชระดับสูง ที่สำคัญคือผู้ใดเข้าไปในเรือนของบุตรสาวข้าล้วนต้องประสบเคราะห์ร้าย”“หากมิต้องเข้าไปแล้วแก้ไขเรื่องนี้ได้ก็จะดีที่สุด”“ข้าเกรงว่าจะสร้างปัญหาให้ท่านนักบวชระดับสูง ถึงตอนนั้นข้าคงรับผิดชอบมิไหวขอรับ”เวินซินถงกล่าวอย่างราบเรียบ “มิเป็นอะไร ข้าอยากจะสอบถามสถานการณ์จากนาง”“ก็ได้ขอรับ ท่านนักบวชระดับสูงเชิญตามข้ามา”จากนั้นนายท่านมู่ก็พานางไปยังหน้าเรือนของมู่หยวนหยวนเมื่อมาถึงที่นี่ก็รู้สึกได้ถึงลมที่พัดแรงคมกริบราวกับคมดาบโอบล้อมไปด้วยจิตสังหารปะทะเข้าใส่ในเรือนอย่างบ้าคลั่งทั่วทั้งเรือนอบอวลไปด้วยรัศมีชั่วร้าย ผู้ที่เข้ามาสัมผัสกับรัศมีเหล่านี้ย่อมต้องประสบกับความโชคร้ายถึงขั้นอาจจะถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงจนเสียชีวิตได้เวินซินถงและลั่วชิงยวนเข้าไปในเรือนผลักเปิดประตูห้องเข้าไปในห้องคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ มู่หยวนหยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างด้วยท่าทางหดหู่ใบหน้าของนางซีดเซียวและอิดโรย ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status