Share

บทที่ 1308

Author: หว่านชิงอิ๋น
ทั้งสองเดินตามนายท่านมู่มายังห้องโถงด้านหน้าเพื่อกินกลางวัน

เมื่อสุราและอาหารวางลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วห้อง

เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่อลังการยิ่งนัก เนื่องจากเป็นการต้อนรับนักบวชระดับสูง

“วันนี้ต้องขอบคุณท่านนักบวชระดับสูงขอรับ หากมิเช่นนั้นข้าก็มิรู้ว่าบุตรสาวของข้าจะเป็นเช่นไร” นายท่านมู่ยกจอกสุราขึ้นคารวะ

เวินซินถงยกจอกสุราขึ้นแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

หลังจากดื่มสุราไปหนึ่งจอก เวินซินถงก็กล่าว “คุณหนูใหญ่ตกใจขวัญเสีย ต่อไปนี้ต้องพักผ่อนให้ดี”

นายท่านมู่พยักหน้า “ขอรับ ขอรับ ข้าจะดูแลนางให้ดี บำรุงร่างกายให้แข็งแรงแล้วค่อยส่งนางเข้าวัง”

ตระกูลมู่เป็นตระกูลที่อยู่อันดับสุดท้ายของแปดตระกูลใหญ่ หากคราวนี้บุตรสาวสามารถเข้าวัง แล้วได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิจนได้รับการแต่งตั้งเป็นสนม

ฐานะของตระกูลมู่ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

นายท่านมู่ทุ่มเทความรุ่งโรจน์ของทั้งตระกูลไว้กับมู่หยวนหยวนเพียงผู้เดียว

ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะถาม “นายท่านมู่ ก่อนหน้านี้คุณหนูมู่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดหรือไม่?”

เมื่อได้ยินดังนั้น นายท่านมู่ก็มีสีหน้าบึ้งตึงในทันที

วางตะเกียบลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยความขุ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1309

    “คุณหนูมู่”มู่หยวนหยวนหันมาเหลือบมองนาง “ท่านยังมิไปอีกหรือ”“คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูมู่”“ได้เจ้าค่ะ”มู่หยวนหยวนสงบนิ่งราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมิเกี่ยวข้องกับนาง ไม่มีปฏิกิริยาหรือสีหน้าใด ๆด้วยการจัดการของนางรับใช้ ลั่วชิงยวนจึงได้พักในห้องข้าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นห้องของนางรับใช้ข้างกายมู่หยวนหยวนแต่ยามนี้นางรับใช้ผู้นั้นได้เสียชีวิตไปแล้วลั่วชิงยวนจึงได้พักที่นี่หนึ่งคืนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดจะไปพูดคุยกับมู่หยวนหยวน แต่มู่หยวนหยวนดูเหมือนมิอยากพูดคุยกับผู้ใด นางจึงมิได้เข้าไปใกล้เฝ้ารอคอยการมาถึงของราตรีอย่างเงียบงันหลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ลั่วชิงยวนก็ให้นางรับใช้ที่คอยปรนนิบัติออกไปมิให้ผู้ใดเข้ามาในเรือนนี้ลั่วชิงยวนปิดประตูหน้าต่าง ล้มตัวลงนอนบนเตียงหลับตาฟังเสียงที่อยู่ภายนอกมิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ราตรีก็มาเยือนทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ลั่วชิงยวนพลันลืมตาขึ้น จึงเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตูลั่วชิงยวนระแวดระวัง แต่กลับพบว่าเป็นสตรีนางยืนอยู่ที่หน้าประตู กำลังลงกลอนประตู...หลังจากลงกลอนแล้ว นางก็จากไปลั่วชิงยวนตก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1310

    ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยผู้คน!บางส่วนเป็นคนเป็น บางส่วน... เป็นคนตายยังมีคนเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ด้านนอกอย่างต่อเนื่องแม้แต่นายท่านมู่ก็อยู่ในนั้นด้วย เขาเดินโซซัดโซเซเข้ามา ดวงตาเหม่อลอย ไร้ซึ่งสติราวกับมิรู้สึกตัวชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ตกตะลึง มิกล้าเชื่อสิ่งที่เห็นเมื่อได้สติ เขาก็รีบวิ่งไปยังริมกำแพงแล้วปีนหนีไปเมื่อลั่วชิงยวนจะวิ่งตามไปจับเขา จู่ ๆ คนในเรือนเหล่านั้นก็หันมามองนางพร้อมกันยิ่งไปกว่านั้นยังมีศพที่ตายไปเมื่อหลายวันก่อนหันมาด้วย ศีรษะและลำตัวของศพเหล่านั้นยังมิได้เย็บติดกันทันใดนั้น ศีรษะที่ห้อยอยู่ก็หันมา ดวงตาเบิกโพลง น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักคนกลุ่มใหญ่นั้นกระโจนเข้าหาลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรีบหันหลังวิ่งไปยังที่โล่งมิเช่นนั้นจะถูกล้อมไว้ให้จนมุมนางชักกริชออกมาแต่เมื่อนายท่านมู่พุ่งเข้ามา นางกลับมิกล้าใช้คมกริชแทงไปเพราะนี่คือคนเป็นจะให้ตายด้วยน้ำมือของนางมิได้ลั่วชิงยวนเตะนายท่านมู่ออกไป คนอื่น ๆ ก็พากันรุมเข้ามาถึงแม้ว่าพวกเขาแต่ละคนจะมีสายตาเลื่อนลอยมิรู้สึกตัว แต่ดูเหมือนจะรู้ดีว่าตนเองต้องทำอะไรพวกนั้นกำลังรุมโจมตีลั่วชิงยวนอย่างบ้าคลั่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1311

    นางเดินเข้าไปพร้อมกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดของตนวาดอักขระเวทลงบนหน้าผากของนายท่านมู่ เสียงไหม้เกรียมก็ดังแผ่ขึ้นเมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้น นายท่านมู่ก็หมดสติไปหมอกดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้วสลายไปคนอื่น ๆ ในเรือนก็หยุดลงลั่วชิงยวนขว้างยันต์อีกอันออกไป “กลับไป!”คนในลานก็เหมือนหุ่นเชิด หันหลังกลับออกจากลานไปยังที่เดิมของตนแต่นายท่านมู่กลับถูกทิ้งไว้ที่นี่ชั่วคราวลั่วชิงยวนและมู่หยวนหยวนช่วยกันลากนายท่านมู่เข้าไปในห้องข้าง ๆจากนั้นพามู่หยวนหยวนเข้าไปในห้อง“เมื่อครู่เจ้าเป็นคนลงกลอนประตูห้องข้าหรือ? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า?”ลั่วชิงยวนรู้สึกมิเข้าใจมู่หยวนหยวนตอบ “ข้าลงกลอนประตูห้องของท่านก็เพราะมิอยากให้ท่านออกมา”“เขาจะมิปล่อยข้าไป มีเพียงข้าตายเท่านั้น เขาจึงจะมิทำร้ายผู้อื่นอีก”เมื่อได้ยิน ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงมู่หยวนหยวนลงกลอนประตูเพื่อช่วยนาง เช่นนั้นชายสวมหน้ากากผู้นั้นเป็นใครเล่า? มิได้เป็นพวกเดียวกับมู่หยวนหยวนหรอกหรือ“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเรื่องในวันนี้ยังมิได้รับการแก้ไข” ลั่วชิงยวนนั่งลงตรงข้ามมู่หยวนหยวน“แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรบ้าง”มู่หยวนห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1312

    บนใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยอักขระเวทประหลาดทำให้ลั่วชิงยวนนึกถึงสำนักเทียนฉยงในทันทีสำนักเทียนฉยงมีชื่อเสียงด้านวิชาวงแหวนแห่งเวทชั่วร้าย วงแหวนแห่งเวทที่ใช้ก็ร้ายกาจยิ่งนัก นับว่าเป็นองค์กรลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวในแคว้นหลีผู้ที่ถูกหมายหัวมิอาจหลุดพ้นได้เพียงแต่พวกเขามิค่อยปรากฏตัวในเมืองหลวง เพราะนั่นหมายถึงการเผชิญหน้ากับสำนักนักบวชโดยตรงแต่คราวนี้กลับมาเผชิญหน้าแล้วนี่คือวงแหวนแห่งเวทที่ซ่อนอยู่ในบ้านตระกูลมู่อย่างแท้จริง วงแหวนแห่งเวทที่แก้ไขไปเมื่อตอนกลางวันเป็นเพียงภาพลวงตามันคือการยั่วยุของสำนักเทียนฉยง เรื่องราวในตระกูลมู่มิธรรมดาจริง ๆนางรีบชักกริชออกมาแทงลงไปอย่างแรง ผ่าศีรษะนั้นออกเป็นสองซีกภายในศีรษะมีเพียงกะโหลก นอกจากยันต์อักขระเวทที่แปะเต็มไปหมดก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นลั่วชิงยวนฉีกยันต์อักขระเวทเหล่านั้นทิ้งในทันทีเมื่อจุดศูนย์กลางวงแหวนแห่งเวทถูกทำลายก็พลันปรากฏไอชั่วร้ายที่รุนแรงลอยเหนือบ้านตระกูลมู่ราวกับว่าจะมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นลั่วชิงยวนหรี่ตามองภาพนั้นด้วยความตกตะลึงสำนักเทียนฉยงช่างร้ายกาจยิ่งนักร่างที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกสีดำทมิฬนั้น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1313

    เจ้ายักษ์นั่นมิได้ทำร้ายชายผู้นั้น ราวกับจ้องจะสังหารนางเพียงคนเดียวในขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะต้านทานมิไหวทันใดนั้น จิตสังหารก็พุ่งเข้ามาเห็นเงาร่างสีดำอีกร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในครรลองสายตาพุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าลั่วชิงยวนในทันที ฉวยโอกาสตบฝ่ามือไปยังชายชุดดำอย่างแรงบีบให้เขาถอยร่นไปเพื่อขัดขวางอีกฝ่ายเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างแต่นางไม่มีเวลาพิจารณา เพราะเจ้ายักษ์นั่นกำลังยกกระบี่ฟาดลงมาหานางลั่วชิงยวนหลบหลีกอย่างตื่นตระหนก ล่อเขาไปยังที่กว้างกว่า จากนั้นก็หยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาในทันทีนางกัดนิ้ววาดวงแหวนแห่งเวท วงเวทสีทองที่ปรากฏขึ้นจากเข็มทิศอาณัติสวรรค์ล้อมเจ้ายักษ์นั่นไว้ในทันทีเชือกอักขระเวทพุ่งออกไปมัดเจ้ายักษ์ไว้ ทำให้มันสงบลงชั่วคราวจากนั้นก็รีบไปหาคนทั้งสองที่ยังต่อสู้กันอยู่แต่กลับตกตะลึงเมื่อพบว่าคนทั้งสองหายไปแล้วลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ จึงเห็นเงาร่างหนึ่งกระโดดข้ามกำแพงไปลั่วชิงยวนรีบตามไป“วีรบุรุษท่านใด? ขอทราบนามได้หรือไม่?” ลั่วชิงยวนตามไปถึงริมกำแพงเห็นชายชุดดำวิ่งไปบนหลังคามิไกล ลั่วชิงยวนยิ่งรู้สึกว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1314

    ลั่วชิงยวนถูกปลุกให้ตื่นเห็นเวินซินถงที่เดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวมู่หยวนหยวนก็ตกใจเล็กน้อย ท่าทางของนักบวชระดับสูงทำให้นางหวาดกลัว “ท่านนักบวชระดับสูง เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”เวินซินถงกลั้นโทสะไว้ กล่าวกับมู่หยวนหยวน “คุณหนูมู่ โปรดออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับนางเป็นการส่วนตัว”มู่หยวนหยวนมิกล้าขัดคำสั่ง จึงออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เวินซินถงก็คว้าแขนของลั่วชิงยวนกระชากนางให้ลุกขึ้นพละกำลังรุนแรงยิ่งนักราวกับจะฉีกร่างลั่วชิงยวนออกเป็นชิ้น ๆ“ลั่วชิงยวน เจ้าช่างมีความสามารถนัก เจ้าถึงกับนำสำนักเทียนฉยงมา! เจ้าเกรงว่าข้าจะมีปัญหามิพอรึ!”เวินซินถงโกรธจัดเช้าตรู่วันนี้เซี่ยหลิงมาหานาง บอกว่าคนจากสำนักเทียนฉยงปรากฏตัวที่บ้านตระกูลมู่ นางรีบมาตรวจสอบจึงพบร่องรอยของสำนักเทียนฉยงจริง ๆและทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาที่มู่หว่านจ้าวสร้างขึ้น!ลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ข้านำมาหรือ?”“เมื่อวานข้าบอกเจ้าแล้วว่าเรื่องราวมิได้ง่ายดายเพียงนั้น หากข้าสามารถนำสำนักเทียนฉยงมาได้ ข้าจะไปทำงานกับเจ้าหรือ?”คำพูดของลั่วชิงยวน ทำให้โทสะในใจของเวินซินถงระเบิดออกใบหน้าของนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1315

    “สัญญานี้เป็นหลักฐาน! หากเจ้ามิสามารถแก้ไขปัญหาของตระกูลมู่ได้ แม้แต่เฉินชีก็มิอาจห้ามข้าสังหารเจ้าได้!”ลั่วชิงยวนมิลังเลแม้แต่น้อย ลงนามประทับรอยนิ้วมือในทันที แล้วจ้องมองเวินซินถงอย่างเย็นชา“นี่ก็ถือว่าเป็นเดิมพันระหว่างเราสองคน”“ข้าแพ้ ข้าตาย”“แต่หากเจ้าแพ้ ต่อไปนี้ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้าอีก!”เมื่อได้ยินข้อเสนอของลั่วชิงยวน เวินซินถงก็ประหลาดใจเล็กน้อยเพียงแค่มิให้นางเข้ามายุ่งเกี่ยวงั้นหรือ?นางยังคิดอยู่ว่าลั่วชิงยวนจะฉวยโอกาสนี้แย่งชิงตำแหน่งนักบวชระดับสูงของนางเวินซินถงตอบตกลงข้อเสนอนี้โดยมิลังเล แล้วเก็บสัญญาฉบับนั้นไว้ “เช่นนั้นข้าก็จะรอชมผลลัพธ์”กล่าวจบ เวินซินถงก็หันหลังเดินออกไปอย่างเย็นชาขณะมองแผ่นหลังของเวินซินถงที่จากไป ลั่วชิงยวนก็ตระหนักได้ว่าตนเองยังคงใจอ่อนนางยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย บางทีนี่อาจเป็นเพียงการเสแสร้งที่ศิษย์น้องผู้นี้จำต้องมีเมื่อขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ด้วยว่าภายใต้สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนั้น หากนางจะดำรงตำแหน่งนักบวชระดับสูงนี้ได้อย่างมั่นคงก็มิอาจไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนได้นางจึงมิได้ทำอะไรที่รุนแรงเกินไป ถึงแม้ว่าการเดิมพั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1316

    มู่หยวนหยวนกลั้นหายใจด้วยความตื่นตระหนกในทันทีลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้นางอย่าหวาดกลัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ออกไปทางหน้าต่าง แล้วอ้อมมาด้านหน้าจึงเห็นเจ้ายักษ์ที่ถือกระบี่ตนนั้นอีกครั้งท่าทางดุดัน ดวงตาสีแดงก่ำกำลังสอดส่องหาบางสิ่งผ่านช่องว่างลั่วชิงยวนวางวงแหวนแห่งเวทในทันที คราวนี้จะพ่ายแพ้ให้มันอีกมิได้!เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เจ้ายักษ์นั่นก็หันกลับไปในทันทีและเห็นลั่วชิงยวนพลันยกกระบี่ยาวหลายเมตรขึ้น ฟาดลงมายังศีรษะของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนสีหน้าแปรเปลี่ยน วงแหวนแห่งเวทยังมิเสร็จสมบูรณ์ ไร้ที่หลบนางหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ขึ้นมา ยกแขนขึ้นต้านรับกระบี่นี้ขณะนั้นเอง มู่หยวนหยวนก็วิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนก มองไปรอบ ๆ พลางตะโกนเรียก “ฉีหง!”“เจ้าออกมานะ!”“เรามาพูดคุยกันดี ๆ เจ้าให้ข้าทำอะไรก็ได้ อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกเลย!”ในเวลานี้เอง เจ้ายักษ์นั่นก็หยุดมือลงในทันทีกระบี่ยาวคมกริบค้างอยู่เหนือศีรษะของลั่วชิงยวน แต่กลับมิตกลงมาลั่วชิงยวนเห็นดวงตาสีแดงก่ำของเจ้ายักษ์ซึ่งอยู่ตรงหน้าเหมือนจะกลับมาเป็นตาปกติกลิ่นอายชั่วร้ายทั่วร

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status