แชร์

บทที่ 1170

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางพายุหิมะ เสื้อคลุมโบกสะบัดท่ามกลางสายลม กลิ่นอายดุดันน่าเกรงขาม

“เสด็จพี่ ที่นี่คือสถานที่เช่นไร ท่านน่าจะทราบดี แม้แต่เสด็จพ่อก็ไม่มีทางอนุญาตให้เปิดหีบพระศพในที่แห่งนี้”

“มิเพียงเป็นการลบหลู่องค์จักรพรรดิเท่านั้น แต่ยังเป็นการลบหลู่บรรพบุรุษของเราด้วย!”

“เสด็จพี่เป็นถึงผู้สำเร็จราชการ น่าจะเข้าใจกฎระเบียบนี้ดีกว่ากระหม่อม”

ฟู่อวิ๋นโจวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ฟู่เฉินหวนมองโลงศพด้วยแววตาซับซ้อน “ข้าเคยบอกแล้ว ข้าสามารถส่งเจ้าขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้ก็สามารถดึงเจ้าลงมาได้”

“เจ้าอย่าให้ข้าหาหลักฐานมาได้ก็แล้วกัน”

พูดจบ ฟู่เฉินหวนก็จูงมือลั่วชิงยวนจากไปอย่างรวดเร็ว

ฟู่จิ่งหลีจ้องมองฟู่อวิ๋นโจวอย่างเย็นชา ก่อนจะรีบตามไป

ลมหนาวพัดแรง ลั่วชิงยวนสูดลมหายใจเข้าแล้วไอออกมาอีก

ฟู่เฉินหวนรีบหยุดเดิน แล้วสวมหมวกคลุมให้นาง ก่อนจะรีบโอบไหล่นางเดินจากไป

“ฟู่จิ่งหานจากไปแล้วจริงหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนยังคงทำใจรับมิได้

ฟู่เฉินหวนมิตอบ สีหน้าเคร่งขรึม

แต่ความเงียบของเขาก็ถือเป็นคำตอบเช่นกัน

ลั่วชิงยวนกัดฟันพูด “หม่อมฉันมิคิดเลยว่าเขาจะมีจิตใจเหี้ยมโหดถึงเพ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1171

    “พระชายาเป็นอะไรไปเจ้าคะ?”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเต้นระรัวด้วยความตระหนก รีบตรวจชีพจรตัวเองอีกครั้งนาง...ตั้งครรภ์แล้วข่าวนี้ควรเป็นที่น่ายินดีทว่าในยามนี้กลับทำให้ลั่วชิงยวนร้อนรุ่มใจนักเหตุใดจึงต้องเป็นเวลานี้ร่างกายของนางบาดเจ็บสาหัส อ่อนแอเสียจนมิอาจใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ได้“พระชายา?”ลั่วชิงยวนฝืนยิ้ม ใบหน้าซีดเซียว “มิเป็นอะไร เจ้าออกไปเถิด”“ข้าขอพักสักครู่”ลั่วชิงยวนเช็ดคราบเลือด แล้วล้มตัวลงนอนจือเฉาจัดแจงที่นอนและห่มผ้าให้นาง “หากพระชายาต้องการสิ่งใด เรียกบ่าวได้เลยนะเจ้าคะ”จือเฉากล่าวจบก็ถอยออกจากห้อง แต่ในใจยังคงกังวลมิหายลั่วชิงยวนนอนบนเตียง อย่างไรก็มิอาจข่มตาหลับลงได้นางมิรู้ว่าควรทำเช่นไร การเกิดขึ้นของชีวิตน้อย ๆ นี้ช่างมิถูกเวลาเอาเสียเลยแล้วก็มิรู้ว่าควรบอกข่าวนี้แก่ฟู่เฉินหวนหรือไม่ฟู่จิ่งหานสิ้นชีพแล้ว ก้าวต่อไปฟู่อวิ๋นโจวก็คงหมายมั่นจะขึ้นครองราชย์ หากเขาได้เป็นจักรพรรดิแล้ว นางมิอาจคาดเดาได้ว่าเขาจะทำสิ่งใด เข็มทิศอาณัติสวรรค์ก็มิอาจทำนายได้ดูท่าทุกสิ่งล้วนเป็นลิขิตสวรรค์บัดนี้ฟู่เฉินหวนมีภาระมากมาย นางจึงเลือกที่จะมิบอกเขา เพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1172

    “เฉินชี! ปล่อยข้า! เจ้าจะพาข้าไปที่ใด!” ลั่วชิงยวนดิ้นรนสุดกำลังเฉินชีโอบอุ้มนางไว้ด้วยมือเดียว เหินทะยานไปบนหลังคา มุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงโดยพลันท่ามกลางพายุหิมะ รอบด้านขาวโพลนพร่าเลือน ลั่วชิงยวนสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบางเบา เมื่อต้องเผชิญกับลมหนาวจัดใบหน้าก็ซีดเผือด สติเลื่อนลอยมิรู้ว่าต้องทนหนาวอยู่ท่ามกลางสายลมเช่นนี้เนิ่นนานเพียงใดกระทั่งถึงกระท่อมมุงจากหลังหนึ่งบนภูเขานอกเมือง เฉินชีจึงวางลั่วชิงยวนลง นางทรุดลงกับพื้นทันที ร่างกายเย็นเยียบ ขดตัวด้วยความหนาวเหน็บ สติเลือนรางเต็มทีเมื่อเฉินชีเห็นดังนั้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยน รีบอุ้มนางเข้าไปในกระท่อมแล้ววางลงบนเตียง ก่อนจะห่มผ้าให้แล้วรีบก่อไฟในห้อง อุณหภูมิในห้องจึงค่อย ๆ อุ่นขึ้นเฉินชีเดินมาข้างเตียง แล้วเอามือแตะหน้าผากลั่วชิงยวนจึงพบว่าร้อนจัดเฉินชีขมวดคิ้ว “เหตุใดร่างกายเจ้าจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้ เพียงแค่ลมหนาวก็ทนมิได้”กล่าวจบ เขาก็รีบออกไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม…...ยามราตรีเสียงลมหนาวพัดหวีดหวิว ทหารองครักษ์ล้อมห้องทรงพระอักษรไว้แน่นหนาฟู่เฉินหวนผู้สวมเสื้อคลุมยาวมาถึงด้วยท่าทางองอาจขณะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1173

    เหตุใดแม้แต่ลั่วฉิงก็สามารถควบคุมเขาได้!เหตุใดกัน!ลั่วฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ ท่านสามารถขวางฟู่อวิ๋นโจวมิให้ขึ้นครองบัลลังก์ได้ แต่ท่านแน่ใจหรือว่าท่านจะต้านทานฤทธิ์ยาควบคุมนี้ได้?”“ข้าจะพูดอีกครั้ง ปล่อยฟู่อวิ๋นโจว!”ฟู่เฉินหวนพยายามต่อต้านคำสั่ง แต่สิ่งที่ตามมาก็คือความเจ็บปวดแสนสาหัสเขารู้ว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของเขาคงทนมิไหวแล้วเขาจึงมิต่อต้านอีกได้แต่พยุงร่างตัวเองเดินออกจากห้องทรงพระอักษรอย่างยากลำบาก“ใครก็ได้!”“ท่านอ๋อง!”“ปล่อยฟู่อวิ๋นโจว”ในมิช้าฟู่อวิ๋นโจวก็กลับมาเขาเอามือไพล่หลัง เดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง จากนั้นมองเลือดที่มุมปากของฟู่เฉินหวน แล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เสด็จพี่ วันนี้ท่านถูกอาคมล่อลวงเสียหรือ?”“เป็นลั่วชิงยวนที่ใช้อาคมล่อลวงท่านใช่หรือไม่?”น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นโจวเย็นยะเยือก ทำให้สีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปแล้วมองเขาด้วยความตกใจ“เจ้าคิดจะทำอะไร!”ดวงตาของฟู่อวิ๋นโจวเย็นชา ขณะพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าต้องการให้เสด็จพี่... หย่ากับลั่วชิงยวน”“เรื่องวันนี้ ข้าสามารถพูดได้ว่าเป็นความเข้าใจผิด”“ม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1174

    ลั่วชิงยวนมิได้หลบเลี่ยงทว่าในจังหวะที่เฉินชีโน้มกายเข้ามาใกล้ นางกลับฉวยโอกาสชักกริชที่เอวของเฉินชีออกมา แล้วแทงเข้าใส่กลางอกของเขาอย่างแรงทว่ากริชกลับปักเข้าไปเพียงแค่ส่วนปลายเท่านั้นเพราะเฉินชีคว้าใบมีดไว้ได้ทันควันเลือดหลั่งรินจากฝ่ามือของเขาหยดลงบนอาภรณ์สีขาวของลั่วชิงยวนทีละหยดลั่วชิงยวนออกแรงสุดกำลัง ทว่าเฉินชีกลับยังคงจับใบมีดไว้แน่น เขาแย่งกริชไปจากนางแล้วเหวี่ยงมันลงพื้นอย่างแรงเฉินชีใช้นิ้วเปื้อนเลือดจับปลายคางของลั่วชิงยวน เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนริมฝีปากของนางลั่วชิงยวนใช้เท้าถีบอกของเขา แต่เฉินชีกลับทำราวกับมิรู้สึกเจ็บปวดเลยเขากระชากข้อมือของนางขึ้นเหนือศีรษะ“เฉินชี! หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้น!” ลั่วชิงยวนตวาดด้วยความโกรธ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำแต่ในดวงตาของเฉินชีกลับฉายแววตื่นเต้น “เช่นนั้นข้าก็ยิ่งอยากลิ้มลอง!”เขาก้มลงโน้มกายเข้าหานางลั่วชิงยวนสะบัดมือจนหลุด แล้วตบเขาด้วยฝ่ามืออย่างแรงเฉินชีคว้าข้อมือของนางไว้ได้อีกแต่ในชั่วพริบตานั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปแล้วมองนางด้วยความตกตะลึง “เจ้าตั้งครรภ์แล้ว!”แววตาของเขาราวก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1175

    แม้ว่าจะกินยาลงไปแล้วแต่อาการของลั่วชิงยวนก็มิได้ทุเลาลง ร่างของนางยังคงสั่นเทามิหยุด พร้อมกับไอเป็นระยะ“แค่ก แค่ก แค่ก...”เฉินชีขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด “เหตุใดร่างกายของเจ้าจึงอ่อนแอเช่นนี้”“ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ยา... แค่กแค่กแค่กแค่ก...”เฉินชีเอื้อมมือแตะหน้าผากของนาง แม้กินยาลงไปแล้วแต่ร่างกายก็ยังคงร้อนผ่าวและอ่อนแรงเช่นนี้ ดูท่าว่าสมุนไพรธรรมดาที่เก็บมาจากภูเขาคงมิอาจช่วยได้“เฉินชี... เฉินชี...” นางร้องเรียกชื่อเขาราวกับขอความช่วยเหลือ สติเริ่มเลือนรางเสียงเรียกชื่อนี้ทำให้ใจของเฉินชีอ่อนยวบลงในทันใดเขาก้าวออกจากห้องแล้วปิดประตูเขาออกไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาอีกครั้งค้นหาอยู่นานกว่าจะพบสมุนไพรบางชนิด จึงนำกลับมาต้มเป็นยาต่อไปกว่าจะรู้ตัวราตรีก็มาเยือนอีกครั้งลั่วชิงยวนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ยังคงไอมิหยุดเมื่อเฉินชีต้มยาเสร็จก็ป้อนให้นางกินเขาเฝ้าอยู่ในห้องและก่อไฟให้แรงขึ้นเฉินชีร้อนจนเหงื่อไหล แต่ลั่วชิงยวนบนเตียงกลับยังคงหนาวจนพูดเสียงสั่นในยามสะลึมสะลือ ลั่วชิงยวนก็ร้องเรียกอีกครั้ง “เฉินช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1176

    ในช่วงเวลาคับขันนั้น ทันใดนั้นก็มีขบวนม้าควบออกมาจากประตูเมืองและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ลมหนาวก็พัดม่านรถม้าเปิดออก เฉินชีเห็นลั่วชิงยวนที่อยู่ภายในส่วนลั่วชิงยวนก็เห็นเฉินชีเช่นกันทั้งสองสบตากันสายตาของเฉินชีเย็นเยียบทันใดนั้น ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของลั่วชิงยวน“เซียวชู!”เมื่อเซียวชูซึ่งกำลังสั่งการให้คนออกตามหาพระชายาอยู่ได้ยินเสียงเรียกก็พลันเปลี่ยนสีหน้า“พระชายา!”เซียวชูรีบลงจากหลังม้า “พระชายา! ท่านปลอดภัยดีหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนรีบลงจากรถม้า แล้วชี้ไปที่เฉินชี “จับเขาไว้!”เฉินชียิ้มเยาะ แล้วเหาะหายไปในพริบตา“อาเหลา เจ้าหนีข้ามิพ้นหรอก” เสียงหัวเราะของเฉินชีดังเข้ามาในโสตประสาทของลั่วชิงยวน ทำให้นางรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลังโชคดีที่เซียวชูรีบสั่งให้คนออกตามล่า จึงมิได้สนใจคำว่าอาเหลาที่เฉินชีเอ่ยเพียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “พระชายา ท่านหายไปไหนมาขอรับ? ข้าร้อนใจแทบตาย”“ท่านอ๋องก็มิกลับมาสองวันแล้ว ท่านก็ยังจะหายไปอีก...”ลั่วชิงยวนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น “ว่ากระไรนะ? ท่านอ๋องก็หายไปสองวันแล้วหรือ? เขาอยู่ที่ใด?”เซียวชูมีสีหน้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1177

    จดหมายหย่าร่วงหล่นลงพื้น บนนั้นเขียนไว้ชัดเจนว่าหนังสือหย่าลั่วชิงยวนชะงัก ยังคงตกตะลึงมิหาย แต่นางก็รีบหันหลังวิ่งตามฟู่เฉินหวนไป“เพราะเหตุใดกัน? เกิดอะไรขึ้นกับท่านในวัง? แผนการล้มเหลวหรือเพคะ?”“เหตุใดจู่ ๆ ก็เขียนหนังสือหย่า?”ลั่วชิงยวนร้อนใจ ต้องการคำอธิบายแต่แววตาของฟู่เฉินหวนกลับเย็นเยียบ มองนางด้วยสายตาเย็นชา “ลั่วชิงยวน ตอนนี้ข้ามิอยากพูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว มิอยากเห็นหน้าเจ้าด้วย!”“เจ้ารีบเก็บข้าวของออกไปเองเสีย อย่าบีบบังคับให้ข้าลงมือเลย!”ฟู่เฉินหวนกล่าวจบก็เดินจากไปลั่วชิงยวนยืนนิ่งอึ้งนี่มันเรื่องอะไรกัน?นางมิยอมแพ้ วิ่งตามไปที่ห้องตำราของฟู่เฉินหวน แต่กลับพบว่าเขาปิดประตูลงกลอนจากด้านในมิว่าลั่วชิงยวนจะทุบประตูอย่างไร เขาก็มิยอมเปิด“ฟู่เฉินหวน! ท่านพูดมาให้ชัดเจน! เหตุใดจึงจู่ ๆ จะหย่ากับหม่อมฉัน?”“มิได้ตกลงกันแล้วหรอกหรือว่ามีเรื่องใดก็จะร่วมกันฝ่าฟัน!”“เหตุใดท่านจึงผลักไสหม่อมฉันอีก?”“ท่านอธิบายมาให้ชัดเจน!”เสียงเย็นชาที่แฝงด้วยความโกรธของฟู่เฉินหวนดังมาจากด้านใน “เจ้าหลอกลวงข้า ยังมิพออีกรึ!”ลั่วชิงยวนตกใจ “หม่อมฉันหลอกลวงท่านอย่างไร?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1178

    “มิว่าท่านจะทำสิ่งใด ท่านปล่อยพวกเราไปมิได้หรือ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยแล้วก็ไอหนักอีกครั้งฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเสียงไอของนางแล้วรู้สึกเจ็บปวดในใจ จึงลูบหลังนางเบา ๆ “บาดแผลของเจ้ายังมิหาย เจ้าเป็นหวัดอีกแล้วหรือ? ในเมื่อเขาหย่ากับเจ้าแล้ว เจ้าก็พักอยู่ในวัง รักษาตัวให้หายดีก่อนเถิด”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วปัดมือเขาออก“มิต้องมาเสแสร้ง”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นเดินจากไปเดิมทีตั้งใจจะออกจากวัง แต่เมื่อใกล้ถึงประตูวังก็พบกับขันทีเฉิน ซึ่งเป็นขันทีที่คอยรับใช้ข้างกายจักรพรรดิสูงสุด“องค์หญิง จักรพรรดิสูงสุดทรงทราบว่าท่านเข้าวัง จึงเชิญท่านไปพบพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว แม้แต่คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปแล้วด้วยดูท่าว่าจักรพรรดิสูงสุดคงทราบเรื่องที่ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแล้ว“ช่วงนี้จักรพรรดิสูงสุดทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ข้ายังมีธุระอยู่ ไว้คราวหน้าจะไปเข้าเฝ้า”ขันทีเฉินคลี่ยิ้ม “อาการประชวรขององค์หญิงยังมิหายดี ฤดูหนาวเช่นนี้ ยากที่จะทนได้ องค์หญิงควรพักรักษาตัวในวังก่อน จักรพรรดิสูงสุดก็ทรงเป็นห่วงองค์หญิงมากพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนลังเล แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง บังเอิญว่านางก็อยาก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1286

    ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1285

    แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status