แม้ว่าจะกินยาลงไปแล้วแต่อาการของลั่วชิงยวนก็มิได้ทุเลาลง ร่างของนางยังคงสั่นเทามิหยุด พร้อมกับไอเป็นระยะ“แค่ก แค่ก แค่ก...”เฉินชีขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด “เหตุใดร่างกายของเจ้าจึงอ่อนแอเช่นนี้”“ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ยา... แค่กแค่กแค่กแค่ก...”เฉินชีเอื้อมมือแตะหน้าผากของนาง แม้กินยาลงไปแล้วแต่ร่างกายก็ยังคงร้อนผ่าวและอ่อนแรงเช่นนี้ ดูท่าว่าสมุนไพรธรรมดาที่เก็บมาจากภูเขาคงมิอาจช่วยได้“เฉินชี... เฉินชี...” นางร้องเรียกชื่อเขาราวกับขอความช่วยเหลือ สติเริ่มเลือนรางเสียงเรียกชื่อนี้ทำให้ใจของเฉินชีอ่อนยวบลงในทันใดเขาก้าวออกจากห้องแล้วปิดประตูเขาออกไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาอีกครั้งค้นหาอยู่นานกว่าจะพบสมุนไพรบางชนิด จึงนำกลับมาต้มเป็นยาต่อไปกว่าจะรู้ตัวราตรีก็มาเยือนอีกครั้งลั่วชิงยวนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ยังคงไอมิหยุดเมื่อเฉินชีต้มยาเสร็จก็ป้อนให้นางกินเขาเฝ้าอยู่ในห้องและก่อไฟให้แรงขึ้นเฉินชีร้อนจนเหงื่อไหล แต่ลั่วชิงยวนบนเตียงกลับยังคงหนาวจนพูดเสียงสั่นในยามสะลึมสะลือ ลั่วชิงยวนก็ร้องเรียกอีกครั้ง “เฉินช
ในช่วงเวลาคับขันนั้น ทันใดนั้นก็มีขบวนม้าควบออกมาจากประตูเมืองและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ลมหนาวก็พัดม่านรถม้าเปิดออก เฉินชีเห็นลั่วชิงยวนที่อยู่ภายในส่วนลั่วชิงยวนก็เห็นเฉินชีเช่นกันทั้งสองสบตากันสายตาของเฉินชีเย็นเยียบทันใดนั้น ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของลั่วชิงยวน“เซียวชู!”เมื่อเซียวชูซึ่งกำลังสั่งการให้คนออกตามหาพระชายาอยู่ได้ยินเสียงเรียกก็พลันเปลี่ยนสีหน้า“พระชายา!”เซียวชูรีบลงจากหลังม้า “พระชายา! ท่านปลอดภัยดีหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนรีบลงจากรถม้า แล้วชี้ไปที่เฉินชี “จับเขาไว้!”เฉินชียิ้มเยาะ แล้วเหาะหายไปในพริบตา“อาเหลา เจ้าหนีข้ามิพ้นหรอก” เสียงหัวเราะของเฉินชีดังเข้ามาในโสตประสาทของลั่วชิงยวน ทำให้นางรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลังโชคดีที่เซียวชูรีบสั่งให้คนออกตามล่า จึงมิได้สนใจคำว่าอาเหลาที่เฉินชีเอ่ยเพียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “พระชายา ท่านหายไปไหนมาขอรับ? ข้าร้อนใจแทบตาย”“ท่านอ๋องก็มิกลับมาสองวันแล้ว ท่านก็ยังจะหายไปอีก...”ลั่วชิงยวนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น “ว่ากระไรนะ? ท่านอ๋องก็หายไปสองวันแล้วหรือ? เขาอยู่ที่ใด?”เซียวชูมีสีหน้า
จดหมายหย่าร่วงหล่นลงพื้น บนนั้นเขียนไว้ชัดเจนว่าหนังสือหย่าลั่วชิงยวนชะงัก ยังคงตกตะลึงมิหาย แต่นางก็รีบหันหลังวิ่งตามฟู่เฉินหวนไป“เพราะเหตุใดกัน? เกิดอะไรขึ้นกับท่านในวัง? แผนการล้มเหลวหรือเพคะ?”“เหตุใดจู่ ๆ ก็เขียนหนังสือหย่า?”ลั่วชิงยวนร้อนใจ ต้องการคำอธิบายแต่แววตาของฟู่เฉินหวนกลับเย็นเยียบ มองนางด้วยสายตาเย็นชา “ลั่วชิงยวน ตอนนี้ข้ามิอยากพูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว มิอยากเห็นหน้าเจ้าด้วย!”“เจ้ารีบเก็บข้าวของออกไปเองเสีย อย่าบีบบังคับให้ข้าลงมือเลย!”ฟู่เฉินหวนกล่าวจบก็เดินจากไปลั่วชิงยวนยืนนิ่งอึ้งนี่มันเรื่องอะไรกัน?นางมิยอมแพ้ วิ่งตามไปที่ห้องตำราของฟู่เฉินหวน แต่กลับพบว่าเขาปิดประตูลงกลอนจากด้านในมิว่าลั่วชิงยวนจะทุบประตูอย่างไร เขาก็มิยอมเปิด“ฟู่เฉินหวน! ท่านพูดมาให้ชัดเจน! เหตุใดจึงจู่ ๆ จะหย่ากับหม่อมฉัน?”“มิได้ตกลงกันแล้วหรอกหรือว่ามีเรื่องใดก็จะร่วมกันฝ่าฟัน!”“เหตุใดท่านจึงผลักไสหม่อมฉันอีก?”“ท่านอธิบายมาให้ชัดเจน!”เสียงเย็นชาที่แฝงด้วยความโกรธของฟู่เฉินหวนดังมาจากด้านใน “เจ้าหลอกลวงข้า ยังมิพออีกรึ!”ลั่วชิงยวนตกใจ “หม่อมฉันหลอกลวงท่านอย่างไร?
“มิว่าท่านจะทำสิ่งใด ท่านปล่อยพวกเราไปมิได้หรือ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยแล้วก็ไอหนักอีกครั้งฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเสียงไอของนางแล้วรู้สึกเจ็บปวดในใจ จึงลูบหลังนางเบา ๆ “บาดแผลของเจ้ายังมิหาย เจ้าเป็นหวัดอีกแล้วหรือ? ในเมื่อเขาหย่ากับเจ้าแล้ว เจ้าก็พักอยู่ในวัง รักษาตัวให้หายดีก่อนเถิด”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วปัดมือเขาออก“มิต้องมาเสแสร้ง”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นเดินจากไปเดิมทีตั้งใจจะออกจากวัง แต่เมื่อใกล้ถึงประตูวังก็พบกับขันทีเฉิน ซึ่งเป็นขันทีที่คอยรับใช้ข้างกายจักรพรรดิสูงสุด“องค์หญิง จักรพรรดิสูงสุดทรงทราบว่าท่านเข้าวัง จึงเชิญท่านไปพบพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว แม้แต่คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปแล้วด้วยดูท่าว่าจักรพรรดิสูงสุดคงทราบเรื่องที่ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแล้ว“ช่วงนี้จักรพรรดิสูงสุดทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ข้ายังมีธุระอยู่ ไว้คราวหน้าจะไปเข้าเฝ้า”ขันทีเฉินคลี่ยิ้ม “อาการประชวรขององค์หญิงยังมิหายดี ฤดูหนาวเช่นนี้ ยากที่จะทนได้ องค์หญิงควรพักรักษาตัวในวังก่อน จักรพรรดิสูงสุดก็ทรงเป็นห่วงองค์หญิงมากพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนลังเล แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง บังเอิญว่านางก็อยาก
จักรพรรดิสูงสุดเคลื่อนไหวช้า การเดินหมากก็เชื่องช้า ลั่วชิงยวนก็รอด้วยความเบื่อหน่ายทันใดนั้นขันทีเฉินก็รีบร้อนเข้ามา “จักรพรรดิสูงสุด องค์ชายห้าทรงถามว่า ท่านจะเสด็จร่วมพิธีขึ้นครองราชย์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้นพิธีขึ้นครองราชย์หรือ?ฟู่อวิ๋นโจวจะขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว!จักรพรรดิสูงสุดตอบ “มิไปหรอก แขนขาของข้าเป็นเช่นนี้ เดินเหินมิไหวแล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปแจ้งให้ทราบ”ขันทีเฉินจากไปแล้ว จักรพรรดิสูงสุดก็เล่นหมากรุกต่อ แต่ลั่วชิงยวนกลับนิ่งเฉยฟู่เฉินหวนมิได้ขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของฟู่อวิ๋นโจว เขาสังหารฟู่จิ่งหานแต่กลับมิได้รับโทษใด ๆแต่ยังทำให้ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแทน!ฟู่อวิ๋นโจวใช้วิธีใดกันแน่!นางมองจักรพรรดิสูงสุดด้วยสายตามิพอใจ “องค์จักรพรรดิสูงสุด ท่านทรงทราบทุกอย่างแล้วใช่หรือไม่เพคะ? การกระทำของฟู่อวิ๋นโจว ท่านจะทรงปล่อยไปเช่นนี้หรือเพคะ?”“ฟู่จิ่งหานมิใช่โอรสของท่านแล้วหรือเพคะ?”น้ำเสียงของลั่วชิงยวนแฝงไปด้วยความมิพอใจจักรพรรดิสูงสุดมิได้โกรธเคืองแต่กลับเผยรอยยิ้ม “เจ้าเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้วสินะ”“อดทนมาจนถึ
“เพราะเหตุการณ์กลียุควังหลัง”“แต่เหตุการณ์กลียุควังหลัง พระชายาหลีก็ถูกใส่ร้าย ทั้งหมดเป็นฝีมือของไทเฮา! นางใส่ร้ายพระชายาหลีเพื่อกำจัดศัตรู ทำให้เกิดกลียุควังหลัง มีคนบริสุทธิ์ล้มตายนับมิถ้วน”“นางมีสายเลือดบริสุทธิ์ เป็นคนของแคว้นเทียนเชวีย ชาติตระกูลก็มิธรรมดา แต่สุดท้ายแล้ว นางทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้หรือเพคะ?”“ท่านก็ยังต้องให้ฟู่เฉินหวนเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เพื่อถ่วงดุลอำนาจของตระกูลเหยียนมิใช่หรือเพคะ?”เมื่อลั่วชิงยวนเอ่ยเช่นนี้ จักรพรรดิสูงสุดก็ชะงักรู้สึกตกใจมิรู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไรไปครู่หนึ่งสิ่งที่ลั่วชิงยวนพูดล้วนถูกต้อง เขาเกือบจะถูกโน้มน้าวแล้วแต่เมื่อนึกถึงวันที่ฟู่เฉินหวนมาเข้าเฝ้า แล้วให้เขาดูบาดแผล บอกว่ามิรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดแคว้นเทียนเชวียมิสามารถมีจักรพรรดิที่อาจจะสิ้นพระชนม์ได้ทุกเมื่อได้ดังนั้น เขาจึงเป็นได้เพียงอ๋องผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คอยช่วยเหลือฟู่อวิ๋นโจวให้ขึ้นครองราชย์ เพื่อให้แคว้นเทียนเชวียสงบสุขตลอดไปแต่สิ่งที่ปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวคือ มิอยากให้ลั่วชิงยวนต้องลำบากด้วยจักรพรรดิสูงสุดยึดมั่นในใจลั่วชิง
เหยียนหน่ายซินแย้มยิ้ม “มิเคยมีสิ่งใดที่ข้าต้องการแล้วมิได้”“ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครองในวันนี้ ก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง “มิเป็นอะไร”“เพียงแต่ตำแหน่งฮองเฮานั้นมิใช่ตำแหน่งที่จะครองได้ง่าย ๆ เช่นกัน”เหยียนหน่ายซินหัวเราะอย่างมั่นใจ “ข้าไร้ซึ่งความรัก ไร้ซึ่งความผูกพัน ย่อมมิถูกเรื่องเหล่านั้นรบกวน ตำแหน่งฮองเฮานั้นไม่มีสิ่งใดที่ควบคุมมิได้”“ข้ามิเหมือนเจ้าที่จมปลักอยู่กับความรัก”ลั่วชิงยวนมิใส่ใจ เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ “ความปรารถนาของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเจ้าได้ตำแหน่งฮองเฮาแล้วก็จะอยากได้มากขึ้นไปอีก”“ข้ายอมรับในความโหดเหี้ยมและเล่ห์เหลี่ยมของเจ้า หวังว่าเจ้าจะทำตามที่พูดและเป็นฮองเฮาที่ดีได้”“ฟู่เฉินหวนมิได้มีใจคิดอยากได้บัลลังก์ ขอให้เจ้าเมตตาปล่อยเขาไปเถิด”เหยียนหน่ายซินยกยิ้ม “ถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังคงคิดถึงเขา”“ฟู่อวิ๋นโจวเพิ่งขึ้นครองราชย์ เขายังไม่มีฐานอำนาจในราชสำนัก แคว้นเทียนเชวียเพิ่งผ่านความวุ่นวาย ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ”“ตอนนี้แคว้นเทียนเชวียยังขาดฟู่เฉินหวนมิได้ พวกข้าจะมิทำอะไรเขา”“วันนี้ที่ข้ามาก็
ฟู่อวิ๋นโจวมิยอมแพ้แม้แต่น้อยจักรพรรดิสูงสุดก็ตกใจมาก ฟู่อวิ๋นโจวเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิมากกว่าฟู่จิ่งหานจริง ๆ เขามีบารมีและความกล้าหาญต่อหน้าตัวเขาเองก็ยังกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ตนเองคิด มิยอมแพ้เพียงแต่เรื่องของลั่วชิงยวนนั้นมิอาจตามใจเขาได้ก่อนที่จักรพรรดิสูงสุดจะกล่าว ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นด้วยความมิพอใจ “แม้ท่านจะต้องการ หม่อมฉันก็จะมิแต่งงานกับท่าน”“หากท่านยังยืนยันที่จะออกพระราชโองการนี้ สิ่งที่ท่านจะได้ก็มีเพียงแค่ศพของหม่อมฉันเท่านั้น”ลั่วชิงยวนเห็นว่าแม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็ห้ามฟู่อวิ๋นโจวมิได้ จึงกล่าวคำรุนแรงออกมาฟู่อวิ๋นโจวตกใจ มีสีหน้าโกรธเคือง “เหตุใดจึงมิยอมให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง? เจ้ายังให้โอกาสฟู่เฉินหวนตั้งหลายครั้ง”“เหตุใดข้าทำผิดเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว ลั่วชิงยวน เหตุใดเจ้าจึงมิยุติธรรมกับข้าบ้าง?”ดวงตาของฟู่อวิ๋นโจวแดงก่ำ เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือแน่นลั่วชิงยวนชะงักแล้วมองเขาอย่างจริงจัง “เรื่องนี้มิเกี่ยวกับว่าทำผิดหรือไม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ หม่อมฉันถือว่าท่านเป็นเพียงสหาย”“แม้ว่าพวกเราจะยังมีความสัมพันธ์กันเหมือนเดิม หากท่านจะรั
“องค์หญิง กระหม่อมชื่อจินเจา เชี่ยวชาญทั้งหมากรุก การขว้างลูกดอก การขี่ม้าและการยิงธนู หากองค์หญิงอยากจะออกไปเล่นสนุก กระหม่อมก็สามารถร่วมเล่นด้วยได้พ่ะย่ะค่ะ!”ชายหนุ่มทั้งสามมีบุคลิกลักษณะแตกต่างกัน แต่ล้วนมีรูปโฉมหล่อเหลายิ่งนักหลี่ว์โม่มีท่าทางสุภาพอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่น มีกลิ่นอายของผู้แก่เรียนหลีฉีมีท่าทางรักอิสรเสรี ใบหน้าค่อนข้างเย็นชา แต่ดูแล้วก็รู้ว่ามีวรยุทธ์สูงส่งส่วนจินเจาเป็นชายหนุ่มที่ดูหยิ่งทะนง มิยึดติดในกฎเกณฑ์ลั่วชิงยวนพิจารณาดู แล้วเอ่ยด้วยความตกใจ “องค์จักรพรรดิสูงสุดทรงพาพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”ที่นี่คือวังหลวง หากมิใช่ขุนนาง คนภายนอกย่อมมิอาจเข้ามาได้ยิ่งเป็นการปรากฏตัวในห้องของนางด้วยหากมิได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิสูงสุด ชายหนุ่มทั้งสามย่อมไม่มีทางที่จะทำเช่นนี้ได้“องค์หญิงทรงคาดเดาถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิสูงสุดทรงส่งพวกเรามาปรนนิบัติองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”“เพียงแต่องค์จักรพรรดิสูงสุดทรงกำชับว่า ให้พวกเราแต่งกายเป็นองครักษ์เวลาเข้าออกวังพ่ะย่ะค่ะ”“ต่อไปพวกเราจะเป็นทหารองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงเองพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนตกใจ รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม
ในยามที่สติเลือนราง ลั่วชิงยวนเห็นเงาร่างหนึ่งทรุดกายลงอุ้มนางขึ้น“ฟู่เฉินหวน… ในที่สุดท่านก็ยอมมาพบหม่อมฉัน...”ทว่าเสียงที่ดังขึ้นในวินาทีต่อมากลับทำให้นางรู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง“ข้าเอง ฟู่จิ่งหลี!”ฟู่จิ่งหลีมีสีหน้าเคร่งเครียด รีบอุ้มลั่วชิงยวนขึ้นรถม้าลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนรถม้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ท่านมาทำอะไรที่นี่”“หากข้ามิมา เจ้าคงแข็งตายอยู่หน้าประตูตำหนักแล้ว” ฟู่จิ่งหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนแล้วสั่งสารถี “เข้าวัง เร็วเข้า!”ลั่วชิงยวนดิ้นรนจะลงจากรถม้า “เรื่องของหม่อมฉัน ท่านอย่ามายุ่ง! หม่อมฉันมิเชื่อว่าเขาจะทนดูหม่อมฉันแข็งตายอยู่หน้าประตูตำหนักได้!”“หม่อมฉันเพียงต้องการคำอธิบาย!”ฟู่จิ่งหลีดึงนางกลับมา“ในเมื่อเขาตัดสินใจหย่ากับเจ้าแล้วก็จะมิเหลียวแล เขามักจะเด็ดขาดเช่นนี้มาโดยตลอด เจ้าจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร”“ใช้ชีวิตอยู่ในวังมิดีหรือ”ฟู่จิ่งหลีก็รู้สึกอึดอัดใจลั่วชิงยวนรู้สึกหนักใจ นางมิรู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วแต่นางรู้ว่าฟู่เฉินหวนมิใช่คนเช่นนั้นเพียงแต่นางมิรู้ว่าจะทำอย่างไร เขาจึงจะเปลี่ยนใจรถม้าแล่นเข้าวังลั่วชิงยวนถูกพากลับไปที่ตำหนักขอ
วิธีนี้ทำร้ายลั่วฉิงมิได้ในระยะสั้นยังไม่มีวิธีแก้ปัญหานี้ เขาจึงได้แต่ให้ลั่วชิงยวนอยู่ห่างจากเขาเพื่อความปลอดภัยลั่วชิงยวนก็ตามเขามาจนถึงหน้าประตูตำหนักอ๋องแต่ฟู่เฉินหวนกลับเดินเข้าประตูไป แล้วปิดประตูใส่หน้านางโดยมิหันกลับมามองลั่วชิงยวนมีสีหน้าอิดโรยซีดเซียว เมื่อมองภาพนั้น หัวใจเขาก็เจ็บปวดจนเกือบจะร้องไห้ออกมาเขารู้ว่านางตามมาตลอดนางมิยอมแพ้ ยังคงเข้าตำหนักทางประตูหลังแล้วตรงไปที่ห้องตำรานางรับใช้และทหารองครักษ์ที่พบเห็นต่างตกใจ แต่ก็ไม่มีใครขัดขวางเมื่อมาถึงหน้าห้องตำรา ลั่วชิงยวนก็เอ่ยขึ้น “ฟู่เฉินหวน อย่าหลบหน้าหม่อมฉัน มีเรื่องอะไร พวกเรามาพูดกันให้ชัดเจน!”ฟู่เฉินหวนตกใจ เดินไปเปิดประตูแล้วมองนางด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าตามเข้ามาในตำหนักได้อย่างไร”“ลั่วชิงยวน ข้าพูดชัดเจนแล้ว ข้าหย่ากับเจ้าแล้ว มิอยากเจอเจ้าอีก!”กล่าวจบ เขาก็ตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้!”“ไล่ลั่วชิงยวนออกไป! เอาข้าวของของนางไปทิ้งให้หมด!”“หากผู้ใดกล้าให้นางเข้าตำหนักอีก ข้าจะมิละเว้น!”จากนั้นองครักษ์ก็เข้ามา ทำท่าทางเชิญ “เชิญเถิดขอรับ”ลั่วชิงยวนมองฟู่เฉินหวนด้วยความเสียใจ “ท่านจะผลัก
ฟู่อวิ๋นโจวมิยอมแพ้แม้แต่น้อยจักรพรรดิสูงสุดก็ตกใจมาก ฟู่อวิ๋นโจวเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิมากกว่าฟู่จิ่งหานจริง ๆ เขามีบารมีและความกล้าหาญต่อหน้าตัวเขาเองก็ยังกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ตนเองคิด มิยอมแพ้เพียงแต่เรื่องของลั่วชิงยวนนั้นมิอาจตามใจเขาได้ก่อนที่จักรพรรดิสูงสุดจะกล่าว ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นด้วยความมิพอใจ “แม้ท่านจะต้องการ หม่อมฉันก็จะมิแต่งงานกับท่าน”“หากท่านยังยืนยันที่จะออกพระราชโองการนี้ สิ่งที่ท่านจะได้ก็มีเพียงแค่ศพของหม่อมฉันเท่านั้น”ลั่วชิงยวนเห็นว่าแม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็ห้ามฟู่อวิ๋นโจวมิได้ จึงกล่าวคำรุนแรงออกมาฟู่อวิ๋นโจวตกใจ มีสีหน้าโกรธเคือง “เหตุใดจึงมิยอมให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง? เจ้ายังให้โอกาสฟู่เฉินหวนตั้งหลายครั้ง”“เหตุใดข้าทำผิดเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว ลั่วชิงยวน เหตุใดเจ้าจึงมิยุติธรรมกับข้าบ้าง?”ดวงตาของฟู่อวิ๋นโจวแดงก่ำ เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือแน่นลั่วชิงยวนชะงักแล้วมองเขาอย่างจริงจัง “เรื่องนี้มิเกี่ยวกับว่าทำผิดหรือไม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ หม่อมฉันถือว่าท่านเป็นเพียงสหาย”“แม้ว่าพวกเราจะยังมีความสัมพันธ์กันเหมือนเดิม หากท่านจะรั
เหยียนหน่ายซินแย้มยิ้ม “มิเคยมีสิ่งใดที่ข้าต้องการแล้วมิได้”“ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครองในวันนี้ ก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง “มิเป็นอะไร”“เพียงแต่ตำแหน่งฮองเฮานั้นมิใช่ตำแหน่งที่จะครองได้ง่าย ๆ เช่นกัน”เหยียนหน่ายซินหัวเราะอย่างมั่นใจ “ข้าไร้ซึ่งความรัก ไร้ซึ่งความผูกพัน ย่อมมิถูกเรื่องเหล่านั้นรบกวน ตำแหน่งฮองเฮานั้นไม่มีสิ่งใดที่ควบคุมมิได้”“ข้ามิเหมือนเจ้าที่จมปลักอยู่กับความรัก”ลั่วชิงยวนมิใส่ใจ เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ “ความปรารถนาของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเจ้าได้ตำแหน่งฮองเฮาแล้วก็จะอยากได้มากขึ้นไปอีก”“ข้ายอมรับในความโหดเหี้ยมและเล่ห์เหลี่ยมของเจ้า หวังว่าเจ้าจะทำตามที่พูดและเป็นฮองเฮาที่ดีได้”“ฟู่เฉินหวนมิได้มีใจคิดอยากได้บัลลังก์ ขอให้เจ้าเมตตาปล่อยเขาไปเถิด”เหยียนหน่ายซินยกยิ้ม “ถึงตอนนี้ เจ้าก็ยังคงคิดถึงเขา”“ฟู่อวิ๋นโจวเพิ่งขึ้นครองราชย์ เขายังไม่มีฐานอำนาจในราชสำนัก แคว้นเทียนเชวียเพิ่งผ่านความวุ่นวาย ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ”“ตอนนี้แคว้นเทียนเชวียยังขาดฟู่เฉินหวนมิได้ พวกข้าจะมิทำอะไรเขา”“วันนี้ที่ข้ามาก็
“เพราะเหตุการณ์กลียุควังหลัง”“แต่เหตุการณ์กลียุควังหลัง พระชายาหลีก็ถูกใส่ร้าย ทั้งหมดเป็นฝีมือของไทเฮา! นางใส่ร้ายพระชายาหลีเพื่อกำจัดศัตรู ทำให้เกิดกลียุควังหลัง มีคนบริสุทธิ์ล้มตายนับมิถ้วน”“นางมีสายเลือดบริสุทธิ์ เป็นคนของแคว้นเทียนเชวีย ชาติตระกูลก็มิธรรมดา แต่สุดท้ายแล้ว นางทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้หรือเพคะ?”“ท่านก็ยังต้องให้ฟู่เฉินหวนเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เพื่อถ่วงดุลอำนาจของตระกูลเหยียนมิใช่หรือเพคะ?”เมื่อลั่วชิงยวนเอ่ยเช่นนี้ จักรพรรดิสูงสุดก็ชะงักรู้สึกตกใจมิรู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไรไปครู่หนึ่งสิ่งที่ลั่วชิงยวนพูดล้วนถูกต้อง เขาเกือบจะถูกโน้มน้าวแล้วแต่เมื่อนึกถึงวันที่ฟู่เฉินหวนมาเข้าเฝ้า แล้วให้เขาดูบาดแผล บอกว่ามิรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดแคว้นเทียนเชวียมิสามารถมีจักรพรรดิที่อาจจะสิ้นพระชนม์ได้ทุกเมื่อได้ดังนั้น เขาจึงเป็นได้เพียงอ๋องผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คอยช่วยเหลือฟู่อวิ๋นโจวให้ขึ้นครองราชย์ เพื่อให้แคว้นเทียนเชวียสงบสุขตลอดไปแต่สิ่งที่ปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวคือ มิอยากให้ลั่วชิงยวนต้องลำบากด้วยจักรพรรดิสูงสุดยึดมั่นในใจลั่วชิง
จักรพรรดิสูงสุดเคลื่อนไหวช้า การเดินหมากก็เชื่องช้า ลั่วชิงยวนก็รอด้วยความเบื่อหน่ายทันใดนั้นขันทีเฉินก็รีบร้อนเข้ามา “จักรพรรดิสูงสุด องค์ชายห้าทรงถามว่า ท่านจะเสด็จร่วมพิธีขึ้นครองราชย์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้นพิธีขึ้นครองราชย์หรือ?ฟู่อวิ๋นโจวจะขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว!จักรพรรดิสูงสุดตอบ “มิไปหรอก แขนขาของข้าเป็นเช่นนี้ เดินเหินมิไหวแล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปแจ้งให้ทราบ”ขันทีเฉินจากไปแล้ว จักรพรรดิสูงสุดก็เล่นหมากรุกต่อ แต่ลั่วชิงยวนกลับนิ่งเฉยฟู่เฉินหวนมิได้ขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของฟู่อวิ๋นโจว เขาสังหารฟู่จิ่งหานแต่กลับมิได้รับโทษใด ๆแต่ยังทำให้ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแทน!ฟู่อวิ๋นโจวใช้วิธีใดกันแน่!นางมองจักรพรรดิสูงสุดด้วยสายตามิพอใจ “องค์จักรพรรดิสูงสุด ท่านทรงทราบทุกอย่างแล้วใช่หรือไม่เพคะ? การกระทำของฟู่อวิ๋นโจว ท่านจะทรงปล่อยไปเช่นนี้หรือเพคะ?”“ฟู่จิ่งหานมิใช่โอรสของท่านแล้วหรือเพคะ?”น้ำเสียงของลั่วชิงยวนแฝงไปด้วยความมิพอใจจักรพรรดิสูงสุดมิได้โกรธเคืองแต่กลับเผยรอยยิ้ม “เจ้าเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้วสินะ”“อดทนมาจนถึ
“มิว่าท่านจะทำสิ่งใด ท่านปล่อยพวกเราไปมิได้หรือ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยแล้วก็ไอหนักอีกครั้งฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเสียงไอของนางแล้วรู้สึกเจ็บปวดในใจ จึงลูบหลังนางเบา ๆ “บาดแผลของเจ้ายังมิหาย เจ้าเป็นหวัดอีกแล้วหรือ? ในเมื่อเขาหย่ากับเจ้าแล้ว เจ้าก็พักอยู่ในวัง รักษาตัวให้หายดีก่อนเถิด”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วปัดมือเขาออก“มิต้องมาเสแสร้ง”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็ลุกขึ้นเดินจากไปเดิมทีตั้งใจจะออกจากวัง แต่เมื่อใกล้ถึงประตูวังก็พบกับขันทีเฉิน ซึ่งเป็นขันทีที่คอยรับใช้ข้างกายจักรพรรดิสูงสุด“องค์หญิง จักรพรรดิสูงสุดทรงทราบว่าท่านเข้าวัง จึงเชิญท่านไปพบพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว แม้แต่คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปแล้วด้วยดูท่าว่าจักรพรรดิสูงสุดคงทราบเรื่องที่ฟู่เฉินหวนหย่ากับนางแล้ว“ช่วงนี้จักรพรรดิสูงสุดทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ข้ายังมีธุระอยู่ ไว้คราวหน้าจะไปเข้าเฝ้า”ขันทีเฉินคลี่ยิ้ม “อาการประชวรขององค์หญิงยังมิหายดี ฤดูหนาวเช่นนี้ ยากที่จะทนได้ องค์หญิงควรพักรักษาตัวในวังก่อน จักรพรรดิสูงสุดก็ทรงเป็นห่วงองค์หญิงมากพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนลังเล แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง บังเอิญว่านางก็อยาก
จดหมายหย่าร่วงหล่นลงพื้น บนนั้นเขียนไว้ชัดเจนว่าหนังสือหย่าลั่วชิงยวนชะงัก ยังคงตกตะลึงมิหาย แต่นางก็รีบหันหลังวิ่งตามฟู่เฉินหวนไป“เพราะเหตุใดกัน? เกิดอะไรขึ้นกับท่านในวัง? แผนการล้มเหลวหรือเพคะ?”“เหตุใดจู่ ๆ ก็เขียนหนังสือหย่า?”ลั่วชิงยวนร้อนใจ ต้องการคำอธิบายแต่แววตาของฟู่เฉินหวนกลับเย็นเยียบ มองนางด้วยสายตาเย็นชา “ลั่วชิงยวน ตอนนี้ข้ามิอยากพูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว มิอยากเห็นหน้าเจ้าด้วย!”“เจ้ารีบเก็บข้าวของออกไปเองเสีย อย่าบีบบังคับให้ข้าลงมือเลย!”ฟู่เฉินหวนกล่าวจบก็เดินจากไปลั่วชิงยวนยืนนิ่งอึ้งนี่มันเรื่องอะไรกัน?นางมิยอมแพ้ วิ่งตามไปที่ห้องตำราของฟู่เฉินหวน แต่กลับพบว่าเขาปิดประตูลงกลอนจากด้านในมิว่าลั่วชิงยวนจะทุบประตูอย่างไร เขาก็มิยอมเปิด“ฟู่เฉินหวน! ท่านพูดมาให้ชัดเจน! เหตุใดจึงจู่ ๆ จะหย่ากับหม่อมฉัน?”“มิได้ตกลงกันแล้วหรอกหรือว่ามีเรื่องใดก็จะร่วมกันฝ่าฟัน!”“เหตุใดท่านจึงผลักไสหม่อมฉันอีก?”“ท่านอธิบายมาให้ชัดเจน!”เสียงเย็นชาที่แฝงด้วยความโกรธของฟู่เฉินหวนดังมาจากด้านใน “เจ้าหลอกลวงข้า ยังมิพออีกรึ!”ลั่วชิงยวนตกใจ “หม่อมฉันหลอกลวงท่านอย่างไร?