แชร์

บทที่ 898

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
นางอดมองไปบนกำแพงสูงไม่ได้

คนของ...ตระกูลเฟิงหรือ? หรือว่า...

ในลานเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที แต่เพราะจักรพรรดิเฒ่าไม่เป็นอะไร ในลานจึงสงบลงมาอย่างรวดเร็ว

แต่หัวข้อสนทนาเรื่องจะจัดอภิเษกเมื่อครู่ ก็ถูกปัดตกไปแล้ว

ตอนนี้ถ้าถูกยกขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้เป็นทางการแบบเมื่อครู่แล้ว

จั๋วซือหรานมองไปทางจักรพรรดิเฒ่า นางครุ่นคิด หลังจากคิดคำพูดอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่า ตัวตนฐานะข้าตอนนี้เหมาะสมไหม ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไร? ในเมืองหลวง...ยังวุ่นวายกันอยู่เลย"

จักรพรรดิเฒ่าฉลาดเสียขนาดไหน พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็เข้าใจความหมายที่นางคิดจะแสดงออกมาทันที

พริบตานี้ จักรพรรดิเฒ่าเองรู้สึกแค่ว่า...อยากจะถอนใจเสียเหลือเกิน หญิงสาวคนนี้ฉลาดจริงๆ

ไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่บอกว่าลูกเจ็ดคู่ควรกับนางหรือไม่

ถ้าหากจะนำหญิงสาวแบบนี้ไปพันธนาการไว้ในกรงทองวังหลังล่ะก็ เท่ากับเป็นการทำลายของมีค่าไป

หญิงสาวเช่นนี้ สมควรจะบินทะยาน

จักรพรรดิเฒ่าฟังความหมายคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานออกแน่นอน

ตัวตนตอนนี้ของนางเหมาะมาก

เพราะตัวตนของนางตอนนี้ ไม่ชัดเจนอย่างที่สุด

จะบอก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 899

    จักรพรรดิเฒ่ามองไปทางซือคงเซี่ยน ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "น้องเจ็ด เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"ซือคงเซี่ยนมองออกว่า เสด็จพ่อประทับใจคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานเข้าแล้วยิ่งไปกว่านั้นในคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน ซือคงเซี่ยนเองก็สังเกตออก ว่านางมีท่าทีไม่ยอมรับต่อการการมอบงานอภิเษกของเสด็จพ่อดังนั้นซือคงเซี่ยนจึงเอ่ยว่า "ลูก...ไม่มีความเห็น แล้วแต่เสด็จพ่อจะจัดวางเลย"จักรพรรดิเฒ่าได้ยินคำนี้ของซือคงเซี่ยน ในใจก็อดถอนใจไม่ได้อันที่จริงถ้าหากน้องเจ็ดกัดฟันพูดว่าต้องการงานอภิเษกนี้ล่ะก็จักรพรรดิเฒ่าคิดว่า ตนเองจะยอมรับอยู่แต่ว่าลูกชายของตนเองนั้น...ถ้าหากบอกว่าน้องห้าทะเยอทะยานเกินไป เช่นนั้นน้องเจ็ดก็...ไม่มีความทะเยอะทะยานเอาเสียเลยน่าจะเพราะพระสนมเอกคิดได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แรกนางรู้ว่าฐานะของตัวเองและอำนาจทางตระกูลฝ่ายแม่ จะสร้างความระแวงต่อนางและอ๋องเซี่ยนรวมถึงตระกูลฝ่ายแม่ของนางกับองค์จักรพรรดิภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องวางลงมาก็คือความทะเยอทะยานที่ไม่เหมาะสมสรุปคือ จักรพรรดิเฒ่าไม่เห็นความเร่งร้อนกับความปรารถนาใดจากในตาของซือคงเซี่ยน เห็นแค่ความผิดหวังรางๆ เท่านั้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 900

    "จั๋วจิ่ว! เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีจุดจบอย่างไรกัน?! แดนใต้ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่""สำนักพวกเราเองก็จะไม่ปล่อยเจ้าด้วย!""สภาผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้า!""จั๋วจิ่วเจ้าจะไม่ตายดี! เจ้าจะไม่ได้ตายดี!"จั๋วซือหรานได้ยินเสียงก่นด่าของพวกเขา สีหน้ายังคงเรียบเฉยแต่รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ นาง พอได้ยินคำนี้ กระทั่งคิ้วก็ยังขมวดขึ้นมาเขากำลังจะเตือนจั๋วซือหรานว่าไม่ต้องโกรธ อย่าไปใส่ใจคำพูดของคนพวกนี้แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูด ก็ได้ยินหญิงสาวข้างกาย เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ "โอ้ ถ้าอย่างนั้นตอนเจ้าไปเข้าฝันพวกเขาก็อย่าจำผิดล่ะ ข้าชื่อจั๋วซือหราน"เพียงไม่นาน คนเหล่านี้ก็ตอบอะไรนางไม่ได้อีกรองแม่ทัพดูจนใจขึ้นมา "ท่านไม่ได้โกรธเลยสินะ...""จะไปโกรธอะไรกับคนใกล้ตายกัน" จั๋วซือหรานกลอกตามองรองแม่ทัพ "มาหาข้ามีอะไรหรือ?"รองแม่ทัพพยักหน้า "ท่านแม่ทัพเชิญท่านเข้าไปน่ะ"จั๋วซือหรานขานรับคำหนึ่ง เงยหน้าเหลือบมองคานหัวมนุษย์ผาดหนึ่ง แล้วจึงหมุนตัวขึ้นม้ากลับไปในค่ายในกระโจมค่าย ฉีฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ฉีฮ่าว แต่ยังมีกลุ่มขุนพลของเขาด้วยอยู่กันครบองค์ประชุม"คึกครื้นขนาดนี้เชี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 901

    และเพราะนางยิ้มอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังยิ้มอย่างอัธยาศัยดีด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านางตอบรับแล้วอย่างน้อยปฏิกิริยาแรกของฉีฮ่าวก็คือนางตอนรับแล้ว ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า "เช่นนั้นก็ขอบคุณ..."พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว ฉีฮ่าวจึงเพิ่งตั้งตัวได้ ว่านางบอกว่าไม่ได้นี่นาชั่วขณะหนึ่งก็งงงันไป"ไม่ ไม่...ไม่ได้หรือ?" ฉีฮ่าวถามงึมงำขึ้นมาจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ไม่ได้"ข้างๆ มีขุนพล ที่น่าจะรู้สึกหวั่นไหวกับอาวุธนี้จริงๆบวกกับอาการร้อนรน จึงเอ่ยขึ้นทันที "ทำไมจึงไม่ได้หรือ? ถ้าหากอาวุธเช่นนี้สามารถมอบให้กับกองทหารได้ จะยกระดับความสามารถการทำสงครามขึ้นมหาศาลเลย...""แต่นั้นเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ" จั๋วซือหรานมองไปทางเขาขุนพลคนนี้ถูกคำพูดของนางทำให้ชะงัก ชั่วขณะหนึ่งพูดอะไรไม่ออกแต่ก็มองออกไม่ยาก สีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาแล้ว ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านเป็นประชาชนของต้าชาง ของเช่นนี้ หากมอบให้กับกงอทหาร จะนำคุณประโยชน์มาได้มากมาย"จั๋วซือหรานมองเขาเย็นชา "ตอนที่ข้าถูกคนเป็นหมื่นตำหนิ ก็ไม่เห็นว่าพวกเจ้าจะมาปกป้องข้าในฐานะคนของต้าชางเลย"ฉีฮ่าวพอได้ยินน้ำเสียงของจั๋วซือหราน ในใจก็สั่นกึก ฉั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 902

    แต่ว่าเนื้อหาในคำพูด กลับมีเหตุผล และชัดเจนมากเหล่าขุนพลไม่มีใครฟังไม่เข้าใจเข้าใจความคิดที่ฉีฮ่าวต้องการแสดงออกมาในทันที ถ้าหากพวกเขาเหล่านี้เป็นทหาร หากสูญเสียจิตใจปวงประชาไป เช่นนั้นก็จบสิ้นกันแล้ว...เช่นนั้นพวกเขาจะต่างอะไรกับโจรขโมย?จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างๆ ฟังฉีฮ่าวพูดประโยคเหล่านี้นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ฉีฮ่าวแม้จะเป็นชายชาติทหารร่างใหญ่กักขฬะ แต่ในจุดนี้กลับเข้าใจเป็นอย่างดีนางไม่ได้คิดจะมอบให้เปล่าๆ นางไม่ใช่พวกทำการกุศลอะไรแคว้นชางอะไร กองทหารอะไร นั่นโน่นนี่ถ้าเจ้าของร่างเดิมก็อาจจะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอยู่กระมัง?แต่จั๋วซือหรานอย่างนางนั้นไม่มีนางไม่ใช่ว่าคิดจะไม่มอบให้ เพียงแต่ว่านางคิดจะทำขึ้นเอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะหขายให้กับกองทหารมีทักษะเช่นนี้ แน่นอนว่าอยู่ในมือตนเองจะมั่นคงกว่านางมาจากต่างโลก ต่างโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าโลกใบนี้พูดได้ว่ายืนอยู่บนบ่าของยักษ์ใหญ่แล้วยักษ์ใหญ่ก็ไม่ได้มีไว้ให้คนอื่นขโมยไป...คนคนนั้นเดินเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าจั๋วซือหราน"ข้าขอโทษ แม่นางจิ่ว ข้ายอมรับโทษแล้ว!" ขุนพลเอ่ยขึ้น เขาหยิบหน้าไม้กลสอง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 903

    ใกล้จะตายแล้วฉีฮ่าวมากับจั๋วซือหราน ตอนที่ตามคนผู้นี้มาด้วยกัน แค่เห็นน้องชายเขาผาดเดียวก็มองออกแล้ว ว่าคนผู้นี้กำลังจะตายสีหน้าเขาไม่มีสีเลือดแล้ว เขียวคล้ำ หายใจออกแรงหายใจเข้าเบา...บางทีไม่ควรพูดว่าหายใจออกแรงหายใจเข้าเบาด้วยซ้ำ นี่เหมือนไม่ได้ยินเสียงหายใจเข้าของเขาด้วยซ้ำตอนที่พวกเขาเข้าไป ทหารราบที่มาโขกศีรษะกับจั๋วซือหรานก่อนหน้าคนนั้น ก็รีบตะโกนขึ้นว่า "ท่านพี่! ท่านพี่! เจ้ารีบตื่นเร็ว! ข้าพาคนมาแล้ว ข้าพาคนมาช่วยเจ้าแล้ว! ข้าพาแม่นางจิ่วมาช่วยเจ้าแล้ว!"ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยหรือเปล่า หรือว่าได้ยินคำว่าแม่นางจิ่ว จึงทำให้เขาเชื่อมั่นขึ้นมาเขาที่เดิมทีตาปรืออยู่แล้ว ตอนนี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยดวงตาที่พร่ามัว ฝืนตัวเพ่งสมาธิขึ้นมาอีกครั้งตกมาอยู่บนตัวจั๋วซือหรานหลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยฉีฮ่าวขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ มองด้านบนผ้าที่คลุมร่างเขาไว้ เลือดสดดวงใหญ่นั่น...ฉีฮ่าวเอ่ยขึ้นกับทหารที่โขกศีรษะคนนั้นก่อน "พี่ชายเจ้าสภาพแบบนี้..."ทหารคนนี้ขยี้ตาอย่างแรง เอ่ยขึ้นว่า "พี่ชายข้ายังพอช่วยไหวไหม..."ฉีฮ่าวเอ่ยตอบ "เกรงว่าจะ...ย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 904

    ถ้าในชาติที่แล้วคือไม่น้อยเลยต่อให้ไม่ใช่ชาติที่แล้ว ในโลกที่การรักษาล้าหลังอย่างที่นี่ จั๋วซือหรานเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วแพทย์ทหารพอได้ยินคำนี้ก็งงงันไป น่าจะเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบมั่นใจนี้จากปากจั๋วซือหราน"อะ อะ...อะไรนะ?" แพทย์ทหารมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ เขาจ้องจั๋วซือหรานนิ่งจากนั้นนึงดึงผ้าที่คลุมบนตัวคนเจ็บผืนนั้นออก เอ่ยขึ้นว่า "ท่านว่าอาการอย่างนี้น่ะนะ?!"การกระทำที่ตามมาหลังคำพูด คือการเปิดเผยอาการบาดเจ็บออกมายังสายตาคนทั้งหมดบาดแผลที่น่ากลัว ช่องท้องเปิดโหว่ ประจักษ์เข้ามาในสายตาคนทั้งหมดคนทั้งหมดในนี้ล้วนเป็นขุนพลสายบู๊ทุกคนไม่กลัวกับภาพสยดสยองที่เลือดเนื้อเหวอะหวะแต่ไม่กลัวมันก็ส่วนไม่กลัวแต่เพระาเคยเห็นเลือดกับความตายมาแล้ว ตอนที่เจอกับอาการบาดเจ็บเช่นนี้ก็แทบจะคิดถึงปลายทางได้เลย ถ้าหากจากความคิดพวกเขา แค่รู้สึกว่า...มอบความเมตตาให้เขาไปสบายจะดีกว่าไหม?ใครจะคิดว่าคำตอบที่จั๋วซือหรานให้มากลับเป็น..."อืม บาดแผลแบบนี้เลย คุ้มค่าที่จะลองดู" จั๋วซือหรานยิ้มเรียบๆ นางเดินขึ้นไปก้าวหนึ่งส่วนน้องชายคนเจ็บ เดิมทีถูกปฏิกิริยาของแพทย์ทหารเมื่อครู่ทำ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 905

    สถานการณืเช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกไม่อยากเชื่อจริงๆ!เดิมทีในใจก็เห็นความหวังแล้ว ตอนนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้นมาใหญ่ในดวงตาเขาเมหือนมีพลังชีวิตเปล่งออกมาจั๋วซือหรานพอใจกับสถานการณ์เช่นนี้ พลังชีวิตเช่นนี้ อันที่จริงก็มีประโยชน์กับอาการบาดเจ็บของเขาคนอื่นๆ อันที่จริงก็รู้สึกสนใจกับวิธีการรักษษของจั๋วซือหรานมากแต่ว่า...วิชาและขั้นตอนการรักษษ ในบางระดับ ก็ถือว่าเป็นความลับของแพทย์ด้วยดังนั้น ต่อให้จะอยากรู้อยากเห็นแค่ไหน พวกเขาก็ทำได้แค่รออยู่ด้านนอกฉากกั้นลมเพียงแต่ว่า พวกเขาก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของคนเจ็บอยู่เลยตอนนี้กลับค่อยๆ สงบลงมาแล้วนี่ทำเอาทุกคนมีการคาดเดาขึ้น...ว่าคนคนนั้น...คงจะไม่ได้ตายไปแล้วกระมัง?มีแพทย์ทหารที่ทนไม่ไหว ต่อให้รู้ว่าหน้าไม่อาย แต่เขาก็ยังเปิดปากขึ้นอย่างหน้าด้านๆบอกว่า "แม่นางจิ่ว ข้าอยากรู้จริงๆ ให้ข้าเข้าไปดูด้วยได้ไหม?"ตอนที่พูดคำนี้จบ แพทย์ทหารคนอื่นที่อยู่รอบๆ สายตาก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อจ้องมองเขาเจ้าไหวไหมน่ะ? หน้าตาน่ะมีไหม?แต่คนผู้นี้ก็ยังกัดฟัน ไร้เกียรติก็ช่างมัน!ยิ่งไปกว่นั้นด้านในก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ทุกคนจึงรู้สึกว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 906

    แพทย์ทหารเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าข้ามีทักษะเช่นนี้...ทหารราบเหล่านั้นก็คงไม่ตายกันแล้ว..."เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาประจักษ์กับตาแล้วถึงการเปลี่ยนสิ่งเน่าเสียกลายเป็นสิ่งอัศจรรย์ของแม่นางจั๋วจิ่วแล้วพอเห็นว่านางทำตัวราวกับเป็นช่างยอดฝีมือ จัดการเย็บช่องท้องของคนผู้นี้ราวกับเย็บกระเป๋าขาดยิ่งไปกว่านั้นยังจัดการรักษาส่วนที่บาดเจ็บของอวัยวะภายในไปแล้วด้วยนี่ทำให้เขาอดคิดไปถึงทหารที่ตายอย่างน่าเวทนาเหล่านั้น ต่อมาถูกก็ถูกพวกคนเถื่อนเอาหัวขึ้นไปแขวนบนคาน...เขาอดคิดไม่ได้เลย ถ้าหากตนเองมีฝีมือเสียหน่อย ไม่แน่คนเหล่นั้นอาจจะช่วยไว้ได้กระมังคำพูดนี้มีอารมณ์อยู่ด้วย เพราะตอนนี้อารมณ์ของเขาถูกส่งผลกระทบอยู่จริงๆแต่เสียงของจั๋วซือหรานกลับสงบ นางก้มหน้าพูดว่า "ไม่หรอก ถ้าหากเจ็บหนักเกินไป อย่างเช่นหัวขาดออกจากกัน ต่อให้เทพเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ แน่นอนว่าข้าเองก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ข้าเป็นแค่แพทย์ ไม่ใช่พระเจ้า"แม้คำพูดนี้จะดูใจเย็น ราวกับกำลังอธิบายข้อเท็จจริงอยู่ แต่คำพูดนี้ก็ยังทำให้แพทย์ทหารที่ยังรู้สึกโทษตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ อารมณ์ผ่อนคลายลงมาบ้างแล้วจั๋วซือหรานเย็บเข็มส

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1106

    "เสร็จแล้ว พวกเจ้าค่อยๆ พักฟื้นไป เดี๋ยวพอพวกกองหนุนสำนักเมฆาวารีพวกนั้นของผู้เฒ่าเหอมาถึง พวกเราค่อยออกเดินทาง เรื่องนี้สำหรับข้ามันสำคัญมาก จะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ดังนั้นเวลาพักฟื้นของพวกเจ้าเดิมทีก็เหลือไม่มากแล้ว อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ อีก""รับทราบ!" เหลียนเจินขานรับเสียงขรึม"ข้าจะรักษาให้พวกเขา จากนั้นเจ้าก็เอายาทาให้พวกเขาเสีย แค่อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ ทายาตามเวลา ไม่นานก็หายดีแล้ว"จั๋วซือหรานหลังจากรักษาคนคุ้มกันไปหลายคน ก็กลับมาที่ห้องตนเอง ไปค้นคว้าบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนเจ้าสิ่งนี้ล้ำค่ามากจริงๆ แต่ในเมื่อเขาให้นางมาแล้ว นางเองก็พอจะรับได้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจเกินไปนักตอนที่จั๋วซือหรานย้ายบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไปปลูกที่ดินในมิติแล้ว ราชาแมงมุมหน้าผีกับแมงมุมหน้าผีตัวอื่นๆ แล้วก็แมงมุมกู่ ก็มาล้อมอยู่ข้างๆ นางแมงมุมที่ขนาดใหญ๋กว่าปกติหลายเท่า ล้อมนางเอาไว้ ฉากนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็น ก็คงรู้สึกหวาดผวาขึ้นแน่ๆแต่สีหน้าของจั๋วซือหรานก็นิ่งอย่างมาก กระทั่งบนหน้ายังยิ้มละไม หลังจากปลูกบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไว้ในดินแล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1105

    ด้วยนิสัยซื่อสัตย์ภักดีของพวกเขา ถ้าหากจั๋วซือหรานคิดจะตั้งชื่อเหล่านี้ให้พวกเขาจริงๆไม่แน่พวกเขาอาจจะต้องบีบจมูกยอมรับไปจริงๆแต่ชื่อเหล่านี้มันดูจะ...ดังนั้นจึงคิดวิธีที่จะดิ้นรนต่ออีกหน่อย"กลัวหรือ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วมองพวกเขาหัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้าหงึกหงักจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ยังกล้าตักน้ำมาเช็ดมาล้างได้ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะกล้าจนไม่กลัวอะไรแล้วเสียอีก ทำไมแค่ชื่อผลไม้แค่นี้ก็ยังกลัวกัน?"หัวหน้าคนคุ้มกันฟังไม่เข้าใจเสียที่ไหน แม่นางจงใจทำให้พวกเขาตกใจ เพื่อจะลงโทษพวกเขาที่เมื่อครู่พูดกันว่าจะจัดการแผลแบบขอไปทีหัวหน้าคนคุ้มกันรีบเอ่ยขึ้นมา "แม่นาง พวกเราไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว แค่กังวลว่าท่านอยู่ในเมืองหยางจะมีภาระหน้าที่เยอะอยู่แล้ว แต่ยังต้องมาคอยห่วงเรื่องยิบย่อยของพวกเราอีก..."จั๋วซือหรานยกมือตบลงไปที่หนึ่งที่หลังเขาหัวหน้าคนคุ้มกันร้องอั่กออกมา แต่ก็รีบอดทนเอาไว้เดิมทียังคิดว่านี่คือการลงโทษเสียอีก คิดไม่ถึงเลย...ตอนที่แม่นางฟาดมือลงมา รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับนุ่มนวลละมุนละไมลูบผ่าน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1104

    "นายท่านอารมณ์ดีก็ดีแล้ว" เจิ้นเจียงพอเห็นจั๋วซือหรานอารมณ์ดี เขาเองก็อารมณ์ดีตามขึ้นมา จึงได้พูดว่า "จัดแจงคนคุ้มกันเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนบาดเจ็บกันหมด"จั๋วซือหรานร้องอืม "ดี ข้าจะไปดูหน่อย เดี๋ยวจะตั้งชื่อให้พวกเขาด้วย อยู่ในตระกูลเหอไม่มีชื่อเลยมีแต่หมายเลข เจ้าไปที่โรงเตี๊ยมแล้วหาของกินมาให้พวกเขาหน่อย""ขอรับ" เจิ้นเจียงรับคำสั่ง คิดๆ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "...อาหารนี่น่าจะไม่ถูกทำอะไรลงไปหรอกกระมัง?"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็ยกมุมปากขึ้น "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้นี่"พอได้ยินนายท่านพูดหยามขึ้นเช่นนี้ เจิ้นเจียงก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว"เช่นนั้นข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"เจิ้นเจียงเพิ่งเตรียมจะเดินไปโถงหน้า จั๋วซือหรานคิดๆ แล้วก็เรียกเขาขึ้นมา "จริงด้วย""อื๋อ? แม่นางยังมีอะไรกำชับอีกหรือ?""คุณชายเยี่ยนที่โถงหน้าคนนั้น เป็นคนที่มีบุญคุณกับข้า ถ้าหากเขายังไม่ไป เจ้าเองก็ช่วยดูแลหน่อย""รับทราบ!" เจิ้นเจียงรับคำสั่งแล้วออกไปและระหว่างทางที่จั๋วซือหรานตรงไปเรือนหลัง ในสมองก็มีภาพตอนที่ชายหนุ่มหักตะเกียบก่อนหน้านี้ปรากฏออกมา แก้มที่ตึงกับสายตาที่มีแววตาแบบนั้นจั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1103

    สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของปลายนิ้วหญิงสาวที่แตะลงมาบนริมฝีปากและได้ยินเสียงอ่อนโยนพูดคำที่ว่าต้องแต่งงานด้วยคิ้วของ 'เยี่ยนหราน' ขมวดแน่นขึ้นมากระทั่งตนเองยังไม่ทันตระหนักถึง ว่าทำไมต้องออกแรงที่นิ้ว แล้วทำไมที่น้ิวต้องออกแรงแล้วท้ายสุด เสียง 'กร๊อบ' ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตะเกียบไม้ในมือเขาหักครึ่งเป็นสองท่อน!แก้มของชายหนุ่มตึงเป็นเส้นโค้ง เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "แม่นางก็ดูแลตัวเองด้วย"จั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นเบาๆ "คุณชายขี้อายขนาดนี้เชียว? หน้าตาก็หล่อเหลาดี ไม่คิดว่า...จะใสซื่อขนาดนี้"เสียงของชายหนุ่มดังลอดออกมาจากไรฟัน ฟังแล้วรู้สึกกระด้างหน่อยๆ "แล้วก็ออกไปด้านนอก การบุ่มบ่ามลดความสงสัยต่อตัวคนอื่นลง มันคือความประมาทเลินเล่อ"มุมปากจั๋วซือหรานเหมือนมีรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ได้ปฏิเสธคำพูดเขา เพียงเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณคุณชายเยี่ยนที่เตือน หลังจากนี้ข้าจะระวังให้มาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน..."ในที่สุดนางก็หมุนตัวจากไปหลังจากเห็นแผ่นหลังนางเดินห่างไปแล้ว'เยี่ยนหราน'...หรือบางทีควรจะเรียกว่าเฟิงเหยียนตอนนี้จึงมองมายังมือตนเอง บนปลายหัวแม่มือ มีแผ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1102

    รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?""อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียวเขาค่อนข้างผ่อนคลาย...หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติพอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตาเขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1101

    คำพูดนี้ของจั๋วซือหรานไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษแต่นางหน้าตาดี แล้วยังฉลาดเฉลียว ปกติเวลาปฏิบัติต่อใครก็จะมีท่าทีเย็นชา ดังนั้นต่อให้จะสวย แต่ก็ยังรู้สึกเหินห่างด้วยเช่นกันแต่ตอนนี้ท่าทีของนาง กลับไม่ได้เย็นชาเหมือนปกตินางยิ้มตาโค้ง ยิ้มสวยหยาดเยิ้มราวกับดวงดาวพร่างพราวอยู่เต็มฟ้า เหมือนมีมนต์สะกดที่ไม่รู้จัก สามารถทำให้คนจมดิ่งเข้าไปได้ในพริบตา'เยี่ยนหราน' มองตานางนิ่ง ไม่ย้ายสายตาไปไหนเลยพักหนึ่ง"ทำไมหรือ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเบาๆ'เยี่ยนหราน' ตอนนี้จึงส่งเสียงฮึจากจมูกออกมาเป็นเชิงถาม คล้ายกับเพิ่งจะรู้สึกตัวจั๋วซือหรานหัวเราะ ถามขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยนเหม่อไปแล้วหรือ? ชื่อดวงดาวที่เจ้าบอกล่ะ?"ตอนนี้เขาจึงเอ่ยขึ้น "เหลียนเจิน เทียนเยว่ เทียนจี เทียนเซี่ยง เทียนถง เทียนเหลียง..."หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น "ไม่เลวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณชายว่าแล้วกัน ขอบคุณมาก"ปฏิกิริยาเหล่านี้ของ 'เยี่ยนหราน' จั๋วซือหรานรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างเห็นได้ชัดและรู้สึกว่าใกล้เคียงแล้ว จึงลุกขึ้นยืน "คุณชายเยี่ยนค่อยๆ กินเถิด ข้าจะไปดูพวกคนรับใช้ที่บาดเจ็บพอดี แล้วจะบอก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1100

    "เอาที่อร่อยดีกว่า" ขนมชามเองก็ใสซื่อ เอ่ยขึ้นว่า "นายท่านเองก็หิวแล้วนี่"จั๋วซือหรานยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง จับไปที่ขนมชามเบาๆยิ้มตาโค้ง "เด็กดี"จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ ถือว่าเขาโชคดีแล้วกัน"โชคดีที่มาเจอเข้ากับขนมชามที่นิสัยอ่อนโยนที่ด้านนอก ถ้าหากขนมถั่วแดงอยู่ด้านนอกล่ะก็ คงได้เสนออีกข้อหนึ่งมาแน่จั๋วซือหรานหยิบวัตถุดิบออกมาจากในมิติ คิดจะทำอาหารสักมื้อหลักๆ คือ อันที่จริงเดิมทีนางก็อยากจะทำให้ใจเขาปั่นป่วนอยู่แต่พอคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่า ถ้าหากจะปั่นป่วนจิตใจเขาจริง ก็เหมือนจะไม่ใช่วิธีการที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาตาของจั๋วซือหรานหรี่ลง พริบตานี้...ก็เหมือนมีแผนการใหม่ขึ้นมาแล้วประมาณราวสามเค่อกับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างอันหอมหวนชวนกิน ก็เสร็จสิ้นลงจากเตา"นี่คือปลาเปรี้ยวหวาน ขานกย่าง เนื้อกระดูกหอมเกรียม คะน้าไฟแดง แล้วก็มีน้ำแกงเต้าหู้กระดูกปลาอีกที่ด้วย"จั๋วซือหรานนำอาหารหอมหวนชวนกิน ยกมาวางกองลงตรงหน้า 'เยี่ยนหราน'จากนั้นจึงเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือขาว หยิบตะเกียบแล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยน ลองชิมฝีมือของข้าหน่อย"ตอนที่พูดค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1099

    เหล่าคนค้มกันทยอยกันมองไปทางหัวหน้าคนคุ้มกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความต้องการความช่วยเหลืออย่างจริงใจหัวหน้าคนคุ้มกันกัดฟันถามขึ้น "แม่ แม่นาง...คงจะไม่คิดจะตั้งชื่อ..."เขาชะงักไป เปลี่ยนทิศทางคำพูด เอ่ยต่อว่า "...อะไรทำนองนี้หรอกใช่ไหม?"ไม่หรอกกระมัง?จั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้โง่ ฟังไม่ออกถึงความกังวลพวกเขาเสียที่ไหนนางเหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง จงใจแหย่พวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ทำไมล่ะ ไม่ดีหรือ? ลาย่างไฟ ขนมไส้หมู หมูชุบกรอบ เป็ดหมักน้ำจิ้ม หมูผัดเปรี้ยวหวาน"นางพูดไปด้วยพลางชี้นิ้วไปทางพวกเขาจากนั้นจึงเห็นว่าสีหน้าของเหล่าคนคุ้มกันแทบจะร้องไห้กันออกมาแล้วตอนนี้เอง เสียงหัวเราะแผ่วเบาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตูจั๋วซือหรานมองไปตามเสียง ก็เห็นร่างเงาหนึ่งที่คุ้นเคย"เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว มองคนที่มาใหม่ด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พ่นชื่อออกมา "เยี่ยนหราน? ข้าจำชื่อไม่ผิดใช่ไหม"ชายหนุ่มร่างตรงแน่วเดินเข้ามาจากประตู พยักหน้าเบาๆ "ถูกต้อง"จั๋วซือหรานแหงนตามองเขา ไม่พูดอะไรชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง สบตากันครู่หนึ่ง อันที่จริงในใจเขาก็ไม่ค่อยสงบนัก แค่คิดว่านางมองอะไรอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1098

    นางหมายถึง...กองหนุนที่ย้ายมาจากสำนักเมฆาวารีของผู้เฒ่าเหอสินะ!?แต่ใครก็ตามที่มีความคิดเช่นนี้ เขาคงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยิ่งผยองโอหังถึงที่สุดหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ตอนที่เผยความหมายนี้ออกมากลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยองโอหังแม้แต่น้อยเพราะ เรื่องราวเหมือนจะเป็นเช่นนี้จั๋วซือหรานเหมือนจะงึมงำกับตนเองขึ้นว่า "พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดมนุษย์แล้ว มันน่าสนใจจริงๆ ทางที่ดีขอให้พวกเขาเอาเจ้าพวกนี้มาเล่นด้วย จะได้ไม่เสียเวลาที่ให้ข้ารอนานขนาดนี้...เจิ้นเจียงเหลือบมองทุกคนที่มีบาดแผลพอคิดๆ ก็ถามจั๋วซือหรานขึ้น "แม่นาง แล้วจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน? เหมือนว่าจะบาดเจ็บกันหนักมาก ข้าพาพวกเขาไปพักผ่อนดีไหม?"หัวหน้าคนคุ้มกันมองออก ว่าคนรับใช้คนนี้ของนายท่าน เหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสถานการณ์ที่นายท่านกำลังจะเผชิญแม้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมา ถึงทำให้บ่าวมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาอันที่จริงคนคุ้มกันอย่างพวกเขา ก็เพิ่งจะผ่านการถูกตระกูลเหอปฏิบัติอย่างโหดร้ายมานี่เองและยังเห็นเจิ้นเจียงมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้ต่อนายท่านแม้พวกเขา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status