ฝูซูไม่เข้าใจคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง “เจ้าสำนัก...หมายความว่าอย่างไร?”“คุณหนูของเจ้าพอบาดเจ็บ เจ้าก็กระวนกระวายขึ้นมาเลยสินะ” เจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “เจ้าลืมแผนการคุณหนูของเจ้าไปแล้วหรือ?”“แผนของคุณหนู...” ฝูซูงึมงำขึ้นมาครึ่งคำ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแผนของคุณหนูคือ ยกแรกคุณหนูจะแพ้ ยกที่สองชนะแบบหวุดหวิด และยกที่สามค่อยเอาชนะดังนั้นยกแรก นางจึงตั้งใจจะแพ้นางตอนนี้ทำตัวอ่อนแอ ก็เพื่อให้คนอื่นคิดว่านางไม่ไหว รู้สึกว่านางต้องแพ้แน่พอยิ่งเดิมพันทางนางน้อยลงแค่ไหน อัตราต่อรองของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยต่อ “บนตัวนางล้วนมีแต่แผลถลอกทั้งนั้น ด้วยฝีมือพลังวิญญาณวิชาแพทย์ของนาง ถ้านางไม่จงใจคุมพลังตนเองไว้ แผลแค่นี้เพียงไม่นานก็สมานหายดีแล้ว”“เอ่อ...” ปฏิกิริยาของฝูซูเองก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งความกังวลก็ยังแขวนเติ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีที่ลง พอกังวลก็เหมือนจะเกินเหตุ แต่ถ้าไม่กังวลก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์พอ“นั่นมันเสือเขี้ยวดาบเลยนะ สัตว์ประหลาดแบบนี้ สามารถหลบหนีแบบนี้ภายใต้การต่อสู้กับมัน อันที่จริงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่านางเก่งกาจกว่าเสื้อเขี้ยวดาบเยอะเลย เจ้าไม่รู้สึ
ตอนที่มันกระโจนไปถึงขอบเวที จั๋วซือหรานกำลังหันหลังให้มัน ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นต้องรู้ด้วย ว่าคนคนเราตอนที่ค้างอยู่กลางอากาศ ในจังหวะนี้ หากคิดจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนทิศทางร่างกาย จะต้องมีจุดเป็นแรงส่งด้วยแต่ตำแหน่งนี้ จั๋วซือหรานไม่มีจุดแรงส่งอะไรแล้วดังนั้น ทุกคนจึงมองเห็นว่าพอเท้านางแตะพื้น เสือเขี้ยวดาบก็จะกระโจนไปถึง ก่อนหน้าที่นางจะกระโจนหลบ ก็สามารถพุ่งเข้าขย้ำนางได้แล้ว!สายตาคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็ง ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นช้าลงสายตาทุกคนจับจ้องไม่วางตา ล้วนรอให้ฉากที่เลือดของนางซ่านกระเซ็นปรากฏขึ้นมา!แต่ทว่า สถานการณ์ที่ทำให้คนทั้งหมดคาดไม่ถึง กลับปรากฏขึ้นแล้ว!ปลายเท้าของจั๋วซือหรานพอแตะบนเวทีที่ทำจากหินต้องห้ามตอนนั้นเอง เสือเขี้ยวดาบก็กัดไปทางด้านหลังคอนาง จังหวะนั้น บนเวทีกลับนิ่งเงียบไม่มีเสียงกระทั่งมีคนกลั้นหายใจ!“ฉูด...!” มีเสียงเลือดสดสาดกระเซ็นดังขึ้นเลือดสดสีแดง ย้อมเข้าที่ข้างคอและคอเสื้อนาง...“นาง...” มีคนงึมงำขึ้นมา ในสายตามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ“...แพ้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น“แต่ว่า...”ถ้าไม่นับบาดแผลเหล่านั้นที่นางได้มาจากการห
เสียงดังชิ้ง!สองดาบเก็บเข้าฝักเสียงนี้ก็ราวกับทำให้คนทุกคนในอัฒจันทร์คนดูได้สติกลับมาและได้เห็นหญิงสาวชุดแดงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัว รอยขาดเหล่านั้นบนชุดแดง เผยให้เห็นผิวขาวนวลของนาง กับรอยแผลที่อยู่บนผิวนั้น...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า หลังจากที่นางร่วงลงมาจากเวที บาดแผลบนตัวนางที่มาจากเสือเขี้ยวดาบนั้น เลือดหยุดไหลไปแล้ว ความรู้สึกบอบช้ำทั้งตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้วนางกระทั่งเดินมาตรงหน้าผู้ดูแลการตัดสินไกล่เกลี่ยอินเจ๋ออันที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “คนของเจ้าชนะแล้ว ยังไม่ประกาศอีกหรือ?”อิ๋นเจ๋ออันได้สติกลับมา เขาจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดปกติแต่กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติซางถิงชนะได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางเองก็แพ้อย่างเป็นธรรมชาติ...แต่ยิ่งดูธรรมชาติเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดปกติเพราะแพ้ชนะเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ให้คำใช้คำว่าเป็นธรรมชาติมาพรรณนาแล้วหญิงสาวคนนี้เดิมทีก็ฉลาดเป็นกรด ถ้าหากเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่นนั้นก็จะต้องผิดปกติอย่างแน่นอนอินเจ๋ออันเงยขึ้นมองซางถิงบนเวทีผาดหนึ่งซางถิงถึงแม้จะสวมหน้า
การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค
จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ
หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ
ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"
เพราะขนมชามมีไฟวิเศษเปลวเพลิงอู๋ซื่ออยู่ในตัว รูปร่างเดิมจึงกึ่งโปร่งใสถนัดการพรางตัวมากที่สุดและสภาพก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวกะทันหันของจั๋วซือหราน ตอนที่ผู้เฒ่าเหอมีอาการสั่นไปทั้งตัวจากความผวาต่อตัวนาง แน่นอนว่าความสนใจทั้งหมดจึงพุ่งไปบนตัวนางจนไม่ทันได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติอื่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าแมลงกู่ที่ร่างกายกึ่งโปรงใสในปกติ และในตอนที่จำเป็นก็เพิ่มระดับความโปร่งใสได้อีก ตัวนี้ ไปเกาะอยู่บนไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไรตอนนีเ้อง พอเห็นว่าร่างของผู้เฒ่าเหอล้มลงกะทันหันขนมชามก็รีบกระพือปีกน้อยทั้งสองนั่นขึ้นมา แม้จะบินไม่ได้เร็วหรือสูงนัก แต่การจะบินขึ้นมาจากจุดเดิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตุบตุบ...ตุบตุบ...มาอยู่เบื้องหน้าจั๋วซือหราน หยุดลงข้างๆ หูแล้วจึงส่งเสียงจี๊ดๆ ขึ้นมาแต่ที่ได้ยินในหูจั๋วซือหราน ขนมชามกำลังบอกว่า "นายท่าน เขาสลบไปแล้ว"จั๋วซือหรานจุ๊ปากขึ้นมา "ชิ อ่อนแอเสียจริง""ใช่เลย" ขนมชามเห็นด้วยกับคำพูดของนายท่าน หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาบนไหล่จั๋วซือหราน เอ่ยว่า "ทั้งที่ข้าเป็นคนที่ทนรับได้ง่ายที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วด้วยซ้ำ"จั๋วซือหรานคิดแล้วก็ขำ พูดอ
สีหน้าผู้เฒ่าเหอแข็งทื่อไป หลังจากตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าก็เขียวจนซีดไป นี่นางกำลังตอบโต้เขาว่าก่อนหน้านี้ผายลมออกมาไม่ดังพอสินะ!ผู้เฒ่าเหอโมโหไม่พอใจ สูดลมหายใจลึก แล้วจึงสงบลงมาได้เขาจ้องจั๋วซือหราน "ใต้เท้าจั๋ว ท่านมาโดยไม่ได้รับเชิญถึงสองรอบ วางยาพิษลูกชายข้า ทำร้ายผู้ใต้บัญชาข้า นี่รังแกกันมากเกินไปแล้ว ทำไมหรือ? ขุนนางราชสำนักสามารถรังแกคนได้แบบนี้หรือไรกัน? คิดว่าต้าชางไม่มีกฏหมายหรือไร?"จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำนี้ พูดออกมาแค่ว่า "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าก็คือ..." ผู้เฒ่าเหอกำลังคิดจะพูดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจั๋วซือหรานตัดบทไปแล้ว "เจ้าคิดว่ายกเอากฏหมายออกมาแล้วจะช่วยชีวิตเจ้าได้เรอะ?""นี่เจ้า...!" ผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตในดวงตาถลึงโตของเขา สะท้อนใบหน้ารอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วซือหราน "ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวิธีมาทำร้ายข้า ก็คงจะเคยหาข่าวเรื่องข้ามาแล้ว คงเข้าใจในตัวข้าอยู่บ้างสินะ""ในเมื่อเจ้าเข้าใจตัวข้า ก็น่าจะชัดเจนว่า จั๋วจิ่วอย่างข้าไม่มีนิสัยที่ทำตามกฏระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร" จั๋วซือหรานเหลือบตามองเขา"เจ้ายกกฏหมายขึ้นมามีประโยชน์อะไร? ต่อ
พอได้ยินเสียงนี้ที่ดังขึ้นกะทันหัน แล้วยังคุ้นหูขนาดนี้คุ้นหูจนทำให้ผู้เฒ่าเหอยังหลังเย็นวาบ จนถึงตอนนี้ ข้างหูเขาก็เหมือนยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชายอยู่เลย...ดังนั้น พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ เสียงของผู้เฒ่าเหอที่เดิมทียังกระฟัดกระเฟียด ก็หยุดลงไปทันทีทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด!และเสียงใสเย็นของหญิงสาวคนนั้น ก็ดังลอดเข้ามาอีกครั้ง "เจ้าเองก็ลองผายลมเสียงดังๆ ให้ฟังหน่อยสิ"ผู้เฒ่าเหอก็เหมือนจะเพิ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ได้หูฝาด แต่เป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นจริงๆสีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาทันทีและตอนนี้เองหัวหน้าคนคุ้มกันตระกูลเหอที่นอนหายใจรวยรินกันบนพื้น แม้แต่จะเหลือบตามองก็ยังสุดกำลัง ก็เลิกหนังตาขึ้น แล้วมองไปทางเสียงที่ดังลอดเข้ามาเหลือบมองออกไปอย่างสุดกำลังที่มีในสายตา เงาสีแดงร่างหนึ่ง ก็รวกับเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง เผาไหม้เข้ามาจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น จากนั้น จึงก้มลงมองเขาผาดหนึ่งและสบตาเข้ากับเขาที่เงยขึ้นมาพอดีจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว จุ๊ปากขึ้นมาทีหนึ่ง "ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว"หัวหน้าคนนี้เข้าใจความหมายในคำพูดของจั๋วซือหรานซึ่งก็จริง ก่อนหน้านี้นาง
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้