แชร์

บทที่ 485

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
“ฮะ” จั๋วซือหรานเห็นต่งคังกำลังจะทำความเคารพอันยิ่งใหญ่แก่นาง

นางรีบหลบตัวไปที่ดานข้าง แล้วถามต่งคัง " ใต้เท้าต่ง เจ้าสบายดีไหม"

เสียงของต่งคังแผ่วเบา “ แม่นางจิ่ว ช่วยพวกเราด้วย...ช่วยพวกเราด้วย…”

แม้ว่าในก่อนหน้านี้ นางอยู่ในหน่วยป้องกันเมือง จั๋วซือหรานไม่เคยเห็นร้อยโทลฺหวี่เหลียงและผู้ใกล้ชิดตัวมีสภาพแย่ขาดนี้

“มีคนกล้าขัดขวางความปลอดภัยและความมั่นคงของเมืองหลวง พวกเขาอยากสร้างปัญหาใก้แก่ราชสำนัก…” ต่งคังพูดอย่างอ่อนแอ “เดิมทีข้ามาที่หน่วยลาดตระเวนเป็นประจำ.. ”

เขาไอสองครั้งและมีคราบเลือดติดปาก

ค่ายลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยมีส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมทหาร และอีกส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมสอบสวนคดีอาญา

แต่หลัก ๆ แล้ว หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัยเป็นหน่วยเดียวกัน

ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัยแตกแยกเป็นฝ่ายทหารและฝ่ายกรมสอบสวนคดีอาญา ตั้งแต่เริ่มแรกจึงมีการสลับกะในกรมสอบสวนคดีอาญา และเหล่าทหารต้องไปเปลี่ยนกะประจำ พวกเขาไปรับหน้าที่ที่กรมสอบสวนคดีอาญา จากนั้นกลับมารับหน้าที่ที่หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัย

ในฐานะหัวหน้าของกรมสอบสวนคดีอาญา ต่ง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 486

    “เชิญแม่นางจิ่วมากับข้า” ต่งคังรีบลุกขึ้นและนำจั๋วซือหรานไปที่ค่ายทหารบางแห่งและเขาก็จงใจรักษาระยะห่างกับจั๋วซือหรานเพียงไม่กี่ก้าว “ข้าอาจจะติดเชื้อโรคเช่นกัน เพื่อความปลอดภัย แม่นางจิ่วอยู่ห่าง ๆ กับข้าดีกว่า”จั๋วซือหรานสังเกตเห็นว่าดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในค่ายลาดตระเวนแห่งนี้ดูเหมือนต่งคังทราบความคิดในใจของจั๋วซือหราน ต่งคัง จึงกล่าวว่า "ข้ากังวลว่ามันจะกลายเป็นความวุ่นวายใหญ่ ดังนั้นข้าจึงสั่งทุกคนห้ามขยับตัวไปที่อื่น หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามมีคนฝ่าฝืนคำสั่งของข้า จะลงโทษตามกฎหมายทหาร"จั๋วซือหรานเหลือบมองต่งคังด้วยการชื่นชม "ด้วยการตัดสินใจของใต้เท้าต่ง โรคระบาดจะต้องได้รับการควบคุมอย่างดี"เมื่อมาถึงที่พักของยิงส้าว จั๋วซือหรานก็เดินเข้าไป เฟิงเหยียนไม่ได้ติดตาม แต่เขายืนอยู่นอกประตูเพราะเขาสวมหน้ากากและแต่งกายด้วยชุดสีดำที่เรียบง่าย ไม่มีใครคิดมากว่าเขาเป็นใคร พวกเขาแค่คิดว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์ที่ติดตามจั๋วซือหรานไม่มีใครสนใจเขา แต่ภายใต้หน้ากากของเขา ดวงตาที่แหลมคมของเขาราวกับเหยี่ยวกำลังสังเกตสถานการณ์รอบ ๆ ที่พักของยิงส้าวหลังจากจั๋วซือหรานเดินเข้าไปในค่ายทหาร เนื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 487

    ทันทีที่เฟิงเหยียนพูดคำเหล่านี้ สีหน้าของต่งคังและยิงส้าวก็ดูเคร่งขรึมเช่นกัน และพวกเขาก็มองคนที่เฟิงเหยียน จับอยู่ในมือของเขาอย่างเข้มงวดพวกเขามองจากเสื้อผ้าบนตัวของทหารคนนั้น พวกเขาทราบเลยว่า นั่นเป็นทหารธรรมดา“เจ้าเป็นทหารของใคร”“ไม่ได้รับคำสั่งจากผู้ใหญ่ ทำไมเดินเล่นในค่ายทหาร”เฟิงเหยียนโยนชายคนนั้นลงบนพื้นและไม่รั้งเขาไว้อีกต่อไป ดังนั้นทหารคนนี้สามารถพูดได้จริง ๆแต่เขากัดฟันและไม่พูดอะไร ทำตัวเหมือนไม่มีใครสามารถเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกจากปากของเขาได้“ดูเหมือนต้องลงโทษ” ต่งคังพูดและเหลือบมองยิงส้าวยิงส้าวพยักหน้าแม้ว่าพวกเขาสองคนมีคนหนึ่งมาจากหน่วยลาดตระเวนและอีกคนมาจากกรมสอบสวนคดีอาญา แต่พวกเขาต่างเป็นผู้นำทั้งคู่ พวกเขาไม่ต้องลงโทษด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาไม่ทราบวิธีการลงโทษใด ๆดูเหมือนว่าเฟิงเหยียนและจั๋วซือหรานจะมองออกว่า สองคนนี้ไม่ถนัดกับการใช้วิธีการทรมานเฟิงเหยียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวต่งคังและยิงส้าวมองออกเขาจะทำอะไร พวกเขาถึงหลบตัวไปด้านข้างแต่เฟิงเหยียนยังไม่ทันลงมือเลยพวกเขาเห็นแม่นางจั๋วจิ่วยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของนางมืดมนเล็กน้อย และดวงตา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 488

    เขามองออกทันทีเลยว่า หนอนในมือนางคือตัวอะไรมีเสียงหอบรุนแรงในลำคอของเขา เพราะเสียงนั้นรุนแรงและรวดเร็วจนฟังดูเหมือนเสียงหอนเขาสามารถมองเห็นเส้นเล็ก ๆ ในตัวหนอนพิษกู่ร้อยไหม อย่างชัดเจน และเขาสามารถเห็นได้ว่าหนวดบนตัวของมันเริ่มคมและแหลมคม ราวกับว่ามันเพียงแค่ต้องเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่ง จะเจาะเข้าไปในลูกตาของเขา“ข้าจะบอก ข้าจะบอก ข้าจะบอกทุกเรื่อง ไว้ชีวิตข้า ขอเจ้าไว้ชีวิตข้า”ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาพูดอย่างเร่งรีบ "ข้าจะบอกทุกเรื่อง บอกทุกเรื่องเลยขอรับ เอามันออกไป เอามันออกไปเร็ว ๆ นี้"เขาเห็นว่าสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของหญิงสาวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หลังจากเขาพูดเช่นนี้ เหมือนนางไม่สนใจกับการประนีประนอมของเขา“ข้าไม่อยากรู้อะไรเลย” จั๋วซือหรานบีบคางของเขาให้แน่นขึ้น และดึงหนอนพิษกู่ร้อยไหมเข้ามาใกล้ลูกตาของเขาอีกเล็กน้อยไหมกู่นั้นเกือบจะแตะลูกตาของเขา เขาพยายามกระพริบตาอย่างสิ้นหวัง และเปลือกตาของเขาถูกไหมกู่ที่แหลมคมนั้นขีดข่วน และมีเส้นเลือดของน้ำตาไหลบนแก้มของเขาต่งคังและยิงส้าวมองไปที่หญิงสาวสวยที่ไร้อารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา นางดูเหมือนนักฆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 489

    “ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเฟิง ท่านอ๋องไม่ควรออกมาตามหาข้า”จั๋วซือหรานกล่าวดวงตาของนางสว่างและชัดเจน สีหน้าและน้ำเสียงของนางก็แสดงถึงความคิดเห็นของนางได้ชัดเจนมาก "แต่ ท่านอ๋องยังมาหาข้า แม้ว่าข้าไม่ได้พูดหรือถาม แต่ข้าก็ทราบดี สุดท้ายตระกูลเฟิงต้องรู้ตัว... "นางเงยหน้าขึ้นและมองเข้าไปในดวงตาของเฟิงเหยียน "ข้ากำลังขโมยพลังของพวกเขา"เฟิงเหยียนก็มองเข้าไปในดวงตาของนางโดยไม่พูดอไร เขาไม่ปฏิเสธกับคำพูดของนาง เขาแค่มองอย่างเงียบ ๆจั๋วซือหรานกล่าวต่อ "ดูเหมือนว่าเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลและฐานะของตระกูล พวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อชีวิตของเด็ก ๆ ในตระกูลได้ คราวนี้ข้าช่วยตระกูลเฟิงพ้นจากวิกฤติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ของตระกูลเฟิง การกรำทำของข้าไร้คุณค่าอย่างมาก”“ดังนั้นแม้ว่าข้าช่วยชีวิตของพวกเขาก็จริง ช่วยพวกเขาพ้นจากอาคมหนอนพิษกู่ และช่วยตระกูลเฟิงไม่ถูกพิษกู่ทำลาย แต่สำหรับพวกเขา เมื่อเทียบกับเรื่องที่ข้าขโมยพลังของตระกูลแล้ว การกระทำของข้าไร้คุณค่าจริง ๆ ”เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร เขายังคงมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นและแตะศีรษะของนางเบา ๆเขาเงียบไปสองสามว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 490

    จั๋วซือหรานส่งเสียง 'เชอะ' ในขณะที่นางพูด สีหน้าของจงแย่มาก "... เพียงแต่ว่าเรามาถึงจุดนี้และล้มเหลวแล้ว ให้คนที่อยู่เบื้องหลังทำสำเร็จ เขาโยนความผิดมาใส่ร้ายข้า ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ข้าก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย”จั๋วซือหรานคิดว่าหากเจาหมิ่นรู้เรื่องนี้ นางจะไม่ปรากฏตัวแล้ว นางโยนความผิดใส่ร้ายนาง จั๋วซือหราน นางจั๋วซือหราน ไม่กลัวการถูกใส่ร้ายหรอก...แต่อีกฝ่ายอาจยังคิดว่าตัวเองฉลาดกว่านาง และเก่งกว่านางซึ่งทำให้จั๋วซือหรานไม่สบายใจอย่างมาก ข้าฉลาดเหลือเกิน ข้าฉลาดกว่าเจ้าอีกจั๋วซือหรานคิดเช่นนั้น จากนั้นนางส่งเสียง 'เชอะ' และดึง' ขนมชาม ' อ้วน ๆ ออกมาจากแขนเสื้อของนาง“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและกระพริบตา......ที่อีกด้านหนึ่ง รถม้าที่เรียบง่ายและไม่สะดุดตาขับออกจากพระราชวังและมุ่งหน้าไปยังจวนเฟิง เห็นได้ชัดว่า รถม้าคันนี้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้วคนที่นั่งอยู่ในรถม้ามีใบหน้าที่เย็นชาและน่ารักนางสั่งคนขับหยุดรถม้า“องค์หญิง” คนขับรถม้าเปิดประตู “สถานที่แห่งนี้ยังอยู่ห่างจากจวนเฟิงระยะหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่เป็นไร ข้าจะเดินไปเอง” เสียงของเจาหมิ่นสงบและไร้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 491

    นี่เป็นเพราะบัดนี้คือเวลาที่ดีที่สุดจนกระทั่งเจาหมิ่นเร่งคนนั้นด้วยความไม่อดทน "เร็วเข้า อย่าทำให้แผนของข้าล่าช้า"ชายคนนั้นทำได้เพียงหายใจเข้าไม่กี่ลมหายใจแล้วพูดว่า "องค์หญิง แม่นาง... จั๋วจิ่ว รักษาฉีฮ่าว... หายแล้ว กระหม่อมเห็นกับตาของตัวเอง...! หลังจากที่นางเข้าไปรักษา...ฉีฮ่าว ฉีฮ่าวฟื้นจากอาการบ้าคลั่งของเขาได้แล้ว”หลังจากเจาหมิ่นได้ยินคำพูดนี้ นางก็ไม่มีการกระทำใด ๆ อีกเลย นางแค่ยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆหลังจากที่สีหน้าของนางหายไปครู่หนึ่ง นางก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า "เป็นไปไม่ได้"เสียงของนางแหลมคม และแม้แต่ใบหน้าที่เย็นชาของนนางก็แสดงความโกรธอย่างสุดซึ้ง“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ” เจาหมิ่นจ้องไปที่ผู้ชายคนนี้ชายผู้นี้ถูกจ้องด้วยสายตาที่ดุร้ายคู่นี้ เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่รู้ตัว "องค์ องค์หญิง... กระหม่อมพูดเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ"เจาหมิ่นหายใจเข้าลึก ๆ และสีหน้าของนางกลับมาเป็นสีหน้าเย็นชาและสงบตามปกติของนาง นางจ้องมองไปที่ดวงตาของชายคนนั้น "ดังนั้นเข้ากำลังบอกว่า จั๋วจิ่ว รักษาฉีฮ่าวให้หายขาดหรือ""ใช่พ่ะย่ะค่ะ"“รักษาให้หายขาดหรือ” เจาหมิ่นถามอีกครั้ง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 492

    ดวงตาของเจาหมิ่นเคร่งขรึมมากขึ้นเล็กน้อยผู้รับใช้ที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง และเสียงของเขาก็ต่ำลง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องยกระดับเสียงขึ้น เนื่องจากพวกเขาตกใจอย่างมาก ซึ่งทำให้เสียงเหมือนไก่ขัน“เป็นไปได้อย่างไร” เขากรีดร้อง “นางเป็นเพียงคนโง่ ๆ ที่เกิดและเติบโตในตระกูลที่ทำค้าขายของแคว้นชางเอง นางอาจเป็นเพียงคนโง่ที่ไม่ทราบเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับเสน่ห์ เป็นไปได้... นั่นคือหนอนแม่กู่ที่เจ้าหุบเขากลั่นเองนะ"“นางมีความสามารถขนาดนั้นได้อย่างไร ลบสัญลักษณ์ของเจ้าหุบเขาออกแล้ว เป็นไปได้อย่างไร”เจาหมิ่นไม่ได้โกรธเพราะทัศนคติอันดุร้ายของเขา นางเข้าใจความตกใจของผู้รับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ในขณะนี้เจาหมิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของนางมืดมน "นางจั๋วซือหราน เจ้าเก่งจริง ๆ ... ข้าดูถูกนางเกินไป"“องค์หญิง ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี” ผู้รับใช้คนนี้เป็นคนไร้ประโยชน์ บัดนี้ เขาหวาดกลัวจนทำตัวไม่ถูก“เรากำลับไปก่อน” เจาหมิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ในเมื่อจั๋วซือหรานสามารถไปถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยได้… แสดงว่าสองคนนั้นถูกควบคุมแล้ว และพวกเขาคงสารภาพทุกอย่างแล้ว สองคนนั้นมันไม่ได้เรื่อง ส่วนคนที่อย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 493

    หลังจากนางพูดเช่นนี้ ก่อนที่ยามสองคนนั้นรู้ตัว นางก็ขยับตัวว่องไวเหมือนปลาชนิดหนึ่งและหลบหนีไปในทันทีพวกเขาพยายามจับนางและสอบปากคำนาง แต่ก็ทำไม่ได้ยามทั้งสองมองหน้ากันและพูดว่า "นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าจะเฝ้าที่นี่ เจ้ารีบไปรายงานผู้อาวุโส"ยามอีกคนหนึ่งรีบเดินเข้าไปในจวนเฟิงเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเหตุการณ์ของพิษกู่ร้อยไหม ตระกูลนี้ต้องเสียลูกหลานที่โดดเด่นไปตั้งสี่คน ซึ่งเป็นเรื่องหนักใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังทราบว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลถูกผู้หญิงของตระกูลอื่นใช้...ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสและผู้ใหญ่ที่บ้านจึงนอนไม่หลับทั้งคืนหลังจากฟังเนื้อหาเหล่านี้ที่ยามรักษาความปลอดภัยที่รายงานในขณะนี้ บรรยากาศที่หนักหน่วงอยู่แล้วก็เริ่มเคร่งขรึมยิ่งขึ้นและเกือบจะมีน้ำหยด“ จั๋วจิ่ว ผู้กล้าหาญคนนี้ นางช่าง... ไม่เคารพตระกูลเราเลย”“นางคิดว่าไม่มีใครจัดการนางได้หรือ”“ นางกล้าเล่นงานของตระกูลเฟิงเช่นนี้ได้อย่างไร นางไม่กลัวทำให้ทั้งตระกูลเฟิงโกรธจริง ๆ หรือ”ในความเป็นจริง ยามยืนฟังข้าง ๆ เขารู้สึกว่าพูดเช่นนี้ไม่เหมาะสมเพราะแม้ว่

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 934

    คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 933

    ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้แทบจะพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วอวิ๋นฉีอยู่เป็นระยะ"อวิ๋นฉี! อวิ๋นฉี! นั่นเจ้าจริงหรือ!" เสียงของผู้อาวุโสเจ็ดสั่นพร่าขึ้นมาจั๋วอวิ๋นฉีมองไปทางผู้อาวุโสเจ็ด เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนน้ำตาของจั๋วอี้แทบจะร่วงลงมาแล้ว ตอนที่เขามองไปทางจั๋วซือหราน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเดิมทีเขายังคิดว่า ดันจั๋วซือหรานขึ้นไปนั่งตำแหน่งอาวุโสที่นางต้องการ จากนั้นก็จะขอให้นางช่วยอวิ๋นฉีกลับมาในตระกูลนางวันนี้เพิ่งจะมาถึง ก็ทำได้เสียแล้ว!ตอนนี้เอง ข้างๆ ก็เกิดเสียงที่ต่างกันขึ้นมา มีคนที่แม้จะไม่ชอบผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แต่ก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นฉีที่ปรากฏตัวขึ้นอย่งกะทันหัน แล้วก็หญิงสาวที่ขนยังไม่ทันขึ้นอย่างจั๋วซือหราน จะสามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "แต่เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลมานานแล้วนะ จะมารับผิดชอบได้ที่ไหน...นี่เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลเชียว ดูจะรีบร้อนเกินไปหน่อย"จั๋วซือหรานไม่สนใจกับเสียงต่างนางยักไหล่ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังไงก้ได้ แต่ว่าพวกท่านต้องเข้าใจจุดนี้นะ ตอนนี้พวกท่านต้องการให้ข้ากลับมา อย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 932

    จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้านใน "ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว่าเขาอยู่ทึ่ไหน"จั๋วซือหรานพูดพลางมองไปทางประตูจากนั้นนางจึงดึงไหมกู่ไร้รูปร่างในมือของตนเอง ไม่กู่ค่อยๆ เปลี่ยนจากโปร่งใสจนมีสีกึ่งโปร่งใส เชื่อมออกไปยังนอกประตูจั๋วซือหรานมองไปทางประตู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เชลยคนอื่นถ้าหลบหนีไปไกลแบบเจ้าเนี่ย คงจะเอาชีวิตไปทิ้งกันหมดแล้ว"ทุกคนตกตะลึงขึ้นมาจากเนื้อหาในคำพูดของนาง...เชลยหรือ?นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?จากนั้นจึงเห็นว่า พอจั๋วซือหรานดึงมือ ไหมกู่กึ่งโปร่งใสเส้นนั้นก็ดึงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในประตูดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้ว ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด"นี่มัน...นี่ไม่ใช่เชลยจากแดนใต้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ?""นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินตรงไปยัง 'ฮาร์วีย์'ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง เส้นผมไม่ยาวนักของเขาถักเป็นเปีย ปลายผมยังห้อยลูกปัดไว้ ผิวหนังสีคล้ำ แม้จะไม่ถึงกับดำ แต่ก็ไม่ใช่ผิวขาวนวลเบ้าตาลึก โหนกแก้มสูงเล็กน้อย จะดูอย่างไร...ก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์หน้าตาคนแดนใต้แต่จั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 931

    "อะไรนะ!" ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าพอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนจะมองไม่เห็นพวกเขาเสียอย่างนั้นนางมองผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลาน หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางจั๋วอี้ผู้อาวุโสเจ็ดตอนนี้จึงเอ่ยต่อว่า "เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าหาตัวเลือกผู้อาวุโสที่เหมาะสมไว้แล้ว"ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าทนไม่ไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ต่อให้รู้ว่านางตอนนี้จะสำคัญมากกับตระกูลก็ทนต่อไม่ไหวแล้วจึงก่นด่าจั๋วซือหรานขึ้นมา"เจ้ากล้าดียังไง!" ผู้อาวุโสห้าเดิมทีก็มีนิสัยขี้โมโห ด่ากราดขึ้นมา "เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง แล้วจะหลงตัวเองจนไม่มีขอบเขตนะ!"ผู้อาวุโสสามไม่ได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น แต่ก็มองออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โกรธแค้น พูดจาให้ขุ่นเคืองขึ้นมา "เจ้าคิดว่าหมูหมากาไก่ที่ไหนก็จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลได้หรือ?! ตระกูลเราไม่เคยมีผู้อาวุโสหญิงมาก่อนด้วยซ้ำ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่ขนยังไม่งอกแบบเจ้าเลย!"พอเทียบกับความเดือดดาลของพวกเขาสองคนจั๋วซือหรานกลับนิ่งกว่ามาก "พอเห็นคนแบบพวกท่านมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลนี่ล่ะ ดังนั้นถูกต้อง ข้าคิดจ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 929

    สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 928

    "โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 927

    จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 926

    แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status