แชร์

บทที่ 373

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
ชายผู้นี้ไปตลาดมือดคงไม่ใช่การประมูลเลย เขาแค่หาข้ออ้างไปเป็นเพื่อนกับนาง

จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและมองไปที่มือที่ยื่นออกมาจากด้านหลังและกุมสายบังเหียนนั้น

นั่นเป็นมือของผู้ชายที่ทั่วไป มือคู่นี้มีหนังด้านที่ง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ เพราะเขาจับดาบเป็นเวลาหลายปี เขามีนิ้วยาวและมีข้อต่อที่ชัดเจน และเล็บถูกเขาตัดอย่างเรียบและสะอาด

นางโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย

ม้าไฟถนัดวิ่งจริง ๆ และใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะมาถึงตลาดมืด

เดิมทีจั๋วซือหรานคิดอยู่ว่า หากวันนี้ไม่มีงานประมูลในตลาดมืด ท่านอ๋องจะแก้ตัวอย่างไร

เพราะตลาดมืดไม่ได้จัดงานประมูลทุกวัน

ใครจะรู้ว่าหลังจากพวกเขามาถึงตลาดมืดแล้ว พวกเขาพบว่าวันนี้มีงานประมูลจริง ๆ

จั๋วซือหรานบุ้ยปากเล็กน้อย จากนั้นนางหันไปมองที่ เฟิงเหยียน

นางหลอดถาม "วันนี้ท่านอ๋องมางานประมูล ท่านอ๋องจะซื้ออะไรหรือ"

นางคิดอยู่ว่า นางจะจับพิรุธของท่านอ๋องได้ แต่ใครจะรู้...

“ฮะ” เฟิงเหยียนส่งบังเหียนของม้าไฟให้คนดูแลม้าในตลาดมืด เมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็หันมามองนางแล้วตอบว่า "ขอรับ ทาส"

จั๋วซือหรานตกตะลึง เดิมทีนางคิดว่าเฟิงเหยียนหาข้ออ้าง เพื่อมา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 374

    เพียงแต่ว่าพลังหลักทั้งสามนี้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติในตลาดมืด...หรือพูดได้ว่า พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนพื้นผิวอาจเป็นเพราะพวกเขาได้ร่วมทำธุรกิจบางบางอย่างด้วยกันหอเฟิ่งเสวี่ยทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการประมูลเป็นหลัก การคุ้มกันและการรวบรวมข่าวกรองไปได้ดีอีกด้วยส่วนหอฟ้าดาว พวกเขาจักสนามฝึกฝน และจัดบ่อนพนันด้วยส่วนหอเงินจันทร์ทำธุรกิจการซื้อขายทาสเป็นหลักแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ทำธุรกิจของอีกสองกองกำลัง แต่เป็นแค่ว่าขนาดของธุรกิจนั้นไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นพวกเขาพยายามไม่ทำธุรกิจที่ซ้อนกัน เพื่อให้ทุกคนมีกินและอยู่รอดหอเฟิ่งเสวี่ยทำธุรกิจการคุ้มกันได้อย่างดี ตามที่จั๋วซือหรานเข้าใจ นี่ควรหมายความว่าหอเฟิงเสวี่ยคล้าย ๆ หน่วยงานคุ้มกันหน่วยงานเช่นนี้สามารถขนส่งสินค้าและคุ้มกันคนได้ ด้วยเหตุนี้ หอเฟิงเสวี่ยจึงมีช่องทางในการสืบข่าวมากขึ้นอย่างไรก็ตาม คนรับใช้คนนี้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะเจ้าสำนักท่านนี้เป็นผู้ลึกลับที่สุดในหอเฟิ่งเสวี่ย ทำไมจู่ง ๆ ท่านนี้สนใจธุรกิจการคุ้มกันล่ะแต่คนรับใช้ไม่กล้าประมาท เขาจึงรีบตกลง “อย่ากังวลขอรับท่าน เดี๋ยวข้าน้อยจะสั่งคนเตีย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 375

    เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวทราบดีว่า จั๋วซือหรานเป็นคนเช่นใดเหตุผลหลักก็คือครั้งสุดท้ายที่ซือเจิ้งของหน่วยสืบสวนพิเศษปรากฏตัวและหนุนหลังนาง นางพลิกกลับเงื่อนไขและราคาที่นางได้เจรจากับเขาอย่างรวดเร็วดังนั้นเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวจึงรู้สึกว่าเมื่อต้องคุยธุรกิจกับจั๋วซือหราน เขาควรเสนอสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ต้องเกรงใจเพราะแม้ว่าเจ้าเกรงใจนาง เมื่อถึงยามที่นางไม่เกรงใจ นางก็จะไม่เกรงใจเช่นเดิมดังนั้นหลังจากเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวได้ยินคำพูดของจั๋วซือหรานแล้ว เขาก็เหลือบมองนาง"ด้วยความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างแม่นางจิ่วกับข้า ข้าอยากช่วยแม่นางอยู่จริง ๆ แต่ท้ายที่สุด หอฟ้าดาวต้องทำมาหากิน ดังนั้นเรื่องที่แม่นางจิ่วต้องการ... "เมื่อเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวพูดถึงจุดนี้นี้ จากนั้นเขายักไหล่แล้วพูดว่า "แต่นี่เป็นอีกราคาหนึ่ง"ดูเหมือนเขาไร้เดียงสามากจั๋วซือหราน "..."นางมองไปที่เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวอย่างหมดคำพูด ในชั่วครู่หนึ่งนางไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของนางได้จริง ๆจั๋วซือหรานหายใจเข้าลึก ๆ " เจ้าสำนักช่างถนัดคุย...ธุรกิจจริง ๆ "เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวไม่พูดอ้อม ๆ กับนางเลย เขาพยักหน้าและพูดว่า "

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 376

    จั๋วซือหรานหัวเราะเบา ๆ “พวกเขาปฏิบัติดีกับข้าไหมล่ะ ข้าเป็นผู้หญิง แต่พวกเขาก้าวร้าวใส่ข้า แล้วทำไมข้าต้องทนด้วย...เพียงเพราะข้าเป็นผู้หญิงเช่นนั้นหรือ”จั๋วซือหรานโค้งริมฝีปากของนางและยิ้มใส่เขา "เช่นนั้น เจ้าสำนักก็คิดว่าข้าเป็นผู้ชายละกัน"เจ้าสำนักจ้องมองนางครู่หนึ่ง จากนั้นเขาเม้มริมฝีปากของเขาจั๋วซือหรานพูดอย่างช่วยไม่ได้ " เจ้าสำนัก ข้าสังเกตแล้ว... ครั้งที่แล้ว ข้าก็แค่อ้างว่าท่านซือเจิ้งอยู่ที่นี่ เลยเอาเปรียบสักหน่อย แต่ข้าก็ไม่ได้ทำผิดถึงขั้นตายนะ ทำไมตอนนี้เจ้าถึงโกรธข้าล่ะ”เมื่อนางมาที่นี่ครั้งที่แล้ว เห็นได้ชัดว่า เจ้าสำนักผู้นี้เป็นผู้ที่เย็นชาอย่างมาก เขาแทบจะไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เลยแต่คราวนี้ที่นางมาที่นี่ ผู้ชายคนนี้สุดยอดมาก เขาเล่นตัวกับนาง มิเช่นนั้น เขาไม่ชอบนางไม่ว่านางทำอะไรก็ตามหลังจากจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวก็ไม่คิดจะเก็บอารมณ์ของตัวเองหน่อย เขาแค่เลิกคิ้วแล้วถามนาง "โอ้ เจ้ามองออกด้วยหรือ ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่คิดจะให้เจ้าสังเกตหรอก....."จั๋วซือหราน "..."เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวยังคงถามต่อ"ผู้ใดของตระกูลจั๋ว และผู้ใดของตระกูลเหยียน บอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 377

    จั๋วซือหรานทราบอยู่เสมอว่าจะมีโรคระบาดและนางได้วางแผนและเตรียมการไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ได้เริ่มเตรียมเปิดศูนย์การแพทย์และร้านขายยาทันทีหลังจากจบการแข่งขันกับตระกูลเหยียนหากนางไม่ทราบเรื่องนี้ นางจะไม่เห็นด้วยกับแผนการที่ท่านแม่กลับไปเยี่ยมบ้านคุณตาหลังจากนางทราบเรื่องของบ้านคุณตานางเห็นด้วยกับท่านแม่ เพราะนางอยากให้วัสดุยาของบ้านคุณตาส่งเข้ามาในเมืองหลวงด้วยแต่สิ่งที่จั๋วซือหรานคาดไม่ถึงก็คือตอนนี้เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางรู้สึกว่านางได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนางไปมากจั๋วเห้อหรงยังไม่ยอมสำนึกผิดอีก ยังสร้างปัญหาอีก จนกระทั่งถึงขั้นตายหากถึงขึ้นนั้น ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้จริง ๆเพราะในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิม เมื่อตระกูลจั๋ว ถูกลงโทษและสั่งเนรเทศ คนแรกที่ถูกสัลงโทษคือจั๋วเห้อหรงแม้ว่าจั๋วซือหรานจะรู้สึกว่าจุดจบนี้เสมือนทำชั่วได้ชั่วแต่นางก็ยังอดไม่ได้ที่ต้องสงสัยว่า เป็นไปได้ไหมว่า... นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้นอกจากโชคชะตาของตัวเองจั๋วเห้อหรงยังคงทำผิดพลาดเดิมเช่นเดียวกับทฤษฎีผลกระทบผีเสื้อ ตระกูลจั๋วอาจยังคงต้องถูกทำลายในเหตุการณ์นี้เช่นเดิมแล้ว...ท่าน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 378

    เดิมทีเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวรู้สึกธุรกิจนี้ทำไม่ได้ แต่เมื่อเขาเห็นแววตาอันชัดเจนในดวงตาที่สวยงามของนาง นางมีท่าทางที่สงบและมีกลยุทธ์นั้น ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนางซึ่งทำให้คนเชื่อนางอย่างมากเจ้าสำนักของหอฟ้าดาวเม้มริมฝีปากแน่น เขาคิดครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้น บอกข้าหน่อยสิ หากไม่ใช่เพราะโกรธ แล้วเจ้าทำเช่นนี้ทำไม"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบา ๆ "ข้าไม่สามารถบอกเหตุผลได้ ข้าบอกได้แค่ว่า หากม่ช่องทางนำส่งวัสดุยาเข้าเมืองหลวง เราจะไม่เจ๊งแน่ ๆ "“ทำไมเจ้าถึงมั่นใจขนาดนี้” เจ้าสำนกของหอฟ้าดาวจ้องมองนางจั๋วซือหรานคิดครู่หนึ่ง จากนั้นนางยิ้มและพูด "ข้าจะหาคนจ่ายให้"ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพยักหน้าและพูดอย่าง 'โหดร้าย'ว่า หาจั๋วซือหรานทำในสิ่งที่นางพูดไม่สำเร็จ เขาจะไม่มีวันปล่อยนางไปแน่ ๆจั๋วซือหรานไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้านเรื่องนี้ นางได้วางแผนในใจแล้วไม่เพียงเท่านั้น จั๋วซือหรานยังให้เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวจัดสนามแข่งให้นางภายในสองสามวันจากนั้นนางจึงแยกย้ายกับเจ้าสำนักของหอฟ้าดาว นางทำตามที่เจ้าสำนักของหอฟ้าดาวพูด มุ่งหน้าไปท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 379

    เฟิงเหยียนส่งจั๋วซือหรานกลับบ้านเมื่อพวกเขามาถึงประตูจวนของจั๋วซือหราน ทั้งสองก็หยุดฝีเท้าเดิมทีพวกเขาคงอยากคุยกันหน่อยก่อนที่เขาจะพูด มีเงาของใครบางคนปรากฏ จากนั้นผู้พิทักษ์เงาในชุดดำหลายคนก็คุกเข่าต่อหน้าเฟิงเหยียนจั๋วซือหรานมองไปที่ชายชุดดำเหล่านั้น นางจำเครื่องประดับที่อยู่บนเสื้อผ้าของผู้พิทักษ์เงาได้แต่นางก็รู้สึก... ว่าเครื่องประดับนั้นดูไม่ค่อยเหมือนเสื้อผ้าปกติที่ผู้พิทักษ์เงาของเฟิงเหยียนจั๋วซือหรานตระหนักได้ทันทีว่า บางทีนี่อาจเป็นเพียงผู้พิทักษ์เงาของจวนเฟิง แต่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์เงาของเฟิงเหยียนเมื่อจั๋วซือหรานหันกลับไปมองเฟิงเหยียนอีกครั้ง นางสังเกตสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึกและเย็นชาในตอนแรกที่เขาเผชิญหน้ากับจั๋วซือหราน แม้ว่าเขาจะไม่มีสีหน้าอันอ่อนโยนและอบอุ่นก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็สงบอยู่เขาไม่ค่อยเย็นชาเท่าไรแต่ขณะนี้เขาเย็นชาอย่างมากเฟิงเหยียนมองพวกเขาอย่างเฉยเมย เขาพูดออย่างไร้ความรู้สึก “มีอะไร”ผู้พิทักษ์เงาในชุดดำหลายคนยังคงคุกเข่าด้วยความเคารพ และเสียงของพวกเขาฟังดูสงบและไม่แยแสพวกเขาปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง " ซื่อจื่อ เกิดเรื่องใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 380

    นี่เป็นอะไรกันเนี่ย นางดูดพลังหยางและเติมพลังหยินจากเขา เขาต้องเอาคืนหรือแต่จั๋วซือหรานยังไม่ทันคิดเรื่องนี้ เฟิงเหยียนก็ปล่อยนางไปแล้ว สีหน้าของเขาดูราวกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย สงบและไร้เดียงสาในทางตรงกันข้าม ริมฝีปากของนางแดงและบวม และการที่นางยกมือและเช็ดปากของนางเบา ๆ ทำให้นางดูกังวลและอึดอัดมากยิ่งขึ้น“ ท่านอ๋อง เจ้า...”“หากข้าไม่ดูดกลับบ้าง พรุ่งนี้เจ้าจะถูกพลังนั้นเผา” เฟิงเหยียนกล่าวจั๋วซือหรานจำได้ว่าหลังจากนางรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาแล้ว นางถูกพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาปลุกเข้าร่างกายของนาง และวันรุ่งขึ้น นางเจ็บตัวจนตั้งสติไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยนางกลอกตาและเอื้อมมือไปจับข้อมือของเฟิงเหยียนเฟิงเหยียนเพียงรู้สึกได้ถึงมีพลังอันบริสุทธิ์กำลังไหลเข้าสู่ระบบเส้นลมปราณของเขา เขารู้สึกสบายตัวมากเขารู้สึกพลังนั้นไม่ใช่พลังไฟของตระกูลเฟิง และไม่ใช่พลังไม้ของตระกูลจั๋วนั่นเป็นพลังที่บริสุทธิ์และมหัศจรรย์มาก ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายได้ชั่วขณะหนึ่งจั๋วซือหรานกล่าวว่า "เอาเป็นว่าข้าตอบแทนข้าละกัน เนื่องจากเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยคว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 381

    “ใช่แล้ว เหยียนเอ๋อร์ เจ้าแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่” ผู้อาวุโสถามเฟิงเหยียนตรวจดูเป็นคร่าว ๆ เขาตอบ "ข้าหมดปัญญาขอรับ"ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ เขาคิดเช่นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาเป็นผู้ที่ฝึกฝนเฟิงช่านเอง และเฟิงช่านก็ยังเป็นรุ่นหลังที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดอีกด้วยแต่ตอนนี้เฟิงช่านกลายเป็นเช่นนี้ผู้อาวุโสท่านนี้พูดอย่างวิตกกังวล “ทำไมจะไม่มีทางออก ทำไมจะไม่มีทางแก้ปัยหาล่ะ เจ้าดูออกอยู่ใช่ไหม พวกเขาถูกวางยาพิษทั้งนั้น ในเมื่อถูกวางยาพิษ เจ้าต้องมีทางแก้ปัญหาสิ”ผู้อาวุโสจ้องมองที่ดวงตาของเฟิงเหยียนอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของผู้อาวุโสโหดร้ายเล็กน้อย"เจ้าร้อยพิษไม่กล้ำกลายมิใช่หรือ"สีหน้าของเฟิงเหยียนไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเขามีพลังอันรุนแรงที่สุด ตระกูลของเขาได้ผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ไว้ในตัวร่างกายของเขา เขามีไฟที่รุนแรงและทรงพลังเช่นนี้เขายังจะถูกพิษกัดกร่อนได้อย่างไร พิษทั้งหมดจะถูกไฟเผาจนไม่เหลืออะไรเลยเฟิงเหยียนเหลือบมองผู้อาวุโสท่านนี้ เขาตอบ "ข้าร้อยพิษไม่กล้ำกลายก็จริง แต่พวกเขาไม่ใช่"“แล้ว แล้วตอนนี้เราต้องทำอย่างไรดี” ไม่น่าแปลกใ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1102

    รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?""อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียวเขาค่อนข้างผ่อนคลาย...หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติพอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตาเขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1101

    คำพูดนี้ของจั๋วซือหรานไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษแต่นางหน้าตาดี แล้วยังฉลาดเฉลียว ปกติเวลาปฏิบัติต่อใครก็จะมีท่าทีเย็นชา ดังนั้นต่อให้จะสวย แต่ก็ยังรู้สึกเหินห่างด้วยเช่นกันแต่ตอนนี้ท่าทีของนาง กลับไม่ได้เย็นชาเหมือนปกตินางยิ้มตาโค้ง ยิ้มสวยหยาดเยิ้มราวกับดวงดาวพร่างพราวอยู่เต็มฟ้า เหมือนมีมนต์สะกดที่ไม่รู้จัก สามารถทำให้คนจมดิ่งเข้าไปได้ในพริบตา'เยี่ยนหราน' มองตานางนิ่ง ไม่ย้ายสายตาไปไหนเลยพักหนึ่ง"ทำไมหรือ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเบาๆ'เยี่ยนหราน' ตอนนี้จึงส่งเสียงฮึจากจมูกออกมาเป็นเชิงถาม คล้ายกับเพิ่งจะรู้สึกตัวจั๋วซือหรานหัวเราะ ถามขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยนเหม่อไปแล้วหรือ? ชื่อดวงดาวที่เจ้าบอกล่ะ?"ตอนนี้เขาจึงเอ่ยขึ้น "เหลียนเจิน เทียนเยว่ เทียนจี เทียนเซี่ยง เทียนถง เทียนเหลียง..."หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น "ไม่เลวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณชายว่าแล้วกัน ขอบคุณมาก"ปฏิกิริยาเหล่านี้ของ 'เยี่ยนหราน' จั๋วซือหรานรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างเห็นได้ชัดและรู้สึกว่าใกล้เคียงแล้ว จึงลุกขึ้นยืน "คุณชายเยี่ยนค่อยๆ กินเถิด ข้าจะไปดูพวกคนรับใช้ที่บาดเจ็บพอดี แล้วจะบอก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1100

    "เอาที่อร่อยดีกว่า" ขนมชามเองก็ใสซื่อ เอ่ยขึ้นว่า "นายท่านเองก็หิวแล้วนี่"จั๋วซือหรานยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง จับไปที่ขนมชามเบาๆยิ้มตาโค้ง "เด็กดี"จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ ถือว่าเขาโชคดีแล้วกัน"โชคดีที่มาเจอเข้ากับขนมชามที่นิสัยอ่อนโยนที่ด้านนอก ถ้าหากขนมถั่วแดงอยู่ด้านนอกล่ะก็ คงได้เสนออีกข้อหนึ่งมาแน่จั๋วซือหรานหยิบวัตถุดิบออกมาจากในมิติ คิดจะทำอาหารสักมื้อหลักๆ คือ อันที่จริงเดิมทีนางก็อยากจะทำให้ใจเขาปั่นป่วนอยู่แต่พอคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่า ถ้าหากจะปั่นป่วนจิตใจเขาจริง ก็เหมือนจะไม่ใช่วิธีการที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาตาของจั๋วซือหรานหรี่ลง พริบตานี้...ก็เหมือนมีแผนการใหม่ขึ้นมาแล้วประมาณราวสามเค่อกับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างอันหอมหวนชวนกิน ก็เสร็จสิ้นลงจากเตา"นี่คือปลาเปรี้ยวหวาน ขานกย่าง เนื้อกระดูกหอมเกรียม คะน้าไฟแดง แล้วก็มีน้ำแกงเต้าหู้กระดูกปลาอีกที่ด้วย"จั๋วซือหรานนำอาหารหอมหวนชวนกิน ยกมาวางกองลงตรงหน้า 'เยี่ยนหราน'จากนั้นจึงเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือขาว หยิบตะเกียบแล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยน ลองชิมฝีมือของข้าหน่อย"ตอนที่พูดค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1099

    เหล่าคนค้มกันทยอยกันมองไปทางหัวหน้าคนคุ้มกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความต้องการความช่วยเหลืออย่างจริงใจหัวหน้าคนคุ้มกันกัดฟันถามขึ้น "แม่ แม่นาง...คงจะไม่คิดจะตั้งชื่อ..."เขาชะงักไป เปลี่ยนทิศทางคำพูด เอ่ยต่อว่า "...อะไรทำนองนี้หรอกใช่ไหม?"ไม่หรอกกระมัง?จั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้โง่ ฟังไม่ออกถึงความกังวลพวกเขาเสียที่ไหนนางเหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง จงใจแหย่พวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ทำไมล่ะ ไม่ดีหรือ? ลาย่างไฟ ขนมไส้หมู หมูชุบกรอบ เป็ดหมักน้ำจิ้ม หมูผัดเปรี้ยวหวาน"นางพูดไปด้วยพลางชี้นิ้วไปทางพวกเขาจากนั้นจึงเห็นว่าสีหน้าของเหล่าคนคุ้มกันแทบจะร้องไห้กันออกมาแล้วตอนนี้เอง เสียงหัวเราะแผ่วเบาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตูจั๋วซือหรานมองไปตามเสียง ก็เห็นร่างเงาหนึ่งที่คุ้นเคย"เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว มองคนที่มาใหม่ด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พ่นชื่อออกมา "เยี่ยนหราน? ข้าจำชื่อไม่ผิดใช่ไหม"ชายหนุ่มร่างตรงแน่วเดินเข้ามาจากประตู พยักหน้าเบาๆ "ถูกต้อง"จั๋วซือหรานแหงนตามองเขา ไม่พูดอะไรชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง สบตากันครู่หนึ่ง อันที่จริงในใจเขาก็ไม่ค่อยสงบนัก แค่คิดว่านางมองอะไรอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1098

    นางหมายถึง...กองหนุนที่ย้ายมาจากสำนักเมฆาวารีของผู้เฒ่าเหอสินะ!?แต่ใครก็ตามที่มีความคิดเช่นนี้ เขาคงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยิ่งผยองโอหังถึงที่สุดหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ตอนที่เผยความหมายนี้ออกมากลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยองโอหังแม้แต่น้อยเพราะ เรื่องราวเหมือนจะเป็นเช่นนี้จั๋วซือหรานเหมือนจะงึมงำกับตนเองขึ้นว่า "พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดมนุษย์แล้ว มันน่าสนใจจริงๆ ทางที่ดีขอให้พวกเขาเอาเจ้าพวกนี้มาเล่นด้วย จะได้ไม่เสียเวลาที่ให้ข้ารอนานขนาดนี้...เจิ้นเจียงเหลือบมองทุกคนที่มีบาดแผลพอคิดๆ ก็ถามจั๋วซือหรานขึ้น "แม่นาง แล้วจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน? เหมือนว่าจะบาดเจ็บกันหนักมาก ข้าพาพวกเขาไปพักผ่อนดีไหม?"หัวหน้าคนคุ้มกันมองออก ว่าคนรับใช้คนนี้ของนายท่าน เหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสถานการณ์ที่นายท่านกำลังจะเผชิญแม้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมา ถึงทำให้บ่าวมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาอันที่จริงคนคุ้มกันอย่างพวกเขา ก็เพิ่งจะผ่านการถูกตระกูลเหอปฏิบัติอย่างโหดร้ายมานี่เองและยังเห็นเจิ้นเจียงมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้ต่อนายท่านแม้พวกเขา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1097

    จั๋วซือหรานหลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเหอในที่สุดก็ทนกับความโกรธไม่ไหวตาเหลือกสลบเหมือดไปอีกครั้งจั๋วซือหรานจึงพาคนออกมาจากจวน ตอนที่ไปยังโรงเตี๊ยม หัวหน้าคนคุ้มกันยังมีความระแวดระวังอยู่"แม่นาง นี่คือโรงเตี๊ยมของตระกูลเหอ"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขา พยักหน้าตอบ "ข้ารู้""ท่านไม่กังวล..." ขณะที่หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้น ก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ว่าเจ้านายใหม่ของตนเอง เหมือนเดิมทีจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกังวลกับอะไรนัก""ถ้าหากกังวลล่ะก็ เกรงว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในป่าทวนแสงก่อนหน้านี้ คงไม่ถูกนางเล่นงานเสียจนเป็นแบบนั้นหัวหน้าคนคุ้มกันบอกพูดพลางยิ้มจางๆ บอกกับตนเองว่า "ก็ถูก..."จั๋วซือหรานเพิ่งเดินเข้าประตูโรงเตี๊ยม เจิ้นเจียงก็เข้ามาต้อนรับแล้ว "คุณหนู! ท่านกลับมาแล้ว!"จั๋วซือหรานขานรับอืม เหลือบมองเขา "มีเรื่องอะไรยุ่งยากหรือเปล่า?"เจิ้นเจียงส่ายหัวตอบกลับ "ไม่มีเลยขอรับ ก็แค่ตอนที่เริ่มมีคนคิดจะมาหาเรื่อง แต่ยังไม่ทันได้แตะข้า ก็ถูกฟาดจนล้มไป หลังจากนั้น...ไม่มีหลังจากนั้นแล้วขอรับ"เจิ้นเจียงรู้ว่านายท่านคงทำอะไรไว้บนตัวตนเอง แต่ว่าจนถึงตอนที่เห็นคนที่คิดจะเข้ามาหาเรื่อง กระทั่งย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1096

    ราวกับว่าความรู้สึกที่คลุมเครือในใจนั้น ในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งนางไม่มีประสบการณ์ผ่านเรื่องนี้จริงๆ แต่ในเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างเจ้าของเดิมถูกควบคุมโดยฉินตวนหยาง ทำให้ร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วมองเห็นตนเองถูกควบคุมอยู่ตลอดเวลาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแตกต่างอะไรกับหุ่นเชิดความมืดกัน วิญญาณถูกขังให้รับการควบคุมอยู่ในเปลือกร่าง ไม่อาจสงบสุขได้อีก ไม่อาจหลุดพ้นได้...เกลียดชังขนาดที่แม้จะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วผู้เฒ่าเหอพอได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ยังคงเช็ดแผลเลือดซิบบนหน้าตนเอง เช็ดจนบวมขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานไม่หันไปมองผู้เฒ่าเหออีก นำทางคนที่รับเข้ามาใหม่เตรียมจะออกไปพวกเขาแม้จะยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็เดินกันได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นในใจพวกเขาก็เข้าใจดี ต่อให้ตนเองเดินไม่ได้ จะต้องคลาน! ก็ต้องตามแม่นางออกไปพอเห็นจั๋วซือหรานออกไป ในใจผู้เฒ่าเหอก็เกิดความรู้สึกโล่งใจออกมาแต่ความรู้สึกที่มากว่า ยังคงเป็ฯความโกรธเคือง ชิงชังจนเข้ากระดูกดำแม้จะไม่กล้าพูดอะไรที่รุนแรงออกมา แต่กลับยังใช้สาย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1095

    จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรให้ฟังต่อเท่าไรแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนจะเดาออกมาได้อยู่สาเหตุที่ใช้คนเป็นมาหลอมสกัด โดยเฉพาะต้องไปลอบโจมตีคนที่ทักษะยุทธ์ยอดเยี่ยมมาหลอมเป็นหุ่นเชิดความมืดแน่นอนว่าเป็นเพราะทักษะยุทธ์กับความคิดด้านต่อสู้ของอีกฝ่าย และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในร่างกายของอีกฝ่าย แต่อยู่ในจิตใต้สำนึกของอีกฝ่าย...พูดให้ง่ายหน่อย คืออยู่ในจิตวิญญาณของอีกฝ่ายนั่นเองพอร่างตายวิญญาณก็ดับสลายแล้วตะปูวิญญาณนี่...จั๋วซือหรานมองตะปูยาวในมือเล่มนี้ ฟังจากชื่อก็เดาประโยชน์ของมันได้ไม่ยากโหดร้ายมาก ตอกดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไว้ในร่างกาย ประสิทธิภาพของอักขระคำสาปเปล่านี้ ก็ควรจะเป็นเช่นนี้กระมังผู้เฒ่าเหอพอเห็นจั๋วซือหรานไม่ถามต่อ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถอนใจยาวออกมาและตอนนี้เอง หลังจากได้รับการรักษาของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ฟื้นฟูพลังปราณมาแล้วบางส่วนก็พูดกับจั๋วซือหรานอย่างนอบน้อม "แม่นาง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนที่หลอมสกัดหุ่นเชิดความมืดเป็นคนแรก ก็คือบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเมฆาวารี แต่เจ้าสำนักเมฆาวารีในตอนนี้ เป็นรุ่นหลังของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักคนนั้น"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1094

    ถ้าหากใช้ศพของคนล่ะ?แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตอนที่หุ่นเชิดร่างแรกถูกหลอมออกมา ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นกระทั่ง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นก็พบกับการลงโทษที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดมนุษย์ก็ถูกตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ว่า ทักษะนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วทักษะอะไรก็ตามพอปรากฏออกมาแล้ว ต่อให้จะถูกตีตราเป็นสิ่งต้องห้ามก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่แอบนำมาใช้งานกันอยู่ส่วนหุ่นเชิดความมืดตัวแรกนั้น...จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น "ดังนั้นเอาคนเป็นมาใช้ถึงจะกลายเป็นหุ่นเชิดความมืดสินะ"นางมองผู้เฒ่าเหอ "ข้าเป็นหมอ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลวนัก บาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนตายกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายตายไปแล้ว ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี"เจตนาที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ออกมานั้นง่ายมาก ก็คือจะพูดกับผู้เฒ่าเหอให้ชัดเจนถึงความหมายหนึ่ง...อย่าโกหกข้าผู้เฒ่าเหอเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเล็ก "ใช่แล้ว แค่นำคนเป็นมาทำ ก็จะเรียกว่าหุ่นเชิดความมืด แม้หุ่นเชิดความมืดจะถูกสั่งห้ามมาตลอด แต่ระหว่างปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนด้วยกันก็มีการหารือกันมาตลอด หุ่นเชิดมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องควา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status