ปันอวิ๋นอยู่ข้างๆ เกิดอาการไม่กล้าส่งเสียงขึ้นมาอย่างประหลาดผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกระแอมออกมา กดเสียงลงต่ำ กระทั่งคำเรียกจั๋วเฮ่ออิงก็ญังเปลี่ยนไป "ท่านเองก็ระงับอารมณ์ลงหน่อย เขาเองก็มีความทุกข์ของเขาอยู่นะ""เข้ามีความทุกข์หรือ? มีความทุกข์แล้วมาทำแบบนี้กับลูกสาวข้าได้รึ?!" จั๋วเฮ่ออิงโมโหขึ้นมาจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ มองท่าทีนี้ของพ่อตนเอง...ว่ายังไงดีล่ะ อันที่จริงเดิมทีนางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจั๋วเฮ่ออิงเลย อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ต้องให้เขามาสนใจเพราะเจ้าของร่างเดิมไม่อยู่ตั้งนานแล้ว หรือก็คือ 'ลูกสาวของจั๋วเฮ่ออิง' ไม่อยู่ตั้งนานแล้วนั่นเองยิ่งไปกว่านั้นอดีตระหว่างเฟิงเหยียน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าของร่างเดิมแม้แต่น้อยด้วย แต่เกี่ยวกับจั๋วซือหรานที่เป็นนางต่างหากสรุปก็คือ ในใจจั๋วซือหรานแล้ว จะมีจั๋วเฮ่ออิงหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกันแต่ถ้าจะพูดว่าไม่เกี่ยวอะไรกัน...จั๋วเฮ่ออิงตอนนั้นก็ช่วยแม่ของเฟิงเหยียนไว้จริงๆ ไม่ต้องพูดเรื่องสายเลือดเลย เขาเป็นพ่อของนางอย่างแท้จริงบวกกับเรื่องที่เมื่อครู่จั๋วเฮ่ออิงแบกนางวิ่งมาตลอดทางด้วย เสื้อผ้าถูกเลือดของนางย้อ
"อื๋อ?" จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นจมูกออกมาปันอวิ๋นถามต่อ "ทำไมเจ้าจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง? ด้วยวิชาแพทย์ของเจ้า น่าจะรู้ตั้งนานแล้วนี่?"จั๋วซือหรานยกมุมปากยิ้มๆ "อายุยังน้อยอยู่น่ะ ก็เลยไม่ทันสังเกต ยิ่งไปวก่านั้นก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร..."จั๋วซือหรานคิดๆ "ข้าลองมาคิดดู น่าจเพราะก่อนหน้านี้สัมผัสกับปราณหยินมากเกินไปกระมัง? ถึงอย่างไรหุ่นเชิดความมืดมากขนาดนั้น...ตอนนั้นข้าก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ เลยไม่ได้คิดถึงด้านนี้เลย"จั๋วซือหรานในเมื่อรู้แล้วว่าตนเองตั้งท้อง นางก็อยากจะลองสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆ ถึงกลายเป็นเช่นนี้พอคิดอย่างละเอียด บางทีสาเหตุอาจจะเพราะสัมผัสกับปราณหยินมากเกินไปและที่อยู่ในท้องนี่ พ่อเขาก็เป็นภาชนะหงส์แดงด้วย น่าจะไม่ค่อยชอบ...เจ้าของอย่างปราณหยินเข้มข้นแบบนี้ดังนั้นแต่เดิมที่ปกตินิ่งๆ เงียบๆ ไม่มีปฏิกิริยาอะไร จึงระเบิดออกมาอย่างกะทันหันจั๋วซือหรานกระทั่งยังรู้สึกว่า ที่อยู่ในท้องนี้ ให้หน้านางอยู่พอสมควร อย่างน้อยก็ไม่ทิ้งระเบิดออกมาตอนที่นางกำลังเป็นศัตรูกับสำนักเมฆาวารีไม่อย่างนั้นตนเองคงจะไม่สบาย
ได้ยินคำนี้ของจั๋วเฮ่ออิง ปันอวิ๋นก็ขมวดคิ้ว เหมือนอยากจะเปิดปากพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ควรจะเริ่มจากตรงไหนแม้จะบอกว่าจั๋วเฮ่ออิงหลายปีนี้จะละเลยหน้าที่ไปมากก็ตาม ไม่ได้มาทำหน้าที่พ่อคนหนึ่ง น่าจะไม่มีคุณสมบัติมาคุยเรื่องแบบนี้กับนางแต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นพ่อแท้ๆ ของจั๋วซือหราน ถ้าว่ากันจากสายเลือดและแง่ของความรู้สึกตอนนี้ดูแล้ว เขาก็ดูจะเป็นหวงและกังวลต่อหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้วปันอวิ๋นเดิมทีเตรียมจะพูดอยู่ แต่ตอนนี้ก็เม้มปากอีกครั้ง ไม่พูดอะไรออกมาหลักๆ คือ หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่ทำให้วางใจได้มาตลอด เขารู้สึกว่า ในใจนางน่าจะเข้าใจอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวลมากนักเกี่ยวกับสายเลือดของตระกูลเฟิง เกี่ยวกับพลังที่สืบทอดทางสายเลือดพวกนั้นรวมไปถึง...สิ่งที่แม่ของเฟิงเหยียนเจอตอนนั้น ปันอวิ๋นในเมื่อมีตำแหน่งเจ้าหุบเขาหมื่นพิษ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสภาผู้อาวุโส เกี่ยวกับเรื่องนี้จะอย่างไรเขาก็ต้องรู้อยู่บ้างในเมื่อรู้ จึงได้เข้าใจ ถ้าหากจั๋วซือหรานปล่อยให้เด็กในท้องเติบโตต่อ นางจะเต้องเจอกับสถานการณ์แบบไหนต่อให้นางมีฝีมือไม่ธรรมดา ต่อให้วิชาแพทย์ของนางจะยอดเยี
พวกมันเดิมทีเพราะเป็นห่วงมากเกินไป กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น เอาแต่อยู่ข้างๆ จั๋วซือหรานไม่กินไม่นอนและตอนนี้ จั๋วซือหรานก็เห็นหลายสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยอยู่ข้างๆ เตียงนางรู้สึกจนใจ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่งแล้วจึงเอาคำพูดที่บอกกับแมลงกู่และสัตว์อสูรในมิติก่อนหน้านี้ บอกกับพวกเขาอีกรอบหนึ่ง หลักๆ คือ จั๋วหวายใกล้จะร้องไห้ส่งเสียงออกมาแล้ว จั๋วซือหรานเองก็ทนไม่ค่อยได้"เอาล่ะ อย่ามาทำหน้าสลดจะร้องไห้" หลังจากจั๋วซือหรานพูดแล้ว ก็ยิ้มตาโค้งให้กับจั๋วหวาย "ข้าไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าถ้าถึงเวลาจริงๆ ข้าจะต้องเลือกตัวเองแน่นอน ข้ายังสวยสะพรั่งขนาดนี้ ความสามารถก็ยังยอดเยี่ยม ข้ายังใช้ชีวิตไม่พอเลยนะ"จั๋วหวายจ้องเขม็งดวงตาจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ต้องเป็นงั้น ต้องเป็นอย่างนั้นนะ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มตาโค้ง "อืม แน่นอน"จั๋วเฮ่ออิงที่อยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด ปันอวิ๋นเองก็อยู่ในสภาพนิ่งงันจนตอนที่จั๋วหวายถูกจั๋วซือหรานใช้ข้ออ้างว่าอยากกินอะไร ให้จั๋วหวายออกไปจัดการให้หน่อยจั๋วเฮ่ออิงกับปันอวิ๋นก็เหมือนตัดสินใจจะพูดแล้วปันอวิ๋นถามขึ้นมาก่อน "เจ้าตัดสินใ
เพราะจั๋วซือหรานเคยได้ยินเรื่องของเขากับแม่ของเฟิงเหยียนจากเฟิงอวี้พ่อของเฟิงเหยียนมาลมหายใจของจั๋วเฮ่ออิงหอบถี่ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ขึ้นลงอย่างรุนแรง"แต่คนเรามันไม่ใช่ผักหญ้านะ! เจ้าตอนนี้รู้สึกแค่ว่าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งในท้องเท่านั้น แต่ถ้าเด็กในท้องโตขึ้นเมื่อไร สะอึกพ่นฟองในท้องเจ้า พลิกตัวในท้องเจ้า แขนขาเล็กๆยื่นออกเตะต่อยในท้องเจ้าขึ้นมาล่ะ!"ใจของเจ้าจะอ่อนลงมา เจ้าจะไม่รู้สึกหนักแน่นว่าไม่เก็บไว้ก็ได้แบบนี้ เจ้าจะรู้สึกว่า ต่อให้ฟ้าถล่มเจ้าก็จะต้องคลอดเขาออกมา! ต่อให้ชีวิตตัวเองจะหาไม่ก็ต้องเก็บเขาไว้!ปันอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินว่าอารมณ์จั๋วเฮ่ออิงดูตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เสียงเองก็ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆจึงเตือนเสียงต่ำขึ้นมาคำหนึ่ง "ท่านใจเย็นก่อน ตอนนี้ไม่ใช่กำลังหารือกันหรือไร ยิ่งไปกว่านั้นจั๋วซือหรานก็ไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอแบบที่ท่านคิดหรอกนะ ในใจนางมีขอบเขตการกระทำอยู่แล้ว"แต่จั๋วเฮ่ออิงกลับไม่แม้แต่จะมองปันอวิ๋น สายตาเขาจ้องเขม็งอยู่ที่จั๋วซือหรานมาตลอดครู่ต่อมา เขาก็สูดลมหายใจลึก จึงเอ่ยเสียงต่ำต่อมาว่า "คำพูดเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพูด"ปันอวิ๋นพอได้ยินก็งงงั
คำพูดก็พูดออกมาเรียบร้อย ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว และรู้ว่าเตือนอะไรไม่ได้แล้วอันที่จริงยิ่งเป็นคนที่ฉลาดแบบจั๋วซือหราน ยิ่งก็เตือนอะไรไม่ได้เพราะว่า นางรู้หลักการทั้งหมด ความเสี่ยงอะไรนางก็คำนวณไว้แล้ว กระทั่งน่าจะคำนวณได้ชัดเจนยิ่งกว่าใครอีกด้วยแต่ถ้านางยังเลือกตัดสินใจออกมา ก็อธิบายได้ว่านี่เป็นการเลือกหลังจากผ่านการคิดพิจารณาแล้ว จะกล่อมจะเตือนได้ยากมากปันอวิ๋นเองก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากนิ่งงันไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "ข้าจะหาสาวใช้ที่มือไม้คล่องแคล่วมาดูแลเจ้าให้ แล้วถ้าเจ้าทางนี้มีตำรับยาอะไรที่เอาไว้บำรุงก็ส่งออกมาเลย ข้าจะให้คนไปจัดเตรียม"จั๋วซือหรานเหลือบมองปันอวิ๋นผาดหนึ่ง ในใจก็แอบคิดว่าถ้าเป็นเพื่อนแล้วทำให้ได้ระดับ ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวสายตาจั๋วเฮ่ออิงจ้องมองจั๋วซือหรานไม่กระพริบ จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกไปแม้ตามหลักการจะไม่มีความผูกพันพ่อลูกอะไร แต่ตอนนี้พอเห็นเขาก้มหน้าเดินออกไปเงียบๆ จั๋วซือหรานก็ทนไม่ค่อยไหวขึ้นมาเหมือนกันตอนที่จั๋วหวายยกของกินเข้ามา ตอนที่เข้ามาอย่างกระตือรือร้น ก็พูดกับจั๋วซือหรานว่า "ท่านพี่ เขา...ทำไมถึงไปแล้วล่ะ?""ไปแล้ว?" จั๋วซือหรานเลิกค
จั๋วหวายถลึงตาโตขึ้นมาแล้ว มองปันอวิ๋นอย่างไม่อยากเชื่อ ในสายตาเหมือนเขียนตัวโตๆ ไว้ว่า...เจ้าจะพูดให้ชัดขนาดนี้ทำไมกันห๊ะ?!จั๋วหวายถลึงตามองปันอวิ๋นอย่างไม่อยากเชื่อ พลางลูบหลังของจั๋วซือหรานเบาๆหยิบผ้าเช็ดหน้าให้นางเช็ดปาก พอเช็ด ผ้าเช็ดน้าก็เต็มไปด้วยรอยเลือดจากนั้นน้ำตาของจั๋วหวายก็จะร่วงลงมาอีก ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนอ่อนแออะไร ครั้งนี้กลับกลายเป็นคนขี้แยไปแล้วปันอวิ๋นมองจั๋วซือหราน จากนั้นก็ยกชามบ้านั่นขึ้นมา ถามนาง "เจ้าจะดื่มลงไปแบบนี้ หรือว่าจะดื่มมันพร้อมน้ำตาของน้องชายเจ้า"จั๋วซือหรานใช้ผ้าเช็ดปากตัวเอง พลางเหลือบมองปันอวิ๋นอย่างเคืองๆแต่ก็ยังยื่นมือไปรับชาม "เจ้าสิ่งนั้น" มาหลับตาปี๋ ยืดคือ กลืนอักๆ เข้าไปกลืนไปด้วยพลางบอกตัวเองว่า จะสำรอกออกมาไม่ได้ ถ้าสำรอกออกมา...เหมือนจะต้องยิ่งกรอกลงไปมากขึ้นอีกไปทะเลาะด้านนอกก็ดี หรือไปสู้กับคนก็ดีจะเรื่องนั้นหรือเรื่องนี้ จั๋วซือหรานก็ไม่เคยรู้สึกว่าลำบากยากเข็ญ แต่ผลลัพธ์ดันมาถูกเจ้าสิ่งนี้ทำเอาล้มคว่ำไม่เป็นท่า...ทรมานมากจริงๆ!เจ้าสิ่งนี้เหนียวเหลือเกิน ไม่สามารถกลืนลงไปรวดเดียวได้เลย...หรือก็คือ...นาอยากจะเคี้ย
สีหน้าจั๋วซือหรานนิ่งไปแล้ว คิ้วขมวดขึ้นมาเบาๆตามหลักการแล้ว ต่างคนต่างก็มีตัวเลือกของตนเอง นางเองก็ไม่คิดจะไปสร้างผลกระทบอะไรกับการเลือกของจั๋วหวายกับเซี่ยอวิ๋นเหนียงแต่พอมานึก อวิ๋นเหนียงเฝ้ารอจั๋วเฮ่ออิงมานานแสนนาน ทุกวันเอาแต่ระลึกถึงสามี ทุกวันเอาแต่คิดถึง ทุกวันมีแต่ความโศกเศร้า...แต่สามีคนนี้อันที่จริงกลับไปแต่งงานมีลูกกับคนอื่นอย่างเบิกบานไปแล้วแค่คิด จั๋วซือหรานก็รู้สึกขยะแขยงมาก และยังรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเซี่ยอวิ๋นเหนียงด้วยซ้ำดังนั้นตอนนี้พอได้ยินความเป็นไปได้นี้ จั๋วซือหรานก็ยังขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นมาข้างๆ "เป็นไปได้ พอคิดว่าตนเองเตือนเจ้าไม่ได้ ไม่แน่อาจจะไปเมืองหลวงเพื่อหากำลังเสริมน่ะนะ"จั๋วซือหรานคิดๆ รู้สึกว่าก็น่าจะเป็นไปได้อยู่เพราะร่างกายยังคงอ่อนล้า จำเป็นต้องพักผ่อนดีดี ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงง่วงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้วปันอวิ๋นนำจั๋วหวายออกไป และจัดสาวใช้สองคนเข้ามาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดีค่ำคืนในหุบเขาหมื่นพิษเหมือนจะสูงกว่าห่างไกลกว่าภายนอก ดูลึกซึ้งยิ่งกว่าปันอวิ๋นกลับมาถึงในห้อง ทว่ากลับไปไม่ได้ขึ้นไ
จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั
เซี่ยอวิ๋นซีสูดหายใจลึก "เอาล่ะ ส่วนี้ข้าฟังจบแล้ว ยังมีอีกไหม?"จั๋วเฮ่ออิงอันที่จริงยังอยากจะขอโทษนาง ง้อนางดีดีแต่ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาจริงๆเขาเองก็รีบกลับมาก็เพราะเรื่องที่เร่งด่วนกว่าจั๋วเฮ่ออิงพยักหน้า "ยังมี ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของข้าอีกร้อยเท่า"นิ้วของเซี่ยอวิ๋นซีเคาะเบาๆ บนโต๊ะ ริมฝีปากเม้ม สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เสี่ยวหวายหรือ?" เซี่ยอวิ๋นซีพอคิดถึงเรื่องที่ลูกชายถูกเอาไปทำผู้ทดลองยา ใจก็เหมือนถูกกรีดแทงแม้จะเชื่อมั่นในลูกสาว แต่ก็ยังหวาดกลัวอยู่ ถ้าหากช้าเกินไปล่ะ ถ้าหากสถานการณ์ไม่สู้ดีล่ะ?แต่นางกลับเห็นจั๋วเฮ่ออิงส่ายหัว สีหน้าขรึมลง เสียงเองก็ขรึมด้วย "หรานหรานต่างหาก"สีเลือดบนหน้าเซี่ยอวิ๋นซี พริบตานี้ซีดลงมาทันที......จั๋วหวายอยู่หน้าเตา บนจมูกมีเขม่าดำอยู่หน่อยๆจวงอี๋ไห่เตือนเขา "คุณชายเสี่ยวหวาย ท่านไปพักเถอะ ที่นี่ข้าจัดการก็พอแล้ว""ข้าอยากจะรอที่นี่" จั๋วหวายเม้มปากแน่น ดวงตาเบิกโพลง แดงก่ำเล็กน้อย เหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา "ข้ากำลังคิด...ข้าแค่จ้องมองยาของท่านพี่ ข้าก็สบายใจ"ชายหนุ่มในที่สุดก็ทนไม่ไหว ยกมือขึ้นมาเช็ดตาแม้น้ำ
"ตอนนั้นข้าบาดเจ็บหนักในสนามรบ หลังจากตื่นมาก็ไม่รู้วันคืน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน และไม่รู้กระทั่งชื่อสกุลตัวเอง พวกเขาบอกข้าว่า สถานที่นั้นชื่อว่าสำนักเมฆาวารี ตั้งอยู่ที่รอยต่อของพรมแดนใต้กับแคว้นชาง เป็นสำนักที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในท้องถิ่นนั้น..."จั๋วเฮ่ออิงเล่าเรื่องราวตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเขาไม่มีความทรงจำก่อนหน้าอยู่นาน ต่อให้ภายหลังในที่สุดก็นึกออกมาแล้ว ความทรงจำก็ยังขาดๆ หายๆดังนั้นช่วงนี้ อันที่จริงเขาก็พยายามรวบรวมความทรงจำและเรื่องในอดีตปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอยู่ตลอดตอนนี้ถือว่าสามารถเล่าออกมาได้อย่างราบรื่นแล้ว กระทั่งตอนที่เจอกับจั๋วหวายก่อนหน้า เขายังไม่ได้เล่าให้ชัดเจนเลยจั๋วอวิ๋นฉีฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ แต่พอได้ยินก็อึ้งไป!ใครจะไปคิด ตอนนั้นที่พูดกันว่าลุงเก้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่เจอกระทั่งศพ น่าจะตายไปในสนามรบแล้ว กลับมาเจอกับเรื่องแบบนี้?จั๋วอวิ๋นฉีอึ้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังเอียงตามองอาสะใภ้เก้าสีหน้าบนหน้าอาสะใภ้เก้ากลับยังคงสงบนิ่งอยู่ตลอดไม่มีท่าทีตกตะลึงใด สีหน้าเองก็ไม่มีอาการด้วยกระทั่งหลังจากจั๋วอวิ๋นฉีได้ยินว่าลุงเก้าถู
เซี่ยอวิ๋นซีอ้าปากพะงาบ แต่กลับไม่มีเสียงออกมา!ดังนั้น ร่างกายจึงขยับไปก่อนคำพูดเซี่ยอวิ๋นซีเดินตรงไปหาเขา ไม่กล้าเข้าใกล้นัก เหมือนยังคงกลัวจะทำลายภาพมายานี้ลงไปกระทั่งยื่นมือ ก็ยังทำได้แค่ลากมือเบากลางอากาศเหมือนลูบใบหน้าที่ขมุกขมอมของชายหนุ่มนางยิ้มพร้อมน้ำตา "ข้าเคยคิดมาหลายครั้ง ถ้าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ จะมีหน้าตาแบบไหน...น่าจะเป็นแบบนี้กระมัง""เสี่ยวอวิ๋น..." จั๋วเฮ่ออิงมองหญิงสาวตรงหน้าตาแดงรื้นตนเองพลาดอะไรไปบ้างนี่...เสียงของเขาสั่นเครือขึ้นมา "ข้ากลับมา...ช้าไปหน่อย"เซี่ยอวิ๋นซีตอนนี้ ความไม่อยากเชื่อในสมองเหล่านั้น ในที่สุดก็ค่อยๆ ตกตะกอนลงไปนางเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าจั๋วเฮ่ออิงยกมือขึ้นมา ลูบเบาๆ ที่ชายเสื้อเขาก่อนหลังจากพบว่าตนเองแตะต้องเขาได้จริงๆความรู้สึกที่เก็บซ่อนมานาน ในที่สุดก็เอ่อทะลักออกมาจึงยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่ลูบเบาๆ แล้ว นางกำหมัด ทุบลงไปที่หน้าอกของเขา"ท่าน...ท่าน....ท่านไปอยู่ไหนมา...ยังมีชีวิต...ยังมีชีวิตอยู่แล้วทำไม...ทำไมไม่กลับมากัน?! ท่านไปอยู่ที่ไหนมา..."จั๋วเฮ่ออิงพูดไม่ออกเลยสักคำทำได้แ
เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบมาตลอด ในที่สุดก็ผ่อนช้าลงจั๋วเฮ่ออิงยังหยุดอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองจั๋วอวิ๋นฉีไม่รู้เขาเดินนำไปข้างหน้าก่อนแล้วรอจนตอนที่จั๋วเฮ่ออิงตามขึ้นไป จั๋วอวิ๋นฉีก็เดินเข้าไปในสวนจี๋หย่าย่วนแล้ว เดินเข้าไปด้วยพลางเรียกขึ้นอย่างอบอุ่น "ป้าสะใภ้เก้า""อวิ๋นฉีมาแล้วหรือ..." เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในสวนจี๋หย่าย่วนคุ้นเคยเหลือเกินตอนที่ได้ยินเสียงนี้ ใจของจั๋วเฮ่ออิงก็เต้นรัวจนผิดปกติตึงเครียดจนปากคอแห้งผากจั๋วอวิ๋นฉีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่แค่ข้านะ ลองเดาสิว่าข้าพาใครมา?""เจ้ามาทุกครั้งก็ชอบเอาของมาให้ข้า ข้าบอกว่าไม่ต้องแล้วแท้ๆ ข้าไม่ได้ขาดเหลืออะไรหรอก" เซี่ยอวิ๋นซีกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนพวกนี้ล้วนถูกย้ายมาจากสมุนไพรเหล่านั้นที่นางปลูกไว้ในเรือนของจั๋วซือหรานเซี่ยอวิ๋นซีรู้ว่าลูกสาวชอบ จึงคิดจะนำมาปลูกไว้ในสวนจี๋หย่าย่วนหน่อยอันที่จริงก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นซีส่วนใหญ่อยู่ในเรือนของลูกสาวมากกว่า แต่จั๋วอวิ๋นฉีไปเยี่ยมนางค่อนข้างลำบาก แล้วเขาก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ก็เพราะไม่ค่อยวางใจที่เซี่ยอวิ๋นซีอยู่ท
"เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นน่ะ เอาเป็นว่า...เรื่องมันยาวมาก" จั๋วเฮ่ออิงถอนหายใจยาว จากนั้นจึงเอ่ยว่า "จริงด้วย พาข้าเข้าไปหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปหาเสี่ยวอวิ๋น"จั๋วอวิ๋นฉีรู้ ว่าเสี่ยวอวิ๋นในคำพูดลุงเก้า หมายถึงสะใภ้เก้าลุงเก้ากับสะใภ้เก้ารักกันดีมาแต่ไหนแต่ไร เข้ากันได้ดีรักใคร่กลมเกลียวและด้วยเหตุนี้ ตอนข่าวที่ลุงเก้าตายตอนนั้นส่งกลับมา สะใภ้เก้าแทบจะตายตามกันไป ถ้าไม่ใช่ยังมีลูกอยู่สองคน...แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังดูเหมือนตายไปแล้วรอบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นจั๋วอวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะพาท่านไป!สะใภ้เก้าถ้าเห็นท่านกลับมา คงจะดีใจมากแน่ๆ ตอนนั้น...ที่ข่าวท่านรบจนตัวตายส่งกลับมา สะใภ้เก้าเกือบจะปลิดชีพตามท่านไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ซือหรานกับเสี่ยวหวายยังเล็กล่ะก็..."จั๋วเฮ่ออิงหลายวันนี้ รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของลูกๆ มากอันที่จริงไม่ค่อยได้คิดถึงทางภรรยาเท่าไรตอนนี้ ได้ยินคำพูดของจั๋วอวิ๋นฉีชั่วพริบตา จั๋วเฮ่ออิงก็รู้สึกว่า ในใจเหมือนถูกมีดกรีดผ่าอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดรวดร้าว!จั๋วอวิ๋นฉีดีใจสุดๆ หลังจากทักทายเหล่าคนคุ้มกันแล้ว ก็นำจั๋วเฮ่ออิงเข้
"พอได้ยินคำพูดจั๋วอวิ๋นฉี ทหารก็ตกตะลึงไป""อะ อะไร?!"ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ทหารไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย และไม่ได้คิดไปถึงตัวของพ่อจั๋วซือหรานด้วยเพราะทุกคนรู้ว่า สาเหตุที่แม่นางจั๋วจิ่วแต่ก่อนได้รับความไม่เป็นธรรมจากตระกูลจั๋ว ส่วนใหญ่ก็เพราะมาจากนางไม่มีพ่อให้พึ่งพานั่นเองส่วนใหญ่ก็น่าจะเพราะแบบนี้ ดังนั้นตอนที่ได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ผู้คนจึงคิดไปแค่ คนคนนี้น่าจะเป็นคนจากตระกูลจั๋วที่มีชื่ออักษรเฮ่อเท่านั้น เป็นใครกันแน่นะแต่ไม่คิดไปถึงตัวจั๋วซือหรานเลย"ให้ตายเถอะ อย่างนั้นก่อนหน้านี้ข้าก็เสียมารยาทแล้วสิ?" ทหารรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาทันทีจั๋วอวิ๋นฉียิ้มๆ "ก็ยังไม่แน่หรอก บางทีอาจจะไม่ใช่ลุงเก้าก็ได้ ถึงอย่างไรลุงเก้าก็ไม่อยู่มาหลายปีแล้ว ถ้าคนไม่เกี่ยวข้องกล้าปลอมตัวเป็นลุงเก้า ข้าจะให้เขาต้องชดใช้อย่างสาสม"จะปลอมตัวเป็นใครในตระกูลจั๋วก็ได้ จั๋วอวิ๋นฉีไม่มีความเห็นอะไร แต่ลุงเก้านั้นไม่ได้สำหรับตัวเขา ซือหรานถือว่ามีบุญคุณที่นางเห็นคุณค่าและสนับสนุนเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนี้ ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องเร่ร่อนอยู่ภายนอกอีกกี่ปีดังนั้น ถ้าสวมรอยเป็นคนอื่น จั๋
"ตามหลักแล้วคนตระกูลจั๋วควรจะปฏิบัติดีด้วยเป็นพิเศษ แต่กฏก็ยังเป็นกฏ ยิ่งไปกว่านั้นชื่อนี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังต้องไปบ้านตระกูลจั๋วเพื่อแจ้งทราบก่อนจึงจะยืนยันได้ เจ้าไปตอนนี้เลย ขี่ม้าข้าไป รีบไปรีบกลับ ถ้าหากเป็นคนตระกูลจั๋วจริง ข้าจะขอรับโทษด้วยตนเอง""รับทราบ!" ทหารไม่กล้าชักช้า ขึ้นขี่ม้าของหัวหน้า ทะยานไปยังบ้านตระกูลจั๋วเดิมทียังคิดว่าต้องไปถึงจวนจั๋วก่อนถึงจะได้ถามใครจะคิดว่ากลางทาง ก็เจอเข้ากับผู้อาวุโสห้าตระกูลจั๋ว หรือก็คือจั๋วอวิ๋นฉีที่แม่นางจั๋วจิ่วดันขึ้นไปเป็นผู้อาวุโสที่หล่อเหลาอายุน้อยคนนั้นนั่นเองว่ากันว่าเป็นคนที่โดดเด่นสุดในกลุ่มชายหนุ่มของตระกูลจั๋วเลยทีเดียว เป็นอัจฉริยะที่ตอนนั้นถูกใส่ร้าย บวกกับกฏเกณฑ์คร่ำครึของตระกูลจั๋ว จนเกือบทำให้ถูกกลบฝังความสามารถไว้นอกตระกูลหลังจากแม่นางจั๋วจิ่วออกจากเมืองหลวง ตระกูลจั๋วก็ก็ได้จั๋วอวิ๋นฉีมาช่วยค้ำจุน หลายปีนี้ที่เขาอยู่ภายนอกก็ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก มีฝีมืออยู่พอควรเลยทีเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้การค้าของตระกูลจั๋วเจริญรุ่งเรือง บวกกับเจ้าสำนักทั้งสองในตลาดมืดที่แม่นางจั๋วจิ่วคบค้าไว
ได้ยินคำนี้ของเขา คนคุ้มกันประตูเมืองก็แหงนตาเหลือบมองเขาเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลจั๋ว โดยเฉพาะคนค่ายคุ้มกันกับค่ายคุ้มกันเมือง เพราะเคยได้รับบุญคุณช่วยชีวิตจากจั๋วซือหราน จึงมีความอ่อนไหวต่อแซ่จั๋วขึ้นไปอีกยิ่งไปกว่านั้นต้องรู้ด้วย พวกผู้ชายในตระกูลจั๋ว ก็ล้วนเป็นพวกที่มีชื่ออวิ๋นอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะจั๋วอวิ๋นเฟิงกับจั๋วอวิ๋นชิงที่ถูกจั๋วซือหรานสั่งสอนไปแล้วแล้วยังมีจั๋วอวิ๋นฉีที่จั๋วซือหรานพากลับมาแล้วดันขึ้นเป็นผู้อาวุโสแต่ชายหนุ่มรุ่นที่แล้วของตระกูลจั๋ว เป็นรุ่นที่มีชื่อเฮ่ออย่างคุณท่านจั๋วลิ่วที่ถูกจั๋วซือหรานลากลงมาตอนนั้น ก็มีชื่อว่าจั๋วเห้อหรงแต่ว่าจั๋วเฮ่ออิง ไม่ได้ยินมานานมากแล้วดังนั้นคนคุ้มกันจึงไม่รู้จัก รู้สึกว่าอาจจะเป็นญาติห่างๆ ก็ได้เพียงแต่ว่า ในเมื่อเป็นคนจากตระกุลจั๋ว ก่อนหน้านี้ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ตระกูลจั๋วมีแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามาดูแลแล้วท่าทีการพูดของพวกเขาต่อคนตระกูลจั๋ว ก็จะอ่อนโยนลงหน่อยดังนั้นจึงเอ่ยกับจั๋วเฮ่ออิงว่า "ญาติของตระกูลจั๋วสินะ?"จั๋วเฮ่ออิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนัก ถึงอย่างไรตนเองก็หายสาบสูญไปตั้งหลายปีแล้ว