ถ้าไม่ยอมให้เขาออกมาล่ะก็..."ไม่ขอรับ เขาให้ข้าออกมา" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น "เพียงแต่ว่า ด้านนอกโรงน้ำชามีคนซุ่มอยู่ พอข้าออกมาจากโรงน้ำชาครู่เดียว ก็มีคนลอบโจมตีเข้ามา ข้าน้อยไร้ความสามารถ สู้พวกเขาไม่ได้ ถูกทำบาดเจ็บสาหัส...ถ้าหากไม่ใช่เพราะวิธีการที่นายท่านใส่ไว้บนตัวข้าน้อย วันนี้ข้าน้อยคง...กลับมาไม่ได้แล้ว""ในกลุ่มพวกเขา มีปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนอยู่หลายคน บกวกับหุ่นเชิดของพวกเขา คนก็มีมากกว่า ข้าน้อยหนีออกมาไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นหุ่นเชิดพวกเขายังฉาบยาพิษไว้อีก" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น"หุ่นเชิดฉาบยาพิษก็ดูเป็นเรื่องปกติ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรการจะเพิ่มพลังต่อสู้กับพลังสังหารของหุ่นเชิด ก็เป็นเรื่องที่ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนไม่มีทางพลาด"เหลียนเจินเข้าใจหลักการนี้อย่างเห็นได้ชัด พยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า "เพียงแต่ว่าเหมือนเพราะพิษนี้ ทำให้แมลงกู่ที่นายท่านทิ้งไว้บนตัวข้าก็ถูกปลุกขึ้นมา ตอนที่ข้าบาดเจ็บหนักจนเสียความสามารถการเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็เข้าควบคุมข้า หนีการโจมตีเหล่านั้นออกมา..."ตอนที่เหลียนเจินพูดถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานก็ได้ยินเสียงฟ่อๆ ของขนมชาเขียวขึ้นในมิตินาง "ไ
“เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านางฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึมจวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่
ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า
ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้
จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ
จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค
ถ้าไม่ยอมให้เขาออกมาล่ะก็..."ไม่ขอรับ เขาให้ข้าออกมา" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น "เพียงแต่ว่า ด้านนอกโรงน้ำชามีคนซุ่มอยู่ พอข้าออกมาจากโรงน้ำชาครู่เดียว ก็มีคนลอบโจมตีเข้ามา ข้าน้อยไร้ความสามารถ สู้พวกเขาไม่ได้ ถูกทำบาดเจ็บสาหัส...ถ้าหากไม่ใช่เพราะวิธีการที่นายท่านใส่ไว้บนตัวข้าน้อย วันนี้ข้าน้อยคง...กลับมาไม่ได้แล้ว""ในกลุ่มพวกเขา มีปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนอยู่หลายคน บกวกับหุ่นเชิดของพวกเขา คนก็มีมากกว่า ข้าน้อยหนีออกมาไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นหุ่นเชิดพวกเขายังฉาบยาพิษไว้อีก" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น"หุ่นเชิดฉาบยาพิษก็ดูเป็นเรื่องปกติ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรการจะเพิ่มพลังต่อสู้กับพลังสังหารของหุ่นเชิด ก็เป็นเรื่องที่ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนไม่มีทางพลาด"เหลียนเจินเข้าใจหลักการนี้อย่างเห็นได้ชัด พยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า "เพียงแต่ว่าเหมือนเพราะพิษนี้ ทำให้แมลงกู่ที่นายท่านทิ้งไว้บนตัวข้าก็ถูกปลุกขึ้นมา ตอนที่ข้าบาดเจ็บหนักจนเสียความสามารถการเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็เข้าควบคุมข้า หนีการโจมตีเหล่านั้นออกมา..."ตอนที่เหลียนเจินพูดถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานก็ได้ยินเสียงฟ่อๆ ของขนมชาเขียวขึ้นในมิตินาง "ไ
แบบนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วส่วนเรื่องว่า ต่อให้ฉลาดแบบจั๋วซือหราน ก็ยังถูกน้องชายเล่นงานด้วยวิธีนี้จนไม่มีแผนรับมือไปชั่วขณะเลยทีเดียว"เจ้าเด็กคนนี้..." จั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ "ข้าไม่รู้เลยว่าจะหาตัวเขาได้จากไหน""แต่อย่างน้อยคุณชายจั๋วหวายก็ยังปลอดภัย ไม่ใช่ถูกทำเป็นผู้ทดลองยาก็ยังถือเป็นเรื่องดี" เหลียนเจินเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานจุ๊ปาก "ถ้าเขายังอยู่ในการดูแลของสำนักเมฆาวารี ตอนข้าไปช่วยเขาออกมา ต่อให้เขาถูกทำเป็นผู้ทดลองยาแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าไปเสริมให้กับคุณหนูสำนักเมฆาวารี ข้าก็ยังมีวิธีรักษาเขาอยู่""แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตนเองซ่อนอยู่ที่ไหน ถ้าหากเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น ข้าก็ไม่รู้ทั้งนั้น ไม่แน่ว่าจะจับปฏิกิริยาได้ด้วย บางทีอาจจะอันตรายยิ่งกว่า" จั๋วซือหรานถอนหายใจออกมาแต่ว่า เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ต้องคิดหาวิธีแก้ไขจั๋วซือหรานถึงอย่างไรก็ยังเป็นจั๋วซือหราน เมื่อครู่ตอนที่นางรู้สถานการณ์ที่น้องชายตนเองหนีออกมา ก็แค่ตกตะลึงไปจนยังไม่ทันนึกแผนรับมือออกเท่านั้นแต่ตอนนี้มีแผนออกมาแล้วจั๋วซือหรานครุ่นคิด เอ่ยขึ้นว่า "เอาแบบนี้ อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็เอาเรื่องที่ข้ามาเมือ
เกรงว่าคงเพราะ..ขนมชาเขียวยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องการเดินกระมัง ดังนั้นตอนที่ควบคุมร่างของเหลียนเจินให้เดินจึงดูแปลกประหลาด"ขนมชาเขียวนี่เจ้า..." จั๋วซือหรานเองก็ตระหนักขึ้นมาได้ ว่าสถานการณ์นี้แม้จะน่าตกตะลึง แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาซักไซ้ไล่เรียงต้องรีบรักษาแผลให้กับเหลียนเจินจั๋วซือหรานแตะลงไปบนตัวเหลียนเจินสองสามที ตามหลักการ ขนมชาเขียวควรจะออกมาจากตัวของเหลียนเจินจึงจะถูกแต่กลับไม่มีเลยแต่กลับไม่มีจั๋วซือหรานได้ยินเสียงฟ่อๆ ของขนมชาเขียว "นายท่าน เขาบาดเจ็บหนักมาก ข้า่ยังออกไปไม่ได้!"จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว จึงยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากเหลียนเจิน จากนั้นก็สำรวจชีพจรที่หลังเขาอีกหน่อย พลังวิญญาณการแพทย์สายวิเศษที่อ่อนโยนยิ่งใหญ่หลั่งไหลเข้าไปในเส้นลมปราณของเหลียนเจินกระตุ้นพลังยาลูกกลอนให้ออกฤทธิ์ทันที"แค่ก! แค่กๆ...!" เหลียนเจินไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ตอนที่ไอ เลือดสดก็ทะลักออกมาจากในปากด้วยแต่บนสีหน้า กลับดูดีขึ้นมาบ้างแล้วจั๋วซือหรานตอนนี้จึงยื่นมือไปกดบนตัวเขาอีกที ขนมชาเขียวจึงออกมาจากบนตัวเหลียนเจินขนมชาเขียวถอนใจโล่งออกมาดัง 'ฟิ้ว' กอดนิ้วของจั๋วซือหรานไว้ เอ่ย
ผู้จัดการไม่กล้าพูดแล้ว นำจั๋วซือหรานไปที่ห้องแขกอย่างว่าง่ายน่าจะเพราะเข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นคนที่ไม่ควรไปแหยมด้วย ดังนั้นผู้จัดการกระทั่งคำพูดก็ยังระมัดระวังขึ้นมาไม่น้อยหลังจากส่งจั๋วซือหรานมาที่ห้อง ผู้จัดการก็กลับมาถึงโถงหน้า ถึงเพิ่งได้รู้สถานการณ์ที่ประตูเมืองก่อนหน้านี้"ข้าก็ว่านางเป็นหญิงสาวคนหนึ่งทำไมถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้ ที่แท้ก็คนชั้นสูง..." ผู้จัดการมุมปากกระตุก แม้ปากจะพูดว่าคนใหญ๋โต แต่ในสีหน้ากลับไม่ได้ดูมีความเคารพอยู่เลยในความคิดในสายตาเหมือนจะมีอาการประชดประชันอยู่ด้วย"สรุปคือ เจ้าคอยจับตาดูทางนี้ คนแบบนี้ถ้าหากดึงเป็นพวกไม่ได้ ทางที่ดีก็อย่าไปผิดใจด้วย""ทราบแล้ว""แล้วก็ ช่วงนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักเจ้าน่าจะเข้าใจอยู่ คนชั้นสูงแบบนาง เข้ามาในเมืองก็ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ดังนั้นเจ้าพยายามคิดหาวิธีตรวจสอบรถม้าของนางหน่อย...""ตรวจสอบไม่ได้" ผู้จัดการขมวดคิ้ว"อะไรคือตรวจสอบไม่ได้?" คนที่เข้ามาพูดกับผู้จัดการ น่าจะมีตัวตนระดับหนึ่งในสำนักเมฆาวารี หลังจากได้ยินคำนี้ของผู้จัดการ ในสีหน้าก็มีอาการไม่พอใจขึ้นอย่างชัดเจนผู้จัดการตอบว่า "เมื่อครู่ตอนนาง
ให้ความรู้สึก...แปลกประหลาดมากๆจั๋วซือหรานมองออกถึงความคิดของผู้จัดการ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เจ้าให้พนักงานนำไปก็พอ ม้าของข้าจะตามไปเอง""อย่างนี้นี่เอง" ผู้จัดการจึงส่งสายตาให้กับพนักงานพนักงานเข้ามานำม้าไปเรือนหลังโรงเตี๊ยมทันทีอันที่จริงสายตาเมื่อครู่นี้ของผู้จัดการ ยังมีความหมายอื่นอยู่ด้วยพนักงานเข้าใจเจตนาเป็นอย่างดี ความหมายของผู้จัดการคือ ให้เขาหาโอกาสมองดูในรถม้าด้วยว่ามีสถานการณ์แบบไหนพนักงานนำรถม้าไปถึงเรือนด้านหลัง จากนั้นก็สังเกตไปรอบๆ พอพบว่าไม่มีคนกำลังมองตนเองเขาก็เลยยื่นมือออกไปเลิกม่ารถม้าออกเบาๆ คิดจะเปิดดูว่าด้านในมีสถานการณ์อย่างไรตอนเพิ่งแง้มเปิดได้เล็กน้อย กระทั่งยังไม่ทันได้มองว่าเป็นอย่างไรความเจ็บปวดที่รุนแรงวูบหนึ่ง ก็ซัดเข้าใส่อวัยวะสัมผัสทั้งหมดของเขา พริบตานั้น เหมือนความคิดกับการคิดอ่านทั้งหมดหายไปจนหมดสิ้นความเจ็บปวด มีแต่ความเจ็บปวด"อ๊าๆๆๆ...!"พนักงานล้มลงพื้นร้องครวญคราง เขากรีดร้องอย่างน่าเวทนา กระทั่งแขกทั้งหมดก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน!และตอนนีเ้อง ผู้จัดการที่กำลังนำจั๋วซือหรานไปที่ห้องพักก็ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าเวทนานี้ขึ้น
ก่อนที่เหลียนเจินจะไปหาข่าว ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยวางใจว่า "คุณหนู ฟังออกว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาจงใจพูดโรงเตี๊ยมสุ่ยอวิ๋นขึ้นมา ยิ่งไปจากนั้นดูจากชื่อก็เดาไม่ยากเลยว่าเกี่ยวข้องกับสำนักเมฆาวารีแน่ มันจะ...ไม่ค่อยปลอดภัยหรือเปล่า?"จั๋วซือหรานมองทางเขา ยิ้มขึ้นบางๆ "ข้าไม่ใช่มาเพื่อความปลอดภัยเสียหน่อย ต่อให้พวกเขาไม่พูด โรงเตี๊ยมสุ่ยอวิ๋นนี่พอฟังก็รู้แล้วว่าเกี่ยวข้องกับสำนักเมฆาวารี ข้าต้องไปอยู่แล้ว"เหลียนเจินก็ตระหนักขึ้นได้ว่าความเป็นห่วงของตนเองจะมากเกินไปแล้ว "ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้""ระวังตัวด้วย" จั๋วซือหรานยัดเจ้าก้อนเนื้อตัวหนึ่งให้เขา แต่พวกก้อนเนื้อหลังจากกินแมลงกู่ในหลุมฆ่านั่นก็ยังหลับลึกอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าใกล้จะยกระดับแล้วหรือยังตามหลักการ น่าจะให้พวกมันหลับลึกในมิติน้ำพุวิเศษต่อไป เพราะสำหรับพวกมันแล้ว มิติน้ำพุวิเศษเป็นสถานที่ที่สบายมากที่สุดแต่ตอนนี้ถึงอย่างไรก็อยู่ในรังศัตรูจั๋วซือหรานครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบเจ้าก้อนเนื้อตัวหนึ่งออกมา ยัดเข้าไปในเสื้อผ้าเหลียนเจิน"คุณหนู นี่คือ...""แมลงกู่ของข้า แต่ว่าตอนนี้มันกำลังหลับลึก เจ้าพยายามอย่าให้เกิดเรื่องอะไ
"อะไรนะ?!" บนหน้าคนๆนี้มีความโกรธขึ้นมาแล้ว "เจ้าว่าอะไรนะ?"จั๋วซือหรานหัวเราะพรวด "ข้าบอกว่า เจ้าน่าจะตาบอด ทำไม? ยังฟังไม่ชัดหรือ? ดังนั้นใครกันแน่ที่หูหนวก..."คนคนนี้น่าจะเป็นคนสำนักเมฆาวารี อยู่ในเมืองอวิ๋นคงได้รับการเคารพมาตลอด เกรงว่าคงจะยังไม่เคยเจอสถานการณ์ปฏิบัติด้วยเช่นนี้ชั่วขณะหนึ่งยังไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับคำพูดจั๋วซือหรานอย่างไร!เสียงของจั๋วซือหรานยังคงเย็นเยียบ เอ่ยต่อว่า "ป้ายผ่านทางของข้าอยู่ในมือเจ้าแล้ว ข้างบนเขียนตัวตนของข้าอยู่ชัดๆ แต่เจ้า เป็นแค่ประชาชนที่ไม่มีตำแหน่งไม่มีตัวตนฐานะ คนแบบเจ้า ในเมืองหลวงยังต้องมาคุกเข่าคารวะต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ เจ้ามันใครกัน...กล้ามีท่าทีแบบนี้กับข้าเรอะ?"ดวงตาของคนผู้นี้ถลึงกลมขึ้นมาทันที "เจ้าว่าอะไรนะ?""ฟังภาษาคนไม่ออกหรือไร?" จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาเย็นชา "หรือจะบอกว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ของสำนักเมฆาวารี ไม่ถูกควบคุมด้วยกฏเกณฑ์ของราชสำนัก?"คนผู้นี้ถูกจั๋วซือหรานทำให้โกรธจัด ดูแล้วเหมือนจะโต้กลับทันทีคนคุ้มกันข้างกายเขายื่นมือมาขวางไว้ จากนั้นก็ยิ้มให้กับจั๋วซือหราน"ใต้เท้าโปรดระงับโกรธด้วย ท่านกล่าวเกินไปแล้ว! เมืองอ
จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ได้ยินคนสำนักเมฆาวารีที่เป็นเชลยจากด่านกระดูกแพะก่อนหน้านี้แล้ว ว่าเมืองอวิ๋นถึงแม้จะเป็นเมือง แต่เนื่องจากสำนักเมฆาวารีอยู่ในเนินเขาเมฆาวารีเขตเมืองอวิ๋นเมืองอวิ๋นในความด้านรู้สึกจึงเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสำนักเมฆาวารีต่อมาจึงได้รับการยืนยันมากขึ้นจากปากของเหลียนเจิน"วัตถุดิบอาหาร วัตถุดิบยา ความต้องการต่างๆ ของสำนักเมฆาวารี ก็ล้วนเข้ามาขอจากเมืองอวิ๋นก่อนเป็นที่แรก ดังนั้นพูดแบบนี้แล้วกัน...เมืองอวิ๋นนั้นแทบเรียกได้ว่ามีสำนักเมฆาวารีเลี้ยงดูอยู่"ดังนั้นถึงได้พูดกันว่าเมืองอวิ๋นเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวของสำนักเมฆาวารีถ้าเปลี่ยนคำพูด ขอแค่อยู่ในเมืองอวิ๋น กระทั่งไม่ต้องใช้ไปเนินเขาเมฆาวารีด้วยซ้ำ ความเสี่ยงก็ยังสูงกว่าอยู่ในเมืองหยางหลายเท่าจั๋วซือหรานเข้าใจเหตุผลนี้อยู่แล้วดูจากคนคุ้มกันประตูเมืองก็มองเห็นเงาของสำนักเมฆาวารีได้ไม่ยากคนคุ้มกันเมืองหยาง ดูแล้วอย่างน้อยก็ยังเป็นคนของราชสำนัก แต่คนคุ้มกันเมืองอวิ๋น นอกจากคนในราชสำนักแล้ว ยังมีคนในเครื่องแบบสำนักเมฆาวารีบางส่วนอยู่ด้วย คอยติดตามอยู่ข้างๆไม่รู้ว่ามาคอยช่วยเหลือ หรือมาคอยจับตาดูร
จั๋วซือหรานไม่มีเรื่องอื่นให้ทำ จึงเริ่มตั้งใจค้นคว้าหุ่นเชิดความมืดอย่างจริงจังแม้จะบอกว่าไม่เหมือนคืนนั้น ที่มีพลังวิญญาณความร้อนของใครบางคนคอยขับไล่ความเย็นเยือกให้แต่น่าจะเพราะคนนั้นก่อนหน้านี้คอยเฝ้านางอยู่ทั้งคืน จึงยังพอเหลือประสิทธิภาพอยู่บ้างบวกกับว่า หลังจากที่จั๋วซือหรานค้นคว้าหุ่นเชิดความมืดมานาน เริ่มจะพอคลำๆคุณสมบัติมันได้บ้างแล้วดังนั้น จั๋วซือหรานรูสึกว่า ตนเองน่าจะมีปัญหาไม่มากนักเพียงแต่ว่า นางนำตลับหุ่นเชิด...หรือก็คือที่คุณชายเยี่ยนทิ้งไว้ให้ ตลับหุ่นเชิดที่รื้อออกมาจากบนตัวผู้ดูแลชุยพอเปิดออก ตอนที่ปล่อยหุ่นเชิดความมืดที่ปิดผนึกอยู่ด้านในออกมาจั๋วซือหรานยังรู้สึกตกตะลึงอยู่"นายท่าน นี่มัน..." ราชาแมงมุมหน้าผีเองก็เห็นสถานการณ์นี้ รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆจั๋วซือหรานมองหุ่นเชิดความมืดที่ออกมาจากในตลับหุ่นเชิดนี้ เป็นเหมือนกับหุ่นเชิดความที่ได้มาก่อนหน้าตัวนั้น ใส่หุ่นเชิดความมืดเอาไว้ตามหลักการแล้วจะต้องมีปราณหยินอยู่มหาศาล กระทั่งพลังเย็นเยือกยังส่งผลกระทบต่อตัวคนอีกด้วยแต่พอเปิดตลับหุ่นเชิดนี้แล้วปล่อยหุ่นเชิดความมืดออกมา กลับไม่มีกลิ่นอายพลังเย็