มุมปากของเหมยตงยวนกระตุกเบาๆ เขาเห็นนางเล่นงานจิ่งสือเฟิงแบบนี้ เผลอคิดไปว่านางจะฝากความหวังไว้กับเขา ไม่คิดว่านางแค่เล่นสนุกกับเขาเท่านั้นเขาเห็นด้วยว่า “จิ่งสือเฟิงก็แค่ผีที่ไม่ได้เรื่องได้ราวตนหนึ่ง อย่าไปหวังอะไรกับเขาเลยจะดีที่สุด”ให้จิ่งสือเฟิงไปสร้างความเดือดร้อนให้จิ่งสือเยี่ยน ทำให้จิ่งสือเยี่ยนไม่มีความสงบสุขอีกต่อไป ถือเป็นเรื่องที่ดีมากอย่างไรเขาก็เป็นแค่ขยะ ตอนนี้ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากขยะ ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “ใช่ ถ้าวันหนึ่งเขาดันมีประโยชน์ขึ้นมา สร้างความประหลาดใจให้พวกเราได้ล่ะ?”พูดจบ นางก็ถามต่อว่า “มีข่าวคราวของสือซานเหนียงหรือยัง?”เหมยตงยวนส่ายหน้า “ยังไม่มีเลย”ตั้งแต่ครั้งก่อนที่จิ้งจอกสือซานเหนียงหนีไป ไม่ว่าเหมยตงยวนจะตามหาอย่างไร นางก็เหมือนปลาที่ว่ายหายไปในทะเล ไร้ร่องรอยอย่างสิ้นเชิงเหมยตงยวนตามหานางมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีข่าวคราวเบาะแสของจิ้งจอกสือซานเหนียง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆเฟิ่งชูอิ่งครุ่นคิด “ท่านพ่อตามหานางแบบนี้ แต่กลับไม่มีข่าวเลย นางน่าจะซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่พิเศษมากแน่ๆ”เหมยตงยวนตามหาจิ้งจ
ด้วยเรื่องนี้เอง ทำให้เรื่องที่ฮ่องเต้เจาหยวนและมหาราชครู ร่วมมือกันฆ่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพื่อแย่งชิงบัลลังก์นั้น กลายเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอนแต่ทุกคนต่างก็คาดเดากันว่า แท้จริงแล้วฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้ทรงทิ้งราชโองการสืบราชบัลลังก์ไว้หรือไม่หากมี แล้วราชโองการฉบับนั้นอยู่ในมือของผู้ใดช่วงหลายวันที่ผ่านมามีผู้คนคาดเดาเรื่องนี้กันมาก พวกเขากำลังตามหาขุนนางผู้ลึกลับที่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนบางคนก็คาดเดาว่า จิ่งโม่เยี่ยจะจัดการกับฮ่องเต้เจาหยวนอย่างไรหากไม่นับเรื่องการแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก ความแค้นที่บิดาถูกฆ่านั้นมิอาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมา จิ่งโม่เยี่ยกลับมิได้ทำอันใดกับฮ่องเต้เจาหยวน เรื่องนี้ยิ่งทำให้เกิดการคาดเดามากขึ้นบัดนี้ฮ่องเต้เจาหยวนสิ้นพระชนม์แล้ว แผ่นดินจะว่างเว้นจากกษัตริย์ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะปะทุขึ้นในวินาทีนี้การต่อสู้ระหว่างจิ่งโม่เยี่ยและจิ่งสือเยี่ยนก็จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มรูปแบบเฟิ่งชูอิ่งไม่เคยถามจิ่งโม่เยี่ยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เพราะนางเชื่อมั่นในความสามารถและขุมกำลังของเขา เชื่อว่าเขาต้องเตรียมก
ด้วยวิธีนี้ พ่อแม่ของปู๋เยี่ยโหวก็จะไม่ต้องตายเขาก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำตัวเป็นคนเสเพลตั้งนานหลายปี เขาสามารถเป็นคนเสเพลที่แท้จริงได้อย่างมีความสุข แค่คิดถึงวันเวลาเหล่านั้นก็รู้สึกดีแล้วตอนนี้ฮ่องเต้เจาหยวนสิ้นพระชนม์แล้ว ถึงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจบลงปู๋เยี่ยโหวพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดอย่างหัวเสียว่า “ไอ้สารเลวนี่มันรู้จักเลือกเวลาตายจริงๆ!”“วันนี้ข้าโดนพริกเล่นงานจนเป็นแบบนี้ เดิมทีข้ายังอยากจะพักผ่อนสักสองสามวัน พอเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้พักแล้ว”เขาเป็นคนฉลาด รู้ว่าการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้เจาหยวนหมายความว่าอย่างไรจิ่งสือเยี่ยนและจิ่งโม่เยี่ยต้องตัดสินแพ้ชนะกัน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงระฆังมรณะ ในขณะที่จิ่งโม่เยี่ยก็ได้ยินเช่นกันก่อนหน้านี้หมอหลวงเคยวินิจฉัยไว้ว่าฮ่องเต้เจาหยวนจะอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดวัน วันนี้เป็นวันที่หกเพราะจิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าฮ่องเต้เจาหยวนกำลังจะสิ้นพระชนม์ เขาจึงไม่ได้ไปรังแกฮ่องเต้เจาหยวนซ้ำอีกสาเหตุที่เขาไม่รังแกฮ่องเต้เจาหยวน ไม่ใช่เพราะเขามีความสงสารฮ่องเต้เจาหยวน แต่เป็นเพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีในก
ถ้าอย่างนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็จะทำให้เขาได้รู้ก่อนตาย ว่าความสำเร็จในชีวิตทั้งหมดของเขา ได้มาเพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ต้องการนั่งอยู่บนบัลลังก์ต่างหากล่ะทว่าบัดนี้จิ่งโม่เยี่ยต้องการบัลลังก์ ดังนั้นเขาจึงแย่งมันคืนมาจิ่งโม่เยี่ยใช้ความจริงบอกกับฮ่องเต้เจาหยวนว่า ฮ่องเต้เจาหยวนไม่มีวันเทียบอดีตฮ่องเต้ได้ ลูกชายมากมายที่ฮ่องเต้เจาหยวนให้กำเนิดออกมาก็สู้ลูกชายเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ไม่ได้ความจริงเช่นนี้สำหรับฮ่องเต้เจาหยวนแล้ว เลวร้ายเสียยิ่งกว่าการฆ่าเขาให้ตายอีกเพราะว่าฮ่องเต้เจาหยวนคิดมาตลอดว่าตัวเองเฉลียวฉลาด และฝีมือเก่งกาจอย่างยิ่ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าอดีตฮ่องเต้สักนิด บัลลังก์มันควรจะเป็นของเขาไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมรับความจริงเรื่องที่เขาด้อยกว่าอดีตฮ่องเต้ได้ดังนั้นหากจะพูดให้ถูกต้องแล้ว ฮ่องเต้เจาหยวนถูกจิ่งโม่เยี่ยทำให้โมโหจนขาดใจตายจิ่งโม่เยี่ยฆ่าฮ่องเต้เจาหยวนได้โดยไม่ต้องลงดาบ เขาเพียงทำลายจิตใจอีกฝ่ายโดยตรงฮ่องเต้เจาหยวนนับว่าไม่ได้สิ้นพระชนม์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บความเจ็บปวดที่ฮ่องเต้เจาหยวนสร้างให้กับจิ่งโม่เยี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จิ่งโม่เยี่ยได้ใช้วิธีการของเขาเอา
ขณะที่จิ่งโม่เยี่ยรีบมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง จิ่งสือเยี่ยนก็พยายามจะเดินทางไปที่พระราชวังเหมือนกันก่อนหน้านี้เขาหวังว่าฮ่องเต้เจาหยวนจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสักสองสามวัน ไม่ต้องมากหรอก ขอแค่กองทัพของเขามาถึงเมืองหลวงก็พอทว่าวันนี้ฮ่องเต้เจาหยวนกลับสิ้นใจตายลงแล้ว ยังเหลืออีกตั้งห้าวันกว่ากองทัพของเขาจะเดินทางมาถึงสำหรับเขาแล้ว ช่วงเวลานี้เป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง เขาจะก่อเรื่องวุ่นวายก็ไม่ได้ จะไม่ก่อเหตุเลยก็ไม่ได้ ทำได้เพียงมองหาโอกาสลงมือเท่านั้นทว่าตอนที่เขาไปถึงพระราชวัง ก็เห็นว่ามีขุนนางจำนวนมากมารวมตัวกัน อีกทั้งสีหน้าของขุนนางเหล่านั้นยังเฉยชาอย่างยิ่งหัวใจของจิ่งสือเยี่ยนตกลงไปที่ตาตุ่มเพราะว่าท่าทางของขุนนางเหล่านั้นบ่งบอกถึงจุดยืนของพวกเขาจิ่งสือเยี่ยนพยายามเอ่ยทักทายบรรดาขุนนางเหล่านั้น พวกเขาผงกศีรษะทักทายกลับอย่างนอบน้อม ทว่านอกจากนั้นแล้วก็ไม่แสดงท่าทีอะไรในตอนที่พวกเขาเห็นจิ่งโม่เยี่ยปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทีกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พวกเขาดูเคารพยำเกรงและนอบน้อมขึ้นอย่างมากจิ่งสือเยี่ยนเห็นภาพแบบนั้นแล้ว สีหน้าก็มืดครึ้มขึ้นหลายส่วนเขาหันไปถามจิ่งโม่เยี่
สายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม แสดงออกถึงความกำกวมและความไร้ยางอายได้ถึงขีดสุดคำพูดที่ว่าเคารพนับถือ ภายใต้การกระทำเช่นนี้ช่างดูต่ำช้า แสดงถึงความสัมพันธ์ทางเพศที่ชัดเจนเหล่านางสนมที่ได้เห็นภาพเช่นนี้ ต่างก็พากันรู้สึกขยะแขยงฮองเฮาอยู่หลายครั้งฮองเฮาทรงถูกทำให้กริ้วจนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วนางไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของปู๋เยี่ยโหว คิดว่าเป็นฝีมือของจิ่งโม่เยี่ย จึงจดบัญชีแค้นทั้งหมดไว้ที่จิ่งโม่เยี่ยแต่หลังจากที่จวนมหาราชครูล่มสลาย ฮองเฮาก็ไม่เหลือที่พึ่งอีกต่อไปเหล่าขันทีนางกำนัลในวังหลวงที่เคยเชื่อฟังและเคารพนาง ก็เริ่มหมางเมินไม่ใส่ใจปรนนิบัติตอนที่นางมองเห็นจิ่งโม่เยี่ย ก็ส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายไปให้เขาอย่างเปิดเผยจิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจสายตาอาฆาตของฮองเฮาเลย เพราะเมื่อฮ่องเต้เจาหยวนสิ้นพระชนม์ ฮองเฮาก็จะไม่ใช่ฮองเฮาอีกต่อไปฮองเฮาที่ไม่มีฮ่องเต้เจาหยวนและจวนมหาราชครูหนุนหลัง ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่เสือกระดาษก็ยังเทียบไม่ได้จิ่งโม่เยี่ยถามขันทีข้างกายฮ่องเต้เจาหยวนว่า "ตอนที่เสด็จอาสิ้นพระชนม์ ท่านจากไปอย่างสงบหรือไม่"ขันทีโค้งคำนับและกล่าวว่า "สงบมากพ่ะค่ะย่ะ"จิ่งโม่เ
ฮองเฮาตรัสว่า “เพราะนี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท และอ๋องจิ้นก็เป็นองค์ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหมด!”ปู๋เยี่ยโหวรอคอยคำพูดนี้อยู่พอดี “ประเด็นสำคัญของเจ้าคือประโยคหลังใช่ไหม?”“ก็จริง คนรักมองกันด้วยความหลงใหล เจ้าชอบจิ่งสือเยี่ยน เป็นธรรมดาที่จิ่งสือเยี่ยนจะต้องดีเลิศทุกอย่างในสายตาของเจ้า”ฮองเฮา “……”ฮองเฮา “!!!!!!”คำพูดที่ถูกปู๋เยี่ยโหวบิดเบือนแบบนี้ ทำเอาพระพักตร์ของฮองเฮากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธเรื่องของชายหญิงเป็นเรื่องที่อธิบายยากที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแบบนี้ยังมาเจอกับปู๋เยี่ยโหวที่หน้าด้านหน้าทนอีกมันจะกลายเป็นเรื่องที่อธิบายอย่างไรก็ปัดความผิดไม่พ้นตัวฮองเฮาขบฟันแน่นแล้วตรัสว่า “พูดจาเหลวไหล! นั่นเป็นการใส่ร้ายป้ายสี!”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใส่ร้ายป้ายสี? ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน จิ่งสือเยี่ยนก็ไม่ใช่ลูกของภรรยาเอกไม่ใช่บุตรชายคนโต เหตุใดฮองเฮาถึงได้ปกป้องเขานัก?”จิ่งสือเยี่ยนทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้ามีราชโองการที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้งข้าเป็นรัชทายาท”เดิมทีเขาอยากจะทำเป็นเล่นตัว แสดงท่าทีให้คนอื่นมาเชิญก่อ
อีกประการหนึ่งคือ เสนาบดีฝ่ายซ้ายได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้เจาหยวน หัวหน้าศาลต้าหลี่ก็เลยคิดว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายน่าจะอยู่ข้างจิ่งสือเยี่ยนช่วงที่ผ่านมา จิ่งสือเยี่ยนก็ได้ไปพบกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายเช่นกันเสนาบดีฝ่ายซ้ายแสดงท่าทีเป็นกลางตลอด ใครมีแผนการที่ดีต่อประชาชนมากกว่า เขาก็จะอยู่ข้างคนนั้นจิ่งสือเยี่ยนและขุนนางฝ่ายเดียวกันได้ปรึกษาหารือกัน ต่างก็เห็นว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนที่พวกเขาต้องดึงเข้ามาเป็นพวกให้ได้มากที่สุดหากเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ข้างพวกเขา แผนการใหญ่ของจิ่งสือเยี่ยนก็จะสำเร็จไปกว่าครึ่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องหนึ่งมา ไม่ทราบว่าพวกท่านเคยได้ยินกันบ้างหรือไม่”ทุกคนหันมามองเขา จิ่งสือเยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายหมายถึงเรื่องที่ฮ่องเต้และมหาราชครู วางแผนปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพื่อชิงราชบัลลังก์ใช่หรือไม่”เสนาบดีฝ่ายซ้ายพยักหน้า “ใช่ เรื่องนี้แหละ”“ไม่ทราบว่าอ๋องจิ้นทรงคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”จิ่งสือเยี่ยนมีสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ!”“ฮ่องเต้พระ
เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี
สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก
แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน
ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ
หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ
เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ
เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท