แชร์

บทที่ 654

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
ปกติแล้วจิ่งสือเยี่ยนคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง พบเจอเหตุการณ์ต่างๆ นาๆ มามาก โอกาสที่จะถูกทำให้ตกใจกลัวนั้นแทบเป็นไปไม่ได้

แต่หลังจากที่เขาได้พบกับเฉี่ยวหลิง เขาก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองช่างไร้เดียงสาเสียจริง

การปรากฏตัวของนางได้ทำลายความเข้าใจที่เขามีมาตลอด

แต่เขายังมีสติอยู่ เฉี่ยวหลิงเป็นแบบนี้ เฟิ่งชูอิ่งน่าจะรู้ดี

เขาถามว่า "คุณหนูของเจ้าอยู่ไหน?"

ลูกตาของเฉี่ยวหลิงกลิ้งไปมาในเบ้าตา เกือบจะหลุดออกมาอีกรอบ

จิ่งสือเยี่ยน "......"

หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ สถานการณ์เช่นนี้เกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง

เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า "ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้น!"

เฉี่ยวหลิงมองเขาแล้วพูดว่า "จิตใจของเจ้าค่อนข้างเข้มแข็งดีนี่นา เจอแบบนี้ยังควบคุมตัวเองได้อีก"

หลังจากพูดจบ นางก็จงใจลอยไปข้างๆ เขาแล้วถามว่า "เจ้าไม่กลัวข้าจริงๆ หรือ?"

จิ่งสือเยี่ยนตอบว่า "กลัว! กลัวมาก! แต่ข้าคิดว่าผีก็ควรจะมีผีที่ดี และเจ้าก็เป็นผีที่ดีตัวนั้น"

เฉี่ยวหลิงเบะปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถึงแม้ว่าเจ้าจะพูดจาไพเราะน่าฟัง แต่ข้าก็ไม่ชอบเจ้าอยู่ดี"

"ตอนนี้สารภาพมาซะดีๆ วันนี้เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร?
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 655

    จิ่งสือเยี่ยนถามว่า "เจ้าเป็นอะไรไปหรือ"เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วตอบว่า "ตามที่อ๋องจิ้นเห็น ขาของข้าได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เดินไม่ได้ชั่วคราว"นางเห็นสีหน้าอารมณ์ของจิ่งสือเยี่ยนแล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อยนางเอกในนิยายเรื่องเดิมถูกฆ่าโดยปู๋เยี่ยโหวเจ้าคนโง่นั่น แล้วจิ่งสือเยี่ยนพระเอกในเรื่องเดิมจะไปทางไหนต่อนางถามว่า "ทำไมอ๋องจิ้นถึงมาที่นี่ล่ะ"จิ่งสือเยี่ยนเล่าเรื่องที่เขามากับจิ่งสืออวิ๋นเพื่อหาหญ้าเสวี่ยอิ่นอย่างคร่าวๆ แล้วถามว่า "ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่"หลังจากเจอนาง เขาก็เข้าใจว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยถึงฆ่าจิ่งสือเฟิง แปดส่วนคงเป็นเพราะเจ้าโง่จิ่งสือเฟิงนั่นไปยุ่งกับนางเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่าเหตุผลที่เขามาไม่เรียบง่ายอย่างที่เขาพูดแน่ นางเห็นว่าจิ่งสือเยี่ยนตอนนี้ก็ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วจิ่งสือเยี่ยนไม่ใช่เด็กหนุ่มร่าเริงสดใสอย่างที่แสดงออกภายนอก เขาก็เป็นคนเจ้าเล่ห์และทะเยอทะยานแต่นางได้หย่าขาดกับจิ่งโม่เยี่ยแล้ว การแย่งชิงอำนาจและเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของราชวงศ์ไม่เกี่ยวกับนางอีกต่อไปนางยิ้มบางๆ "ข้าได้รับบาดเจ็บ จึงขอยืมจวนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวมาใช้เป็นที่พักรักษาตัว""ข้าไม่ชอบให้ใครมารบ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 656

    หลังจากที่นางเอกเดิมเสียชีวิต นางก็ดูเหมือนจะกลายเป็นนางเอกของเรื่องนี้แทน แต่นางไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายอะไรกับพวกเขาเลยดังนั้นไม่ว่าจะเป็นปู๋เยี่ยโหวหรือจิ่งสือเยี่ยน นางก็ปฏิเสธอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก ไม่ให้ความหวังใดๆ กับพวกเขาเลยนางพยายามอย่างหนักที่จะตัดขาดจากจิ่งโม่เยี่ย และได้ออกมาใช้ชีวิตอย่างสบายใจ นางไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้อีกสำหรับจิ่งสือเยี่ยน ตอนแรกนางคิดว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ร่าเริงสดใส แต่ต่อมานางพบว่าเขาเป็นคนที่ซ่อนความคิดลึกซึ้งที่สุดเมื่อคิดถึงตรงนี้ ตอนที่เขาพานางออกจากเมืองหลวงและมอบหมายตรากองทัพให้ก่อนวันแต่งงาน เจตนาของเขาไม่บริสุทธิ์เลยสักนิดคนแบบนี้ดูไม่มีพิษภัย แต่กลับวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว ช่างน่ากลัวจริงๆจิ่งสือเยี่ยนเห็นท่าทางที่นางปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก็ตกตะลึงเล็กน้อยเขาพูดเบาๆ ว่า "ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า"เฟิ่งชูอิ่งยิ้มและพูดว่า "โอ้ งั้นก็แสดงว่ายังมีการวางแผนอยู่ แต่ไม่เป็นไร พวกเราไม่สนิทกันอยู่แล้ว""การวางแผนกับคนที่ไม่สนิท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง ไม่ได้ผิดอะไร"พวกเขาที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการวางแผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 657

    เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ "คนในราชวงศ์ ใครบ้างไม่มีความทะเยอทะยาน?"เป็นองค์ชาย ย่อมมีความคิดอยากจะไขว่ค้วาตำแหน่งนั้นอยู่บ้างเหมยตงยวนขมวดคิ้วพูดว่า "ก็จริง"คราวนี้เขาไม่ได้ทำอะไรกับจิ่งสือเยี่ยน แต่ถ้าจิ่งสือเยี่ยนกล้ากลับมาอีกครั้ง เขาก็จะให้จิ่งสือเยี่ยนได้เห็นดีกันสักรอบพูดจบเขาก็ขยับตัว ลากปู๋เยี่ยโหวที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงออกมา เตะก้นเขาทีหนึ่ง ทำให้เขาล้มลงเกือบจะหน้าทิ่มดินเขาถามอย่างหงุดหงิด "ละครสนุกไหม?"ปู๋เยี่ยโหวร้องโอดโอยอยู่หลายที ลุกขึ้นมาพลางนวดก้นและพูดว่า "ละครสนุกดี แต่ก้นก็เจ็บมากจริงๆ"เหมยตงยวนเห็นเขาทำท่าไม่เอาไหนอยู่เรื่อยก็โมโหขึ้นมา "ต่อไปเจ้าอย่ามาที่จวนตากอากาศบ่อยนัก""เจ้าเอะอะก็วิ่งมาที่จวนตากอากาศทุกวัน ไม่รู้ว่าต่อไปจะดึงดูดใครมาอีก"ปู๋เยี่ยโหวพูดอย่างน้อยใจ "ข้าก็ไม่อยากให้คนจับตามองนะ! ข้าอยากไปไหนก็เป็นอิสระของข้า...""โอ๊ย! ลุงเหมย อย่าตีข้านะ!"เหมยตงยวนเอาฝักกระบี่ฟาดก้นเขาอีกที เขากระโดดหนีออกไปสามฉื่อ อยากหนีให้ไกลจากเหมยตงยวนแต่ความเร็วของเหมยตงยวนเร็วกว่าเขามาก เขาขยับตัวทีไร เหมยตงยวนก็คำนวณท่าทางของเขาได้หมด ดักรอเขาอยู่ตรงจุดที่เขาจะหนีไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 658

    จิ่งสืออวิ๋นรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาถามจิ่งสือเยี่ยน "จริงหรือเปล่า?"จิ่งสือเยี่ยนตอบ "จริง ผีนั่นหน้าตาดีอยู่หรอก แต่ตอนมีชีวิตอาจโดนคนควักลูกตาและเลาะคางออก แค่ขยับตัวลูกตากับคางก็ร่วงลงมาแล้ว"จิ่งสืออวิ๋น "!!!!!!"ก่อนจะถูกฟาดจนสลบเขาเหมือนเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผู้หญิงคนนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินกว่าจะเป็นคน ฟาดเขาสลบไปในทันทีตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใกล้ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายความเย็นเยียบอย่างรุนแรงตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว และเป็นเวลาพลบค่ำ เขาตกใจจนต้องมุดเข้าไปหลบอยู่ในมุมแต่เขาไม่เห็นว่าจิ่งสือเฟิงนั่งอยู่ตรงนั้น ตอนนี้กำลังมองมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยจิ่งสือเฟิงเพิ่งตายไม่กี่วัน กลิ่นอายความเย็นเยียบจึงยังไม่หนักมากแต่เขาก็เป็นวิญญาณอยู่ดี จิ่งสืออวิ๋นรู้สึกหนาวมาก อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา "น้องห้า เจ้ารู้สึกหนาวบ้างไหม?"จิ่งสือเยี่ยนส่ายหัว "ก็ยังดีอยู่ ไม่ได้หนาวมาก พี่ใหญ่รู้สึกหนาวเพราะตรงที่นั่งอยู่มีผีรึเปล่า?"จิ่งสือเฟิง "......"จิ่งสืออวิ๋น "!!!!!!"จิ่งสือเยี่ยนหัวเราะ "ล้อเล่นน่ะ โลกนี้มีผีตรงไหนกัน?""ปู๋เยี่ยโหวเลี้ยงนางโลมฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งไว้ในเรือนหลังจวน นางไม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 659

    เฟิ่งชูอิ่งไม่อยากพบเขา แต่กลับยินดีพบจิ่งสือเยี่ยน เขารู้สึกเจ็บปวดในใจมากพอความคิดนี้ผุดขึ้นมา จิ่งโม่เยี่ยก็เกิดความคิดอยากฆ่าขึ้นมาในใจเขาพยายามกดความคิดนี้ลงไป สูดหายใจลึกๆ บอกตัวเองว่าตอนนี้ไม่ควรทำอะไร มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้นางรังเกียจชั่วชีวิตของจิ่งโม่เยี่ย ไม่เคยระมัดระวังกับใครมากขนาดนี้มาก่อนหลังจากจิ่งสืออวิ๋นกลับจวน เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องเรือนท้ายจวนของปู๋เยี่ยโหวซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่?หมอเพิ่งมาตรวจดูที่ต้นคอของเขา บนนั้นมีรอยช้ำสีเข้มอยู่หลายแห่งหมอบอกว่าถ้ามีรอยแบบนี้ เขาต้องโดนฟาดอย่างน้อยสามครั้งเมื่อจิ่งสืออวิ๋นได้ยินคำอธิบายนี้ ก็ยิ่งแน่ใจว่าจิ่งสือเยี่ยนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง เพราะจิ่งสือเยี่ยนบอกว่าเขาโดนนางโลมฟาดแค่ครั้งเดียวเขารู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ความอยากรู้อยากเห็นของเขาพุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเขาครุ่นคิดอยู่สักพัก รู้สึกว่าเขาไม่ควรเป็นเบี้ยรองของจิ่งสือเยี่ยนแบบนี้ ในเมื่อเรื่องนี้จิ่งสือเยี่ยนอยากปิดบังนัก เขาก็จะต้องรู้ให้ได้ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นเขาจึงไปหาปู๋เยี่ยโหว เขาอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 660

    จิ่งสืออวิ๋นรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนและปู๋เยี่ยโหวต่างก็ง้างปากยากมากเขาชี้หน้าใส่ปู๋เยี่ยโหวแล้วพูดว่า "เจ้าพูดจาหาความจริงไม่ได้สักคำ"ปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจ "คราวนี้เจ้าเข้าใจผิดข้าจริงๆ คนที่พูดจาไม่มีความจริงสักคำคือจิ่งสือเยี่ยนต่างหาก"พูดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มด่าทอ "จิ่งสือเยี่ยนบอกว่าจวนตากอากาศของข้ามีผีสิงเจ้ายอมเชื่อ แต่กลับไม่เชื่อว่าในจวนตากอากาศของข้ามีสาวงามซ่อนอยู่""จิ่งสืออวิ๋น สมองเจ้าคงมีแต่ขี้เลื่อยเต็มไปหมดสินะ!"จิ่งสืออวิ๋นเมื่อวานโดนเฉี่ยวหลิงฟันคอไปหลายที หลังคอจึงเจ็บมาก พอได้ฟังเรื่องราวมากมายที่เขาเล่า หัวก็ยิ่งปวดหนักขึ้นเขายกมือปิดหูแล้วพูดว่า "หุบปากซะ!"เห็นว่าถามอะไรจากปู๋เยี่ยโหวไม่ได้แล้ว เขาจึงหันหลังเดินจากไปเลยแต่พอเดินมาถึงลานบ้าน ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างตกลงมาบนหัว ยกมือขึ้นลูบดู ที่แท้เป็นขี้นกก้อนหนึ่งนกตัวนั้นยังส่งเสียงร้องอยู่บนท้องฟ้า ดูเหมือนจะมีความสุขมากจิ่งสืออวิ๋นโกรธจนแทบระเบิด หยิบก้อนหินขึ้นมาหมายจะขว้างนกตัวนั้นให้ตกลงมาแต่พอดีตอนที่เขาขว้างหิน กรมโยธาธิการกำลังซ่อมกระจกบนหลังคาอยู่ แสงสะท้อนจากกระจกส่องเข้าตาเขาพอดีมือของเขาเบี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 661

    คาดว่าการตายของจิ่งสือเฟิงทำให้จิ่งสืออวิ๋นตระหนักถึงบางสิ่ง เขาต้องการจะบอกจิ่งโม่เยี่ยว่าถึงแม้เขาจะเป็นองค์ชาย แต่ก็อยู่ฝ่ายเดียวกับจิ่งโม่เยี่ยปู๋เยี่ยโหวเหลือบตาขึ้นถาม "เจ้าคิดดีแล้วหรือ?"จิ่งสืออวิ๋นรู้ว่าเขาถามถึงอะไร จึงตอบว่า "เจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนเจ้า ที่ไม่รู้จักประมาณตนหรือ?""อีกอย่าง ข้าไม่ได้โง่เหมือนจิ่งสือเฟิง ข้ารู้จักฐานะของตัวเองดี"ก่อนหน้านี้เขาอาศัยความเป็นพี่ใหญ่ ส่วนจิ่งสือเฟิงอาศัยความเป็นลูกภรรยาเอก ทั้งสองคนต่างอยากได้ตำแหน่งนั้น จึงแย่งชิงกันอย่างดุเดือดที่จิ่งสืออวิ๋นกล้าแย่งชิงกับจิ่งสือเฟิง ก็เพราะเขาคิดว่าจิ่งสือเฟิงเป็นแค่คนโง่คนอย่างจิ่งสือเฟิงถ้าสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ เขาก็ย่อมเป็นได้เช่นกันตอนนี้แผ่นดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยแล้ว เขาเห็นถึงความสามารถในการวางแผนและการจัดการอย่างเฉียบขาด นอกเหนือจากกลอุบายต่างๆ จากวิธีการทำงานของจิ่งโม่เยี่ย เขาจึงรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เขาก็ไม่กล้าแย่งชิงกับจิ่งโม่เยี่ยอีกยิ่งไปกว่านั้น การตายของจิ่งสือเฟิงทำให้เขารู้สึกว่าถ้าเขาจะแย่งชิงกับจิ่งโม่เยี่ย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 662

    ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะพลางกล่าวว่า "อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของข้า ข้าตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่จวนตากอากาศของข้า""ท่าทีของเจ้าแย่มาก ข้าจะไม่เชิญเจ้าละกัน!"เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้จิ่งโม่เยี่ยตอบสนองจิ่งโม่เยี่ยเงยหน้าขึ้นทันทีที่ปู๋เยี่ยโหวพูดจบ แต่ปู๋เยี่ยโหวก็เดินไปไกลแล้วเขาหัวเราะเบาๆ แล้วก้มหน้าลงจัดการงานราชการต่อแต่ความเร็วในการตรวจสอบเอกสารของเขาเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาจัดการให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้มีเวลาไปร่วมงานวันเกิดของปู๋เยี่ยโหวหลังจากที่ปู๋เยี่ยโหวออกไปแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจที่บอกจิ่งโม่เยี่ยเรื่องงานวันเกิดเขาตั้งใจจะมาบอกจิ่งโม่เยี่ยว่าจิ่งสืออวิ๋นได้เข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว แต่ทำไมสุดท้ายถึงได้พูดเรื่องงานวันเกิดแทนล่ะ?เขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฟิ่งชูอิ่ง ไม่เคยคิดที่จะช่วยจิ่งโม่เยี่ยตามง้อเฟิ่งชูอิ่งแต่การจัดงานวันเกิดครั้งนี้ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังช่วยจิ่งโม่เยี่ย?เขายกมือตบหัวตัวเอง คิดว่าตัวเองคงจะบ้าไปแล้วเพราะโมโหจิ่งโม่เยี่ย ถึงได้หลุดปากพูดออกไปเขาคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนที่น่ารำคาญที่สุดในโลก เขาตาบอดจริงๆ ที่เลือกร่ว

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status