Share

บทที่ 618

Penulis: ดอกถังร่วงหล่น
ความสามารถในกสนต่อสู้ของเหมยตงยวนสูงเกินไป ทหารกลุ่มนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย

เขาฆ่าคนที่พยายามบุกเข้ามาในจวนหลังนั้นราวกับกำลังเชือดผักเชือดปลา

หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชูอิ่งไม่อยากให้เขาฆ่าคนมากเกินไป ตอนนี้เขาคงฆ่าคนในจวนหลังนั้นจนหมดแล้ว

ตอนนี้เขาเห็นทหารถือธนูและลูกธนู เขาก็อดคิดถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้

ตอนนั้นเขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อพาแม่ของเฟิ่งชูอิ่งหนีออกจากลานประหารของแคว้นซีฉู่ สถานการณ์ก็คล้ายๆ กันกับตอนนี้

บรรยากาศแห่งความตายแผ่กระจายไปทั่ว เขาคิดว่าหลังจากผ่านมาหลายปีแล้ว เขาคงลืมเหตุการณ์ตอนนั้นไปแล้ว

แต่สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันในตอนนี้กลับดึงความทรงจำของเขากลับไปยังหลายปีก่อนได้ในทันที

จนถึงตอนนี้เขายังจำได้อย่างชัดเจนถึงดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจสุดขีดของนาง เมื่อเขาช่วยนางจากกองไฟแล้วอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน

เพราะสายตาครั้งนั้นทำให้เขารู้ถึงความรักอันแรงกล้าของนางที่มีต่อเขา

ที่นั่นเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความตาย แต่กลับทำให้ใจเขาเบิกบาน

ในขณะนั้น เขาไม่ได้คิดถึงสำนักของเขา ไม่ได้คิดถึงอนาคตของพวกเขา เขาคิดเพียงแค่ว่าอยากอยู่กับนาง

แม้
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
tyuiop
กำลังสนุกเลยมันขาดตอนจ้ารอๆๆๆ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 619

    “หาโอกาสพาข้าเข้าไปใกล้เขา ข้าจะลองใช้ยันต์สะกดอารมณ์ด้านลบของเขา”นางไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือไม่ แต่ก็ต้องลองดูเมื่อวิญญาณร้ายคลุ้มคลั่งและเสียสติไปแล้ว ย่อมฆ่าคนทุกคนที่พบเห็นเหมยตงยวนกับเฉี่ยวหลิงแตกต่างกัน เขาเปื้อนเลือดมากมายจากการฆ่าฟัน ดังนั้นเมื่อเขาลงมือฆ่าคน เฟิ่งชูอิ่งจึงไม่ได้ห้ามปรามเหมยตงยวนแตกต่างจากวิญญาณร้ายทุกตนที่เฟิ่งชูอิ่งเคยพบเห็น นางคิดว่าเขาจะไม่คลุ้มคลั่งและยังคงสติเอาไว้ได้แต่ครั้งนี้เขากลับทำให้นางตกใจอย่างมากเฉี่ยวหลิงรับคำแล้วพานางเดินไปข้างหน้าแต่ลูกธนูที่ยิงใส่พวกนางยังคงมีอยู่มากมาย และเหมยตงยวนก็ยังคงฆ่าคนและเคลื่อนที่ไปมาอยู่ตลอดเวลา พวกนางจึงเข้าใกล้เขาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น ศพบนพื้นก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าเก้าอี้ล้อเลื่อนของเฟิ่งชูอิ่งจะเลี่ยงหรือหลบอย่างไร ก็หลีกเลี่ยงศพเหล่านั้นไม่ได้เฟิ่งชูอิ่งเพิ่งหายไข้เมื่อวันนี้ ร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ความใจร้อนทำให้นางมึนหัวทหารเหล่านั้นคิดว่าพวกเขาจะฆ่าคนในเรือนหลังนี้ได้สำเร็จ และภารกิจที่ได้รับมอบหมายจะง่ายดายแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกลับต้องอึ้งสนิทพวกเขาไม่เคยคิดมา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 620

    เฉี่ยวหลิงก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน จึงพยายามพาเฟิ่งชูอิ่งไปใกล้ๆ เหมยตงยวนแต่พวกนางลองหลายครั้งแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่สำเร็จ กลับทำให้เหมยตงยวนโกรธมากขึ้นกว่าเดิมเขาไม่ได้ฆ่าทหารเหล่านั้นอีกแล้ว กลับวิ่งเข้ามาหาพวกนางด้วยความบ้าคลั่งเฉี่ยวหลิงเดิมทีก็ไม่สามารถสู้กับเหมยตงยวนอยู่แล้ว ตอนนี้ยังต้องแบกเฟิ่งชูอิ่งอีก ทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก จึงถูกเหมยตงยวนโจมตีถอยร่นไปเรื่อยๆในขณะนี้ เหมยตงยวนถูกจิตสังหารควบคุมอยู่ เขาไม่สามารถฆ่าเฉี่ยวหลิงและเฟิ่งชูอิ่งได้หลายครั้ง ความโกรธของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นการโจมตีของเขาแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก กระแสลมจากกระบี่ทำให้เฉี่ยวหลิงถูกพัดกระเด็นออกไป ขณะที่เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่บนหลังของเฉี่ยวหลิงก็ไม่สามารถกอดนางได้แน่นตัวนางจึงถูกซัดกระเด็นออกไปเช่นกันบาดแผลที่ขาของนางยังไม่หายดี ถ้าตกลงไปแบบนี้ นอกจากจะทำให้บาดแผลที่ขาแย่ลงแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บอื่นๆ ตามมาด้วยในขณะนี้ เฉี่ยวหลิกำลังถูกเหมยตงยวนโจมตี จึงไม่มีทางที่จะช่วยนางได้นางรู้สึกอับจนหนทาง ได้แต่หลับตาลงเพื่อรอรับแรงกระแทกและบาดแผลที่จะตามมาแต่นางกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ตกลงไปที่พื้น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 621

    จิ่งโม่เยี่ยเอียงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ เพียงไม่นานเขาก็เปิดฉากต่อสู้ฟาดฟันกับเหมยตงยวนเฟิ่งชูอิ่งแอบเป็นห่วงอยู่ในใจ แต่นางยังเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ถึงอยากจะช่วยก็ทำอะไรไม่ได้เหมยตงยวนเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก แต่จิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากัน ทั้งสองคนฟาดฟันกันอย่างว่องไว เพียงไม่นานก็ประมือกันกว่าสิบกระบวนท่าแล้วปู๋เยี่ยโหวที่โดนไล่ทุบตียามนี้กำลังนั่งกองกับพื้น หอบหายใจโกยอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ เขารู้สึกว่าเหมยตงยวนที่เป็นเช่นนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!วรยุทธ์ของเหมยตงยวนแอบแข็งแกร่งกว่าจิ่งโม่เยี่ยหนึ่งขั้น เขาเป็นวิญญาณร้าย ความเร็วและพละกำลังจึงมากกว่าเป็นเท่าตัว จิ่งโม่เยี่ยตกเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนอย่างชัดเจนทว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยปะทะกันมาแล้ว จิ่งโม่เยี่ยจึงพอจะรู้แนวทางการโจมตีของเหมยตงยวนอยู่บ้าง เขาจึงยังพอรับมือกับกระบวนท่าเหล่านั้นไหวทั่วร่างของจิ่งโม่เยี่ยมีไอมังกรคุ้มครองอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมยตงยวนต้องหวาดกลัวมากที่สุดเมื่อเหมยตงยวนสัมผัสโดนตัวของจิ่งโม่เยี่ยก็จะถูกดีดกระเด็นออกไปทั้งสองฝ่ายต่างมีข้อได้เปรียบของตัวเอง เวลาที่ต่อสู้กันจึงทำใ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 622

    แทบจะเสี้ยวพริบตาที่เฉี่ยวหลิงถูกเหมยตงยวนโจมตีจนปลิวออกไป กระบี่ในมือของเขาก็แทงไปทางกลางอกของเฟิ่งชูอิ่งนับตั้งแต่เฟิ่งชูอิ่งรู้จักกับเหมยตงยวนเป็นต้นมา แม้เขาจะดูภายนอกเย็นชา แต่กลับเป็นบิดาที่อบอุ่นและใจดียามอยู่ต่อหน้านางทว่ายามนี้จิตอาฆาตของเหมยตงยวนกลับแผ่ไปรอบด้าน จิตสังหารพลุ่งพล่าน ทั่วสรรพางค์กายเย็นชาดุจน้ำแข็ง เฟิ่งชูอิ่งถอยหลังออกไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อ นี่ข้าเอง ข้าคือเฟิ่งชูอิ่งอย่างไรล่ะ!”เหมยตงยวนสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ยามนี้คิดเพียงว่านางคือตัวอันตรายอย่างยิ่ง เป็นคนแรกที่ต้องกำจัดให้พ้นทาง เขาจึงลงมืออย่างไร้ความปรานีครั้นเห็นว่ากระบี่กำลังจะแทงทะลุกลางอกของเฟิ่งชูอิ่งอยู่รอมร่อ ก็มีมือข้างหนึ่งคว้ากระบี่เล่มนั้นเอาไว้เลือดแดงสดสาดกระเซ็นและหยดลงมาจากคมกระบี่ พลังงานรุนแรงขุมหนึ่งพุ่งเข้าหาเหมยตงยวน ประจวบเหมาะกับยันต์บนตัวของเขาทำงานพอดี ร่างของเขาจึงปลิวออกไปและล้มคว่ำลงบนพื้นเฟิ่งชูอิ่งมองมือของจิ่งโม่เยี่ยซึ่งกำลังกุมกระบี่ของเหมยตงยวนด้วยความตกตะลึงเขากำลังจ้องมองมาที่นางเช่นกันสี่สายตาประสาน ทว่าสภาพจิตใจของทั้งสองคนกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 623

    แต่ตอนนี้จิ่งโม่เยี่ยก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย นางจะให้เฉี่ยวหลิงไปขโมยมาก็คงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นัยน์ตานางหม่นแสงลงเล็กน้อย สูดหายใจลึกๆ แล้วยืนขึ้น เดินเข้ามาหยุดข้างกายจิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องอยากขอให้ท่านอ๋องช่วย”จิ่งโม่เยี่ยถาม “เรื่องอะไรล่ะ?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ก่อนหน้านี้ข้าทำของบางอย่างหล่นหายไว้ที่จวนอ๋อง ของชิ้นนั้นสำคัญกับการรักษาท่านพ่อของข้ามาก ท่านอ๋องช่วยคืนให้ข้าได้ไหม?”จิ่งโม่เยี่ยคิดว่าหลังจากนาง ‘ตาย’ ไปแล้ว จึงเก็บของทั้งหมดของนางเอาไว้เป็นอย่างดีทว่าตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ ของพวกนั้นไม่นับว่าสำคัญอะไรเขาจึงเอ่ยว่า “หลางซาน เจ้าส่งคนกลับไปที่จวนอ๋อง นำกล่องไม้ที่อยู่ในห้องของข้าออกมา”หลางซานรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าหลังจากการได้พบกันอีกครั้ง จิ่งโม่เยี่ยก็ดูจะพูดจาเข้าใจง่ายกว่าแต่ก่อนมากนางจึงเอ่ยว่า “ขอบพระคุณท่านอ๋อง”จิ่งโม่เยี่ยหลุบตาลงต่ำเพื่อซ่อนความรู้สึกในแววตาของเขา เอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้องเกรงใจ”ถึงพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ตอนนี้กลับห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีกความรู้สึกในใจของเขายังคงหนัก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 624

    ทุกวันนี้ตอนที่นางอยู่ตรงหน้า เขาจะต้องพูดจาระมัดระวังทุกอย่าง ความรู้สึกเช่นนี้ไม่น่าอภิรมย์สักนิดเดียวจิ่งโม่เยี่ยยกมือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ท่าทางราวกับคนหมดสิ้นหนทางหลังจากปู๋เยี่ยโหวประคองเฟิ่งชูอิ่งเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ตามเข้ามาจึงส่งเสียงจิ๊ปาก “อดทนเก่งเหมือนกันนะ”เฟิ่งชูอิ่งตวัดสายตามองเขา “ข้าคิดว่าเจ้าก็น่าตบเหมือนกันนะ”หลังจากปู๋เยี่ยโหวประคองนางนั่งลงแล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าอยากถามอะไรก็ถามมาเถอะ”เฟิ่งชูอิ่งจึงถามเขาว่า “เจ้าเป็นคนบอกเขาเรื่องที่ข้ายังไม่ตายหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวส่ายหน้า “ข้าชอบเจ้าจะตายไป แล้วยังอยากแต่งเจ้าเป็นภรรยาด้วย ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย ทำไมจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาด้วยล่ะ!”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นี่มันเป็นการสารภาพความในใจที่ปุปปับอย่างมาก แต่มันก็สมกับเป็นปู๋เยี่ยโหวแล้วล่ะนางถลึงตาใส่เขา เขากลับสงวนท่าทีเกียจคร้านไม่เอาการเอางานในยามปกติ มองนางด้วยสายตาจริงจัง “เรื่องที่ข้าชอบเจ้า ข้าจริงจังมาโดยตลอดนะ!”“พวกเราก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมานานขนาดนี้แล้ว ข้าเป็นคนอย่างไร เจ้าคงรู้ดีแก่ใจ”“ข้ายอมรับว่าข้าดูเหมือนคนไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ก่อนหน้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 625

    เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดีคำพูดถัดมาของเขายิ่งทำให้นางไม่รู้จะพูดอะไรหนักยิ่งกว่าเดิม “ข้ากับจิ่งโม่เยี่ยเป็นบุรุษที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”“สิ่งที่เขามอบให้เจ้าได้ ข้าก็สามารถมอบให้เจ้าได้เช่นกัน สิ่งที่เขาไม่สามารถมอบให้เจ้าได้ แต่ข้ามอบให้เจ้าได้”เฟิ่งชูอิ่งเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยว่า “จิ่งโม่เยี่ยนั่งอยู่ข้างนอกนั่น เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวถูกเขาต่อยเอาหรือไง?”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มบางๆ “ตั้งแต่ข้ารู้ตัวว่าชอบเจ้า ก็เตรียมใจจะแตกหักกับเขาเรียบร้อยแล้วล่ะ”“เขาคิดจะทุบตีข้า แต่ใช่ว่าข้าจะเป็นฝ่ายแพ้เสียเมื่อไหร่”เขาพูดประโยคนี้ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจเฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจลึกๆ แล้วหยิบไม้ขนไก่ออกมาฟาดเขา “เจ้าช่างใจกล้าเหลือเกินนะ เดี๋ยวนี้กล้าหยอกล้อข้าเล่นแล้วหรือ!”ปู๋เยี่ยโหว “……”เขาเดาการตอบสนองของนางเอาไว้เล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะตอบสนองเช่นนี้เขากระโดดหลบไปข้างๆ “เรื่องที่ข้าพูดออกไป เจ้าเก็บไปคิดดีๆ ล่ะ! ข้าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่เลวเลยนะ!”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งหยิบไม้ขนไก่ขึ้นมาเตรียมเขวี้ยงใส่เขา เขาก็เผ่นหนีออกไปแล้วพอเขาออกมาข้างนอกก็เจอจิ่งโม่เยี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 626

    พอเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา เฟิ่งชูอิ่งก็รู้สึกว่าบางทีการฆ่าจิ่งโม่เยี่ยทิ้งอาจจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดนางหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะวางยันต์พวกนั้นไว้ในจุดที่นางหยิบจับง่ายมากที่สุดจิ่งโม่เยี่ยยืนอยู่หน้าประตู มองต้นไม้ที่ถูกสายลมพัดพาด้านหน้าเรือน เหลือบมองเมฆที่ลอยล่องบนท้องฟ้านัยน์ตาของเขาสงบนิ่ง จิตใจเองก็ค่อยๆ สงบลงเช่นกันผ่านไปประมาณครึ่งเค่อ เขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังมาจากด้านหลัง เขาหันกลับไปและพบว่าเฟิ่งชูอิ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูนางใช้ไม้เท้าช่วยค้ำยัน ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้เขา “ปล่อยให้ท่านอ๋องต้องคอยนานแล้ว”“วันนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในจวน หากต้อนรับได้ไม่ดีพอ ท่านอ๋องก็อย่าถือสาหาความกันเลย”จิ่งโม่เยี่ยมองนางแวบหนึ่งแล้วหลุบตาลง “ไม่เป็นไร”ก่อนหน้านี้เขาเกลียดการที่นางส่งยิ้มแบบนี้ให้เขามากที่สุด แม้รอยยิ้มของนางจะดูจริงใจอย่างมาก แต่เขารู้ดีว่านั่นเป็นรอยยิ้มจอมปลอมแต่ตอนนี้แค่ได้เห็นหน้านางก็ถือว่าดีมากแล้ว ต่อให้เป็นรอยยิ้มจอมปลอม แต่นั่นก็ยังเป็นรอยยิ้มของนางในช่วงเวลานี้ เขาพลันเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยว่าก่อนหน้านี้ ทำไมนางจึงมักจะโกหกหลอกลวงตนเองบ่อยๆระ

Bab terbaru

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status