ก่อนหน้านี้เขามัวแต่ไปแก้แค้น ในใจมีเรื่องต้องแบกรับจึงดูสุขุมอยู่บ้างตอนนี้แม้ว่าปู๋เยี่ยโหวจะยังแก้แค้นไม่สำเร็จอย่างแท้จริง ฮ่องเต้เจาหยวนยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากความตายนักองครักษ์เงาของฮ่องเต้เจาหยวนกับกองทัพอวี๋ซานคุ้มครองเขาอย่างแน่นหนา ปู๋เยี่ยโหวจึงบุกเข้าวังไปสังหารเขาไม่ได้จิ่งโม่เยี่ยมอบตำแหน่งรองเจ้ากรมของกรมคลังให้ปู๋เยี่ยโหว ตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ เขาก็ยังไปทำงานอยู่บ้างเขาเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรด จึงโอนย้ายงานของตัวเองไปให้เพื่อนร่วมงานส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ทำงานที่เหลืออยู่จนเสร็จ จากนั้นก็หนีออกไปเที่ยวเล่นสองสามวันก่อนจิ่งโม่เยี่ยมีเรื่องจะปรึกษาแต่หาตัวเขาไม่เจอ หลังจากสั่งสอนเขาไปยกใหญ่ก็สงบเสงี่ยมอยู่สองสามวัน แต่หลังจากนั้นก็กลับมาเหมือนเดิมตอนนี้เขาชักจะอิจฉาปู๋เยี่ยโหวขึ้นมาแล้ว เจ้าหมอนั่นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ เหมือนคนไม่มีหัวใจเขาเอ่ยว่า “ขอแค่เขาทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้น เขาจะไปไหนก็ช่างเถอะ”สำหรับจิ่งโม่เยี่ย ถึงสายเลือดจะเบาบางแค่ไหน แต่ปู๋เยี่ยโหวก็เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เขายอมรับฉินจื๋อเจี้ยนถอนหายใจ “ท่านอ๋องตามใจเขาไปเถอะ ระวังวันหนึ่
จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าในเมืองหลวงมีคนมากมายอยากให้เขาตาย ไม่ว่าใครจะเป็นคนจ้างคนเหล่านี้มา ก็สมควรตายทั้งสิ้น!ห้วงอารมณ์ที่เขากักเก็บเอาไว้ถูกปลดปล่อยออกมาในชั่วพริบตา การปรากฏตัวของคนเหล่านี้กลายเป็นที่ระบายความโกรธแค้นของเขาทว่าพวกคนชุดดำมีจำนวนมากเกินไป จิ่งโม่เยี่ยพาองครักษ์ติดตัวมาด้วยไม่กี่คน แม้พวกเขาจะฝีมือร้ายกาจสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของคนหมู่มากได้หลางซานเข้ามาคุ้มกันข้างกายจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋อง เสด็จหนีเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”จิ่งโม่เยี่ยหันไปเห็นว่ามีศพคนชุดดำจำนวนไม่น้อยล้มทับบนหลุมศพของเฟิ่งชูอิ่ง เขาจึงรู้สึกรังเกียจขึ้นมาเล็กน้อยหากพวกคนชุดดำมานอนตายอยู่ตรงนี้ เขากลัวว่าจะเป็นการรบกวนเฟิ่งชูอิ่งทว่าคนชุดดำมีจำนวนมากเกินไป ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมาก ศพจึงกองทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะยิ่งรบกวนเฟิ่งชูอิ่งเขาจึงพาพวกหลางซานฝ่าวงล้อมออกไปด้วยใบหน้าดำทะมึนคนชุดดดำพวกนั้นรับคำสั่งเด็ดขาดมา จึงไล่ตามพวกเขาไม่ปล่อยหลางซานกล่าว “ท่านอ๋อง จวนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวอยู่แถวนี้ วันนี้เขาอยู่ในจวนด้วย”ปู๋เยี่ยโหวอยู่ที่นั่นจะต้องมีทหารองครักษ์อยู่ด้วยไม่น้อย ทั้งสองกลุ่มรวมกันอย่างไรก
ปู๋เยี่ยโหวยังแอบมีใจให้เฟิ่งชูอิ่งด้วย ย่อมต้องยอมใจร้ายปิดปากเงียบเป็นความลับตอนนี้จิ่งโม่เยี่ยมาถึงจวนตากอากาศของเขาแล้ว สุดท้ายเรื่องที่เขากลัวก็เกิดขึ้นจริงเขากลัวว่าจิ่งโม่เยี่ยเจอเฟิ่งชูอิ่งแล้วจะเชือดเขาทิ้งเฟิ่งชูอิ่งกระพริบตาปริบๆ “วางใจเถอะ ข้าจะซ่อนตัวอย่างดี เจ้าอย่าหลุดปากก็พอ”ปู๋เยี่ยโหวยิ้ม “ข้าเป็นคนมีไหวพริบดีมาก ไม่มีทางหลุดพิรุธแน่นอน”เฉี่ยวหลิงที่อยู่ข้างๆ กรอกตามองบน หากให้ไล่รายชื่อคนที่สามารถไว้ใจไม่ได้บนโลกใบนี้ ปู๋เยี่ยโหวลำดับที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าลำดับหนึ่งแล้วนิสัยของเจ้าสุนัขตัวนี้ จะไม่หลุดปากบอกเบาะแสของเฟิ่งชูอิ่งจริงหรือ?เฟิ่งชูอิ่งโบกมือเบาๆ เฉี่ยวหลิงจึงเข็นเก้าอี้มีล้อของนางเข้าไปในห้องด้านหน้ามีเสียงต่อสู้กันอย่างรุนแรง ปู๋เยี่ยโหวจึงพาคนของตัวเองออกไปช่วยเหลือเฟิ่งชูอิ่งพักรักษาตัวที่นี่เกือบสามเดือนแล้ว แผลที่ขายังไม่หายดีนัก แต่ก็พอจะเดินได้บ้างเพราะก่อนหน้านี้นางใช้คาถาต้องห้าม บาดแผลก็เลยสมานตัวช้ามากๆ แต่นางไม่คาดคิดว่ามันจะช้าถึงเพียงนี้สามเดือนแล้ว นางใช้ชีวิตอยู่ภายในจวนตากอากาศตลอด อย่างไรก็ต้องมีเบื่อบ้างเหมยตงยวนมักจะออกไปข้า
นางกล่าวถึงตรงนี้ก็แบมือ “น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น!”ก่อนหน้านี้นางเคยคำนวณดวงชะตาให้เขา ชะตาชีวิตของคนแบบนั้นพิเศษมากเกินไป ไม่มีทางตายง่ายๆ หรอกวิชาของนางจะสูงส่งแค่ไหน แค่ฝีมือของนางก็ใช้เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อทำร้ายใครเฉี่ยวหลิงได้ยินแบบนั้นก็รู้ว่านางพูดล้อเล่น จึงหัวเราะออกมา “ก็จริงเจ้าค่ะ”ระหว่างที่สองคนคุยกัน กลับมีคนชุดดำเปิดหน้าต่างแล้วแทรกตัวเข้ามาวันนี้คนชุดดำที่มาสังหารจิ่งโม่เยี่ยมีจำนวนเยอะมาก พอพวกเขาเข้ามาในจวนของปู๋เยี่ยโหวแล้ว พวกคนชุดดำก็ไล่ตามเข้ามาทันทีคนส่วนมากมุ่งหน้าไปที่เรือนด้านหน้า มีเพียงจำนวนน้อยที่อ้อมมาจวนด้านหลังพวกเขาอยากจะจับตัวคนข้างในไปข่มขู่ปู๋เยี่ยโหว ไม่ให้ปู๋เยี่ยโหวสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของจิ่งโม่เยี่ยคนชุดดำที่เข้ามาข้างในห้องมีจุดประสงค์เช่นนี้เขามองไม่เห็นเฉี่ยวหลิง พอเข้ามาถึงก็เห็นเฟิ่งชูอิ่งนั่งอยู่คนเดียวนางหน้าตางดงามมาก ดูอย่างไรก็เหมือนคนรักของปู๋เยี่ยโหวเขายิ้มแล้วเอ่ย “คนงามไม่ต้องกลัว ขอแค่เจ้ายอมร่วมมือด้วย ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตอบ “หากข้าไม่ยอมร่วมมือล่ะ?”คนชุดดำเอ่ยเสียงเย็น
องครักษ์ของเขาพกยาสมานแผลติดตัวเสมอถึงเขาจะบาดเจ็บเล็กน้อยก็เป็นแผลภายนอกทั้งหมด ไม่อันตรายเขากล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หากปู๋เยี่ยโหวยังไม่ยอมให้เขาพักที่นี่จะดูมีพิรุธเกินไปปู๋เยี่ยโหวจึงเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าไม่รังเกียจจวนโกโรโกโสของข้าก็ตามสบายเลย”จิ่งโม่เยี่ยหันมองไปรอบๆ “จวนของเจ้าหรูหรากว่าจวนของข้าเสียอีก ข้าจะไปรังเกียจได้อย่างไร?”ปู๋เยี่ยโหวใช้ชีวิตเสพสุข แม้จวนหลังนี้จะไม่ได้หรูหราอย่างถึงที่สุด แต่ก็ดีกว่าจวนหลายๆ แห่งในเมืองหลวงปู๋เยี่ยโหวยิ้ม “เจ้าก็พูดเกินความจริงไป”เขากล่าวจบก็เรียกพ่อบ้าน บอกให้เขาจัดการพาพวกจิ่งโม่เยี่ยไปพักจิ่งโม่เยี่ยกลับบอกว่า “ข้ามาถึงก็แย่งที่พักของเจ้าเลยคงไม่ดีเท่าไหร่ เรือนหลังจวนเจ้ายังว่าง ข้าไปพักที่นั่นก็ได้”ปู๋เยี่ยโหว “!!!!!!”เฟิ่งชูอิ่งอยู่ที่นั่น หากจิ่งโม่เยี่ยไปทางนั้นก็งานเข้าน่ะสิ!สองคนนี้จะรสนิยมตรงกันเกินไปแล้วเขารีบห้าม “ตรงนั้นเกรงว่าจะไม่เหมาะ.....”จิ่งโม่เยี่ยถาม “ทำไมถึงไม่เหมาะ?”ปู๋เยี่ยโหวทำหน้าเหมือนอับอาย “ท่านอ๋องก็รู้ว่าข้าชมชอบสตรีงาม ที่นั่นมีหญิงงามของข้าอยู่”“ถึงพวกเราจะเป็นพี่น้องกัน แต่สตรีคงไม่อาจแบ่งปันร่วม
แต่ปู๋เยี่ยโหวรู้ว่ายิ่งเขาพยายามขัดขวางจิ่งโม่เยี่ยมากเท่าไหร่ จิ่งโม่เยี่ยก็ยิ่งอยากไปดูมากเท่านั้นดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หายากนะที่เจ้าจะรู้สึกสนใจสตรีคนอื่นนอกจากเฟิ่งชูอิ่ง”“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ข้าก็พร้อมจะตัดใจแบ่งปันให้เจ้าชื่นชม”“อีกเดี๋ยวหากเห็นนางแล้วชื่นชอบ ข้าจะยกนางให้เจ้าเลย”พอกล่าวจบ จิ่งโม่เยี่ยก็หยุดฝีเท้าทันทีปู๋เยี่ยโหวดันตัวเขา “มา มา มา ไปดูสาวงามกัน!”จิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดที่ไม่รักษาท่าทีกิริยาเช่นนั้น จึงมองเขาอย่างรังเกียจ "ข้าไม่ได้วิปริตเหมือนเจ้า"เขากล่าวจบก็เดินกลับไปนั่งปู๋เยี่ยโหวถอนหายใจโล่งอกในใจ มือมีเหงื่อซึม แต่ยังคงยิ้มพลางกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่ความวิปริตสักหน่อย!""ข้าแค่รู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่แบบเจ้านั้นช่างเหนื่อยล้า อยากให้เจ้าผ่อนคลายบ้าง""จากประสบการณ์ของข้า วิธีที่ดีที่สุดในการลืมผู้หญิงคนหนึ่ง ก็คือการมีผู้หญิงข้างกายเยอะๆ"จิ่งโม่เยี่ยไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ของเขา จึงพูดเสียงเรียบว่า "เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ"ปู๋เยี่ยโหวยิ้มพลางกล่าว "ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่"จิ่งโม่เยี่ยจ้องมองเขาแล้วบอกว่า “อย่าบังคับให้ข้าต้
ในช่วงหลังมานี้ เฉี่ยวหลิงได้ฝึกฝนกับนาง รวมถึงได้รับคำแนะนำจากเหมยตงยวนด้วย ทำให้ตอนนี้นางเก่งขึ้นกว่าเดิมมากความสามารถในการแปลงร่างของนางก็ดีขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้นางไม่ได้ทำลูกตาหรือคางหลุดบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อนแล้วเมื่อนางเดินไปถึงประตู นางก็แปลงร่างเป็นหญิงงามที่แสนจะยั่วยวนนางยิ้มอย่างเย้ายวน "เชิญนายท่านเข้ามาเจ้าค่ะ!"แม้ว่าปู๋เยี่ยโหวจะรู้ว่านั่นคือเฉี่ยวหลิง แต่เขาก็ตกใจมากจนไม่กล้าเดินเข้าข้างในไปเลยเฉี่ยวหลิงหัวเราะคิกคักพลางยกมือปิดปาก ก่อนจะลากตัวปู๋เยี่ยโหวเข้าไป "นายท่านมาแล้ว คืนนี้อย่าคิดจะไปไหนนะเจ้าคะ!"ปู๋เยี่ยโหว: "......"ช่วยด้วย!ตอนนี้เขาอยากเผชิญหน้ากับจิ่งโม่เยี่ยมากกว่าอีก!แต่เฉี่ยวหลิงรีบลากเขาเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูเสียงดัง เขาจึงไม่มีที่ให้หนีไปไหนได้องครักษ์ที่ประตูเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็หัวเราะเบาๆ เขาไม่มีนิสัยชอบแอบฟัง แค่ขอให้ปู๋เยี่ยโหวปลอดภัยก็พอ เขาจึงหันหลังและเดินจากไปแต่พอเขาเข้าไปข้างใน เฉี่ยวหลิงก็ทำท่าจะต่อยเขา เขารีบพูด "ข้าจำเป็นนะ!"เฉี่ยวหลิงจ้องเขา เขาจึงพูดต่อว่า "เดี๋ยวข้าจะเอาของอร่อยๆ มาให้เยอะๆ!"ช่วงนี้ปู๋เยี่ย
ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะเบาๆ ช่างนี้พวกเขามักจะใช้เวลาร่วมกันแบบนี้ตลอด ตอนแรกเขาถูกเฉี่ยวหลิงทุบตีอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังมานี้เขาเริ่มจะโดนน้อยลงแล้วเขาคิดว่าการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ น่าจะเพราะเฟิ่งชูอิ่งยอมรับตนเองเป็นคนสนิทแล้วนางอาจจะยังไม่ได้เปลี่ยนใจมาชอบเขา แต่อย่างน้อยนางก็ไม่ได้เกลียดเขาเขายิ้ม “ข้าไม่ได้อยากโดนตีนะ ข้าแค่พูดตามความจริงเอง”เขากล่าวจบก็บอกว่า “ข้าถูกจิ่งโม่เยี่ยไล่มาจากทางโน้น ตอนนี้เจ้าจะไล่ข้ากลับออกไปไม่ได้”“คินนี้ข้าจะต้องนอนที่นี่ไปก่อน เจ้าอย่าให้เฉี่ยวหลิงทุบตีข้าเลย!“เฟิ่งชูอิ่งอยู่กับปู๋เยี่ยโหวมานาน จึงเริ่มเข้าใจนิสัยของเขาเจ้าหมอนี่เป็นพวกอยู่นิ่งไม่เป็น ชอบขยันหาเรื่องวุ่นวาย แล้วยังคารมคมคายมากเสียด้วยแต่เขาก็รู้จักประมาณตน ไม่ทำอะไรที่เกินควรทำเขามีขอบเขตของตัวเอง ไม่ทำให้คนอื่นรำคาญคนแบบนี้ ถ้าเป็นสหายก็นับว่าดีทีเดียวแต่เขาก็แสดงความรู้สึกที่มีต่อนางอย่างชัดเจน ทำให้นางรู้สึกลำบากใจตอนนี้นางหวังแค่ว่านางเอกในนิยายจะรับเขาไว้พิจารณา แล้วพวกเขาก็จะได้เป็นเพื่อนกันดีๆพอคิดถึงเรื่องนี้ นางก็นึกขึ้นได้ว่านางเอกในนิยายน่าจะมาถึงเมืองหล