แชร์

บทที่ 411

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วก็ได้สติกลับมา พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ท่านอ๋องกับคุณหนูเฟิ่งนอนร่วมเตียงกันมานานขนาดนี้ ไม่มีทางที่ยังไม่รับรู้รสชาติของเรื่องพรรค์นี้กระมัง?”

สิ่งที่ตอบกลับมาคือพัดที่ถูกขว้างใส่ เขาตกใจ “ยังไม่เคยจริงๆ หรือนี่?

“ท่านอ๋อง ท่านทำได้อย่างไรกัน นอนกอดหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ท่านไม่หวั่นไหวบ้างหรือ?

“หรือว่าของท่านมองจากภายนอกดูดีแต่ใช้การใช้งานไม่ได้...โอ๊ย ท่านอ๋องหยุดตีก่อนพ่ะย่ะค่ะ ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

จิ่งโม่เยี่ยเตะเขาจนตัวปลิวออกไป “เรื่องของข้าใช่สิ่งที่เจ้าจะมาคาดเดาส่งเดชได้หรือ?”

ฉินจื๋อเจี้ยนยกมือกอดหัวแล้ววิ่งหนีออกไป

เฟิ่งชูอิ่งผ่านมาเห็นท่าทางของเขาก็สงสัย ถามว่า “ฉินจ๋างสื่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือ?”

ฉินจื๋อเจี้ยนเคยคิดว่านางกับจิ่งโม่เยี่ยได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว อีกทั้งยังเคยพูดจาหยอกล้อนางด้วย

ตอนนี้เขารู้แล้วว่านางยังเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ จึงไม่สามารถกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นให้นางฟังได้อีก

เขารู้จักธาตุแท้ของบุรุษเป็นอย่างดี ร่างกายของจิ่งโม่เยี่ยปกติ ไม่มีทางที่นอนกอดสาวงามแล้วจะไม่เกิดอารมณ์ความรู้สึก

คำอธิบายเดี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 412

    เพื่อป้องกันความผิดพลาด พระสนมสวี่จึงติดต่อคู่แค้นของจิ่งโม่เยี่ยในคืนนั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือกันนางคิดว่าหากกองทัพเกล็ดทองฆ่าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ ถ้างั้นก็ให้อีกกลุ่มหนึ่งเป็นคนฆ่าแผนการที่รอบคอบและโหดเหี้ยมเช่นนี้ ตอนนี้นอกจากจะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้แล้ว ยังสร้างข่าวลือแปลกๆ ออกมาอีกนางยกเท้าเหยียบศีรษะหัวหน้ากองทัพเกล็ดทองคนนั้น “ไอ้พวกโง่ ไร้ประโยชน์สิ้นดี ออกไปซะ!”หลายปีมานี้นางพยายามทำให้กองทัพเกล็ดทองสังหารจิ่งโม่เยี่ย ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย แต่คนพวกนี้หัวรั้นยิ่งนัก พวกเขายึดมั่นในกฎข้อห้ามและไม่ยอมลงมือหลังจากหัวหน้ากองทัพเกล็ดทองออกไป พระสนมสวี่ก็ยิ่งคิดยิ่งโมโห จึงใช้มือกวาดของบนโต๊ะจนแตกกระจายครั้งก่อนเฟิ่งชูอิ่งแอบเคลื่อนย้ายยันต์ที่นางแปะบนตัวอีกฝ่ายในห้องทรงพระอักษร เอามาไว้บนตัวนางโดยที่นางไม่ทันรู้ตัว จนนางถูกเผาไหม้พุพองไปทั้งตัวเดิมทีไฟนั่นก็ร้ายกาจมากอยู่แล้ว ถึงในยามปกติเจ้าอารามจะช่วยนางดับได้ทันเวลา นางก็ยังถูกเผาทั้งเป็นอยู่ดีตอนที่นางออกจากตำหนักวันนั้น เทียนซือกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันจึงยกสมบัติวิเศษของสำนักลี้ลับให้นางหนึ่งชิ้นสมบัติวิเศษชิ้นนั้นช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 413

    ดังนั้นหลังจากเทียนซือใช้คำสาปกับจิ่งโม่เยี่ยแล้ว พระสนมสวี่กับฮ่องเต้เจาหยวนถึงต้องพระราชทานสมรสให้จิ่งโม่เยี่ยการพระราชทานสมรสครั้งนี้มีว่าที่พระชายาถึงเจ็ดคน จากนั้นพวกเขาก็ฆ่าสตรีที่น่าสงสารทั้งเจ็ดคนทิ้งขอเพียงรวมครบแปดคน ก็จะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของจิ่งโม่เยี่ยให้กลายเป็นชะตาหายนะได้แล้วดังนั้นพวกเขาถึงได้ปล่อยข่าวว่าจิ่งโม่เยี่ยมีดวงชะตาเป็นดาวหายนะออกไป เพื่อที่เวลาคำสาปทำงานเรียบร้อยแล้ว มันจะตรงกับข่าวลือพอดีตอนแรกแผนการทั้งหมดนี้ดำเนินได้อย่างราบรื่นมาก จิ่งโม่เยี่ยรู้แค่ว่าตนเองถูกคนใช้คำสาป แต่ไม่รู้ว่าในคำสาปมีค่ายกลที่ชั่วร้ายขนาดนี้อยู่ด้วยทว่าแผนการทั้งหมดกลับหยุดชะงัดอยู่ที่เฟิ่งชูอิ่งไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า ว่าที่พระชายาคนสุดท้ายของจิ่งโม่เยี่ยจะเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับนอกจากพวกเขาจะฆ่านางไม่สำเร็จแล้ว นางยังช่วยเหลือจิ่งโม่เยี่ยได้อีกอย่างหากเรื่องนี้หลุดจากการควบคุมของพวกเขาไปแล้วในตอนนี้ เทียนซือพลันนึกถึงดวงชะตาที่สูงศักดิ์ยิ่งใหญ่ของจิ่งโม่เยี่ยขึ้นมา ภายในมีความคิดอยู่อย่างหนึ่งชะตาชีวิตคนกำหนดโดยสรวงสวรรค์ หากคนต้องการแลกเปลี่ยนดวงชะตา มรรคาสวรรค์ไม่มีทา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 414

    ครั้งก่อนที่เฟิ่งชูอิ่งพบพานเหรินซิ่นในวังหลวง นางก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าเขามากครั้งก่อนเทียนซือกับพานเหรินซิ่นร่วมมือกัน ใช้คำสาปเล่นงานจิ่งโม่เยี่ยจนเขาเกือบจะตายนางควรคิดได้ว่า พระสนมสวี่ยอมทำทุกหนทางเพื่อสังหารจิ่งโม่เยี่ยตอนแรกจิ่งโม่เยี่ยเกือบจะถล่มแคว้นหนานเยว่ไปแล้ว จึงกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของแคว้นหนานเยว่พานเหรินซิ่นพักอยู่ในเมืองหลวงไม่ยอมไปไหน คิดว่าคงจะหาทางฆ่าจิ่งโม่เยี่ยอยู่ส่วนฮ่องเต้เจาหยวนก็ยอมร่วมมือด้วย ส่งตัวเจิ้งเนี่ยนซินไปแต่งงานที่แคว้นหนานเยว่เพื่อเย้ยหยันจิ่งโม่เยี่ย เพียงแต่ไม่มีสั่งให้กรมพิธีการเตรียมราชโองการถึงเรื่องนี้จะถูกเฟิ่งชูอิ่งขัดขวางเอาไว้ แต่ไม่ได้แปลว่าฮ่องเต้เจาหยวนจะไม่ซ่อนกลอุบายเอาไว้โดยสรุปแล้ว นางจะปล่อยให้พานเหรินซิ่นอยู่ในเมืองหลวงต่อไม่ได้ หากฆ่าเขาทิ้งได้ย่อมดีที่สุด แต่หากไม่ได้ก็ต้องขับไล่เขาออกจากเมืองหลวงนางรู้สึกจากใจจริงว่าจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนน่าสงสารมาก ในเมืองหลวงมีแต่คนจ้องจะเอาชีวิตเขาเต็มไปหมดจิ่งโม่เยี่ยกล่าวเสียงเรียบ “พานเหรินซิ่นสมควรตายจริงๆ นั่นแหละ แต่พวกเราไม่อาจลงมือกับเขาอย่างเปิดเผยได้”พานเหรินซิ่นเป็นทูตจากแค

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 415

    จิ่งโม่เยี่ยจึงยิ้มตอบว่า “ถ้างั้นเจ้าก็ลองดูเถอะ ว่าจะสามารถซื้อของจนกระเป๋าเงินของข้าว่างเปล่าได้หรือไม่“หากเจ้าชอบทั้งหอร้อยสมบัติจริงๆ ข้าก็ยกหอร้อยสมบัติให้เจ้าได้ไม่ใช่ปัญหา”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางเพิ่งจะได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าความร่ำรวยอย่างแท้จริงแต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ หอร้อยสมบัติความจริงแล้วเป็นกิจการของจิ่งโม่เยี่ยตอนนั้นหลังจากเขายกทัพไปตีแคว้นหนานเยว่ได้ ก็ตระหนักได้ว่าตนเองไม่อาจนั่งรอความตายเขาจึงสั่งให้คนก่อตั้งหอร้อยสมบัติขึ้นมา จากนั้นก็หาคนที่เชี่ยวชาญการค้ามาดูแลบริหาร ที่นั่นยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลในเมืองหลวงแบบลับๆ ของเขาด้วยทว่าเรื่องนี้เขาแอบทำเงียบๆ และปิดเป็นความลับ คนในเมืองหลวงจึงแทบไม่มีใครรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ในเมืองหลวงของจิ่งโม่เยี่ยจะไม่ดี แต่นั่นก็เป็นเรื่องในที่ลับทั้งหมด ตอนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้เจาหยวนไม่กล้าหาเรื่องเขาอย่างเปิดเผย สิ่งที่องค์ชายคนอื่นมีเขาก็ย่อมมีด้วยไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จิ่งโม่เยี่ยครอบครองที่ดินศักดินาขนาดใหญ่มหึมาที่เป็นแหล่งรายได้ เขาร่ำรวยกว่าที่เฟิ่งชูอิ่งจินตนาการไว้มากเฟิ่งชูอิ่งไม่มีทางเหมาสินค้าทั้งหมดของหอร้อย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 416

    เฟิ่งชูอิ่งกดปลายจมูกของตัวเองชนกับปลายจมูกของเขา “ก็พอตัวเพคะ!“ถึงอย่างไรข้าก็จะแต่งงานกับท่านอ๋องอยู่แล้ว ท่านอ๋องเก่งกาจมากความสามารถขนาดนั้น แล้วข้าจะเป็นตัวถ่วงของท่านอ๋องได้อย่างไร!”จิ่งโม่เยี่ย “……”เหตุผลของนางทำเอาเขาเถียงไม่ออกเลยนางเล่นดึงเขาไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่นางมากความสามารถเฟิ่งชูอิ่งยกมือขึ้นลูบแผงอกของเขา “รูปร่างกำยำมิเลว สัมผัสดีมากเลยเพคะ”จิ่งโม่เยี่ยคว้ามือของนางเอาไว้ก่อนจะขยับร่างกายอย่างฉับพลัน นางหรือจะเป็นคู่ต่อกรของเขาได้ เพียงพริบตาเดียวก็ถูกเขากดลงไปอยู่ใต้ร่างแล้วเฟิ่งชูอิ่งใช้มือดันอกของเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านทำแบบนี้จะไม่เกินไปหน่อยหรือเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยกระตุกยิ้มมุมปาก “ถึงเจ้าจะไม่ได้เป็นฝ่ายจูบข้า แต่ข้าเป็นฝ่ายจูบเจ้าแทน หากว่ากันตามจริงแล้วมันก็ไม่ต่างหรอก“เอาแบบนี้ดีไหม วันนี้ข้าจะยอมให้เจ้าลูบคลำตามใจชอบ แล้วไม่คิดบัญชีกับเจ้าทีหลังด้วย”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่ามันเหมือนกันตรงไหนมิทราบ!นางกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เขากลับกดริมฝีปากลงมาบดจูบนางเสียก่อนมือของเขาก็อยู่ไม่สุขเสียด้วย เพราะมันกำลังค่อยๆ คืบคลานเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 417

    เขาไม่ค่อยได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกอย่างสบายใจแบบนี้บ่อยนัก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาเดินเล่นกับสตรีด้วยเฟิ่งชูอิ่งความจริงแล้วไม่ได้มีของที่อยากซื้อมากมาย นางออกไปข้างนอกวันนี้เพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องทำนางยิ้มให้กับจิ่งโม่เยี่ยและกล่าวว่า "วันนี้ข้าได้รับของมีค่าจากท่านอ๋องมากมายเลย อย่างไรก็ต้องตอบแทนท่านอ๋องบ้าง"จิ่งโม่เยี่ยถามนางว่า "เจ้าจะตอบแทนอย่างไร?"เฟิ่งชูอิ่งดึงจิ่งโม่เยี่ยไปที่ร้านสุราตรงข้ามกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งแล้วเลิกคิ้วเบาๆ "ท่านอ๋องรอดูอยู่ตรงนี้ อีกสักครู่ก็จะรู้เองเพคะ"ก่อนหน้านี้นางบอกว่าจะจัดการกับพานเหรินซิ่น ก็แปลว่านางจะลงมือจริงๆนางจะจัดการพานเหรินซิ่น ไม่ใช่ทำแบบลับๆ ล่อๆ เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของนางถ้าจะจัดการเขาต้องทำให้ทุกคนในเมืองหลวงรู้ จัดการเขาแบบเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบยิ่งใหญ่จัดเต็มนางต้องทำให้เขาอับอายจนอยากอยากแทรกแผ่นดิน หลบหนีหัวซุกหัวซุนออกจากเมืองหลวงไปเลย และต่อไปหากต้องเจอกับพวกเขาก็ต้องหวาดกลัวจนตัวสั่น!ยามนี้หน้าโรงเตี๊ยมกำลังเงียบสงบ ไม่มีสิ่งผิดปกติใดใดจิ่งโม่เยี่ยมองนาง นางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วกล่าวว่า "อย่าเพิ่งรีบร้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 418

    เมื่อพานเหรินซิ่นออกมา เหล่าชายฉกรรจ์ที่อยู่ตรงประตูก็ได้เข้าโอบล้อมเขาไว้ทันทีเหล่าทหารองครักษ์ของเขาเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบตะโกนว่า "บังอาจ นี่คือองค์ชายแห่งแคว้นหนานเยว่ อย่าได้ทำกริยาหยาบคาย!"หญิงสาวคนนั้นร้องไห้ว่า "องค์ชายแคว้นหนานเยว่สามารถข่มเหงชาวบ้านตาดำๆ ในแคว้นของเราได้ตามใจชอบหรือ?"พวกเจ้าคิดว่าไม่มีคนเหลืออยู่ในแคว้นของเราแล้วหรือ คิดว่าบุรุษในราชสำนักของเราตายหมดแล้วหรือ?"เมื่อเรื่องนี้ถูกยกระดับขึ้นเป็นเรื่องระหว่างแคว้น ความรุนแรงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวคนนั้นดูอ่อนโยนและบอบบาง ทำให้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้ง่ายพานเหรินซิ่นในช่วงนี้ถึงแม้จะเก็บตัวเงียบอยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็ไม่ใช่คนในของแคว้นนี้อย่างแท้จริง เมื่อหญิงสาวกล่าวออกมาเช่นนั้น รอบข้างก็เต็มไปด้วยเสียงตะโกนว่าจะทำร้ายเขา อัดเขาให้เละเมื่อเขาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงพยายามถอยกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยม แต่ก็สายเกินไปแล้วหญิงสาวคนนั้นกอดขาเขาแล้วร้องไห้ว่า "ท่านหลอกลวงเอาความสาวของข้าไปหมดแล้วก็ช่างเถอะ แต่ช่วยคืนเงินของข้ามาด้วย!"พานเหรินซิ่นสบถว่า "ข้าไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 419

    จิ่งโม่เยี่ยเห็นภาพนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันไปมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าวว่า "วิธีของเจ้านับว่าไร้คุณธรรมอยู่บ้าง แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก"แต่คนที่เจ้าส่งออกไปพวกนั้น เกรงว่าจะถูกตามแก้แค้น"เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "เรื่องนี้ข้าก็คิดไว้แล้ว โยนความผิดให้ปู๋เยี่ยโหวเป็นคนรับผิดชอบ"จิ่งโม่เยี่ย "......"นางถึงกับเตรียมแพะรับบาปเอาไว้แล้วเฟิ่งชูอิ่งแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า "คนพวกนี้เดิมทีก็ใกล้ชิดกับปู๋เยี่ยโหว คราวที่แล้วที่ไปหาเรื่องอารามเทียนอี้ ก็เป็นพวกเขาที่ปู๋เยี่ยโหวเรียกไป""เรื่องนี้ไม่ต้องให้พวกเขาไปหาตัวเขาหรอก ศาลไต่สวนก็สามารถตรวจสอบได้"จิ่งโม่เยี่ย "......"เขารู้ว่านางทำเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีมากนัก แต่ตอนนี้เขาพบว่าเขายังประเมินความไร้คุณธรรมของนางต่ำเกินไปแต่ทำไม.....ทำไมเขาถึงมีความสุขขนาดนี้นะ?ก่อนหน้านี้เขายังเป็นห่วงว่าปู๋เยี่ยโหวคอยรบกวนนางมากไป อาจทำให้นางเกิดใจอ่อน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้แล้ว นางไม่มีปู๋เยี่ยโหวในใจเลยสักนิดเขาดีใจจนเหมือนมีดอกไม้บานในใจ แต่ภายนอกไม่แสดงออก เขากล่าวอย่างเรียบเฉย "เจ้าคิดเอาไว้แล้วก็ดี"คนพวกนี

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status