แชร์

บทที่ 419

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งโม่เยี่ยเห็นภาพนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันไปมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าวว่า "วิธีของเจ้านับว่าไร้คุณธรรมอยู่บ้าง แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก

"แต่คนที่เจ้าส่งออกไปพวกนั้น เกรงว่าจะถูกตามแก้แค้น"

เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "เรื่องนี้ข้าก็คิดไว้แล้ว โยนความผิดให้ปู๋เยี่ยโหวเป็นคนรับผิดชอบ"

จิ่งโม่เยี่ย "......"

นางถึงกับเตรียมแพะรับบาปเอาไว้แล้ว

เฟิ่งชูอิ่งแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า "คนพวกนี้เดิมทีก็ใกล้ชิดกับปู๋เยี่ยโหว คราวที่แล้วที่ไปหาเรื่องอารามเทียนอี้ ก็เป็นพวกเขาที่ปู๋เยี่ยโหวเรียกไป"

"เรื่องนี้ไม่ต้องให้พวกเขาไปหาตัวเขาหรอก ศาลไต่สวนก็สามารถตรวจสอบได้"

จิ่งโม่เยี่ย "......"

เขารู้ว่านางทำเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีมากนัก แต่ตอนนี้เขาพบว่าเขายังประเมินความไร้คุณธรรมของนางต่ำเกินไป

แต่ทำไม.....

ทำไมเขาถึงมีความสุขขนาดนี้นะ?

ก่อนหน้านี้เขายังเป็นห่วงว่าปู๋เยี่ยโหวคอยรบกวนนางมากไป อาจทำให้นางเกิดใจอ่อน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้แล้ว นางไม่มีปู๋เยี่ยโหวในใจเลยสักนิด

เขาดีใจจนเหมือนมีดอกไม้บานในใจ แต่ภายนอกไม่แสดงออก เขากล่าวอย่างเรียบเฉย "เจ้าคิดเอาไว้แล้วก็ดี

"คนพวกนี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 420

    เมื่อพวกเขามาถึงศาลไต่สวน มันก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายไม่ต่างไปจากตลาดสดสักนิดจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย เพียงแค่ตีกลองร้องทุกข์ที่อยู่ข้างๆเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังวิ่งวุ่นหัวหมุนไปตามๆ กันนั้นส่งเสียงด่าทอออกมา ทว่าพอเห็นผู้ที่มาตีกลองร้องทุกข์ พวกเขาก็พากันกลืนคำด่าลงคอไปทันทีครั้งก่อนที่จิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งมาที่ศาลไต่สวน พวกเขาเกือบจะพลิกศาลไต่สวนจนกลับด้านทั้งหมด พวกเขาจดจำได้ขึ้นใจหากพวกเขาไม่รู้จักอีกฝ่ายมาก่อนล่ะก็ หลังจากครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นก็จำพวกเขาได้แม่นเชียวล่ะทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามากล่าวว่า "ท่านอ๋องมีเรื่องร้องทุกข์อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"จิ่งโม่เยี่ยกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "เมื่อสองคืนก่อนข้าถูกลอบสังหารกลางทาง ศาลไต่สวนไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ข้าก็เลยไปหาด้วยตัวเอง"เจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นก็ใจสั่นสะท้าน หากไม่ใช่พวกโง่ก็ต้องมองออกอยู่แล้วว่าเขามาเพื่ออาละวาดเจ้าหน้าที่รีบกล่าวว่า "เชิญท่านอ๋องเข้ามาข้างใน!"เมื่อจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้าไปด้านใน ตอนที่อยู่ใกล้ประตูพวกเขาก็สบตากันแวบหนึ่งเฟิ่งชูอิ่งม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 421

    "อีกอย่างนะ เจ้าบอกว่านี่เป็นฝีมือของพวกเรา เจ้ามีหลักฐานไหม?"พานเหรินซิ่น "......"เขาเคยเห็นฝีปากของเฟิ่งชูอิ่งมาแล้ว และครั้งนี้ก็ทำให้เขาอยากจะฉีกปากนางออกเหลือเกิน!เฟิ่งชูอิ่งยังยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน "เจ้าชินกับการทำตามอำเภอใจในแคว้นหนานเยว่ล่ะสิ ไม่รู้หรือว่าบ้านเมืองพวกเราต้องใช้หลักฐานในการสืบสวน?"หัวหน้าศาลไต่สวนกลัวว่าเฟิ่งชูอิ่งยังกล่าวต่อไปอาจทำให้พานเหรินซิ่นกระอักเลือดได้ จึงรีบเข้ามาแก้สถานการณ์ “เรื่องวันนี้ ข้าจะสืบสวนให้ชัดเจนเอง"หลังจากกล่าวเสร็จ เขาก็เรียกลูกน้องมาดูแลงานเรื่องอื่นๆ ขณะที่ตัวเขามุ่งหน้าไปโรงเตี๊ยมของพานเหรินซิ่นด้วยตัวเองครั้งที่แล้วหลังจากจิ่งโม่เยี่ยถูกลอบสังหาร ในวังก็ส่งสารมาบอกเขาว่าให้ถ่วงเวลาตอนนั้นเขาปวดหัวมาก เพราะจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่ายากจะรับมือในเมืองหลวง การจะถ่วงเวลาโดยไม่ถูกจิ่งโม่เยี่ยทุบตีนั้นเป็นเรื่องยากมากแต่ถึงจะยากแค่ไหน เขาก็ต้องทำอยู่ดีตอนที่เห็นจิ่งโม่เยี่ยบุกมาหา เขารู้ว่าได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ จึงวางแผนจะพาคนไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อทำลายหลักฐานตอนที่พวกเขากำลังจะออกเดินทาง จิ่งโม่เยี่ยก็สั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 422

    ตอนนี้ท้องน้อยของพานเหรินซิ่นยังเจ็บมาก ยามนี้พอถูกบีบคอซ้ำ ความหวาดกลัวอันไร้ขอบเขตจึงถาโถมเข้ามาภายในเสี้ยวพริบตาเขานึกถึงร่างเงาที่ไม่ค่อยชัดเจนของอะไรบางอย่างนั่นอีกครั้ง เขายื่นมือออกไปเพื่อพยายามจับคน แต่พบว่าเขาจับอะไรไม่ได้เลยดวงตาของเขาเบิกกว้าง สีหน้าบ่งบอกถึงความหวาดกลัวชัดเจนองครักษ์ของเขาถามเขาว่า "องค์ชาย ท่านเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?"พานเหรินซิ่นถูกบีบคอจนกล่าวไม่ออก ใช้มือคว้าสิ่งของรอบตัวแบบสะเปะสะปะสภาพนี้ของเขาในสายตาของหมอและองครักษ์ ดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกหมอที่มีประสบการณ์มาหลายปี ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน คิดเพียงว่าเขาอาจจะเจ็บหน้าอกดังนั้นหมอจึงเปิดเสื้อของเขาและใช้มือกดหน้าอกของเขาไว้เพราะชีพจรของเขาไม่มีปัญหาอะไร ทว่ายามนี้เขากลับมีท่าทีคล้ายคนกำลังอึดอัด หมอจึงใช้วิธีนี้เพื่อช่วยบรรเทาความอึดอัดของเขาแต่พานเหรินซิ่นไม่ใช่คนไข้ที่เจ็บป่วยจากโรคธรรมดา ตอนที่หมอยังไม่กดก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอหมอออกแรกกดหน้าอกเขาก็ยิ่งทรมานปากของเขาอ้าออกกว้าง พยายามหอบหายใจทว่าลมหายใจของเขากลับกระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เขารู้สึกว่ากำลังจะถูกบีบคอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 423

    หมอเองก็เหงื่อตกเพราะพยายามจะรักษาเขา แต่ก็ไร้หนทาง ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่อาการป่วยของเขาถูกหมอจัดอันดับให้เป็นอาการป่วยที่แปลกประหลาดที่สุดแห่งปี เป็นโรคแปลกแท้จริงหลางซานเดินทางไปกับหัวหน้าศาลไต่สวนจนถึงโรงเตี๊ยม ให้เวลาเพียงไม่นานก็ค้นเจอ‘เจาลู่’หมอที่ติดตามขบวนเดินทางมาด้วยช่วยยืนยันว่า เจาลู่ที่ตรวจพบเหมือนกับสารที่เคลือบอยู่บนมีดเล่มนั้นทุกประการด้วยเหตุนี้ ต่อให้มีหลักฐานที่แน่ชัด ถึงแม้หัวหน้าศาลไต่สวนจะอยากปิดบังเรื่องนี้สักแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้แล้วหัวหน้าศาลไต่สวนรู้สึกสับสนอย่างมาก ฮ่องเต้เจาหยวนมอบหมายงานนี้ให้เขา แต่เขากลับทำมันพังเขารู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งใจ แต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวคำปดยามอยู่ต่อหน้าจิ่งโม่เยี่ยเพราะจิ่งโม่เยี่ยไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย เขากลัวว่าจิ่งโม่เยี่ยจะโมโหแล้วชักดาบมาฟันเขาหัวหน้าศาลไต่สวนต้องกล่าวว่า "ท่านอ๋อง เรื่องนี้มีหลักฐานเป็นวัตถุ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระทำขององค์ชายจากแคว้นหนานเยว่"จิ่งโม่เยี่ยเตรียมพร้อมไว้แล้ว เพราะคิดว่าเขาอาจจะกล่าวแบบนี้ จึงกล่าวว่า "ข้ามีพยาน"ท่านอ๋องกล่าวเสร็จก็ปรบมือเบา ๆ ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 424

    จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจเขาสักนิด หันไปบอกกับผู้ติดตามว่า "เจ้าไปยืนที่หน้าประตูศาลไต่สวน แล้วกล่าวสิ่งที่เจ้าสารภาพเมื่อกี้ให้ชาวเมืองทั้งหลายฟังอีกครั้ง"ผู้ติดตามถึงกับน้ำตาคลอเบ้าขณะตอบรับ เขาไปยืนที่หน้าประตูศาลไต่สวนแล้วกล่าวเสียงดังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นหัวหน้าศาลไต่สวนพยายามจะส่งคนไปลากเขากลับมา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะจิ่งโม่เยี่ยส่งคนมาคุมที่นั่นเอาไว้หัวหน้าศาลไต่สวนแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก สูดหายใจลึกๆ แล้วส่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้าไปในวังเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้เจาหยวนทราบจิ่งโม่เยี่ยเห็นการกระทำหลบๆ ซ่อนๆ ของเขาแต่ไม่ขัดขวาง เพราะเรื่องนี้สุดท้ายแล้วฮ่องเต้เจาหยวนก็ทราบอยู่ดีเมื่อเรื่องนี้มาถึงจุดนี้ พานเหรินซิ่นก็ไม่สามารถกลับตัวได้อีกแล้วองค์ชายแคว้นแคว้นหนานเยว่ถ่อมาที่เมืองหลวงเพื่อฆ่าอ๋องฉู่ เรื่องนี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงเฟิ่งชูอิ่งเดิมทีเตรียมแผนการที่สมบูรณ์แบบเพื่อทำให้พานเหรินซิ่นเสียชื่อเสียง แต่เมื่อจิ่งโม่เยี่ยเข้ามาแทรกแซง นางก็รู้สึกว่าต้องทำแผนนี้ให้เสร็จเพราะนางได้ตั้งเวทีไว้แล้ว ถ้าไม่ทำให้เสร็จ โรคย้ำคิดย้ำทำของนางคง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 425

    ดังนั้นเขาจึงออกพระราชโองการฉบับหนึ่งพระราชโองการนั้นมีใจความว่าให้พานเหรินซิ่นออกจากเมืองหลวงทันที ต่อจากนี้ไป ห้ามคณะทูตจากแคว้นหนานเยว่เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงอีกเพียงแต่พระราชโองการนี้ฮ่องเต้เจาหยวนออกด้วยความอัดอั้นตันใจ เขาไม่สามารถลงมือกับจิ่งโม่เยี่ยได้ในตอนนี้ แต่สามารถจัดการคนที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้ในวันเดียวกันนั้น ปู๋เยี่ยโหวจึงถูกฮ่องเต้เจาหยวนเรียกเข้าวัง และถูกด่าแบบสาดเสียเทเสียปู๋เยี่ยโหวหน้าด้านหน้าทนมาก แม้จะถูกฮ่องเต้เจาหยวนด่าอย่างรุนแรง แต่เขาก็ยอมรับผิดและแสดงท่าทีสำนึกต่อหน้าฮ่องเต้เจาหยวนได้อย่างดีเพียงแต่เมื่อเขาออกจากห้องทรงพระอักษรมาได้ เขาก็ยกมือเช็ดน้ำลายที่กระเด็นใส่หน้าจากการถูกด่า และหัวเราะเบาๆตอนแรกที่เขาติดต่อกับพานเหรินซิ่นนั้น เขามีแผนการของตัวเอง ซึ่งเป็นการเดินหมากที่กระดานค่อนข้างใหญ่แต่หมากนี้เพิ่งเดินได้ครึ่งทาง ก็ถูกจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งร่วมมือกันทำลายหมากของเขา แล้วยังทุบกระดานหมากของเขาทิ้งอีกแต่พอเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว พานเหรินซิ่นก็จะคิดว่าเป็นเขาและจิ่งโม่เยี่ยร่วมมือกันทำร้ายเขาแต่คนที่ทำเรื่องเลวร้ายไร้มโนธรรมเช่นนี้เข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 426

    สิ้นเสียงของปู๋เยี่ยโหว เหล่าทหารที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนตามว่า “แม่นางเฟิ่ง ได้โปรดแต่งงานกับท่านโหวของพวกเราเถอะขอรับ!”“ท่านโหวของพวกเราหน้าตาหล่อเหลา อ่อนโยนและรู้จักเอาใจใส่ ถ้าท่านยอมแต่งงานกับเขา เขาจะดูแลท่านอย่างดีเหมือนเป็นของล้ำค่าในมือ!”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นางไม่อยากฟังปู๋เยี่ยโหวพูดพล่ามเช่นนี้เลย แต่เจ้าสุนัขนี่กลับให้ทหารหลายสิบคนมายืนขวางหน้าประตูพร้อมกัน ต่อให้นางอยากแกล้งเป็นคนหูหนวกก็ทำไม่ได้นางแอบมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาดำเหมือนก้นหม้อ เมื่อเห็นนางมองมา เขาก็จ้องมองกลับมาหานางนางรีบกล่าวว่า “ข้าไม่เคยบอกว่าจะแต่งงานกับเขาเลยนะ แล้วข้าก็ไม่ได้ชอบเขา!”ตอนนี้นางรู้สึกโชคดีมากที่พยายามตัดความสัมพันธ์กับปู๋เยี่ยโหวตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงจะฟันนางตายในกระบี่เดียวแล้วนางชักจะรู้สึกเสียใจแล้วสิที่เลือกเขาเป็นแพะรับบาป บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีการแก้แค้นของเขาถ้าเป็นเมื่อก่อน จิ่งโม่เยี่ยคงจะลงมือจัดการกับเฟิ่งชูอิ่งทันที แต่ตอนที่นางจัดการกับพานเหรินซิ่น นางก็โยนความผิดทั้งหมดใส่ศีรษะปู๋เยี่ยโหวเขาไม่เคยรู้ว่าการชอบใครสักคนรู้สึกอย่างไร แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 427

    ไอ้บุรุษสุนัขที่มันเหลือเกินจริงๆ!นางรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมากที่ต้องมาเจอกับปู๋เยี่ยโหวในขณะที่เฟิ่งชูอิ่งปวดหัวกับปู๋เยี่ยโหวนั้น คณะทูตของพานเหรินซิ่นก็เคลื่อนขบวนออกจากเมืองหลวงอย่างเงียบๆเพราะเขาไม่อาจอยู่ต่อได้อีกแล้วนับตั้งแต่ตอนที่ที่เฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ยร่วมมือกันจัดการพานเหรินซิ่น ในทุกๆ วันก็มีชาวบ้านเอาไข่เน่ามาปาใส่โรงเตี๊ยมของเขาพวกที่บอกว่าเขาติดหนี้ก็ถือใบแจ้งหนี้มาทวงเงินเขาไม่เว้นวัน สร้างความรำคาญใจให้เขาอย่างยิ่งประกอบกับวันที่พานเหรินซิ่นเดินทางไปศาลไต่สวน เขาก็ถูกหลอกจนขวัญหนีดีฝ่อรอยนิ้วมือที่เฉี่ยวหลิงบีบคอเขา ตอนนี้กลายเป็นรอยช้ำสีคล้ำเข้มแลดูน่ากลัวอย่างมากพานเหรินซิ่นกลัวว่าเฉี่ยวหลิงจะมาหาเขาอีก เขาจึงไปหาเทียนซือเพื่อขอเครื่องรางป้องกันตัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าข่มตานอนตอนกลางคืนเพราะเมื่อใดก็ตามที่เขาหลับตา เขาจะนึกถึงภาพที่เฉี่ยวหลิงทำให้ตาและคางของนางหลุดออกมาเพียงแค่พานเหรินซิ่นจินตนาการถึงภาพนั้น เขาก็เหงื่อแตกไปทั้งตัวแล้วเมื่อเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาประกอบรวมกัน พวกเขาก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแม้การแก้แค้นจิ่งโม่เยี่ยจะสำคัญ แต่ชี

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status