แชร์

บทที่ 288

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-06 19:07:10
เฟิ่งชูอิ่งตื่นตระหนกอย่างมากที่พบว่านาง...เป็นคนเมาเรือ!

หลังจากนางนั่งเรือมาได้หนึ่งชั่วยามกว่าๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองท้องไส้ปั่นป่วนอยากจะอาเจียน ตอนแรกนางก็ยังไม่คิดอะไร เพราะร่างเดิมที่ชาติก่อนของนางไม่เคยเมาเรือ

ตอนแรกนางคิดแค่ว่าวุ่นวายอดหลับอดนอนทั้งคืน แล้วยังต้องวาดยันต์อีกมากมาย ร่างกายเหนื่อยล้าเกินขีดจำกัด ก็เลยมีอาการแบบนั้นได้ พักสักหน่อยก็คงจะหายแล้ว

ดังนั้นนางจึงเข้าไปนอนพักในห้องส่วนตัว

ทว่าพอนางพักอาการกลับรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ตอนที่นางลืมตาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าโลกหมุน น้ำย่อยในกระเพาะตีกลับ

นางจึงคว้าถังไม้ที่อยู่ข้างๆ มาอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง

จนถึงตอนนี้ นางก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเองเมาเรือ

ตอนที่นางตระหนักเรื่องนี้ได้ก็ถึงกับอึ้งสนิทไปเลย แล้วก็ไม่อยากทำใจยอมรับความจริงด้วย

แต่เพราะมันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย มันจึงไม่สนใจความคิดของนางสักนิดว่ารับได้หรือไม่

จิ่งสือเยี่ยนได้ยินเสียงจึงแวะมาสอบถาม “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับอย่างหมดแรง “ท่านดูสภาพของข้าสิ เห็นแบบนี้แล้วยังคิดว่าไม่เป็นอะไรอีกหรือ!”

จิ่งสือเยี่ยน “......”

เขาจึงไปขอยาแก้เมาเรือจากคนพ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 289

    นางจึงสั่งให้เฉี่ยวหลิงไปหาเช่ารถม้าของโรงเตี๊ยม เพื่อออกเดินทางกลางดึกทันทีนางทำแบบนี้เพราะต้องการหลีกเลี่ยงจิ่งสือเยี่ยน และทิ้งเขาไว้ที่โรงเตี๊ยมแต่พอนางก้าวขึ้นรถม้ามากลับพบว่าจิ่งสือเยี่ยนนั่งอยู่ด้านในแล้ว นางชะงักเล็กน้อยแล้วหันมองเฉี่ยวหลิงเฉี่ยวหลิงอธิบายว่า “ฟ้ามืดแล้วรถม้าพวกนั้นก็เลยไม่ยอมเดินทาง ต้องขอบคุณท่านอ๋องจิ้นที่ช่วยเหลือไว้”จิ่งสือเยี่ยนเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนใจ “เจ้าล่วงเกินใต้เท้าหลินแบบนั้น เขาขึ้นชื่อเรื่องใจคอคับแคบในราชสำนักจะตายไป“ขอลองคิดๆ ดูแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่ ดังนั้นเร่งเดินทางต่อคืนนี้จะดีกว่า”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางไม่กลัวหลินชูเจิ้งจะมาหาเรื่องหรอก เพราะงั้นนางถึงได้ทำเรื่องพวกนั้นลงไปหลินชูเจิ้งอาจจะไม่ไล่ล่านาง แต่ดูจากนิสัยของเทียนซือคนนั้นแล้ว เขาน่าจะไม่ปล่อยนางไปจริงๆ นั่นแหละนางจึงกล่าวว่า “ท่านอ๋องจิ้นคิดได้รอบคอบแล้ว“ตอนนี้ข้าอาการดีขึ้นมากแล้ว คงไม่รบกวนท่านอ๋องจิ้นหรอก”“ไม่รบกวน ไม่รบกวนเลย!” จิ่งสือเยี่ยนตอบด้วยท่าทางดีอกดีใจ “ข้ายังไม่เคยนั่งรถม้าแล้วถูกคนตามล่ากลางดึกมาก่อนเลย คิดว่ามันต้องน่าสนุกแน่”เฟิ่งชูอิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 290

    จิ่งสือเยี่ยนใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วตอบว่า “แม่นางเฟิ่งหนีออกจากเมืองหลวงก็เพื่อเอาชีวิตรอด“ถึงข้าจะรู้ว่าพี่สามไม่ใช่ดาวหายนะแบบที่คนลือกัน แต่เขาก็ถูกผู้อื่นจ้องเล่นงานมากเกินไป“หากแม่นางเฟิ่งต้องกลับไปที่เมืองหลวง จะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ ในเมื่อข้าเลือกจะช่วยนางแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด”เขากับจิ่งโม่เยี่ยถือว่าสนิทสนมกันไม่น้อย แต่เขารู้สึกว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ในสถานการณ์แบบนี้ หากเขาไม่ช่วยนางออกจากเมืองหลวง เกรงว่านางจะตายเอาได้....ระหว่างเฟิ่งชูอิ่งต้องตายกับทำให้จิ่งโม่เยี่ยโกรธ เขาเลือกช่วยชีวิตนางอยู่แล้ว หลังจากนั้นค่อยหาทางอธิบายให้จิ่งโม่เยี่ยฟังอีกทีหลังจากเขากล่าวแบบนี้ ทหารองครักษ์ก็เข้าใจว่าควรทำอย่างไร เขาเร่งความเร็วของรถม้าขึ้นทันทีในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เทียนซือที่ทราบข่าวก็รู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งเดินทางไปพร้อมกับจิ่งสือเยี่ยนเขาพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “อ๋องจิ้นยื่นมือเข้ามาสอดเรื่องนี้ทำไมกัน?”ลูกน้องของเขายังไม่อาจให้คำตอบที่ชัดเจนได้ในบรรดาโอรสของฮ่องเต้เจาหยวน จิ่งสือเยี่ยนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานน้อยที่สุด แล้วก็เป็นคนที่มีอำนาจและความอันตรายน้อยท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 291

    เฟิ่งชูอิ่งยังไม่ทันจะมีโอกาสได้เปลี่ยนรถม้า เขาก็จัดการสับเปลี่ยนม้าเรียบร้อยแล้วเพราะว่าเขาเตรียมการมาอย่างดี ดังนั้นรถม้าจึงแทบจะไม่ได้หยุดพักตลอดการเดินทาง แล้วยังใช้ม้าที่แข็งแรงอย่างมากด้วยพอม้าดี พวกเขาก็เคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็วตอนแรกเฟิ่งชูอิ่งคิดว่าใช้เวลาวันสองวัน จิ่งสือเยี่ยนก็น่าจะเบื่อการเดินทางแบบนี้แล้ว และน่าจะปล่อยนางทิ้งไว้ทว่าความจริงพิสูจน์ให้นางเห็นแล้วว่าตลอดการเดินทางเขาคึกคักมีกำลังวังชาแค่ไหนเขานั่งอยู่บนรถม้าและชวนเฟิ่งชูอิ่งปรึกษาแผนการว่าควรจะมุ่งหน้าไปทางไหน ทำอย่างไรถึงจะปลอดภัยที่สุด?หากต้องเปลี่ยนม้าเทียมรถ ต้องทำอย่างไรถึงจะประหยัดเวลามากที่สุด ประหยัดเรี่ยวแรงได้มากที่สุด?เฟิ่งชูอิ่งฟังเขาพูดเป็นต่อยหอยไม่ยอมหยุด นางจึงโพล่งออกไปว่า “ท่านปล่อยข้ากับเฉี่ยวหลิงลงไปจะปลอดภัยที่สุด ประหยัดเวลาที่สุดแล้วก็เปลืองแรงน้อยสุด”จิ่งสือเยี่ยนส่ายหน้ารัวๆ เหมือนกลองป๋องแป๋ง “ในเมื่อข้าเป็นคนพาเจ้าออกมาจากเมืองหลวง ข้าก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเจ้าสิ”เฟิ่งชูอิ่ง “....ความจริงแล้วไม่จำเป็นเลย ท่านช่วยข้าเตรียมเรืออย่างเดียวข้าก็ซาบซึ้งมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 292

    องครักษ์มีสีหน้าหนักใจ “เมื่อครู่นี้ท่านอ๋องได้มองหรือไม่ว่ารถม้าของพวกนางมุ่งหน้าไปทางไหน?”คำถามนี้ทำเอาจิ่งสือเยี่ยนสะอึก รถม้าทั้งแปดคันเหมือนกันทุกประการ ตอนนั้นเฟิ่งชูอิ่งเลือกรถม้าแบบส่งเดชคันหนึ่งเขาบอกไม่ได้เลยว่ารถม้าคันที่ว่านั่นมุ่งหน้าไปทิศไหนตอนแรกพวกเขาเตรียมรถม้าเอาไว้เยอะขนาดนี้เพื่อทำให้พวกคนที่ไล่ตามมาสับสนทว่าพวกศัตรูยังไม่ทันจะไล่ตามมาถึง พวกเขากลับเป็นฝ่ายที่สับสนเองแล้วเขายกมือตบศีรษะของตัวเองหนึ่งที เมื่อครู่นี้ทำไมเขาถึงยอมตอบตกลงแยกทางกับเฟิ่งชูอิ่งกันนะ?เขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่เขายอมตกลงแต่โดยดี เป็นเพราะเฟิ่งชูอิ่งแอบใช้กลอุบายบางอย่าง“ดังนั้นตอนที่เขากำลังสนใจแผนที่อยู่ คุณหนูก็แอบใช้คาถากับเขาสินะเจ้าคะ?” เฉี่ยวหลิงเอ่ยถามเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ถูกต้อง ถึงเขาจะมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส แต่กลับไม่ใช่คนโง่งมอะไร แล้วจะยอมพยักหน้าตกลงง่ายๆ ได้อย่างไร?“หากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ถึงเขาจะหวังดีกับพวกเรา แต่เขาก็ดูกระตือรือร้นมากเกินไป ข้ารู้สึกอึดอัดน่ะ“ที่สำคัญ หากเขาติดตามอยู่ข้างกายพวกเราตลอดเวลา ก็อาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้เขาได้”นางรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 293

    “แต่ตอนนี้คุณหนูออกมาจากเมืองหลวงแล้ว ก็คงไม่ต้องเอาเขามาพิจารณา“ข้าคิดว่าท่านอ๋องจิ้นก็มิเลวนะ หน้าตาก็หล่อเหลา นิสัยก็ใช้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วกล่าวว่า “เขาเป็นคนดี หน้าตาหล่อเหลามากด้วย แต่เขาไม่ใช่ของข้า“เขามีคู่ชะตาของตนเองอยู่แล้ว ชะตาอีกครึ่งหนึ่งของเขากำลังรออยู่ในอีกสถานที่หนึ่ง หากคำนวณเวลาแล้ว พวกเขาก็ใกล้จะได้พบกันแล้วล่ะ”นางยังไม่ได้คิดสั้นขนาดนั้นหรอก ถึงจะไปแย่งจิ่งสือเยี่ยนกับนางเอกในนิยายน่ะใต้หล้าแห่งนี้มีบุรุษรูปงามมากมาย นางยังไม่คิดจะผูกคอตายใต้ต้นไม้เดียวหรอกนะสองนายบ่าวสนทนากันอย่างสนุกสนาน แต่แล้วก็มีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งทะลุร่างของเฉี่ยวหลิงไปเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย ที่นางสามารถปรากฏร่างคนได้เพราะยันต์ของเฟิ่งชูอิ่งช่วยรักษารูปร่างของนางเอาไว้คนอื่นจึงมองเห็นนางเป็นเหมือนคนธรรมดาแต่นางก็แค่มองจากภายนอกเหมือนคนธรรมดา เนื้อแท้ของนางก็ยังเป็นวิญญาณร้ายเหมือนเดิมยามเมื่อถูกลูกธนูยิ่งทะลุร่าง ยันต์ที่เฟิ่งชูอิ่งแปะให้ก็ถูกกระชากหลุดออกไปจากตัวเฉี่ยวหลิงจิตสังหารรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ทำให้อากาศหนาวยะเยือกในพริบตา ลมหอบนั้นถึงกับพัดชายผ้าม่านของรถม้าใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 294

    เรื่องแบบนี้พวกเขาเพิ่งเคยพบเจอครั้งแรก!ต่อให้พวกเขาจะเป็นนักพรตมีวิชา พอจะรู้ศาสตร์ลี้ลับอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยพบเจอเรื่องที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อนเลยไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาเพิ่งจะยิงธนูโดนคนบนรถม้าไปอย่างจัง แต่นอกจากคนจะหายไปแล้ว แม้แต่เลือดสักหยดก็ไม่มีเปื้อนให้เห็นมีคนเอ่ยว่า “กลางวันแสกๆ แบบนี้คงจะไม่มีผีหรอกนะ?”อีกคนกล่าวว่า “ผีอะไรล่ะ พระอาทิตย์ดวงใหญ่ขนาดนี้ เจ้าเคยเห็นผีที่ไหนอยู่ใต้แสงแดดได้งั้นหรือ?”“ถ้างั้นคนหายไปไหนแล้วล่ะ?”“ออกค้นหารอบๆ จะต้องอยู่แถวนี้แน่นอน”พวกเขาคิดเหมือนกันว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ทว่าตอนที่พวกเขาหมุนตัวกลับไปนั้น กลับมีกระบี่เล่มหนึ่งบินเข้ามาแทงทะลุหัวใจนักพรตคนหนึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และยังไร้สุ้มเสียงอีกด้วย นักพรตที่เดินอยู่ด้านหน้ายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนักพรตคนที่อยู่ใกล้กับผู้ตายรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงหันหลังกลับไปมอง ทว่ากลับถูกปาดคอตายนักพรตคนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดพากันมองซ้ายมองขวา แต่พวกเขาก็มองไม่เห็นเฟิ่งชูอิ่งพวกเขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก จึงหันหลังกลับไปมอง ก่อนจะเห็นร่างนักพรตสองคนนอนจมกองเลือดบนพื้นนัยน์ตาขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-07
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 295

    หากเฟิ่งชูอิ่งประจันหน้ากับนักพรตพวกนั้นตรงๆ ต้องสู้ไม่ไหวแน่ แต่นางไม่เคยสู้กับใครด้วยการใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียวอยู่แล้วเมื่อครู่นี้คนพวกนั้นหาตัวนางไม่พบ ว่านางมียันต์เร้นกายอยู่กับตัว หลังจากนางทำให้ตัวเองล่องหนแล้ว คนพวกนี้ก็ไม่มีทางมองเห็นนางแน่นอนนางเห็นว่านักพรตพวกนั้นกำลังล้อมวงสร้างค่ายกลรอบๆ รถม้า นางใคร่ครวญสักพักแล้วติดตั้งอะไรบางอย่างบนรถม้าด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มส่งเสียงร้องไห้เสียงร้องไห้ของนางฟังดูน่าพิศวงอย่างยิ่ง คนที่ได้ยินก็พากันหวาดกลัวไปตามๆ กันหลังจากนางร้องอยู่สักพักก็เงียบไปแล้วไม่ส่งเสียงอีกทว่าเสียงร้องไห้สั้นๆ ของนางทำให้นักพรตพวกนั้นทราบว่าตำแหน่งของนางอยู่ตรงไหนนักพรตทั้งหลายย่ำตามจุดของค่ายกล พร้อมกับขยับเข้าไปทางรถม้าคันนั้นและโอบล้อมเอาไว้นักพรตเหล่านั้นชักกระบี่ออกมา พวกเขาหันไปส่งสายตาให้กันเล็กน้อย จากนั้นจึงแทงกระบี่ใส่รถม้าอย่างพร้อมเพรียงกันเสี้ยวพริบตาที่พวกเขาแทงกระบี่เข้าไป ผงปูนขาวก็สาดกระจายออกมารอบๆ โดยมีรถม้าเป็นจุดศูนย์กลางตอนที่นักพรตเหล่านั้นใช้กระบี่แทงใส่รถม้า เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณร้ายหลบหนี พวกเขาจึงเบิกตากว้างจั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-08
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 296

    นางตกใจจนใจหายวาบ พอหันกลับไปก็เห็นพวกนักพรตที่เพิ่งจะเผ่นหนีไป นอนจมกองเลือดกันเกลื่อนกลาดเฟิ่งชูอิ่งเลิกคิ้วสูง ก่อนที่พริบตาถัดมาจะมีตาข่ายขนาดใหญ่กางปกคลุมแผ่นฟ้า ครอบทับร่างนางเอาไว้อย่างแน่นหนาตอนที่นางถูกตาข่ายดังกล่าวจับ ยันต์บนตัวของนางก็ถูกดึงหลุดออกไป นางใช้มือดึงตาข่ายออกแต่กลับถูกคนพันธนาการจนแน่น ไม่มีทางดิ้นหลุดออกไปได้เลยนางรู้สึกใจหายวาบ นางรู้ว่ายันต์เร้นกายของตนเองสามารถทำให้คนอื่นมองไม่เห็นนางได้ ยามที่นางซ่อนตัวอยู่ในมุมอับก็แทบจะไม่มีใครพบเห็นนางเลยแต่อย่างไรเสียนางก็เป็นคนตัวเป็นๆ ไม่มีทางหลบหนีกฎตามธรรมชาติได้ ตอนที่นางอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ อย่างไรก็ต้องมีเงาปรากฏออกมาเพียงแต่พวกนักพรตพวกนั้นขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว จึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาที่เคลื่อนไหวไปมาแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า นางสามารถหลอกพวกนักพรตได้ แต่กลับมาเสียท่าในตอนสุดท้ายเฟิ่งชูอิ่งอยากรู้ว่าใครกันที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ สามารถหาตัวนางพบได้ในพริบตาเดียวพอนางหันกลับไปก็มองเห็นจิ่งโม่เยี่ยในอาภรณ์สีขาว ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยด้วยท่าทางสง่างามผ่าเผย นัยน์ตาดอกท้อของเขากำลังมองนางด้วยรอยยิ้มไม่คล้ายยิ้ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-09

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status