Share

บทที่ 138

Author: ดอกถังร่วงหล่น
คนเฝ้าประตูชะงักกึก หากเฟิ่งชูอิ่งไม่ยอมไปพบคนที่หน้าประตูจวน แล้วงิ้วหลังจากนั้นจะแสดงต่ออย่างไรล่ะ?

คนเฝ้าประตูแอบร้อนรน เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พวกเขาต้องการพบคุณหนูต่างสกุล จะต้องเป็นสหายของคุณหนูต่างสกุลแน่นอน

“คุณหนูต่างสกุลไม่ยอมไปพบพวกเขา ออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย!”

เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงเฉยชา “เสียมารยาทก็เสียไปสิ อย่างไรเสียบิดามารดาข้าก็ตายหมดแล้ว ท่านลุงกับท่านป้าสั่งสอนข้าให้ดีไม่ได้ ข้าก็เลยไม่มีมารยาทแบบนี้ไง”

คนเฝ้าประตู “......”

คำพูดของนางเขาไม่รู้จะตอบรับอย่างไรดี

เฟิ่งชูอิ่งจึงไล่เขาออกไป “หากเจ้าไม่มีธุระอื่นก็ออกไปเถอะ ข้าจะพักผ่อน”

นางกล่าวจบก็ผลักคนออกไปข้างนอก ก่อนจะปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา

คนเฝ้าประตู “!!!!!!”

เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกับที่เขาคาดคิดเอาไว้สักนิด

เขาได้แต่ยืนโง่งมอยู่ตรงนั้น

หากเฟิ่งชูอิ่งไม่ยอมออกไปข้างนอก เขาก็ไม่สามารถบังคับพาตัวนางออกไปได้

หากเขาใช้กำลังลากตัวนางออกไป เกรงว่าจะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม

คนเฝ้าประตูใคร่ครวญอยู่สักพัก ก่อนจะไปพบฮวาซื่อ

ฮวาซื่อฟังจบก็ขมวดคิ้วหน้านิ่ว หากเฟิ่งชูอิ่งไม่ยอมออกไป เรื่องนี้ก็จัดการได้ยากแล้วล่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Daranee Nimsuwan
สนุกมากมาย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 139

    “ข้าไม่สังหารนางก็ถือว่าดีมากแล้ว นางยังต้องการของตอบแทนอีกหรือ? น่าขันเสียจริง”ฉินจื๋อเจี้ยนก็มีสตรีที่ชอบอยู่เหมือนกัน พอได้ยินจิ่งโม่เยี่ยพูดแบบนั้น จึงรู้ทันทีว่าพวกเขาน่าจะทะเลาะกันมาเขาจึงแนะนำว่า “ท่านอ๋อง นางเป็นแค่สตรีตัวเล็กบอบบาง ท่านก็ยอมๆ นางไปเถอะ”จิ่งโม่เยี่ยแค่นเสียงเย็นชา “ข้าไม่เคยเจอสตรีหน้าไหนเป็นเหมือนนางมาก่อนเลย นางใจกล้าบ้าบิ่นอย่างมาก! แล้วยังคิดจะขึ้นมาขี่อยู่บนหัวของข้าอีก!”ฉินจื๋อเจี้ยนจึงมั่นใจว่าทั้งสองคนทะเลาะกันมาจริงๆ หากโน้มน้าวมากไป อาจจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามแม้จิ่งโม่เยี่ยจะเคยมีว่าที่พระชายามาแล้วถึงเจ็ดคน แต่ผู้หญิงทั้งเจ็ดคนก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำไปเขาจึงไม่เคยได้พูดคุยกับสตรีมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้รับความรักจากพวกนางก็เป็นเรื่องธรรมดาเขาใคร่ครวญว่าอีกหน่อยจะต้องช่วยจิ่งโม่เยี่ยเตรียมของขวัญแล้วส่งไปให้นาง ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะกลับมาคืนดีกันก็ได้ในฐานะจ่างสื่อของท่านอ๋อง เขาต้องทำงานหนักเหลือเกินจิ่งโม่เยี่ยคิดว่านั่งมองยันต์พวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้ทดลองผลลัพธ์ของยันต์เหล่านี้ด้วยตัวเองจะดีกว่าดังนั้นเขาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 140

    นัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยเย็นชา “อีกสามวันจะเป็นวันเกิดของข้าแล้ว ใช้เหตุผลนี้น่าจะเพียงพอ”ฉินจื๋อเจี้ยนได้ยินเช่นนั้นก็ตอบรับว่า “ข้าจะไปจัดการเรื่องเทียบเชิญเดี๋ยวนี้เลย”แม้จิ่งโม่เยี่ยจะไม่ยินดียินร้ายกับวันเกิดของตัวเองมากนัก อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยจัดงานวันเกิดด้วยแต่ปีนี้จิ่งโม่เยี่ยอายุครบยี่สิบปีพอดี เป็นวันเกิดครบรอบใหญ่ เขาต้องการจัดงานเฉลิมฉลอง นับว่าเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นอย่างมากอันที่จริงเมื่อสามเดือนก่อน ฉินจื๋อเจี้ยนเคยถามจิ่งโม่เยี่ยแล้วว่าจะจัดงานวันเกิดครบรอบยี่สิบปีหรือไม่ แต่จิ่งโม่เยี่ยบอกว่าไม่จัดตอนนี้ไม่ว่าเขาจะอยากจัดงานวันเกิดด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉินจื๋อเจี้ยนก็จะตั้งใจเตรียมงานให้อย่างดีฉินจื๋อเจี้ยนเดินไปถึงหน้าประตูแล้วนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ “ทำไมถึงเลือกไปจัดที่บ่อน้ำพุร้อน ไม่จัดในจวนอ๋องล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยตอบเสียงเนือยๆ “เพราะที่นั่นเหมาะจะฝังศพมากกว่า”ฉินจื๋อเจี้ยน “......”คิดเสียว่าเขาไม่ได้ถามก็แล้วกันตอนที่ฉินจื๋อเจี้ยนกำลังจะเดินข้ามธรณีประตู จิ่งโม่เยี่ยก็เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าส่งเทียบเชิญไปให้ว่าที่พระชายาของข้าด้วย”ช่วงนี้เขายังไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 141

    ฉินจื๋อเจี้ยนเห็นว่านางยอบกายคารวะได้อย่างสง่างาม ไม่ได้ขี้ขลาดหวาดกลัวเหมือนในข่าวลือเขาจึงเกิดความเสียดายแทนนางขึ้นมา นางออกจะเป็นคนดี น่าเสียดายที่คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเขาจึงเอ่ย “ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอการมาเยือนของคุณหนูเฟิ่ง”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยฉินจื๋อเจี้ยนจึงหันไปหาฮวาซื่อ “คุณหนูเฟิ่งเป็นว่าที่พระชายาของท่านอ๋อง ตอนนี้ถึงนางจะยังเป็นคุณหนูต่างสกุลในจวนสกุลหลิน แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว“ฮูหยินอุตส่าห์ช่วยสั่งสอนกฎระเบียนให้นาง ข้าขอแสดงความขอบคุณแทนท่านอ๋องด้วย“เพียงแต่หลังจากนี้ไปตอนที่ฮูหยินจะสั่งสองกฎระเบียบให้นาง รบกวนช่วยคิดถึงฐานะของนางให้ดีๆ ด้วย“จวนอ๋องฉู่แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็ดีกว่าจวนสกุลหลินอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็มีคำว่าอ๋องประดับอยู่ คงไม่ยอมปล่อยให้ใครมาดูหมิ่นกันง่ายๆใบหน้าของฮวาซื่อดำคล้ำเหมือนตับหมูทันทีคำพูดของฉินจื๋อเจี้ยนไม่มีคำหยาบอยู่แม้แต่น้อย ทว่ามันกลับเหมือนการชี้หน้าด่าฮวาซื่อเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ามายังแกว่าที่พระชายาอ๋องฉู่!ฮวาซื่อจึงเอ่ยว่า “ฉินจ๋างสื่อกล่าวหนักเกินไปแล้ว ข้าก็แค่พูดคุยกับชูอิ่งเฉยๆ”ฉินจื๋

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 142

    ฮวาซื่อเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่า “เด็กคนนี้จะทำตัวห่างเหินไปใย ข้าเป็นป้าของเจ้านะ เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกนี้ของเจ้า“ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าเจ้าอายุยังน้อย ยังจัดการร้านค้าพวกนั้นเองไม่ได้ ก็เลยช่วยจัดการแทนเจ้า“เจ้าเด็กคนนี้แม้แต่ท่านป้าของตัวเองก็ไม่เชื่อใจแล้วหรือ? เจ้าทำให้ข้าเสียใจมากจริงๆ”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงราบเรียบ “ข้าเชื่อว่าท่านป้าไม่มีใจคิดคดต่อข้า“แต่ตอนนี้ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถดูแลร้านค้าของบิดามารดาตัวเองได้ ไม่รบกวนท่านป้าหรอก”สีหน้าของฮวาซื่อบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เฟิ่งชูอิ่งจึงเอ่ยอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหม ท่านเอ่ยสาบานกับข้าตรงนี้“บอกว่าท่านไม่เคยคิดอยากได้ร้านค้าของบิดามารดาข้าเลยสักครั้ง มิฉะนั้นขอให้ประสบแต่ความโชคร้าย ข้าจะเชื่อคำพูดของท่านป้า แล้วพาพี่สาวไปร่วมงานวันเกิดของอ๋องฉู่”คำสาบานนี้ไม่ค่อยร้ายแรง ฮวาซื่อลังเลอยู่สักพักจึงตอบตกลง “ได้ ข้าจะสาบาน“ข้าขอสาบานว่าจะไม่ละโมบอยากได้ร้านค้าบิดามารดาของเฟิ่งชูอิ่ง หากผิดคำสาบานขอให้ชีวิตมีแต่ความโชคร้าย”ระหว่างที่นางสาบาน เฟิ่งชูอิ่งก็ใช้มือสร้างคาถาใส่ด้านหลังของนาง ทำให้คำสาบานของนางส

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 143

    ตอนที่พวกเขาลงจากรถม้า นางก็ถูกชายกระโปรงที่รุงรังของตัวเองพันขา ทำให้นางก้าวพลาดตกจากรถม้าจนหน้าทิ่มพื้นตอนที่นางยกศีรษะขึ้นมา นอกจากจะมีโคลนติดเต็มหน้าแล้ว จมูกยังมีเลือดไหลออกมาอีกด้วยมุมปากของเฟิ่งชูอิ่งกระตุกรัวๆ ดวงเลือดตกยางออกก็ช่างมาไว้เสียจริง ไวกว่าที่นางคำนวณเอาไว้อีกตอนแรกนางคิดว่าถึงหลินหว่านถิงจะไม่มีดวงเลือดตกยางออก แต่นางก็จะส่งดวงโชกเลือดให้นางเองอยู่ดี เพื่อให้สมกับความเป็นตัวนาง แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่จำเป็นแล้วหลินหว่านถิงเลือกจังหวะล้มได้ยอดเยี่ยมมาก เพราะว่าอ๋องเฉินจิ่งสือเฟิงเพิ่งจะก้าวลงจากรถม้าพอดี จึงเห็นภาพที่นางสะดุดตกจากรถม้าแบบเต็มตาดวงตาของจิ่งสือเฟิงเย็นชาขึ้นมาโดยพลัน ในใจนึกรังเกียจสภาพของนางก่อนหน้านี้เขาเคยคิดจะแต่งนางเป็นพระชายา เพราะว่าหลินชูเจิ้งแม้จะเป็นเพียงรองเจ้ากรมคลัง แต่กลับเป็นหนึ่งในผู้กุมอำนาจของกรมคลังอีกอย่างหลินชูเจิ้งก็ยังอายุไม่มาก เป็นคนที่มีโอกาสจะได้เลื่อนเป็นหัวหน้าเลขากรมคลังมากที่สุดส่วนหลินหว่านถิงก็รูปโฉมไม่ธรรมดา แล้วยังเป็นแบบที่เขาชื่นชอบด้วยแต่หลังจากฮวาซื่อเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นกลางเมือง เขาก็ถีบหลินหว่านถิงลงจาก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 144

    ตอนที่สาวใช้นำทางเฟิ่งชูอิ่งเข้าไปหาจิ่งโม่เยี่ย เขากำลังดีดพิณอยู่พิณมีตัวเรือนสีดำสนิท เสียงพิณใสกระจ่าง ไพเราะเสนาะหูอย่างยิ่ง นางไม่รู้ว่าเขาดีดเพลงอะไร แต่มันกลับไพเราะอย่างมากนางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนบ้าที่ฆ่าคนเป็นว่าเล่นอย่างจิ่งโม่เยี่ย จะสามารถดีดพิณได้เพราะถึงเพียงนี้จิ่งโม่เยี่ยแหงนหน้าขึ้นมาเชยตามองเฟิ่งชูอิ่ง เสียงพิณพลันแปรเปลี่ยน จิตสังหารที่แฝงภายในบทเพลงแผ่ซ่านออกมาเฟิ่งชูอิ่ง “......”ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ?นางนั่งลงข้างกายเขาแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ท่านอ๋องตั้งใจจะทำอะไรหรือเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยไม่ตอบแต่ถามกลับ “ยันต์ที่เหลือพวกนั้นไม่มีปัญหาอะไรสินะ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตอบ “ข้าเป็นคนซื่อสัตย์มากนะเพคะ ข้าบอกว่าจะมอบยันต์ที่เหมือนกันทุกประการสิบแผ่นให้ท่านอ๋อง ก็ต้องทำตามที่พูดเอาไว้ ไม่มีขาดแม้แต่แผ่นเดียว”จิ่งโม่เยี่ยใช้หางตาเหลือบมองนางเล็กน้อย วันนั้นเขาลองเอากลับไปนับดู มียันต์อยู่สิบแผ่นครบจริงๆเฟิ่งชูอิ่งยื่นหน้าเข้าไปหาเขา ใช้ไหลสะกิดไหล่ของเขาเบาๆ “คิดว่าท่านอ๋องน่าจะทดลองใช้ยันต์ของข้าตอนอยู่ที่จวนอ๋องแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์มิเลวเลยใช่ไหม?”จิ่งโม่เยี่ยแค่น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 145

    “เป็นข้าที่คิดได้เองเพคะ ในใจของข้าท่านอ๋องเป็นดั่งเทพเซียนบนสวรรค์ ข้าจะกล้าดูหมิ่นเทพเซียนได้อย่างไร”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาคิดว่าสตรีนางนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ คำพูดเหลวไหลแบบนี้นางยังพูดเสียดูมีหลักการได้เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “หลังจากแก้คำสาปได้แล้ว เจ้ารีบออกไปจากเมืองหลวงทันทีเลยนะ ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “เพคะ!”จิ่งโม่เยี่ยเห็นนางตอบตกลงแบบไม่ลังเลเลยสักนิด ในใจก็รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูกนางเอาแต่พูดว่าชอบเขา แต่ความจริงแล้วนางไม่ได้ชอบเขาสักนิดเรื่องนี้เขารู้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชอบท่าทางดีอกดีใจของนางอยู่ดีตอนนั้นเอง จิ่งสือเฟิงก็เดินเข้ามากล่าวว่า “ท่านอ๋อง องค์ชายทั้งหมดมาครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จิ่งโม่เยี่ยจึงวางมือลงบนสายพิณ เสียงพิณจึงเงียบหายไปในบัดดลเขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อน หันมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วบอกว่า “ไปกันเถอะ ข้าอยากจะเห็นการแสดงของเจ้าในวันนี้มากเลย”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงแผ่ว “มิกล้าทำให้ท่านอ๋องผิดหวังหรอกเพคะ”จิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางเข้ากันดีของทั้งสองคน ก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้เขาติดตามรับใช้จิ่งโม่เยี่ยมานานหลายปี รู้ว่าจิ่งโม่เยี่ยใช้ชีวิตอย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 146

    จิ่งโม่เยี่ยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ได้”จิ่งสือเฟิงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย “ก็แค่ม้วนภาพอักษรเท่านั้นเอง พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกัน เจ้าต้องคิดเล็กคิดน้อยถึงเพียงนี้เลย?”เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ จึงถามว่า “ขอถามองค์ชายรอง ท่านอ๋องทุบตีท่านได้ไหมเพคะ?”จิ่งสือเฟิงตวาดกลับ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร พวกเราพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ เจ้ามีสิทธิ์สอดปากอย่างนั้นหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขายกเท้าขึ้นแล้วถีบจิ่งสือเฟิงเต็มแรง จนเขาล้มกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบถึงจะหยุดนิ่งทุกคน “......” เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางก็แค่เอ่ยถามไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าเขาจะลงมือทำจริงๆหลินหว่านถิงเห็นภาพดังกล่าวก็โง่งมไปเลย ในใจของนางจิ่งสือเฟิงเป็นดั่งผู้ที่ไร้เทียมทานนางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะกล้าลงมือทำร้ายจิ่งสือเฟิงนางรีบลุกขึ้นวิ่งไปประคองจิ่งสือเฟิงขึ้นมา “ท่านอ๋อง ท่านไม่บาดเจ็บตรงไหนนะเพคะ?”หลังจากนางสะดุดล้มจากรถม้า ถึงจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และประทินโฉมใหม่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็งดงามไม่เท่าเดิมใบหน้าของนางมีแผลขีดข่วนอยู่หลายแห่ง มองดูแล้วน่าอนาถอยู่ไม่น้อยจิ่

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status