ทั้งหมดทั้งมวลนี้ นางไม่อาจจะชี้ชัดลงไปได้เลยว่าหลี่อวี้อ๋องเป็นอย่างไรกันแน่ เขาจะแค่หาเรื่องแก้เบื่อโดยการลากนางไปทั่วทั้งเมือง หรือโกรธที่นางไปลบหลู่ดูหมิ่นตนเข้า จึงอยากจะทรมานนางให้พบเจอกับความยากลำบากของการต้องทำงานเพื่อไถ่โทษกันแน่ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่นางแอบสงสัย งานที่ท่านอ๋องว่านั้นว่ากันตามตรงไม่สร้างความลำบากให้นางแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำนางยังสนุกสนานเพลิดเพลินที่ได้ออกจากจวนอีกต่างหาก หรือความจริง…พอนึกมาถึงตรงนี้นัยน์ตาดอกท้อก็เบิกโตขึ้น หรืออาจจะเป็นแบบที่เพ่ยเพ่ยว่า คือท่านอ๋องสนใจในตัวนาง แบบที่บุรุษทุกผู้ทุกนามให้ความสนใจ
แม้นนางไม่ใช่คนหลงตนเองนัก แต่ก็รู้ดีว่าผู้คนมากมายพากัน ชื่นชมความงามนี้ แต่หลี่อวี้อ๋องผู้ซึ่งอยู่ในรั้วในวัง เจอสาวงามนับร้อยนับพัน ขอแค่ไม่ใช่คนในพระประสงค์ของฮ่องเต้ จะชี้นิ้วเลือกใครก็ได้ทั้งนั้น จะสนใจนางได้อย่างไร แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง นางก็จะถือได้ว่ามีผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดินถึงสองคนมาติดพัน หนึ่งคือองค์ชายชาง ซึ่งบิดาเคยเปรยเอาไว้ หรือสองคือท่านอ๋อง ผู้ที่นั่งมองนางไม่ละสายตาอยู่ในตอนนี้ เพียงแต่ว่า…กับเขาผู้นี้…คคนแจวเรือยืนทำหน้าที่แข็งขันให้เรือล่องไปได้เรื่อย ๆ ท่ามกลางกระแสน้ำสงบและลมพัดแผ่วให้ความรู้สึกเย็นสบายผ่อนคลาย เยว่ชิงแหงนหน้ามองดวงดารากระจัดกระจายบนท้องฟ้าสีหมึก ขณะที่หลี่อวี้อ๋องก็มองนางอย่างเพลิดเพลิน “ดูท่าเจ้าจะชอบออกมาข้างนอกมาก” “ข้าชอบที่จะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เจ้าค่ะ” “ก็คิดว่าชอบออกมาซื้อของเสียอีก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ก็ท่านเป็นฝ่ายบอกให้ข้าหาเหตุผลที่ควรจะซื้อ หากเห็นว่าเข้าท่าก็จะซื้อให้ ตอนนี้จะมาบ่นย้อนหลังไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ” น้ำเสียงนางแง่งอนเล็กน้อย แต่คนฟังกลับมองว่าน่ารัก “ข้าไม่ได้บ่น” เขายิ้มละมุน “แล้วเราได้ข้อมูลอะไรมาบ้างหรือไม่จากการเล่นเป็นคู่รักกันเช่นนี้” วันทั้งวันนางไม่เห็นท่านอ๋องจะทำสิ่งใดนอกจากโอบเอวหรือโอบไหล่นางเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ช่วยนางเลือกของ ควักเงินจ่าย นางไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ แม้แต่น้อย “ได้สิ แต่ข้าคิดว่ามันจับตาดูเราอยู่โดยไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ท่านเห็นมันหรือเจ้าคะ” นางตกใจอยากรู้ “แม้แต่คนแจวเรือข้ายังสงสัยเลย” เขาพูดให้นางกลัวซึ่งก็ได้ผล ดรุณีน้
“อันใดหรือ” “ต้องทำงานอย่างหนักและเสี่ยงอันตรายถึงเพียงนี้” “เจ้าคิดว่าคนเป็นอ๋องทำเพียงแค่กินกับนอนหรืออย่างไร” ด้วยความที่น้ำเสียงของเขาไม่ได้เจือความโกรธเกรี้ยว เยว่ชิงจึงกล้าพูดมากขึ้น “เจ้าค่ะ และมีแต่หญิงงามรายล้อมรอบกาย” “ข้าไม่ค่อยชอบเรื่องไร้สาระ ส่วนเรื่องผู้หญิง หากข้ารู้สึกพอใจใครจริง ๆ แล้วละก็ ข้าก็คงไม่ชายตาแลคนอื่นอีกต่อไป” นางผ่อนลมหายใจเบา ๆ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องโล่งใจกับคำตอบนั้นก็ตาม “เจ้าอยากตัดชุดใหม่หรือไม่” เยว่ชิงยังคงงุนงงกับคำถามปุบปับ เขาจึงถามย้ำอีกรอบ “ข้าชอบเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่เพียงแต่ชอบสวมใส่ แต่ยังใส่ใจเรื่องเนื้อผ้า การออกแบบและการตัดเย็บด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้าไม่ชอบอยู่เฉย ๆ สินะ” “ข้ามักจะเบื่อหน่ายจนต้องหาอะไรทำอยู่บ่อย ๆ ในวันข้างหน้าเมื่อม้าของข้าโตพอ ข้าคงจะได้ขี่มันไปยังที่ต่าง ๆ” ขณะพูดใบหน้าของนางเคลิ้มฝัน ดวงตาเป็นประกาย “แล้วบิดาของเจ้าจะยอมหรือ” “พี่น้องข้ามากกว่าที่จะห้าม แต่ข้าค่อยแอบไปตอนพวกเขาไม่อยู่ก็ได้” นางตอบอย่างมุ่งมั่น “แต่หากแต่งงาน เจ้าก็ต้องทำตั
ตลอดชั่วชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบของมู่หรงเย่วชิง นางสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าตัวเองมีวันอันงดงามมากมายเกินกว่าจะนับได้ แต่เมื่อนางเห็นของที่กองอยู่ตรงหน้า พร้อมด้วยช่างตัดเสื้อกับพับผ้าที่เรียงกันเป็นตั้งของเขา นางก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่านี่คือช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดมากกว่าวันไหน ๆ เลยทีเดียวความจริงก็อาจจะตัดสินยากอยู่สักหน่อย หากนึกไปถึงของที่องค์ชายชางพระราชทานให้เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งกองพะเนินเทินทึกส่องประกายวับวาวราวกับรัศมีของแสงอาทิตย์กระจายอยู่ในห้อง แต่เยว่ชิงก็แทบลืมไปแล้วเมื่อมีเรื่องของหลี่อวี้อ๋องให้ต้องขบคิดในหลายวันที่ผ่านมานี้อันที่จริง นางออกจะเอนเอียงไปทางท่านอ๋องเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะเขามีรสนิยมดี ในอันที่จะรู้ว่าหญิงสาวควรจะแต่งกายอย่างไร หรือเครื่องประดับชิ้นไหนเหมาะกับชุดเหล่านี้ และจับคู่มาอย่างพิถีพิถัน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง“ท่านอ๋องทรงเลือกของทุกอย่างด้วยพระองค์เองจริงหรือ” นางถามช่างตัดเสื้อวัยสี่สิบปลาย ๆ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือว่าจะตัดชุดสวยงามออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ในเมื่อชุดท
ช่วงพักกลางวันในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า บนท้องถนนมีรถราที่แน่นขนัด ส่วนริมทางเดินก็ขวักไขว่ไปด้วยพนักงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาหาอาหารมื้อกลางวันรับประทานใยไหม หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าหมดจดเดินมากับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน พวกเธอกำลังเดินกลับออฟฟิศหลังจากรับประทานมื้อกลางวันกันเสร็จแล้ว พลันสายตาเธอดันไปเห็นรถเข็นขายผลไม้เข้า“พวกเธอขึ้นไปก่อนได้เลย เดี๋ยวเราไปซื้อผลไม้ก่อน” เธอบอกกับเพื่อนก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไปเธอเดินตรงไปเลือกผลไม้สองสามอย่างและให้แม่ค้าคิดเงิน“ทั้งหมดเท่าไหร่คะป้า”“สี่สิบบาทจ้ะ”เธอเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วแล้วจะควักเงินจ่าย ในนั้นมีแบงก์พันหนึ่งใบ แบงก์ห้าร้อยหนึ่งใบ แบงก์ยี่สิบอีกหนึ่งใบ นอกนั้นเป็นเหรียญซึ่งมีมากพอสมควร นิสัยอย่างหนึ่งของหญิงสาวคือไม่ชอบแตกแบงก์ เนื่องจากเงินหายาก เธอเลยตั้งใจเก็บแบงก์ใหญ่ให้นานที่สุด เธอจึงค่อย ๆ นับเหรียญ พอนับครบแล้วเธอก็ยื่นส่งให้แม่ค้า แต่ตอนที่วางเงินให้แม่ค้าเธอดันทำเหรียญบาทหล่นไปเหรียญหนึ่ง แน่นอนคนรู้จักค่าของเงินอย่างเธอต้องตามไปเก็บอย่างแน่นอนเธอกวาดสายตามองไปที่พื้น มันตกแล้วกลิ้งไปไปไกลพอสมควร“
นี่คืออาหารทั้งหมด ที่กูเหนียงน้อยนางหนึ่งจะกินได้จริง ๆ หรือบุรุษผู้มีท่าทางโอ่อ่าสมเป็นคุณชายตระกูลสูง หมายมั่นปั้นมือจะเอาอกเอาใจกูเหนียงน้อยผู้เลื่องลือด้านความงดงามไปทั่วไท่หยวน เมืองหลวงแห่งแคว้นจงหยวน เขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเห็นอาหารทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ในโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องความใหญ่โตหรูหราและราคายังสูงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองด้วยเช่นกัน อาหารของที่นี่ว่ากันว่ารสชาติความอร่อยไม่แพ้อาหารในพระราชวังเลยทีเดียว หรืออาจจะล้ำเลิศกว่าก็เป็นได้ เนื่องจากมีเหล่าเชื้อพระวงศ์เสด็จแวะเวียนมาเป็นประจำเถ้าแก่เจ้าของร้านละทิ้งงานทุกอย่างและลูกค้าทุกคน ตรงรี่เข้ามาคอยบริการสองหนุ่มสาวที่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ ด้วยรู้ว่าวันนี้ตนเองจะได้รับทรัพย์อื้อซ่าแน่นอน “แน่ใจหรือว่าเจ้าจะกินหมด” ซ่งเฉียนจินบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของคหบดีซ่งเอ่ยถามเสียงเบา พยายามจะไม่ให้เป็นการเสียมารยาทแต่ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย เป็ดตัวอ้วนพี ไก่อบ เนื้อสัตว์ที่เลือกแต่ส่วนอร่อยนุ่มลิ้น ปลานึ่ง ขาหมู เนื้อตุ๋นยาจีน รวมทั้งอาหารง่าย ๆ อย่างผัดผัก น้ำแกง หมั่นโถวและซาลาเปา ล้ว
เฉินหลี่อวี้หรือที่รู้จักในนามหลี่อวี้อ๋องนั่งอยู่กับผู้ติดตามคนสนิทในโรงเตี๊ยมของคนพเนจร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขามีศักดิ์เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เปี่ยมทั้งอำนาจบริวารและเป็นที่กลัวเกรงของทุกคนในราชสำนัก ด้วยเพราะแม้แต่ตัวฮ่องเต้เองก็ยังรับฟังคำแนะนำหรือคำคัดค้านในกิจการบ้านเมืองของหลี่อวี้อ๋องแต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหรือจดจำได้ เขาจึงต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดาสีซีดจางเนื้อหยาบ ราวกับคนใช้แรงงานหนัก เสียแต่ว่าพวกเสื้อผ้าซอมซ่อเหล่านี้ยังมิสามารถปิดปังความมีสง่าราศี ผิวพรรณผุดผ่องและท่วงท่าแบบคนชั้นสูงของชายหนุ่มได้ช่วงนี้หลี่อวี้อ๋องมักจะออกมาสืบราชการลับข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้นอกจากงานอันหนักหนาที่ทำอยู่ เขายังต้องการที่จะตามหากูเหนียงน้อยนางหนึ่งที่สะดุดตาเขาในตลาดเมื่อวานนี้ การจะรู้ชื่อแซ่ของนางคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก เพราะคงมีสตรีเพียงไม่กี่คนที่จะงดงามตราตรึงได้เช่นนาง และจะมีที่ไหนเหมาะไปกว่าโรงเตี๊ยมที่ผู้คนมากมายพร้อมจะตอบคำถาม หรือเล่าทุกความลับ เพียงเพื่อแลกกับเหล้าหนึ่งไหหรือไก่หนึ่งตัว อาจจะเป็นการง่ายกว่า หากเขาจะเพี
การเดินทางมาที่จวนของแม่ทัพใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองไม่ยากเย็นอะไรนัก บริเวณโดยรอบสงบเงียบราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทันทีที่มาถึงหน้าประตู หลี่อวี้อ๋องก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดจากปกติ เมื่อฉีฟ่างแจ้งว่าเจ้านายของเขาต้องการพบกับท่านแม่ทัพ ก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพมีแขกเข้าพบอยู่ก่อนแล้ว“แขกหรือ” เขาทวนคำ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเป็นแขกที่สำคัญมากทีเดียว ทุกอย่างถึงได้มีการคุ้มกันแน่นหนาและดูเป็นจริงเป็นจังถึงเพียงนี้ “ขอรับ”“ข้าจะรอ” “ถ้าเช่นนั้นก็เรียนเชิญท่านด้านในขอรับ ข้าน้อยจะไปรายงานนายท่านให้”“เดี๋ยว ยังไม่ต้องรายงาน รอให้แม่ทัพเสร็จธุระกับแขกก่อนก็ได้”“ขอรับ” บ่าวรับใช้รับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งหลี่อวี้อ๋องให้ฉีฟ่างรออยู่ด้านนอก ตัวเองก็เดินเข้ามาในจวนอันร่มรื่น มีลานขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางแบบบ้านของผู้มีอันจะกินทั่วไป เขาสอดส่ายสายตา หวังว่าจะเห็นกูเหนียงน้อยที่ตนเองลงทุนตามหา หลี่อวี้อ๋องไม่ได้เจอแม่ทัพมู่หรงเป็นการส่วนตัวหรือคุยธุระด้วยมานานแล้ว สาเหตุเพราะตอนนี้บ้านเมืองสงบสุข ร้างราจากศึกสงครามมาเนิ่นนาน แต่ตอนนี้มีข่าวก
ร่างเล็กในชุดสาวใช้เดินก้มหน้าก้มตาผ่านโรงครัวไปทางประตูหลังของจวน ฝีเท้าของนางเร่งรีบ แต่เสียงเดินแผ่วเบาราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน นางเหลียวมองด้านหลังเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นใครหรือสิ่งใดผิดปกติ สองเท้าก็จ้ำพรวดผ่านประตูออกไปยืนท่ามกลางแสงแดดแผดกล้า ก่อนจะรีบเข้าไปในรถม้าที่ถูกเรียกมาจากข้างนอก โดยมีหญิงสาวอีกนางนั่งรออยู่ด้านในก่อนแล้ว“คุณหนู ทำแบบนี้จะดีหรือเจ้าคะ”“ชู่ววว”“แต่...”คราวนี้คนที่ถูกเรียกว่าคนหนูถลึงตาใส่สาวใช้ ก่อนจะเคาะที่หลังคารถม้ารับจ้าง เป็นสัญญาณว่าไปได้“เราไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรกเสียหน่อย และเจ้าก็ออกปากเตือนข้ามาตลอด ข้าเคยฟังหรืออย่างไรกัน”“ไม่ฟังเจ้าค่ะ”“ก็นั่นปะไร”มู่หรงเยว่ชิงในชุดสาวใช้ยิ้มอย่างซุกซน เพียงแค่นึกถึงตอนที่จะได้เที่ยวเล่น ห่างไกลจากการงานน่าเบื่อทั้งหลาย นางก็พลันมีความสุขขึ้นมา “ถ้าหากคุณชายรู้ เพ่ยเพ่ยคนนี้ต้องโดนเอ็ดอีกแน่ แต่นั่นยังไม่แย่เท่ากับที่ทุกคนจะหันมาห่วงคุณหนูหนักกว่าเดิม คราวนี้ท่านก็จะไปไหนมาไหนได้ยากยิ่งขึ้น”“เรื่องนั้นเอาไว้คิดทีหลังน่า” นางบอกปัด มู่หรงเยว่ชิงตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ชมนกชมไม้ การเก็บเกี่