ชุดแต่งงานสีขาวยาวระพื้น ท่อนบนเป็นเกาะอกเรียบๆ ที่เน้นความโดดเด่นของเครื่องประดับเป็นหลัก ฉันจงใจเอาตัวชุดเดิมไปตัดชายกระโปรงให้ยาวพอดีกับความสูง เพื่อว่าหากต้องวิ่งขึ้นมามันจะได้ไม่เป็นภาระมากนัก“ให้ตายสิ งานแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ไอ้บ้านั่นมันกล้าเอาเรื่องอย่างนี้มาล้อเล่นได้ยังไง”เพราะวันนี้เราไว้ใจใครไม่ได้ คนที่รับหน้าที่สไตลิสจำเป็นให้ฉันจึงต้องเป็นคุณน้ำหวานอย่างไม่ต้องสงสัย เธอทำงานไปก็บ่นกระปอดกระแปดด่าคุณคามิทร์ไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นงานก็ยังเสร็จลุล่วงตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ ซ้ำยังออกมาดีเสียด้วยสิ“รบกวนคุณแล้วนะคะ เกรงใจจังเลย”ฉันมองหน้าคุณน้ำหวานผ่านกระจก ตอนนี้เธอกำลังสาละวนอยู่กับผมของฉันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สองมือจับผมของฉันบิดๆ ม้วนๆ อยู่พักใหญ่ ส่วนปากก็คาบกิ๊บดำเอาไว้ก่อนจะแทงเข้าหัวฉันทีละชิ้น“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ฉันรับใช้ตระกูลนี้มานานเกินกว่าจะบ่นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แล้วล่ะ”“คุณเพิ่งจะอายุเท่านี้เอง แต่ทำงานให้ที่นี่มานานขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”หญิงสาวหน้าตาโฉบเฉี่ยวที่กำลังทำผมให้แก่ฉันยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบกลับมา“ที่จริงเห็นอย่างนี้ฉันก็อายุมากกว่
“มินทร์...”เสียงแผ่วเบาเรียกชื่อคุณคามินทร์ เพียงแค่นั้นเขาก็ทิ้งมือจากฉัน ทิ้งแหวนแต่งงานที่ฉันกำลังจะสวม ทิ้งฉันให้ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นนังโง่ที่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไปดี... เขาวิ่งเข้าไปหาแฟนเก่าที่ตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรจากคนจรจัด เดินเข้ามาในงานแล้วเป็นลมล้มพับไปตรงทางเดินที่ฉันเพิ่งเดินมาก่อนหน้านี้ฉันยืนมองสามีของตัวเองที่เพียงแค่สวมแหวนแต่งงานเข้าที่นิ้วของเขาเท่านั้นเราก็จะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขากำลังอุ้มหญิงสาวอีกคนออกจากงานไปโดยไม่สนใจฉันที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยแม้แต่นิดเดียวฉันควรจะรู้สึกยังไงดี...“ติญ่า ไปเถอะค่ะ บอสบอกว่าให้พาคุณกลับบ้านถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้น”ฝ่ามืออุ่นของคุณน้ำหวานจับข้อมือของฉัน แต่เธอไม่ได้บังคับออกแรงดึงให้ฉันออกไปจากตรงนี้แต่อย่างใด ในทางกลับกันเธอกลับยืนจับมือฉันอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ปล่อยให้ความอบอุ่นจากฝ่ามือแทรกซึมเข้ามาในใจฉันอย่างช้าๆ ท่ามกลางผู้คนที่เดินออกจาหที่นี่ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ไม่ต้องคิดมากนะคะ นี่ไม่ใช่งานแต่งจริงๆ ด้วยซ้ำ หลังเสร็จเรื่อง บอสจะต้องจัดงานแ
ผมที่เกล้าเป็นช่อถูกฉันดึงกิ๊บสีดำออกอย่างเบามือเนื่องจากสเปรย์ที่จัดทรงให้มันรัดแน่นจนเกินไป กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำเพียงพอที่จะทำให้สายตาที่พร่ามัวด้วยความง่วงงุนของฉันจัดการ สอดส่องดูผมที่ถูกแกะไปแล้วส่วนหนึ่ง ก็เห็นว่ามันยังไม่เรียบร้อย“โอ๊ย!” เมื่อรู้สึกได้ถึงกิ๊บเจ้ากรรมที่ปักเข้าซอกเล็บจนแสบร้าวไปทั้งนิ้ว ฉันที่ทั้งกำลังง่วงจนตาจะปิด ซ้ำยังคิดเรื่องของสองคนข้างล่างนั่นไม่หยุดเลยอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย รู้แบบนี้น่าจะบอกคุณน้ำหวานให้รับงานพิเศษแกะผมเปลี่ยนชุดให้ก็ดีจะได้ไม่เปลืองเวลานอน แต่ถึงจะคิดแบบนั้นก็ยังคงสาละวนผมที่เหนียวเป็นตังเมจนแขนเล็กปวดหนึบเพราะยกมันนานจนเกินไปฮึ่ย ในขณะที่ฉันต้องมาลำบากขนาดนี้ เขากลับเอาแต่ยืนคุยกับแฟนเก่าอยู่ได้ไม่ขึ้นมาสักที น่าหงุดหงิดเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดเข้าจากด้านนอกทำให้กระจกที่ฉันยืนอยู่สะท้อนให้เห็นร่างสูงที่ตอนนี้มีแค่ชุดคลุมอาบน้ำไม่ได้ผูกแม้แต่เชือกให้เรียบร้อยด้วยซ้ำ มือของฉันที่กำลังปลดผมตัวเองอยู่ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ฉันจะพูดกับเขาโดยหลบตายตาไปทางอื่น“คุณพรวดพราดเข้ามาแบบนี้ฉันตกใจนะคะ”“ขอโทษที ฉันได้ยินเสียงเธอร
รสจูบที่เขาพยายามมัวเมาฉันทำให้ร่างกายที่เปียกชื้นร้อนรุ่มด้วยความต้องการ ตัวที่เปียกกลับเป็นความหยาดเยิ้มให้เราสองคนกระสันอยากมากขึ้น ไม่ว่าเขาจะใช้มือปัดป่ายไปตรงไหนฉันก็เหมือนจะหลอมละลายไปกับสัมผัสของเขาราวกับน้ำแข็งที่วางอยู่ใกล้เตาไฟ“รู้ไหมว่าหน้าคุณตอนนี้เป็นยังไง” เขาเพียงแค่ถามให้ฉันอายเท่านั้น กายขาวสั่นไหวด้วยไฟสวาท ในตอนที่เขายิ้มเยาะอย่างคนเจ้าเล่ห์ ฉันอยากจะร้องขอให้เขารีบทำจนใจจะขาด แต่ยางอายกลับรั้งคำอ้อนวอนนั้นไว้ก่อนจะกลืนมันลงคอพร้อมกับรอยจูบที่บดคลึงกับริมฝีปากกัน ความแข็งแกร่งของเขามันช่างมีเสน่ห์แม้จะยังไม่ได้มองลงไปยังส่วนนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ฉันก็ไม่อาจจะอธิบายได้ ส่วนลึกในใจกู่ร้องว่าต้องการให้เขาเป็นแค่ของฉันคนเดียว ไม่รู้ว่าอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของตัวเองตอนนี้ หรือเป็นเพราะความรู้สึกจริงๆ กันแน่ความเสียดเสียวแล่นปราดเข้ามายังกลางกายสาวเมื่อรู้สึกได้ว่าความอุ่นร้อนที่มีความลื่นอยู่บริเวณส่วนปลายนั้นกำลังถูกไถเข้ากับร่องที่ชื้นแฉะของฉันราวกับว่าจงใจจะแกล้ง“ฮื่อ!” แม้ว่าเสียงที่ร้องท้วงนั้นจะดังจนคามินทร์เองก็ต้องเงยหน้าขึ้นมามองฉันอีกครั้งหลังจากถอ
เชื่อไหมว่าเมื่อคืนฉันแทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ส่วนหนึ่งเพราะนอนไปตอนหัวค่ำ แล้วดันตื่นขึ้นมากลางดึก อาบน้ำอาบท่าจนตาตื่น แล้วยังมาถูกกวนอยู่ทั้งคืนจนเกือบเช้าอีก ตอนนี้ที่ขอบฟ้าปรากฏแสงอาทิตย์จางๆ ย้อมสีท้องฟ้าให้กลายเป็นสีส้มทอง มองแล้วสบายตาและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทว่านั่นกลับไม่สามารถดึงความสนใจของฉันไปจากชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกายได้เลยเขานอนคว่ำหน้าลงกับที่นอน ใบหน้าหล่อหลาหลับตาพริ้มผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่อนบนของเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า แล้วก็ไม่ได้ห่มผ้าอยู่ด้วยเช่นกัน ด้วยความที่เขาหลับไปก่อนฉันหลายชั่วโมงแล้ว ฉันที่ตื่นอยู่เลยพยายามห่มผ้าให้ แต่กลับถูกเขาถีบผ้าห่มออกแทบทุกครั้ง ไม่ต่างจากเด็กสิบขวบเลยสักนิดลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนตรงหน้าทำให้ฉันฉันเผลอมองอยู่นานด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก ใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้ฉันอยู่ตรงนี้ กลายเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วจริงๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังคงตั้งคำถาม...คำถามที่ฉันไม่รู้ว่าจะถามเขาออกไปดีไหม แต่เมื่อวานมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งคิดมันก็ยิ่งหน่วงอยู่ในอก จนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจิ้มเข้ากับแก้มของเขาอย่างแผ่วเบานี่แน
(คามินทร์)โรงพยาบาล KLวันที่ผ่านมานี้มีหลายเรื่องที่ผมยังคิดไม่ตก แม้จะรู้ว่าทั้งหมดนี้คือฝีมือของใคร แต่กลับไม่สามารถที่จะเดาได้เลยว่าจริงๆ แล้วมันต้องการอะไรกันแน่ ทั้งที่เมื่อวานคนที่ควรจะถูกเล่นงานควรเป็นติญ่า แต่มันกลับปล่อยจันทร์จ๋ากลับมาและทำร้ายจาเรดปางตายจาเรดตอนนี้นอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าอวัยวะภายในของเขาบอบช้ำหนักจากการถูกทำร้ายต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน แต่กับจันทร์จ๋าที่ถูกจับไปพร้อมกัน เธอกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน พวกมันคิดว่านี่จะล่อให้ผมโฟกัสกับอีกคนเพื่อที่จะปกป้องอีกคนไม่ได้ แต่พวกมันประมาทผมเกินไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะปกป้องทั้งคู่และทุกคนเอาไว้ให้ได้“คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอ”จันทร์จ๋ากลับมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำเย็นแก้วหนึ่ง ที่ข้อพับแขนของเธอมีสำลีก้อนกลมๆ แปะอยู่หลังจากที่ไปเจาะเลือดมา เราต้องทำอย่างนี้ไปอีกหลายครั้ง เพราะไม่อยากให้มีสารพิษอะไรตกค้างอยู่ในร่างกาย อีกอย่าง...ผมยังไม่กล้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะกลัวว่าเธอจะยังไม่อยากเล่าเรื่องนั้น จึงทำได้แค่สืบเรื่องอื่นไปพลางๆ ก่อน“ไม่เจอกันตั้งเกือบเดือน ไม่คิดว่า
บอกแล้วว่าอย่าดูถูกความว่างของผู้หญิง วันนี้ไม่มีคนอยู่บ้านเลยสักคนเดียว ฉันเลยถือโอกาสนี้เข้าครัวทำขนมโดยมีครูดีๆ อย่าง พี่ฟอง คนรับใช้ในบ้านซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการทำขนมแบบสุดๆ พอได้ยินว่าฉันอยากทำขนม พี่แกก็เสนอตัวเข้ามาเป็นอาจารย์ให้ฉันเลยทันที“เอาล่ะค่ะ ปกติแล้วคุณคามินทร์จะไม่ชอบขนมค่ะ อะไรที่หวานมากจะไม่กินเลย แต่เมื่อหลายวันก่อนเห็นฝากคนในบ้านซื้อขนมที่พี่ฟองไม่รู้ชื่อกลับมา พี่ฟองเห็นเท็กซ์เจอร์แล้วก็ได้ชิมไปบ้างเล็กน้อย เลยแกะสูตรมาลองทำ ทำได้เหมือนเป๊ะเลยค่ะ”ในทีแรกฉันคิดว่าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้คงจะอึดอัดไม่น้อย เพราะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาช่วงเกิดเรื่องคราวก่อน ไม่ค่อยมีใครพูดคุยกับฉันอย่างเป็นกันเองอย่างนี้ ไม่คิดว่าพอเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายสนใจ จะทำให้เธอดูแววตาเปล่งประกายจนมือไม้สั่นไปหมด ฉันเองก็พลอยยิ้มได้เวลาที่ได้มองไปด้วย“ขนมอะไรเหรอคะพี่ฟอง” ฉันทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่ดีตั้งใจฟังและทำตามทุกขั้นตอน“น่าจะนมทอดมั้งคะ แต่จะใช้เป็นหม้อทอดไร้น้ำมันนะคะ ช่วงนี้พี่อินกับอันนั้นมาก ใช้ง่าย ทำความสะอาดง่ายด้วยค่ะ”ว่าแล้วพี่ฟองก็เริ่มสาธยายวิธีการทำขนมด้วยท่าทางรา
หลังจากที่หงุดหงิดมาทั้งวัน ในที่สุดฉันก็ยิ้มออกมาได้ แม้ว่านั่นจะเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มด้วยความสะใจก็เถอะ ฉันอยากหันกลับไปถามแม่จันทร์จ๋าเหลือเกินว่ารู้สึกยังไง โดนหักหน้าแบบไม่เหลือชิ้นดี ไม่รู้ว่ากาวตราช้างจะซ่อมหน้าเธอได้หรือเปล่าฉันเข้าไปถึงก็เจอว่าเขานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน ใบหน้าที่เคร่งเครียดทำให้ฉันรู้สึกผิดน้อยๆ ที่คิดน้อยใจเขาก่อนหน้านี้ เขาน่าจะเหนื่อยมากๆ กับเรื่องน่าปวดหัวที่กำลังถาโถมเข้ามา แต่ฉันกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย“เหนื่อยไหมคะ เห็นคุณหวานบอกว่าวันนี้คุณไม่ได้พักเลย”“ยัยนั่นมาเสี้ยมให้เธอพูดอะไรแปลกๆ อีกล่ะสิ”เขาพูดทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอคอมฯ ขณะเดียวกันคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกกันเป็นปม“หือ? ไม่นี่คะ”“ไม่งั้นเธอคงไม่ปากดีใส่จันทร์จ๋าแบบนั้นหรอก”เขากำลังจะต่อว่าที่ฉันไปเถียงกับแฟนเก่าเขาอย่างนั้นเหรอ หลังจากที่พวกเขาหายไปกันสองคนทั้งวัน ทิ้งฉันไว้คนเดียวที่บ้าน ในใจฉันที่คิดว่าอาการน้อยใจพวกนั้นหายไปแล้วตอนที่เขาเรียกฉันเข้ามา แต่เปล่าเลย...มันยังคงหน่วงอยู่ในใจไม่หายฉันยืนหน้างอไม่ได้ตอบอะไรกลับไป และการทำอย่างนั้นมันทำ
(ตติญา)ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคำนี้ออกมาเหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็ผ่านไปหลายปีแล้ว คิรินโตแล้ว กำลังจะขึ้นอนุบาล 3 ปีนี้ และลูกสาวคนเล็กที่มาพร้อมเรือนผมสีเทาเข้มเหมือนพ่อของเขา น้องดิว ชื่อดิว Dwyn มาจากภาษาเวลส์ แปลว่า คลื่นทะเล ฉันตั้งชื่อพี่ชายว่าคิริน ที่แปลว่า ภูเขา เพราะตอนที่หนีจากคามินทร์มา ภาพที่เห็นตรงหน้าเวลาร้องไห้มีแต่ภูเขาที่อยู่เป็นเพื่อน พอมีลูกสาวอีกคน ฉันอยากให้ชื่อนั้นสื่อถึงความทรงจำแทรกที่พ่อแม่ได้เจอกัน นั่นก็คือ ทะเล...ดิวเป็นเด็กที่สุขุมผิดกับเด็กหญิงทั่วไปลิบลับ เธอนั้นไม่ค่อยซุกซน พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังใจเย็นและรู้ความ ผิดกับพี่ชายที่นับวันยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ ทั้งกวนส้นเท้าและเกรียนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนหนึ่งคงเพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่เชียงใหม่ คิรินไม่ได้มีเพื่อนเล่นที่ไหนเลยนอกจากแม่ พอลงมาอยู่ที่นี่ก็มีลูกน้องของพ่อมาเล่นด้วย มีชัลก้า มีดิวและนับดาวที่เกิดไล่หลังมาไม่กี่ปี และตอนนี้ก็ยังมีน้องจินนี่อีก ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปซะแล้วส่วนบ้านที่เชียงใหม่ บ้านที่แม่นวลยกให้เ
(พาร์ทพิเศษ ราล์ฟ)สำนักข่าวราล์ฟฟี่ รายงาน สวัสดีครับผมราล์ฟ ผู้ครองตำแหน่งมือขวาคนใหม่ของบอสแล้วยังเป็นพี่เลี้ยงเด็กดีเด่นประจำปีอีกด้วย ช่วงนี้ชีวิตผมค่อนข้างที่จะมั่นคง แม้ใครจะบอกว่าตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป ส่วนผมนั้นตั้งใจจะเป็นทั้งตำแหน่งและตำนาน ไม่มีใครมาโค่นล้มลงไปได้ก่อนหน้านี้ตำแหน่งมือขวาของบอสไม่ใช่ของผมหรอกนะครับ แต่เป็นของคุณจาเรด ชายผู้ฝีมือดีที่สุดและยังเป็นคนที่บอสไว้วางใจเป็นอย่างมาก ผมต้องนึกขอบคุณเขาเลยนะที่ถูกจับตัวไปในครั้งนั้น เลยทำให้ผมได้มีโอกาสแสดงฝีมือกับเขาบ้างตอนนี้อย่าว่าแต่ปกป้องบอสเลย หน้าที่เล็กใหญ่ในแก๊งตั้งแต่ดูแลแมวยักษ์อย่างชัลก้า หรือแม้แต่การดูแลบอสน้อยของเราอย่างคุณคิริน ก็เป็นของผมไปหมด“ทำให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!!”ส่วนคุณจาเรดที่ก่อนหน้านี้คือคนโปรดของบอส กลับถูกลดระดับมาเป็นเพียงครูฝึกให้แก่เด็กใหม่ที่เข้ามาในแก๊งเสียอย่างนั้น แต่แม้ว่าหน้าที่ของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องชื่อเสียงของเขาในหมู่เด็กใหม่นั้นไม่ได้ก้อยลงเลย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณจาเรดครูฝึกคนใหม่นั้น ทั้งดุ โหด แล้วไม่มีโหมดคิตตี้ให้
(คามินทร์)“ใจร้ายจังเลยนะ คิรินเป็นเหลนย่าแท้ๆ ทำไมไม่รู้จักบอกย่าเสียบ้าง รู้ไหมว่าใจแทบขาดตอนรู้จากปากน้ำหวานว่าหนูเจออะไรมาบ้าง”ตอนนั้นผมบอกว่ากลัวจะถูกย่าบ่นใช่ไหมครับ ตอนนี้สบายใจแล้วเพราะมีคนมารับแทน ติญ่านั่งหง็อยอยู่หน้าโซฟาโดยมีคิรินนั่งเล่นกับชัลก้าอยู่ ส่วนผมนั้นลอยตัว สามารถนั่งเอกเขนกได้อย่างสบายใจแต่ก็สบายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น พอเห็นว่าหลานสะใภ้ท่าทางน่าสงสาร ย่าก็ได้เบนเข็มมาที่ผมแทน“แกนี่แหละตัวต้นเหตุไอ้หลานเวร ทำอะไรไม่คิดจนทำให้หนูญ่าต้องหนีไป สำนึกบ้างไหม ขึ้นไปนั่งบนโซฟาสบายใจไม่ดูเลยว่าเมียนั่งพื้น ลงมา!”“อ้าวย่า ปกติเราก็นั่งพื้นดูหนังกันบ่อยออก นั่งสบายกว่าโซฟาอายุหมื่นปีของย่าอีก”“ไอ้หลานเวรนี่ อยากปากแตกตายใช่ไหมฮะ”บรรยากาศในบ้านของผมกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องของน้องดาทำให้ไอ้วินทร์ดูซึมๆ และไม่ยอมเข้าบ้านเลยตลอดสามปี จนกระทั่งช่วงเดือนก่อนที่ติญ่ากลับมาทำห้องเสื้ออีกครั้ง และดึงเอาน้องดามาร่วมงานด้วย เราเลยได้มีโอกาสพูดคุยกันแบบครบทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกอันที่จริง...จะว่าครบก็ไม่ครบนัก เพ
เขาว่ากันว่า ความฝันของหญิงสาวทุกคน คือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เชื่อไหมคะ ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่เชียงใหม่ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใส่ชุดแต่งงานพวกนั้นอีกครั้ง คิดแค่ว่าแค่ได้มองผู้คนยิ้มมีความสุขกับครั้งหนึ่งที่แสนสำคัญในชีวิต แค่นั้นก็มากพอแล้วแต่ไม่คิดว่าฉันจะได้สวมมันอีกครั้ง อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับที่ฉันเคยบอกว่าไม่มีวันรักเขาได้ฉันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่แท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวชุดขาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขามองมาที่ฉันแล้วก็ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สะกดฉันได้แทบทุกครั้ง รอยยิ้มและสายตาคู่นั้นเขาไม่เคยใช้มองใครเลยนอกจากฉัน มันเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียวเท่านั้น...“แม่ค้าบ คิยินหย่อกว่าปะป๊าหยือป่าว”ฉันคงลืมบอกไป วันนี้คนที่จูงฉันเข้าสู่แท่นพิธีไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าคิรินน้อยนี่เอง เขาตื่นเต้นมากๆ เพราะพี่เลี้ยงทุกคนเอาแต่พูดกรอกหูว่า เนี่ยนะ มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่จะได้อยู่ในงานแต่งงานของพ่อแม่ตัวเอง เขาคือคนพิเศษ แค่นั้นแหละเจ้าเด็กก็ดีใจใหญ่ เขาเป็นคนที่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานในครั้งนี้ไม่แพ้คนที่แต่งเ
“ปล่อยเมียฉันซะพิมพิ ถ้าเธอไม่อยากโดนเป่าหัวกระจุยตอนนี้”เสียงของคามินทร์ที่ดังขึ้นหยุดทุกอย่าง ฉันลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขากำลังเอาปืนจ่อที่หัวของคนที่พยายามจะฆ่าฉัน ทว่ายังไม่ทันที่พิมพิจะได้ตอบโต้ คอเสื้อของเธอก็ถูกดึงอย่างแรงจนร่างปลิวไปกระแทกเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากนั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาจับตัวเธอกดลงกับพื้น“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ปล่อย!!!”เสียงโวยวายของเธอดังไปทั่วห้อง ดังจนฉันเห็นสีหน้าหงุดหงิดของทุกคนในห้องนี้ คามินทร์ตรงเข้ามาหาฉันอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงฉันเข้าไปแนบอกแล้วกอดเอาไว้แน่นความกลัวทุกอย่างก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งถูกระบายออกมาผ่านม่านน้ำตาเมื่อได้สัมผัสกับอ้อมกอดของเขา...มันเป็นอ้อมกอดที่...ทั้งอบอุ่นแล้วก็ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเลย...“ฮึก...”“ขอโทษที่มาช้านะ”มันเป็นอย่างนั้นเสมอ อ้อมกอดของเขามันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย แล้วก็ทำให้ฉันไม่หวาดกลัวอะไรอีกต่อไป ฉันไม่ได้ยินเสียงของพิมพิที่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ไม่ได้ยินความวุ่นวายอะไร มีเพียงเสียงของเขาเท่านั้นที่ดังอยู่ข้างหูฉันกลัว...กลัวเหลือเกินว่าอาจจะไม่
(ตติญา)“พี่ฟอง หนูฝากตรงนี้ด้วยนะคะ ดูแลแขกด้านหน้าด้วยค่ะ”ไม่คิดเลยนะ ว่าฉันจะได้จัดงานศพให้แม่นวลเร็วอย่างนี้เลย ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าตัวเองโชคร้ายมากๆ เจอเรื่องร้ายต่างๆ จนไม่น่าจะเจออีกแล้วหลังจากนี้ อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ แต่ชีวิตฉันมันคงยังอยู่ท่ามกลางพายุ ไม่เจอฟ้าหลังฝนที่ว่าสักทีล่ะมั้งหวังแต่เพียงว่า ขอให้นี่เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันหลบจากทางหน้าฝานที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตาอะไรมากมายเพราะนี่ก็เป็นแค่งานศพของแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน รวมทั้งป้าๆ แถวนี้ที่รู้จักแม่นวลมาหลายปีที่หน้าโลงศพของแม่นวล ฉันเป็นคนจัดดอกไม้เองทุกดอก แม้ว่าท่านจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ว่าก็มีดอกไม้ที่ชอบอยู่ดอกหนึ่งแม่นวลเคยเอารูปให้ฉันดู ตอนนั้นท่านไม่รู้ชื่อ แต่เห็นแล้วชอบมันมากๆ ยิ่งพอได้รู้ความหมาย ท่านก็ยิ่งชอบจนใฝ่ฝันว่าอยากเอามาปลูกภายในบ้าน แต่น้าพาแพ้เกสรดอกไม้เลยทำได้แค่ตั้งเป็นภาพหน้าจอมือถือดอกไม้ชนิดนั้นคือ บลูบอนเน็ต ดอกไม้ที่มีความหมายแสนเศร้า แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ขอไ
เรากลับมากรุงเทพฯทันทีที่รู้เรื่อง ก่อนเดินทางผมและติญ่ารวมทั้งพี่เลี้ยงทั้งสี่ของคิรินเตรียมตัวกันหนักมากๆ เพราะกลัวว่าคิรินจะงอแงตลอดทาง แต่โชคดีที่แค่ขึ้นเครื่องก็หลับปุ๋ย เลยทำให้ทั้งพ่อและแม่มีเวลาพักผ่อนก่อนถึงกรุงเทพฯทันทีที่มาถึงผมได้ให้น้ำหวานมารับคิรินไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรับศพป้านวลกลับมาทำพิธี ระหว่างทางนั้นผมต้องจับมือติญ่าเอาไว้ตลอด เธอดูเสียใจจนไม่สนแล้วว่าตอนนี้จะมีผมอยู่ข้างกายหรือไม่“ขอบคุณนะคะคุณหมอ เดี๋ยวพิมพิจะเอาเอกสารนี้ไปให้ญาติของป้าเองค่ะ”พวกเรามาถึงที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทว่าเมื่อมาถึง มีคนจัดการทุกอย่างแม้แต่เรื่องการจ่ายเงินค่าดำเนินการต่างๆ ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พิมพินั่นเองพอเธอเห็นพวกเรา หญิงสาวในชุดดำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมก็ได้เดินตรงเข้ามา เธอยกมือไหว้ผมตามประสาผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะทักเสียงเรียบ“สวัสดีค่ะพี่คามินทร์ ติญ่า”“สวัสดีพิมพิ มารับศพป้านวลเหรอ?”“ค่ะ ป้าแกไม่ได้มีญาติที่ไหน ก่อนเสียท่านก็ดูแลแม่หนูอย่างดี หนูเลย...”“เอามาให้ฉัน”ติญ่าพูดเสียงแผ่ว เธอยื่นมือสั่นๆ ไปรับเอาเ
ผมเดินตามเมียขึ้นมาที่ชั้นบน กะว่าอยากจะจัดการเด็กดื้อสักหน่อย ทว่ากลับได้ยินเสียงเล็กๆ สะอื้นมาจากห้องของคิริน ก่อนที่ติญ่าจะอุ้มลูกออกมา ปากเธอก็พึมพำปลอบลูกไม่หยุด“ไม่มีอะไรนะครับ แม่ขอโทษน้า ผีไม่มีหรอก”“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”คิรินร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดคอแม่เป็นการใหญ่ มือเล็กชี้เข้าไปในห้องแล้วพูดแต่คำว่า ผี ผี ผี อยู่ตลอด จนกระทั่งหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ตอนนี้ติญ่าพาคิรินมานอนในห้องของตัวเอง ผมได้แต่ยืนมองไม่กล้าถามอะไรมาก เพราะเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเธอรอจนกระทั่งเธอลูบหลังคิรินหลับไป เลยถามออกไปเสียงแผ่ว“มีอะไรหรือเปล่า ละเมอเหรอ?”ติญ่ามองไปที่ลูกซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีอาการสะอื้นให้เห็นอยู่เป็นระยะ“ก็นิดหน่อยค่ะ”สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของเธอทำให้ผมพลอยกังวลไปด้วย ติญ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอได้เดินไปยังห้องลูกก่อนจะสำรวจที่หน้าต่างด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก“ช่วงนี้คิรินบอกว่าเจอผีที่หน้าต่างบ่อยๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเผลอเปิดหนังผีดูด้วยกันเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเลยทำให้ลูกฝันร้าย แต่อยู่ดีๆ ลูกก็บอกว่าเห็นจริงๆ อยู่ที่ต้นไม้ข้าง
กลับมาถึงบ้านก็นั่นแหละ แบตหมดตามระเบียบ ผมพาคิรินไปนอนบนห้องแล้วก็ไปดูคนป่วยที่น่าจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้บ้างแล้วจากการพักมาทั้งวัน แต่กลับพบว่าเธอยังอยู่ในชุดนอนตัวเดิมแล้วดื่มน้ำเย็นลงไปหลายอึก“ดื่มน้ำเย็นแล้วจะหายไหมไข้น่ะ”ผมตรงเข้าไปหาเธอแล้วกอดอกพูดยิ้มๆ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ชอบดื่มน้ำเย็นเป็นชีวิตจิตใจ แต่ดื่มแล้วก็เสียวฟันจนชอบทำหน้าประหลาดๆ ตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้ก็ด้วย“หายเจ็บคอหรือยังครับ?”ผมถามเพราะเมื่อเช้ายังได้ยินเสียงเธอแหบแห้งเป็นนักร้องหมอลำอยู่เลย ถึงแม้กลับมาเสียงเธอจะเป็นปกติแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหายง่ายๆ“หายแล้ว ไปซื้อยามากิน”“ยาอะไร?”“ถามทำไม”พูดจบก็ชักสีหน้าใส่ผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง ถ้าให้เดานี่คงเป็นการอาบน้ำครั้งแรกในรอบวัน นึกไปถึงเมื่อวานที่เธอเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าผมในสภาพที่หมดสติ ถ้าเป็นผมคนเมื่อก่อนที่เธอไม่ได้โกรธอยู่ล่ะก็ เธอไม่รอดแน่ระหว่างที่รอติญ่าอาบน้ำ ผมก็สั่งกับข้าวรอไปด้วย ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆ ดึกอย่างนี้ไม่ได้มีบริการเดลิเวอร์รี่ให้บริการ เลยต้องใช้เดลิเวอร์รี่จำเป็นอย่างราล์ฟไปซื้อมาใ