(คามินทร์)‘แกควรจะเรียนรู้ที่จะให้เกียรติผู้หญิงบ้างนะ เพราะทำตัวแย่ๆ แบบนี้ไงหนูจันทร์จ๋าเขาถึงได้ทิ้งแก’แค่เพื่อผู้หญิงคนเดียวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวเราด้วยซ้ำ ย่าถึงกับหักหน้าผมที่เป็นหลานชายแท้ๆ ต่อหน้าคนอื่น โอเค ผมอาจจะไม่ได้แคร์หรอกว่าคนพวกนั้นจะมองผมยังไง แต่มันก็เคืองอยู่นิดหน่อยที่ย่ากล้าทำกับหลานชายสุดที่รักมากถึงขนาดนี้“กรี๊ด!!!”แค่เดินเข้าบ้านมาเสียงกรีดร้องเหมือนปอบหวีดสยองก็เข้ามาทักทายในทันที ไม่ต้องถามให้มากความหรอกว่ามันคือเสียงใคร ตอนนี้คนที่อยู่ในบ้านในฐานะที่แทบจะเหยียบหัวผมได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น“เอะอะโวยวายอะไรของเธอ คิดว่านี่เป็นบ้านตัวเองหรือไง”ทันใดนั้นก็มีหญิงสาววิ่งออกมาจากห้องรับแขกของบ้าน เธอวิ่งตรงดิ่งมาทางนี้ราวกับกำลังมองหาที่พึ่ง และด้านหลังก็มีบางอย่างวิ่งตามออกมาด้วยแง๊ว~เสียงร้องที่แสนจะน่ารักน่าทะนุถนอมขนาดนี้ดังออกมาจากเจ้า ชัลก้า แมวยักษ์พันธุ์คาราคัลที่เป็นแมวขนาดกลาง น้องมีความคล้ายกับเสือมากๆ ด้วยนิสัยที่ยังคงมีความเป็นสัตว์ป่า รูปร่างปราดเปรียวและใบหูสีดำที่โดดเด่นออกมาจากขนสีน้ำตาลของมัน ใบหน้ามีแต้มสีขาวร
(ตติญา)จะว่าไปแล้ว...การถูกไล่ออกจากบ้านก็ไม่ได้แย่เท่าไรฉันออกมาจากบ้านหลังนั้นโดยไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้าออกมาด้วย มีก็แค่บัตรเครดิตที่วงเงินไม่กี่แสน และเดือนนี้ฉันก็ใช้ไปแล้วเกือบเต็มวงเงิน เงินสดที่มีไม่กี่ร้อย เงินในบัญชีอีกหลักพัน ตอนที่ออกมาฉันรู้แค่ว่าตัวเองเสียใจจนไม่อยากอยู่ที่นั่นแล้ว แต่พอมาเช่าโรงแรมอยู่หลายวันเข้าเงินก็หมด เลยทำให้ฉันต้องมานั่งตัดสินใจว่าจะกลับไปบ้านไปง้อน้าพา หรือว่าจะลองคืนตึกเอาเงินมัดจำมาใช้ก่อนดีแต่ถ้าทำอย่างนั้น ความฝันที่ฉันพยายามสร้างมันขึ้นมาก็ต้องพังทลายน่ะสิ สุดท้ายแล้วเพราะคิดไม่ตก บวกกับในไลน์กลุ่มศิษย์เก่าชมรมวงโยธวาทิตโรงเรียนมัธยมที่ฉันเคยเรียน เหล่ารุ่นพี่ได้นัดกันไปดื่มที่คลับใกล้ๆ ฉันที่กำลังเครียดจัดกับปัญหาชีวิตเลยตกลงมากับพวกเขาด้วยแต่พอมาถึง ฉันไม่คิดว่าจะมีคนอื่นนอกจากรุ่นพี่ที่ฉันเคยรู้จักอยู่กันเต็มไปหมด อันที่จริงก็รุ่นพี่ในรุ่นพี่อีกทีนั่นแหละ เพียงแต่นอกจากพี่บีม รุ่นพี่ที่อายุมากกว่าฉันหนึ่งปีที่สนิทกัน คนอื่นฉันก็ไม่รู้จักเลย“แหมบีม ได้ข่าวว่าเมียกำลังท้องแก่ไม่ใช่เหรอ พาสาวสวยมาด้วยแบบนี้ระวังเมี
“จริงๆ ไม่รู้จักค่ะ แต่เคยเจอกัน สองสามครั้ง”ทีนี้ทั้งโต๊ะหันมามองฉันด้วยสายตาที่เหมือนกับว่าฉันคือตัวประหลาดยังไงยังงั้น รวมทั้งพี่วินนี่ที่ก่อนหน้านี้กำลังเล็งคุณคามินทร์อยู่เช่นเดียวกัน แต่นั่นไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันบนตัวของฉันเลยสักนิด“แค่เคยเจอสองสามครั้ง แน่ใจนะ?”แล้วตามด้วยคุณคามินทร์ที่จุดไฟเผาซ้ำ จะอยู่กันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม“คุณต้องการอะไรจากฉันคะ หรือว่าพอเห็นว่าฉันหงิมๆ รังแกง่ายก็จะเล่นมันทุกทาง เอาเลยสิ ฉันก็เริ่มจะหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน”มีแค่เขาคนเดียวมั้งที่อารมณ์เสียตอนที่เห็นหน้าฉัน ตั้งแต่บนเรือนั่นฉันทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้เขาพอใจและไม่กลับมายุ่งกับฉันอีก แต่สุดท้ายมันก็เป็นเขาไม่ใช่หรือไงที่พาตัวเองกลับเข้ามาในชีวิตของฉัน นี่มันความผิดอะไรของฉันเหรอ?“ติญ่า ใจเย็น”พี่บีมพยายามจับมือเพื่อให้ฉันใจเย็นลง แต่ถามจริงๆ ใครเป็นฉันแล้วยังเย็นไหวบ้าง ฉันถูกไล่ออกจากบ้านก็เพราะเขา มีชีวิตที่ไม่สงบสุขก็เพราะเขา แล้วเขายังจะต้องการอะไรจากฉันอีก“ก็แค่ถามความจริง จะโมโหทำไม” ซ้ำเขายังตอกย้ำฉันด้วยการพูดกลั้วหัวเราะ “หรือว่าจริงๆ แค่โมโหที่ฉันทำท่า
“อื้อ”“ชู่ว อย่าเสียงดังไปสิ”ดวงตาของฉันเบิกโพลงมองคนที่เอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ เขาดันตัวฉันเข้ามาในห้องก่อนจะส่งสัญญาณไม่ให้ฉันร้องโวยวายออกมา แต่มันใช่เหรอ เขาตามฉันมาทำไม แล้วยังเข้ามาในห้องโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาตอีก“อุนอาอิน” (คุณคามินทร์)เสียงอู้อี้ของฉันพยายามเรียกชื่อของเขาแม้ว่าจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตามที เขาที่ได้ยินดังนั้นก็รีบปล่อยปากฉันให้เป็นอิสระ“เงียบไว้นะ”“เงียบทำไมคะ แล้วนี่คุณเป็นบ้าหรือไงบุกเข้าห้องผู้หญิงแบบนี้ ออกไปเลยนะ!!”แกร๊กในขณะที่ฉันกำลังตกใจกับคนตรงหน้า พูดกับเขาได้แค่ประโยคเดียวเสียงบางอย่างที่หน้าประตูก็ได้ดังขึ้นทันที ยังไม่ทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูก็ได้ถูกเปิดออกพร้อมกับคุณคามินทร์ที่วิ่งไปหลบข้างตู้ใกล้กับประตูห้องครัวนี่มัน...เกิดอะไรขึ้น แล้วคนที่เข้ามาใหม่ น้าแมทงั้นเหรอ? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาสองคนอาหลานกำลังเล่นอะไรกันอยู่ แต่ฉันไม่สนุกด้วยเลยนะ“เข้ามาทำไมคะ แล้วนี่รู้รหัสห้องเพื่อนหนูได้ยังไง”เขาไม่ได้ตอบคำถามของฉัน แต่กลับเดินตรงเข้ามาพร้อมกับขวดเหล้าสีใสในมือ ขวดของมันดูคุ้นเสียจนฉันต้องใช้เวลา
(คามินทร์)“ไปส่งฉันที่โรงพยาบาลไอ้วินทร์ ส่งคนไปสืบเรื่องเหล้าที่ไอ้บ้านั่นเอามา มันมีขายในคลับของเรา ต้องมีคนของเรารู้เห็นแน่”ทันทีที่ขึ้นมาบนรถผมก็รีบสั่งงานในทันที เรื่องยาที่ผมโดนทีแรกก็คิดว่าคงเป็นเรื่องบังเอิญ แต่สิ่งที่อาของผมทำ การที่มันเอายามากรอกปากติญ่ามันดูคุ้นจนผมเอะใจในบางอย่าง จึงไม่รอช้าสั่งให้คนของตัวเองไปสืบในทันทีก่อนหน้านี้บนเรือนั่น...ผมไม่ได้โดนยาเป็นครั้งแรก นั่นเป็นครั้งที่สองที่ผมมีอาการอย่างนั้น ส่วนครั้งแรก...เกิดขึ้นในวันนั้นวันที่ไอ้วินทร์ลากว่าที่คู่หมั้นของตัวเองเข้ามาหาผม ยัยนั่นทำให้แม่ของ ดานิกา คนรักของน้องชายฝาแฝดผมต้องตาย เพราะไม่อยากใช้กฎหมายเอาคืนคนชั่ว มันเลยให้ผมจัดการด้วยกฎของแก๊ง คามินแต่ในครั้งนั้น ผมที่ย่ามใจไม่ได้คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีฤทธิ์เดช เลยไม่ทันได้มองว่าเธอมีเข็มฉีดยาเข้ามาด้วย วันนั้นผมโดนฉีดไปครึ่งเข็มโดยไม่ทันระวัง และเพราะไม่รู้ว่ามันคือยาอะไร ก็เลยฉีดอีกครึ่งเข็มให้เจ้าของยานั่นไปด้วยเลยผมคิดว่ามันคงเป็นยาพิษ แต่เปล่าเลย...มันคือยาปลุกเซ็กซ์ชนิดรุนแรงช่วงนี้มีข่าวยาปลุกเซ็กซ์ระบาดในไทย รัฐบาลก็กำลังปวดหัวและหาวิธี
“ปลอดภัยแล้วครับ ผลแล็บทั้งเลือดของคนไข้และตัวอย่างสารที่คุณเอามาให้จะออกพรุ่งนี้เช้า ช่วงนี้อยากให้มีคนเฝ้าอย่างใกล้ชิดนะครับ เผื่อว่ามีอาการแทรกซ้อนจากยาที่ให้ไป”“ขอบคุณครับหมอ”นับว่าเป็นโชคดีของติญ่าที่เรามาถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลา ก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุขึ้นบนเส้นทางที่เรามุ่งหน้ามา เลยทำให้มาถึงช้ากว่าปกติ แต่ตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้ว เธอนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือปักแขนเอาไว้ ส่วนผมก็ต้องมานั่งเป็นญาติผู้ป่วยไปไหนไม่ได้ มันใช่ธุระอะไรของผมไหมเนี่ย“บอสครับ”ราล์ฟเปิดประตูเข้ามากะทันหันจนเจอสายตาดุๆ ไปหนึ่งที ในนี้มีคนที่อาการไม่ปกตินอนอยู่คนหนึ่งพวกมันลืมไปแล้วหรือไง แต่ก็ช่างเถอะ ผมใช้ให้มันเอาโน้ตบุ๊กมาให้เพราะอยากทำงานไปพลางๆ ไหนๆ ก็ไม่ได้ไปไหนแล้ว“คนของเราค้นเรือทุกที่แล้ว ไม่เจอแม้แต่กล้องของเรือ แต่เราเจอนี่ครับ”มือถือเครื่องหนึ่งได้ถูกส่งมาให้ผม ซึ่งผมจำได้ติดตาว่านี่คือมือถือของจันทร์จ๋าอย่างแน่นอน เมื่อได้มาสิ่งแรกที่ผมทำคือการเปิดดูข้อมูลข้างใน ทั้งประวัติจีพีเอส ทั้งรูปถ่าย คลิป รวมไปทั้งคลิปเสียงมันว่างเปล่า...เหมือนมีคนจงใจลบทุกอย่างแล้วทิ้งเอ
(ตติญา)นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยแสงสีส้มทองที่ปลายขอบฟ้าบ่งบอกว่าตอนนี้ถึงเวลาตื่นเป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เพราะพยาบาลจะเข้ามาเจาะเลือดทุกๆ 2 ชั่วโมง แล้วมีการฉีดยาระงับอาการแปลกๆ ที่ฉันเป็นอยู่ด้วย ต้องขอบคุณคุณคามินทร์ที่ออกไปนอนที่อื่น เพราะไม่อย่างนั้นเช้านี้ฉันคงมองหน้าเขาไม่ติดแน่ๆฉันที่ไม่ได้นอนทั้งคืนลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงียขั้นสุด เพราะมีคนมายืนกดดันอยู่ข้างเตียง ฉันหลบสายตาเขาเพราะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วมันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา แต่คนตรงหน้ากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดูเหมือนว่าเขาจะชินแล้วกับการมีอะไรกับผู้หญิงแปลกหน้า แต่ฉันไม่ใช่เขานี่สิ“ไปล้างหน้าล้างตาซะ อีกไม่นานทุกคนคงจะมาแล้ว”ที่บอกว่าย่าเขาและน้าพาจะมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่ไหม พวกเขาจะเล่นตลกกับฉันเกินไปแล้วนะ ฉันเพิ่งจะถูกน้าพาตบหน้าแล้วไล่ออกจากบ้านมาหมาดๆ แล้วนี่เข็มน้ำเกลือยังปักแขนฉันอยู่ด้วยซ้ำทำไมต้องรีบคุยเรื่องนี้ขนาดนั้นด้วยสำหรับน้าพาฉันไม่แปลกใจหรอก ท่านคงอยากถีบหัวส่งให้ฉันออกห่างจากสามีตัวเองไวๆ แต่คนตรงหน้าฉันนี่สิ เขาเองก็ยังรั
“แกจะบ้าเหรอคามินทร์ ทำอะไรเอาแต่ใจแบบนี้ใครสอนแกมากันฮะ”คุณย่าท่านถึงกับแหวออกมาเสียงดังลั่น ด้วยตกใจในความคิดบ้าบอของหลานชาย แต่เขากลับยักคิ้วใส่อย่างไม่ยี่หระ“ก็ย่าไงจะใครล่ะ”“ฉันละปวดหัวกับแกจริงๆ เลย”ทุกสายตามองเขาเป็นตาเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนพูดไม่คิดสะทกสะท้าน เขาหันมาทางฉันก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้ ทั้งที่นั่นเป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน แต่ฉันก็ไม่ได้คัดค้านแต่งงานเร็วก็เท่ากับฉันได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี่เร็วขึ้น ฉันไม่อยากเจอหน้าน้าแมทอีกแล้ว เรื่องในครอบครัวของเขาก็ให้เขาไปจัดการเองก็แล้วกัน“งั้นเอาเป็นว่าเรื่องงานแต่งย่าไม่ต้องเข้ามายุ่ง ผมกับน้องญ่าจะปรึกษากันเรื่องนี้เอง”สายตาของเขาไม่ละไปจากฉันแม้สักวินาทีเดียว แค่เพียงครู่หนึ่ง แค่ครู่หนึ่งเท่านั้นที่มันดูจริงจังจนน่าขนลุก แต่ก็เปลี่ยนเป็นขี้เล่นในวินาทีต่อมา“แต่งงานนะคามินทร์ แกพูดเหมือนงานแต่งงานคืองานวันเกิด จะมาทำเล่นๆ อย่างนั้นไม่ได้”“ผมบอกเหรอครับว่าจะทำเล่นๆ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงของคามินทร์ เธอจะต้องได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด”เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา หัวใจของฉันมันเผลอวูบไหวไปกับค
(ตติญา)ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคำนี้ออกมาเหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็ผ่านไปหลายปีแล้ว คิรินโตแล้ว กำลังจะขึ้นอนุบาล 3 ปีนี้ และลูกสาวคนเล็กที่มาพร้อมเรือนผมสีเทาเข้มเหมือนพ่อของเขา น้องดิว ชื่อดิว Dwyn มาจากภาษาเวลส์ แปลว่า คลื่นทะเล ฉันตั้งชื่อพี่ชายว่าคิริน ที่แปลว่า ภูเขา เพราะตอนที่หนีจากคามินทร์มา ภาพที่เห็นตรงหน้าเวลาร้องไห้มีแต่ภูเขาที่อยู่เป็นเพื่อน พอมีลูกสาวอีกคน ฉันอยากให้ชื่อนั้นสื่อถึงความทรงจำแทรกที่พ่อแม่ได้เจอกัน นั่นก็คือ ทะเล...ดิวเป็นเด็กที่สุขุมผิดกับเด็กหญิงทั่วไปลิบลับ เธอนั้นไม่ค่อยซุกซน พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังใจเย็นและรู้ความ ผิดกับพี่ชายที่นับวันยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ ทั้งกวนส้นเท้าและเกรียนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนหนึ่งคงเพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่เชียงใหม่ คิรินไม่ได้มีเพื่อนเล่นที่ไหนเลยนอกจากแม่ พอลงมาอยู่ที่นี่ก็มีลูกน้องของพ่อมาเล่นด้วย มีชัลก้า มีดิวและนับดาวที่เกิดไล่หลังมาไม่กี่ปี และตอนนี้ก็ยังมีน้องจินนี่อีก ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปซะแล้วส่วนบ้านที่เชียงใหม่ บ้านที่แม่นวลยกให้เ
(พาร์ทพิเศษ ราล์ฟ)สำนักข่าวราล์ฟฟี่ รายงาน สวัสดีครับผมราล์ฟ ผู้ครองตำแหน่งมือขวาคนใหม่ของบอสแล้วยังเป็นพี่เลี้ยงเด็กดีเด่นประจำปีอีกด้วย ช่วงนี้ชีวิตผมค่อนข้างที่จะมั่นคง แม้ใครจะบอกว่าตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป ส่วนผมนั้นตั้งใจจะเป็นทั้งตำแหน่งและตำนาน ไม่มีใครมาโค่นล้มลงไปได้ก่อนหน้านี้ตำแหน่งมือขวาของบอสไม่ใช่ของผมหรอกนะครับ แต่เป็นของคุณจาเรด ชายผู้ฝีมือดีที่สุดและยังเป็นคนที่บอสไว้วางใจเป็นอย่างมาก ผมต้องนึกขอบคุณเขาเลยนะที่ถูกจับตัวไปในครั้งนั้น เลยทำให้ผมได้มีโอกาสแสดงฝีมือกับเขาบ้างตอนนี้อย่าว่าแต่ปกป้องบอสเลย หน้าที่เล็กใหญ่ในแก๊งตั้งแต่ดูแลแมวยักษ์อย่างชัลก้า หรือแม้แต่การดูแลบอสน้อยของเราอย่างคุณคิริน ก็เป็นของผมไปหมด“ทำให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!!”ส่วนคุณจาเรดที่ก่อนหน้านี้คือคนโปรดของบอส กลับถูกลดระดับมาเป็นเพียงครูฝึกให้แก่เด็กใหม่ที่เข้ามาในแก๊งเสียอย่างนั้น แต่แม้ว่าหน้าที่ของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องชื่อเสียงของเขาในหมู่เด็กใหม่นั้นไม่ได้ก้อยลงเลย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณจาเรดครูฝึกคนใหม่นั้น ทั้งดุ โหด แล้วไม่มีโหมดคิตตี้ให้
(คามินทร์)“ใจร้ายจังเลยนะ คิรินเป็นเหลนย่าแท้ๆ ทำไมไม่รู้จักบอกย่าเสียบ้าง รู้ไหมว่าใจแทบขาดตอนรู้จากปากน้ำหวานว่าหนูเจออะไรมาบ้าง”ตอนนั้นผมบอกว่ากลัวจะถูกย่าบ่นใช่ไหมครับ ตอนนี้สบายใจแล้วเพราะมีคนมารับแทน ติญ่านั่งหง็อยอยู่หน้าโซฟาโดยมีคิรินนั่งเล่นกับชัลก้าอยู่ ส่วนผมนั้นลอยตัว สามารถนั่งเอกเขนกได้อย่างสบายใจแต่ก็สบายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น พอเห็นว่าหลานสะใภ้ท่าทางน่าสงสาร ย่าก็ได้เบนเข็มมาที่ผมแทน“แกนี่แหละตัวต้นเหตุไอ้หลานเวร ทำอะไรไม่คิดจนทำให้หนูญ่าต้องหนีไป สำนึกบ้างไหม ขึ้นไปนั่งบนโซฟาสบายใจไม่ดูเลยว่าเมียนั่งพื้น ลงมา!”“อ้าวย่า ปกติเราก็นั่งพื้นดูหนังกันบ่อยออก นั่งสบายกว่าโซฟาอายุหมื่นปีของย่าอีก”“ไอ้หลานเวรนี่ อยากปากแตกตายใช่ไหมฮะ”บรรยากาศในบ้านของผมกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องของน้องดาทำให้ไอ้วินทร์ดูซึมๆ และไม่ยอมเข้าบ้านเลยตลอดสามปี จนกระทั่งช่วงเดือนก่อนที่ติญ่ากลับมาทำห้องเสื้ออีกครั้ง และดึงเอาน้องดามาร่วมงานด้วย เราเลยได้มีโอกาสพูดคุยกันแบบครบทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกอันที่จริง...จะว่าครบก็ไม่ครบนัก เพ
เขาว่ากันว่า ความฝันของหญิงสาวทุกคน คือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เชื่อไหมคะ ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่เชียงใหม่ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใส่ชุดแต่งงานพวกนั้นอีกครั้ง คิดแค่ว่าแค่ได้มองผู้คนยิ้มมีความสุขกับครั้งหนึ่งที่แสนสำคัญในชีวิต แค่นั้นก็มากพอแล้วแต่ไม่คิดว่าฉันจะได้สวมมันอีกครั้ง อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับที่ฉันเคยบอกว่าไม่มีวันรักเขาได้ฉันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่แท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวชุดขาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขามองมาที่ฉันแล้วก็ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สะกดฉันได้แทบทุกครั้ง รอยยิ้มและสายตาคู่นั้นเขาไม่เคยใช้มองใครเลยนอกจากฉัน มันเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียวเท่านั้น...“แม่ค้าบ คิยินหย่อกว่าปะป๊าหยือป่าว”ฉันคงลืมบอกไป วันนี้คนที่จูงฉันเข้าสู่แท่นพิธีไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าคิรินน้อยนี่เอง เขาตื่นเต้นมากๆ เพราะพี่เลี้ยงทุกคนเอาแต่พูดกรอกหูว่า เนี่ยนะ มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่จะได้อยู่ในงานแต่งงานของพ่อแม่ตัวเอง เขาคือคนพิเศษ แค่นั้นแหละเจ้าเด็กก็ดีใจใหญ่ เขาเป็นคนที่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานในครั้งนี้ไม่แพ้คนที่แต่งเ
“ปล่อยเมียฉันซะพิมพิ ถ้าเธอไม่อยากโดนเป่าหัวกระจุยตอนนี้”เสียงของคามินทร์ที่ดังขึ้นหยุดทุกอย่าง ฉันลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขากำลังเอาปืนจ่อที่หัวของคนที่พยายามจะฆ่าฉัน ทว่ายังไม่ทันที่พิมพิจะได้ตอบโต้ คอเสื้อของเธอก็ถูกดึงอย่างแรงจนร่างปลิวไปกระแทกเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากนั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาจับตัวเธอกดลงกับพื้น“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ปล่อย!!!”เสียงโวยวายของเธอดังไปทั่วห้อง ดังจนฉันเห็นสีหน้าหงุดหงิดของทุกคนในห้องนี้ คามินทร์ตรงเข้ามาหาฉันอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงฉันเข้าไปแนบอกแล้วกอดเอาไว้แน่นความกลัวทุกอย่างก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งถูกระบายออกมาผ่านม่านน้ำตาเมื่อได้สัมผัสกับอ้อมกอดของเขา...มันเป็นอ้อมกอดที่...ทั้งอบอุ่นแล้วก็ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเลย...“ฮึก...”“ขอโทษที่มาช้านะ”มันเป็นอย่างนั้นเสมอ อ้อมกอดของเขามันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย แล้วก็ทำให้ฉันไม่หวาดกลัวอะไรอีกต่อไป ฉันไม่ได้ยินเสียงของพิมพิที่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ไม่ได้ยินความวุ่นวายอะไร มีเพียงเสียงของเขาเท่านั้นที่ดังอยู่ข้างหูฉันกลัว...กลัวเหลือเกินว่าอาจจะไม่
(ตติญา)“พี่ฟอง หนูฝากตรงนี้ด้วยนะคะ ดูแลแขกด้านหน้าด้วยค่ะ”ไม่คิดเลยนะ ว่าฉันจะได้จัดงานศพให้แม่นวลเร็วอย่างนี้เลย ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าตัวเองโชคร้ายมากๆ เจอเรื่องร้ายต่างๆ จนไม่น่าจะเจออีกแล้วหลังจากนี้ อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ แต่ชีวิตฉันมันคงยังอยู่ท่ามกลางพายุ ไม่เจอฟ้าหลังฝนที่ว่าสักทีล่ะมั้งหวังแต่เพียงว่า ขอให้นี่เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันหลบจากทางหน้าฝานที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตาอะไรมากมายเพราะนี่ก็เป็นแค่งานศพของแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน รวมทั้งป้าๆ แถวนี้ที่รู้จักแม่นวลมาหลายปีที่หน้าโลงศพของแม่นวล ฉันเป็นคนจัดดอกไม้เองทุกดอก แม้ว่าท่านจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ว่าก็มีดอกไม้ที่ชอบอยู่ดอกหนึ่งแม่นวลเคยเอารูปให้ฉันดู ตอนนั้นท่านไม่รู้ชื่อ แต่เห็นแล้วชอบมันมากๆ ยิ่งพอได้รู้ความหมาย ท่านก็ยิ่งชอบจนใฝ่ฝันว่าอยากเอามาปลูกภายในบ้าน แต่น้าพาแพ้เกสรดอกไม้เลยทำได้แค่ตั้งเป็นภาพหน้าจอมือถือดอกไม้ชนิดนั้นคือ บลูบอนเน็ต ดอกไม้ที่มีความหมายแสนเศร้า แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ขอไ
เรากลับมากรุงเทพฯทันทีที่รู้เรื่อง ก่อนเดินทางผมและติญ่ารวมทั้งพี่เลี้ยงทั้งสี่ของคิรินเตรียมตัวกันหนักมากๆ เพราะกลัวว่าคิรินจะงอแงตลอดทาง แต่โชคดีที่แค่ขึ้นเครื่องก็หลับปุ๋ย เลยทำให้ทั้งพ่อและแม่มีเวลาพักผ่อนก่อนถึงกรุงเทพฯทันทีที่มาถึงผมได้ให้น้ำหวานมารับคิรินไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรับศพป้านวลกลับมาทำพิธี ระหว่างทางนั้นผมต้องจับมือติญ่าเอาไว้ตลอด เธอดูเสียใจจนไม่สนแล้วว่าตอนนี้จะมีผมอยู่ข้างกายหรือไม่“ขอบคุณนะคะคุณหมอ เดี๋ยวพิมพิจะเอาเอกสารนี้ไปให้ญาติของป้าเองค่ะ”พวกเรามาถึงที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทว่าเมื่อมาถึง มีคนจัดการทุกอย่างแม้แต่เรื่องการจ่ายเงินค่าดำเนินการต่างๆ ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พิมพินั่นเองพอเธอเห็นพวกเรา หญิงสาวในชุดดำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมก็ได้เดินตรงเข้ามา เธอยกมือไหว้ผมตามประสาผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะทักเสียงเรียบ“สวัสดีค่ะพี่คามินทร์ ติญ่า”“สวัสดีพิมพิ มารับศพป้านวลเหรอ?”“ค่ะ ป้าแกไม่ได้มีญาติที่ไหน ก่อนเสียท่านก็ดูแลแม่หนูอย่างดี หนูเลย...”“เอามาให้ฉัน”ติญ่าพูดเสียงแผ่ว เธอยื่นมือสั่นๆ ไปรับเอาเ
ผมเดินตามเมียขึ้นมาที่ชั้นบน กะว่าอยากจะจัดการเด็กดื้อสักหน่อย ทว่ากลับได้ยินเสียงเล็กๆ สะอื้นมาจากห้องของคิริน ก่อนที่ติญ่าจะอุ้มลูกออกมา ปากเธอก็พึมพำปลอบลูกไม่หยุด“ไม่มีอะไรนะครับ แม่ขอโทษน้า ผีไม่มีหรอก”“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”คิรินร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดคอแม่เป็นการใหญ่ มือเล็กชี้เข้าไปในห้องแล้วพูดแต่คำว่า ผี ผี ผี อยู่ตลอด จนกระทั่งหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ตอนนี้ติญ่าพาคิรินมานอนในห้องของตัวเอง ผมได้แต่ยืนมองไม่กล้าถามอะไรมาก เพราะเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเธอรอจนกระทั่งเธอลูบหลังคิรินหลับไป เลยถามออกไปเสียงแผ่ว“มีอะไรหรือเปล่า ละเมอเหรอ?”ติญ่ามองไปที่ลูกซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีอาการสะอื้นให้เห็นอยู่เป็นระยะ“ก็นิดหน่อยค่ะ”สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของเธอทำให้ผมพลอยกังวลไปด้วย ติญ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอได้เดินไปยังห้องลูกก่อนจะสำรวจที่หน้าต่างด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก“ช่วงนี้คิรินบอกว่าเจอผีที่หน้าต่างบ่อยๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเผลอเปิดหนังผีดูด้วยกันเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเลยทำให้ลูกฝันร้าย แต่อยู่ดีๆ ลูกก็บอกว่าเห็นจริงๆ อยู่ที่ต้นไม้ข้าง
กลับมาถึงบ้านก็นั่นแหละ แบตหมดตามระเบียบ ผมพาคิรินไปนอนบนห้องแล้วก็ไปดูคนป่วยที่น่าจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้บ้างแล้วจากการพักมาทั้งวัน แต่กลับพบว่าเธอยังอยู่ในชุดนอนตัวเดิมแล้วดื่มน้ำเย็นลงไปหลายอึก“ดื่มน้ำเย็นแล้วจะหายไหมไข้น่ะ”ผมตรงเข้าไปหาเธอแล้วกอดอกพูดยิ้มๆ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ชอบดื่มน้ำเย็นเป็นชีวิตจิตใจ แต่ดื่มแล้วก็เสียวฟันจนชอบทำหน้าประหลาดๆ ตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้ก็ด้วย“หายเจ็บคอหรือยังครับ?”ผมถามเพราะเมื่อเช้ายังได้ยินเสียงเธอแหบแห้งเป็นนักร้องหมอลำอยู่เลย ถึงแม้กลับมาเสียงเธอจะเป็นปกติแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหายง่ายๆ“หายแล้ว ไปซื้อยามากิน”“ยาอะไร?”“ถามทำไม”พูดจบก็ชักสีหน้าใส่ผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง ถ้าให้เดานี่คงเป็นการอาบน้ำครั้งแรกในรอบวัน นึกไปถึงเมื่อวานที่เธอเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าผมในสภาพที่หมดสติ ถ้าเป็นผมคนเมื่อก่อนที่เธอไม่ได้โกรธอยู่ล่ะก็ เธอไม่รอดแน่ระหว่างที่รอติญ่าอาบน้ำ ผมก็สั่งกับข้าวรอไปด้วย ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆ ดึกอย่างนี้ไม่ได้มีบริการเดลิเวอร์รี่ให้บริการ เลยต้องใช้เดลิเวอร์รี่จำเป็นอย่างราล์ฟไปซื้อมาใ