“คุณแหววมีอะไรหรือคะ บอกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น ลดายินดีให้บริการเต็มที่ ทดแทนที่ทำให้พี่สาวมาค้างด้วยกันที่บ้านไม่ได้” ท้ายประโยคเป็นเสียงขึ้นจมูกของปิ่นลดา ทำให้พราวพิชชาต้องรีบบอก กลัวน้องสาวจะไม่เข้าใจในเจตนาของตนตั้งแต่แรก
“ไม่นะ อย่าคิดมากสิลดา พี่อยากพักข้างนอก เพราะสะดวกสบายสำหรับพี่มากกว่า ไหนลดาบอกว่าให้พี่เลือกตามใจชอบแล้วไง” “ลดาพูดเล่นค่ะ ลดาเข้าใจคุณแหววแล้ว คุณใหญ่ยังบอกไม่ให้ลดาไปคาดคั้นคุณแหววมาก คนทำงานหนักมาตลอด พอได้ช่วงลาพักร้อนก็อยากมีเวลาอยู่กับตัวเอง มีความเป็นอิสระ ได้ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ลดาเข้าใจดีค่ะ ให้คุณแหววมาพักอยู่ใกล้ๆ ขาดเหลืออะไรได้บอกกัน ลดาก็รู้สึกดีมากแล้วค่ะ” “พี่ขอบใจนะ ที่เข้าใจ” “ค่ะ” “พี่ขอสัญญาอีกข้อได้ไหม ลดาจะให้พี่ได้ไหม” “มีอะไรหรือคะ คุณแหววถามอย่างนี้ลดาไม่กล้ารับปากเลย” “ไม่มีอะไรมากหรอก พี่อยากเห็นลดามีความสุขจริงๆ อยากเห็นชีวิตของลดานับจากนี้มีแต่รอยยิ้ม ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ลดาไม่ต้องฝืนทน ลดายังมีพี่อยู่ทั้งคน จำได้ไหมจ๊ะ เราเป็นพี่น้องกัน เรามีกันอยู่แค่นี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับลดา ให้บอกพี่ทันที พี่จะดูแลลดาให้ดีที่สุด” “คุณแหวว ลดาขอบคุณมากค่ะ” “สัญญากับพี่ได้ไหมจ๊ะ” พราวพิชชาย้ำถาม น้ำเสียงคาดคั้น แล้วรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “ลดาดีใจ แค่คุณแหววรับลดาเป็นน้องสาว ลดาก็ไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้แล้ว...แต่สัญญาค่ะว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลดาจะไม่ปิดบังคุณแหวว ลดาไม่ทำให้คุณแหววต้องเป็นกังวลแน่นอน ลดาเข้าใจคุณแหววดีค่ะ” “เอ่อ...แล้วนี่ สามีของลดาอยู่บ้านไหมจ๊ะ” ตอนนี้ยังเช้าตรู่ ถ้ารัชตะจะยังไม่กลับถึงบ้าน เพราะอาการอาจเจ็บหนักจนต้องพักค้างอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่ได้ยินจากปิ่นลดา กลับทำให้เธอเผลอขมวดคิ้วมุ่น “คุณใหญ่อยู่ค่ะ นั่งเฝ้าลดาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ถ้าวันนี้ไปประชุมสายขึ้นมา ลดาจะสมน้ำหน้าให้” “แล้วเขา...ยังสบายดีไหม” “สบายดีค่ะ ไม่ต้องห่วง คนคนนี้แข็งแรงอย่างกับอะไรดี ไม่เจ็บไข้ง่ายๆ หรอก นอกจากจะขี้บ่นมากขึ้น อันนี้ลดาแปลกใจจริงๆ ค่ะว่าเขาเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนแรกๆ ไม่เห็นเป็นนะคะ” “คุณใหญ่เปลี่ยนจากเดิมมากเลยหรือจ๊ะ” “ไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่ยังไงลดาก็ทนได้” เกือบจะเครียดอยู่แล้วเชียว แต่พอจบคำตอบนั้นกลับได้ยินเสียงหัวเราะร่วนของปิ่นลดาตามเข้ามา ต่อด้วยเสียงห้าวของคนที่พราวพิชชาถามถึง คล้ายว่าเขากำลังแย้งคำกล่าวหานั้น ซึ่งน่าแปลก บรรยากาศที่สัมผัสจากน้ำเสียงของสองคน มันดูรื่นรมย์ชะมัด นายคุณใหญ่นี่ ไม่ธรรมดาจริงๆ คงรู้ว่าเป็นเราที่โทร.หาลดา เลยเล่นละครตบตาว่ารักเมียซะฉากใหญ่ แล้วอย่างนี้ลดาจะตามทันได้ยังไง “ลดา...พี่มีเรื่องอยากบอก” “คะ ว่ายังไงคะ” “พี่อยู่เชียงราชไม่นานหรอก เพราะนัดเพื่อนที่จะตามมาสมทบเมืองไทย อาจไม่มีเวลาเที่ยวกับลดา” “อ้าว ทำไมเป็นงั้นล่ะคะ ลดาอุตส่าห์ดีใจว่าจะได้อยู่กับคุณแหวว นานๆ” น้ำเสียงคนปลายสายบ่งบอกอารมณ์ผิดหวัง...เสียจนพราวพิชชาเกือบเปลี่ยนใจ เปลี่ยนแผนใหม่ ถ้าอีกฝ่ายจะไม่ชิงพูดขึ้นก่อน “แต่ไม่เป็นไร แค่เมืองไทยเอง คุณแหววเที่ยวกับเพื่อนเสร็จก็กลับมาหาลดาอีกทีก็ได้ ก่อนจะกลับไปเพิร์ท” “ได้สิจ๊ะ ยังไงเราก็ได้เจอกันอีกแน่นอน พี่จะไปหาลดาเอง” “โอเคค่ะ ลดาสบายใจแล้ว เที่ยวกับเพื่อนให้สนุกนะคะ ว่าแต่ก่อนไปต้องกินข้าวกับลดาสักมื้อก่อน เอาเป็นเย็นนี้ลดาจะไปหาคุณแหววที่รีสอร์ต อยากออกไปข้างนอกอยู่พอดี ไว้ตอนคุณแหววกลับมา แล้วค่อยกินข้าวกันที่บ้านลดานะคะ” “ตกลงจ้ะ” “งั้นลดาให้คุณแหววไปเที่ยวกับเพื่อนได้ค่ะ” น้ำเสียงรื่นเริงดุจเดิม ทำให้พราวพิชชาคลี่ยิ้มออก แม้หัวใจจะยังหน่วงอย่างหนักอยู่ก็ตาม “จริงๆ เลยนะเรา งั้นก็เอาตามนี้เลยจ้ะ”ขณะที่พราวพิชชากำลังครุ่นคิดถึงแผนการช่วยน้องน้อย ทางด้านเจ้าตัวเมื่อกดตัดสาย ก็หันไปยิ้มกร่อยให้กับคนนั่งพิงหัวเตียง กอดอกมองเธออยู่“คุณแหววไม่ได้มาหาลดาสักหน่อย”“มานี่ มา”รัชตะดึงเรียวแขนเสลาของคนอุ้มท้องอุ้ยอ้ายที่ยืนปักหลักคุยโทรศัพท์เสียงเจื้อยแจ้วอยู่หน้าเตียง ก่อนจะเห็นสีหน้าเธอเจื่อนลงเรื่อยๆ แม้หล่อนจะฝืนทำเสียงร่าเริงอยู่ก็ตาม ทำให้คนเฝ้ามองอดสงสารไม่ได้“ได้ยินว่าจะไปหาพี่สาวเย็นนี้ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ” ปิ่นลดาพยักหน้า โอนอ่อนตามแรงดึงเข้าซบอกกว้างของสามี แต่เมื่อนึกบางอย่างได้จึงเงยหน้ามองเขา “ไม่ต้องห่วงนะคะ ลดารู้ว่าคุณใหญ่ติดประชุม คงกลับมาไม่ทัน คุณใหญ่บอกล่วงหน้าตั้งหลายวันแล้วว่าวันนี้ต้องกลับบ้านค่ำ ลดาจะให้คนรถไปส่งแล้วรอรับกลับ แล้วจะรายงานคุณใหญ่ให้รู้ทุกชั่วโมงเลยค่ะ”“ครึ่งชั่วโมง”“คะ?”“โทร.หาฉันทุกครึ่งชั่วโมง เริ่มจากที่ออกจากบ้าน จนกลับเข้าบ้าน ฉันจะได้ไม่ห่วง”“แต่คุณใหญ่ประชุม ลดาว่า...คงดูไม่จืดแน่ ถ้าประธานใหญ่ต้องคอยรับสายถี่ขนาดนั้น”“งั้นส่งข้อความมาบอก”“ได้ค่ะ แต่คุณใหญ่ต้องปิดเสียงนะคะ ลดาไม่อยากให้รบกวนคนอื่น”“นี่สั่งประธานใหญ่เลยนะ มากไปหรือเปล่
รัชตะเสียงกร้าวขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับเขาที่จะมีใครมาหยามกันถึงเพียงนี้ แต่อีกฝ่ายกลับใจเย็นจนดูผิดเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แค่นี้ฉันรับมือไหว” รัชตะต้องหรี่ตามองน้องชายฝาแฝดอย่างแปลกใจอีกรอบ...ก็เมื่อกี้มันยังทำฉุนเฉียวตอนบอกว่าต้องเจ็บตัวเพราะเกิดการเข้าใจผิดกัน คงเข้าอีหรอบตีผิดคนนั่นแหละ เขาก็อยากรู้ว่าตัวเองมีศัตรูที่ไหนเหมือนกัน แต่พอคิดจะจัดการมือดีพวกนั้นให้ น้องชายตัวดีกลับทำเหมือนมีลับลมคมในเสียนี่“เอาเป็นว่าจบเรื่องนี้ นายไม่ต้องยุ่ง เพราะฉันจะจัดการเอง” รัชภาคย์ย้ำตัดบท ทำท่าทางว่ารำคาญพี่ชายเสียอย่างนั้น “แล้ววันนี้ฉันก็จะเข้าประชุม แต่จะเป็นตัวของฉันเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำให้หุ้นส่วนของนายแตกตื่น ฉันแค่เบื่อไอ้พวกเสื้อผ้าอย่างของนาย ทีหลังไม่ต้องให้คุณทิพย์มาจัดหาของพวกนี้มาให้อีกนะ อย่าให้ต้องใส่สูท ผูกเนกไทเป็นคุณชายอย่างนายด้วยเลย เห็นแล้วเอือมตัวเองชะมัด”รัชภาคย์ทำเสียงและสีหน้าว่าเบื่อหน่ายเต็มทน ยกมือลูบปลายผมที่ท้ายทอยอย่างแสนเสียดายที่ต้องตัดเล็มออก พอไล่มาจนถึงปลายคางที่เมื่อวานยังเกลี้ยงเกลา แต่วันนี้สัมผัสหนวดเคราสั้นๆ จนเมื่อเหลื
การประชุมระดับผู้บริหารประจำปีของธุรกิจผลิตรถยนต์หรูที่มีโรงงานฐานผลิตตั้งในฝั่งพม่า ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ภายใต้อาณาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษระหว่างสองประเทศ เริ่มต้นขึ้นในเวลาสิบนาฬิกาก่อนถึงเวลาประมาณห้านาที รัชภาคย์เข้ามาในห้องประชุมด้วยเครื่องแต่งกายกางเกงยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อทีเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวใน สวมทับด้วยสูทสีดำสนิท...เขาหยิบมันมาสวมเป็นชิ้นสุดท้ายเพื่อไม่ให้ประธานในงานขัดสายตาโดยเฉพาะด้วยรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมสัน หล่อสมาร์ตไม่ต่างกัน พวกเขาจึงดูโดดเด่นท่ามกลางนักธุรกิจอีกหลายสิบคน เมื่อรัชภาคย์เดินมาหยุดใกล้รัชตะซึ่งกำลังสนทนากับนักธุรกิจฮ่องกง จึงเห็นสไตล์ที่แตกต่างของสองหนุ่มอย่างเด่นชัด...หากก็ดึงดูดสายตาไม่แพ้กัน“วันนี้ผมโชคดี มาไม่เสียเที่ยว เพราะได้เจอคุณรัชภาคย์ จะได้ขอหารือเรื่องสัมปทานเหมืองแร่ทองคำในเวียดนาม ทางผมอยากเชิญคุณเข้าร่วมในฐานะผู้มีประสบการณ์ เพราะเรายังใหม่สำหรับงานนี้อยู่มาก”มิสเตอร์จางทักทายด้วยท่าทีเคร่งขรึม จริงจัง รัชภาคย์เหลือบมองพี่ชายฝาแฝดแวบหนึ่ง แววตาคมที่สงบนิ่ง แทบจะไม่ส่อความรู้สึกใดๆ ให้คนนอกได้สัมผัส แต่พวกเขาสามารถสื่อ
ทางด้านคนที่ปิ่นลดารอคอยอยู่ เมื่อลงจากรถสองแถวก็รีบวิ่งเข้ามาในรีสอร์ต จากหน้าถนนใหญ่จนถึงตัวรีสอร์ตนับระยะทางกว่าสองร้อยเมตร เธอวิ่งฝ่าสายลมหนาวที่พัดกรูปะทะ จนมาถึงส่วนบริการก็ถึงกับหนาวสั่นทีเดียวท่าทางของเธออยู่ในสายตาของผู้ชายสองคน แรกทีเดียวพวกเขาหันไปสบตา เชิงว่าไม่มั่นใจว่าจะใช่ตามที่เห็น เพราะช่างผิดจากคำบอกที่ได้รับมามากนัก จนต้องยกโทรศัพท์มือถือเพื่อจะเพ่งดูภาพถ่ายในจอพราวพิชชาวิ่งซอยเท้าต่อไปยังห้องรับรองเพราะไม่อาจฝืนสู้กับลมหนาวด้วยเสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงผ้าฝ้ายแบบลำลอง หลังจากสอบถามพนักงานถึงปิ่นลดา จนรู้ว่าน้องสาวมานั่งรออยู่ก่อนแล้วทันทีที่เปิดประตูออก ปิ่นลดาหันขวับมามอง ดวงตาเบิกโต เกือบจะโผนมาหาทั้งตัว ถ้าพราวพิชชาไม่ตรงดิ่งไปหาเสียเองก่อน“คุณแหวว คุณแหววมาแล้ว โอ๊ย...ลดาคิดถึงจังเลย” จากที่คิดเอาไว้ร้อยแปดว่าเมื่อพี่สาวกลับมาถึงจะต่อว่า คาดคั้น และบอกว่าเธอแสนห่วงสักแค่ไหน แต่พอได้พบหน้าสิ่งเหล่านั้นก็หายหมด เหลือเพียงความดีใจจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อีกปิ่นลดากอดพี่สาวเอาไว้แน่น ขณะอีกฝ่ายโอบหล่อนไว้หลวมๆ พราวพิชชาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำตัวไม่ถูกเมื
“คุณพราวพิชชานั่งรถสองแถวรับจ้างไปพบผู้ชายคนนี้ที่รีสอร์ตแสงตะวันครับ”เพราะภาพในจอมือถือที่ถูกวางบนโต๊ะของลูกน้องคนสนิทที่ถูกสั่งให้คอยจับตามองพราวพิชชาตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้รัชภาคย์ต้องหยิบมาดูใกล้ๆ ผู้ชายในจอภาพที่นั่งคุยอยู่กับพราวพิชชานั้นคุ้นตาชะมัด...เขาแตะปลายนิ้วเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพซูมเต็มหน้าชัดๆ รัชภาคย์ถึงกับหันมองลูกน้องเต็มตา“มีใครเห็นพวกนายหรือเปล่า”“ไม่มีครับ ผมระวังตัวอย่างดีครับนาย”“เข้าไปใกล้ผู้ชายคนนี้แค่ไหน”“ไม่ถึงสิบเมตรครับ แต่คนค่อนข้างหนาตา เพราะลูกเห็บลงพอดี คนเลยเข้าไปนั่งในร้านของรีสอร์ตเต็มทุกโต๊ะ พวกผมอยู่เยื้องไปทางด้านหลังโต๊ะเป้าหมายครับ” ฟังคำตอบ สีหน้าของรัชภาคย์ก็ยังดูแคลงใจในบางอย่าง จนลูกน้องต้องถาม“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือครับนาย”“ไรวินทร์ เจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ที่กำลังย้ายฐานจากเพิร์ทมาตั้งที่เชียงราช” เขาหลุบตามองภาพในมือถือ ปลายนิ้วยังแตะหน้าจอ เลื่อนดูต่อไปเรื่อยๆ “พวกนายเข้าใกล้จนได้ภาพชัดเจนหลายช็อต ยากที่นายไรวินทร์จะไม่รู้ตัว”“ผมสังเกตอยู่ตลอด เขานั่งคุยกับคุณพราวพิชชา ไม่มีท่าทีผิดปกติเลยนะครับ”“นายจับสังเกตไรวินทร์คนเด
คนพูดตัดสายไปแล้ว รัชภาคย์ดึงมือถือมามอง หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ประเมินคำพูดและน้ำเสียงของพี่ชายฝาแฝดนายไม่ยุ่ง...ไม่ยุ่งให้ตลอดรอดฝั่งแหละดี เพราะทีตอนเรื่องของนาย ฉันก็ไม่แตะเหมือนกัน ใกล้ค่ำแล้ว อากาศยิ่งหนาวเย็นกว่าเดิม พราวพิชชาห่อกายเมื่อสายลมเย็นกระโชกมาหา สายตาทอดตามท้ายรถยุโรปคันใหญ่ที่ปิ่นลดานั่งอยู่ตอนท้ายซึ่งกำลังเคลื่อนจาก เธอมองจนรถคันนั้นลับหายแล้วจึงหันกายกลับเข้าที่พักพราวพิชชาไม่อาจตัดเรื่องของน้องเขยกับผู้หญิงที่เห็นเมื่อวานออกจากใจได้จริงๆ ยิ่งวันนี้เห็นภาพของน้องสาวที่สวยงามและมีความสุข เธอก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิมปิ่นลดามีรอยยิ้ม ความสดใสจากการมองโลกในแง่ดีมักเปล่งประกายจากดวงตาให้เห็น แม้ชีวิตจะผ่านเรื่องเลวร้ายสักกี่หน แต่ก็ไม่เคยทำลายลูกแก้วจรัสงามให้มองหม่นไปได้ลดาคงยังไม่รู้ว่าคุณใหญ่มีผู้หญิงอื่น คุยกันก็ได้ยินพูดถึงแต่คุณใหญ่ คำก็คุณใหญ่ สองคำก็คุณใหญ่ ชีวิตของลดามีแต่คุณใหญ่ แต่เขาก็ยังใจร้าย นอกใจไปมีผู้หญิงอื่นจนได้ ผู้ชายอะไร มักง่ายสิ้นดี พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรักและดูแลลดาตลอดไป...ที่แท้ก็โกหก แล้วตัดสินใจได้ว่าช่วงลาพักร้อนนี้ เธอจะทำการตัดไฟแ
“ครับ...ครับนาย” แล้วเลขทะเบียนรถก็ถูกรายงานมาตามสาย รัชภาคย์จับจ้องไปยังรถที่มาจอดใหม่ จากตำแหน่งโต๊ะที่นั่งซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถมากที่สุดแล้ว ทำให้เห็นเลขทะเบียนของรถเก๋งคันสีดำคันนั้นชัด... “พวกนายกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องตาม”สั่งแค่นั้นก็ตัดสาย โดยไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพราะคำสั่งของเจ้านายอย่างเขาถือเป็นคำเด็ดขาดที่ลูกน้องทุกคนต้องปฏิบัติตามรัชภาคย์ยกแก้วเบียร์เย็นเฉียบขึ้นจิบเมื่อเห็นทุกอย่างจนมั่นใจแล้ว ใบหน้าคมสันเกลื่อนด้วยรอยยิ้มกริ่ม จนคนสนิทที่นั่งร่วมโต๊ะต้องเลิกคิ้วแปลกใจ เพราะเห็นทุกอย่างที่ลานจอดพร้อมกัน และรู้ว่าผู้หญิงสาวที่ลงจากรถเก๋งคันสีดำพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางลงมาด้วยนั้นเป็นคนที่นายให้เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวอยู่นั่นเอง เขากำลังรอดูว่าเจ้านายหนุ่มจะทำอะไรต่อไป แล้วดวงตาก็ปรายมองรอยแผลตรงขมับด้านซ้าย แทบจะส่ายหน้าในทันทีคิดว่าไม่ติดใจเอาเรื่อง เห็นเมื่อคืนยังเงียบ ที่ไหนได้ สั่งพวกนั้นตามเฝ้าทั้งวันอยู่นี่เอง แล้วมานั่งดักรอเองที่รีสอร์ตนี่...งานนี้ท่าจะแค้นฝังหุ่นรัชภาคย์ขยับกายลุกขึ้น ไม่อยากสนใจธนัท ลูกน้องคนสนิทหรือจะเรียกว่ามือขวาก็คงได้ที่กำลังม
“เอ่อ...ไม่...” รัชภาคย์อึกอัก ทำท่าจะปฏิเสธด้วยการบอกความจริงว่าตามใครมา แต่เพิ่งเห็นว่า ‘คุณป้า’ ของหลานชายที่ใกล้จะออกมาลืมตามองโลกนั้นกำลังอ้าปากหวอ มองเขาตาค้างอยู่ จึงต้องเบนความสนใจไปทางอื่นก่อน “ผมกับลูกน้องมากินเบียร์ แล้วหนูมาอยู่นี่ได้ไง”ถึงคราวที่แม่สาวแต่งหน้าจัดใส่เดรสสีเทารัดติ้วสั้นแค่โคนขาจะอ้ำอึ้งบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรุกผู้ชายที่ยืนเป็นเสาหินให้หล่อนกอดรัดจนแทบจะสิงอยู่“หนู หนู...เอ่อ” ผู้หญิงคนนี้ดูชอบกล จนพราวพิชชาที่คิดเสมอว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น เพราะแค่เรื่องของตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดอยู่แล้วนั้นต้องเพ่งมอง รอฟังคำตอบด้วยคน...ด้วยความลืมตัวส่วนรัชภาคย์เพิ่งได้นึกระแวงตามคำขู่ของธนัท ว่าการมายุ่งกับมินตรา เดี๋ยวก็ถูกพันเลื้อยจนแกะไม่หลุดอย่างที่เคยได้ยินกิตติศัพท์อยู่หรอก“แล้วคุณ เอ่อ...คืนนี้ว่างใช่ไหมคะ หนูจะขอแก้ตัวจากเมื่อคืน” หล่อนเชิญชวน แต่น้ำเสียงร้อนรน...คนลอบฟังสังเกตได้“ไม่เป็นไร เรื่องมันแล้วก็แล้วไป” “แต่หนูรู้สึกไม่ดี ให้หนูแก้ตัวคืนนี้นะคะ นะคะ”“ไม่ครับ ผมไม่สะดวก”รัชภาคย์กำลังทำตัวลำบาก แต่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม เขาเคยปฏิเสธผู้หญิง
คำถามจากด้านหลังทำให้พราวพิชชาสะดุ้งด้วยไม่ทันรู้ตัว หันขวับมองเขา อื้ออึงในคำถาม ทบทวนซ้ำอีกรอบก็ไม่รู้ว่าคำถามครอบคลุมแค่ไหน“น่าอยู่สิคะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนมากมายเข้ามาปักหลักที่นี่หรือ...คุณไรวินทร์ก็จะย้ายออฟฟิศจากเพิร์ทมาที่นี่เหมือนกัน”พราวพิชชาคิดดีแล้วว่าจะขอยืมชื่อของผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานนัก หากชอบพออัธยาศัยของเขามากระตุ้นคนตรงหน้ารัชภาคย์มองหญิงสาวนิ่ง แววตาไม่เปลี่ยนไป เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้...แค่นั้น ทำให้พราวพิชชาใจแป้วได้อีก แต่เมื่อคิดจะรุก ก็ควรเดินหน้าต่อ เพราะคนอย่างพราวพิชชาไม่ชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ“คุณเล็กถาม...”“แล้วคุณล่ะอยู่ได้ไหม ถ้าผมขอให้คุณอยู่เชียงราช คุณจะรับข้อเสนอของผมไหม”หัวใจสาวเต้นโครมคราม ริมฝีปากบางสั่นระริกกับคำถามที่สวนมาก่อนเธอจะพูดจบ...คำถามนี้ไม่ใช่หรือที่เธอรอคอย“แล้วจะให้แหววอยู่เพื่ออะไรคะ แหววมีชีวิตและมีงานที่เพิร์ท แถมพ่อกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ด้วย พวกท่านตั้งใจจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นั่น”“ผมคิดว่าพ่อแม่คุณย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับคุณต่างหาก
“ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดี ผมไม่รู้จะปลื้มดีหรือเปล่า คุณตอบรับรักด้วยสีหน้าแบบนี้” บอกว่าไม่รู้ตัวเองควรรู้สึกอย่างไร แต่สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าชอบอกชอบใจจนเกินร้อยแล้วและอีกคนก็รำพึงตอบลอยๆ เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด“แหววเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองขี้หึง”“เพิ่งรู้สึก…”“แหววไม่เคยคบใคร...บางทีอาจทำตัวไม่ถูก”“กังวลอยู่หรือเปล่า อยู่กับผม คุณสบายใจได้ ผมไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าคุณคิดว่ามีอะไรแย่ๆ ในตัว ปล่อยออกมาเลย ผมรับรองว่ามันไม่มากกว่าที่ผมเป็นอยู่ อย่างเช่นขี้หึง ขอบอกว่าผมเป็นมากกว่าคุณ...ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาอยู่ในบ้านผมได้หรอก”รัชภาคย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ พราวพิชชาเอียงคอมอง แต่เลือกที่จะไม่ถามในเวลานี้ กลับทบทวนถึงความรู้สึกตัวเอง“แปลกดีนะ เมื่อปลายปีก่อน มนุษย์คนสุดท้ายที่ฉันจะอยากอยู่ใกล้และอยากเห็นหน้า...ก็คือคุณ แต่พอวันนี้กลับเป็นคุณที่ฉันหวง ไม่อยากให้ไปอยู่ใกล้ใคร”“ญาณิน...คุณติดใจอะไรญาณิน” รัชภาคย์หรี่ตาถาม เมื่อจับจุดในถ้อยคำของเธอได้
ผู้หญิงสาวผิวขาวร่างโปร่งบางที่พราวพิชชาตามมาห่างๆ เดินช้าลง หล่อนรอจนผู้ชายสองคนผละแยกไปคนละทางรัชภาคย์เดินมาสู่ทิศทางสำนักงาน...เคบินที่ใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัว โดยอ้อมไปทางด้านหน้า ทางเดียวกับที่ธนัทเพิ่งใช้นำเธอมา...ส่วนผู้หญิงคนนั้นกลับเดินสวน ผ่านหน้าสโมสรเลยไปพราวพิชชาซอยเท้าตามอย่างอยากรู้สุดฤทธิ์ กระทั่งเห็นภาพเบื้องหน้าเต็มๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ตาโตเบิกกว้างผู้หญิงสวยเด่นตรงไปหาแขกหนุ่มคนนั้น...หล่อนไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่รัชภาคย์!โล่งใจมากอยู่หรอก ไม่ปฏิเสธว่ายินดีจนเหมือนท้องฟ้าพลันสว่างโล่งจากที่เห็นแต่ความอึมครึมเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนสองคนนั้นรู้จักกัน...แต่ในแง่ไหนพราวพิชชาก็ไม่รู้ หากคงไม่ใช่ในสถานะธรรมดา เพราะเห็นผู้หญิงทำลับๆ ล่อๆ เหมือนไม่อยากให้ใครรู้เห็นตอนไปหาเขาอยู่จนฝ่ายหญิงวิ่งไปใกล้ ฝ่ายชายกำลังเปิดประตูรถตอนหลังจะก้าวขึ้นไปนั่งก็ชะงักแล้วหันมอง สองคนนั้นพูดอะไรก็ไม่รู้ ท่าทางผู้ชายไม่สนใจ ผู้หญิงตามไปยื้อประตูรถ จนลูกน้องตัวใหญ่สองคนมาประกบข้าง แล้วดึงตัวหล่อนออกมาพราวพิชชากำมือแน่น กัดฟันกรอด ผู้ชายสอ
พราวพิชชานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี เก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียว นอกเหนือจากเก้าอี้ตัวใหญ่ของรัชภาคย์ห้องทำงานบอกความเป็นตัวตนของเขา แม้ข้างนอกที่เห็นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยผุดอยู่กลางป่าเขา แต่พอเป็นพื้นที่ส่วนตัว เช่นห้องทำงานก็มีแต่ของใช้จำเป็น จะว่าไปพราวพิชชาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัสตัวตนของเขา รัชภาคย์ก็เป็นแบบนี้แหละ เรียบง่ายเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งห้องนอนที่เธอได้เห็น...และเคยใช้ร่วมกันพราวพิชชาหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียว กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มระงับความขวยเขิน หลายวันมานี้เธอกับเขาขลุกอยู่ด้วยกัน บางวันถึงขั้นลืมวันลืมคืน จะมีก็วันนี้แหละที่รัชภาคย์ต้องเข้าเหมือง บอกว่ามีธุระจำเป็น เขาอิดออดอยู่นาน พราวพิชชาก็งงในท่าที กระทั่งมาเข้าใจดีเมื่อใกล้จะถึงเวลาแล้วบอกให้เธอไปแต่งตัวใหม่เพื่อจะได้ตามเขามาที่นี่ด้วยพราวพิชชายินดีอยู่แล้ว แม้จะชอบช่วงเวลาที่มีเขาอยู่ใกล้ ขลุกอยู่ด้วยกันภายในบ้านของเขา หากเธอก็ยังอยากเปิดหูเปิดตาอยู่ แต่พอเขาจะพาออกไปรับประทานอาหารข้างนอก กลับเป็นเธอที่อึกอัก...กลายเป็นวัวสันหลังหวะที่ทำผิดไว้จนกลัวใครจับได
พราวพิชชาจับตามองว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ และหล่อนก็ไม่มีทางช่วยเขาให้ผ่านช่วงเวลายุ่งยากนี้ไปง่ายๆ แน่นอนว่าถ้ารัชภาคย์อยากผ่านก็ต้องก้าวข้ามมันมาหาเธอด้วยตัวเองหญิงสาวให้คะแนนความพยายามของเขาเต็มร้อย ส่วนผลของความโรแมนติกนั้นหรือ...ต้องรอให้ถึงเวลานั้นเสียก่อนแล้วรัชภาคย์ก็เดินมาถึงพร้อมกับลิลลี่หอบใหญ่ ทุกย่างก้าวเขารู้สึกราวว่ากำลังข้ามภูเขาลูกใหญ่ๆ นับสิบลูกซ้อน...“ดอกไม้ช่อแรกจากผมให้คุณ พร้อมความตั้งใจว่าตั้งแต่นี้ต่อไปชีวิตผมจะมีคุณอยู่เคียงข้าง และทุกสิ่งที่เกิดกับคุณ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ผมพร้อมจะแบ่งบัน แค่คุณเปิดรับผม”แม้ตั้งใจว่าจะใจแข็งอีกนิด ไม่ใช่ด้วยอยากพิสูจน์หัวใจและความจริงใจของเขา แต่พราวพิชชาต้องการเวลาสำหรับตัวเองต่างหาก หัวใจเอนเอียงหารัชภาคย์ตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่หล่อนยังมีภาระและมีสิ่งค้างคาเก่าก่อน อยากสะสางมันให้เรียบร้อยก่อนตกลงใจรับเขาเข้ามาเมื่อคิดจะร่วมทางกัน พราวพิชชาก็อยากให้ตัวเองเกื้อหนุนรัชภาคย์ได้เช่นกัน ไม่ใช่เข้ามาเพื่อจะกอบโกยจากเขาหรือหักล้างในบางสิ่งที่ยังติดค้างกันอยู่“ขอบคุณค่ะคุ
“ถามตัวเองเถอะค่ะว่าแหววควรมั่นใจคุณแค่ไหน”“จะให้ผมสาธยายให้คุณฟัง หรือยกแม่น้ำกี่ร้อยพันสายมายืนยัน มันก็ไม่เท่ากับคุณอยู่พิสูจน์เอง”“แล้วก็วกมาเรื่องชวนลูกสาวเขาหนีมาอยู่กับตัวเอง”“อยากได้อะไรเป็นหลักประกันล่ะ”“ทั้งตัวและหัวใจของคุณ...มั่นใจเมื่อไหร่ว่ายกให้แหววจริงๆ แล้วค่อยมาบอก”“วันนี้เลยไง”“ไม่ค่ะ คุณยังไม่ได้ทวนถามตัวเอง แหววเกรงว่าคุณแค่อยากเอาชนะ หรือรั้นจะตามใจตัวเอง”“ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้วคนสวย มองความจริงบ้างสิ ส่วนคุณแม้จะไร้เดียงสาในบางเรื่องซึ่งผมก็มั่นใจว่ามีฝีมือพอจะสอนคุณ” เขาพูดถึงเรื่องอะไร พราวพิชชารู้ทัน ยกมือขึ้นหยิกหมับเข้าให้ ไม่อยากให้เขาเถลไถลออกนอกเรื่อง “คุณเป็นคนมีความคิด เป็นผู้หญิงที่ช่างมีเหตุผล และค่อนข้างมั่นคง ผมเชื่อตัวเองว่าดูคุณไม่ผิด ดังนั้นถ้าเราจะตัดสินใจอะไรในตอนนี้ ผมเชื่อว่าทั้งคุณและผมต่างก็ทำเพราะหัวใจและความต้องการของเรา...ผมรักคุณ เชื่อในตัวคุณ แม้เวลาสั้นมาก แต่อยากให้คุณจำไว้”&ld
“เอางั้นเหรอ ความลับที่ว่าคืออะไร ถ้าเรื่องส่วนตัว...ผมไม่ห่วงว่าจะลึกซึ้งขนาดไหน ผมมั่นใจในตัวคุณ”รัชภาคย์ว่าอย่างมั่นใจ พราวพิชชาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ แม้ลึกๆ จะแอบดีใจที่เขาไว้ใจหล่อนในเรื่องนี้ เพราะหล่อนยังมีบางเรื่องที่ต้องทำต่อ...และเกี่ยวพันกับไรวินทร์โดยตรง“ทำมาเป็นพูดดี ทีตอนแรกระแวงยังกับอะไรดี ว่าแหววเสียๆ หายๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”“ผมขอโทษ ปากไม่ดี ทั้งที่เชื่อใจคุณอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่เอะอะก็พูดถึงแต่นายนั่น เขาสำคัญกับคุณมากหรือไง ได้ข่าวว่าย้ายมาจากเพิร์ทด้วยนี่”“ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรอกค่ะ รู้จักผ่านงาน แหววเป็นเลขาในบริษัทคู่ค้าของคุณไรวินทร์ แหววเคยสมัครงานในออฟฟิศคุณไรวินทร์ด้วย แต่เขาไม่รับเพราะคุณสมบัติไม่ถึง”“แล้วยังไปยุ่งกับเขาอีกทำไม”พอนึกว่าไรวินทร์ไม่เห็นค่าของพราวพิชชา...จะแง่ไหนก็เถอะ ฟังแล้วรัชภาคย์ก็ฉุนกึก“คุณสมบัติไม่ถึงเพราะแหววไม่ใช่คนออสซี่ เขาต้องการคนที่คล่องแคล่วมากกว่าแหวว แต่พอเขาจะย้ายมาเชียงราชก็เกิดสนใจขึ้นมา แต่ติดป
ความสุขที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริงกำลังโถมหาพราวพิชชาจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน...มันยังคงทักทายเธออยู่จนอยากจะลืมวันลืมคืนสองข้างทางที่รถแล่นผ่านดูงดงาม ขุนเขาที่เธอเห็นไกลจนคุ้นตายิ่งขยับมาใกล้สายตาเรื่อยๆ“สวยจังค่ะ เหมือนไม่ใช่ทัศนียภาพเมืองไทยเลย”“คุณไม่คุ้นเองมากกว่า ภาคเหนือของไทยก็มีที่สวยๆ แบบนี้อีกหลายแห่ง”คนขับรถที่สวมแว่นตากันแดดราคาแพงปิดบังดวงตาคมเบือนมองเธอ ขยับมุมปากได้รูปยิ้มนิดเดียว หญิงสาวมองเขากลับ จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว จมูกโด่งเป็นสันสวยอย่างที่คนมีเชื้อสายตะวันตกผสมจะพึงมี ปลายคางของเขาบึกบึน ไล่ลงมาเป็นแผงอกหนาที่หล่อนสัมผัสและจดจำได้ดีว่าแข็งแกร่งและทรงพลังแค่ไหน เรือนกายของเขาสูงใหญ่ แถมยังดูสมาร์ตทุกท่วงท่า...ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนจับหัวใจตัวเอง“คุณเท่จัง”“หือ อะไรนะ”“แหววว่า...คุณดูดีมาก”เสียงหัวเราะห้าวดังก้องในรถจี๊ปสปอร์ต พราวพิชชายังทำใจกล้า มองเขายังไม่ยอมเบือนหลบ ตาสบตาที่ยังมีแว่นตากันแดดกางกั้นท
กลิ่นอาหารอวลอยู่ใกล้ พราวพิชชาย่นจมูกเมื่อรู้สึกว่ากลิ่นหอมๆ ยิ่งชัดเจนขึ้น จนเมื่อปรือตาเปิด แสงไฟสลัวจากหัวเตียงทำให้เธอเห็นต้นเหตุของมันรัชภาคย์ในเครื่องแต่งกายด้วยเสื้อยืดสวมสบายกับกางเกงขายาวผ้ายืดสำหรับสวมใส่นอนกำลังจัดแจงโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่มีอาหารวางอยู่สามสี่จานให้เลื่อนมาชิดขอบเตียง พราวพิชชานอนตะแคงมองเขานิ่ง ชั่วขณะหนึ่งนึกถึงรัชตะที่เธอจดจำได้ดี รู้สึกแปลกก็คราวนี้...ทำไมถึงเพิ่งสัมผัสว่าคู่แฝดสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้หน้าตาจะคล้ายกันจนเกือบแยกไม่ออก แต่พวกเขากลับมีความต่างแทบจะสุดขั้ว...อย่างยากที่เธอจะอธิบายออกมาได้พราวพิชชามองเขาเพลิน คุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้จนนึกประหลาดใจตัวเอง ยามใกล้ชิดกันเธอไม่เคยต้องฝืนตัวเองสักครั้งตลอดมาเธอปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เสนอตัวเข้ามาในชีวิต ด้วยรู้สึกว่าพวกเขามักทำให้เธออึดอัด ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เกิดความไม่สะดวกสบายขึ้นกับตัวเอง จนต้องถอยออกมาพราวพิชชาเคยนัดเดตกับผู้ชายที่คิดดีแล้วว่าเขาเหมาะสมและเป็นคนดีพอ ตลอดช่วงที่ดื่มกินและเที่ยวด้วยกันนั้น เธอรู้สึกสนุก แต่ถ้าถามถึงความสุข ก็พบว่าม