เกือบสว่าง พราวพิชชายังเดินวนอยู่ในห้องพักของรีสอร์ต ทุกอย่างดูนิ่งเงียบจนเธอแปลกใจ...เงียบเสียจนเธอไม่อาจข่มตาหลับจนถึงตอนนี้
“เป็นไปได้ยังไง สามีของลดาเป็นคนกว้างขวางของเมืองเชียงราช เกิดเรื่องขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีใครตามเราไปเคลียร์ ถึงเขาจะจำเราไม่ได้จริงๆ แต่พนักงานรีสอร์ตก็เห็น ต้องรู้ว่าเราเป็นแขกที่มาเปิดห้องพักเมื่อช่วงบ่าย หรือว่านายคุณใหญ่ห้ามไว้เพราะกลัวรู้ถึงหูลดา...มันต้องใช่แน่ๆ” หล่อนพึมพำถามตัวเอง หัวจิตหัวใจไม่อาจสงบด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงหัวค่ำ “เขาคงโกรธเรามาก...” พราวพิชชายังจำเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดนั้นติดหู เพิ่งนึกออกว่าของที่หยิบมาจากโต๊ะลูกค้าข้างๆ แล้วทุ่มใส่เขานั้นเป็นเหยือกเบียร์ขนาดใหญ่...แรกทีเดียวเธอก็นึกสยดสยองตาม แต่วินาทีถัดมาก็ไหวไหล่ เมื่อคิดว่าสาสมกับสิ่งที่เขาทำกับน้องสาวของเธอ แล้วดวงตาหวานก็สลดลงเมื่อนึกว่าภาพพจน์ดีงามของรัชตะที่เธอหลงเชื่อตาม จนวางใจมอบชีวิตของปิ่นลดาให้อยู่ในมือของเขานั้นล้วนแต่ลวงตา “ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยนะคุณใหญ่ ถ้าไม่รักลดาก็คืนมาให้เราสิ น้องกับหลานแค่สองคน ทำไมเราจะเลี้ยงไม่ได้” ยิ่งคิด ยิ่งเจ็บแค้นใจ แล้วที่ผ่านมาเรื่องกวนใจพวกนี้จะรู้ถึงหูปิ่นลดาบ้างหรือเปล่านะ... “นี่ขนาดเมียท้องแก่ใกล้คลอดยังทำกันได้ ระริกระรี้นัดผู้หญิงหน้าด้านมาเปิดห้องกกกอดกัน ถ้ายิ่งปล่อยนานไป นายคุณใหญ่ไม่พาแม่นั่นเข้าบ้าน ระรานลดาเลยหรือ” คิดวนเวียนอยู่ไม่นาน พราวพิชชาก็ตัดสินใจว่าหล่อนควรจะใช้เวลาพักร้อนช่วงสิบห้าวันนี้จัดการเรื่องน่าอายให้จบสิ้น “เป็นไงเป็นกัน พี่ไม่ยอมให้ใครทำร้ายลดาอีก ถ้าจะแตกหักก็ช่าง...ต่อไปพี่จะดูแลลดาเอง ต่อให้สิบคุณใหญ่ พี่ก็ไม่สน” ท้องฟ้าสว่างเรืองรอง หญิงสาวหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางอยู่บนโต๊ะใกล้หัวเตียงมาดู นั่งรอจนเวลาล่วงมาถึงหกนาฬิกา คะเนดูว่าน้องสาวคงตื่นนอนแล้ว จึงเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายในตู้เสื้อผ้า แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือมาเปิดเครื่อง มีเบอร์โทร.เข้ามาสามสาย ล้วนเป็นสายของปิ่นลดา... “คุณแหวว มาถึงเชียงราชแล้วใช่ไหมคะ ลดาโทร.หาตั้งแต่เมื่อวาน เห็นปิดเครื่อง ยังร้อนใจอยู่เลย แต่คุณใหญ่ว่าคุณแหววคงอยากพักหลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆ ลดาเลยไม่กวนต่อ รอให้คุณแหววติดต่อมาเอง แต่เช็กกับรีสอร์ตแล้วว่าคุณแหววเข้าพักเรียบร้อยแล้ว เป็นไงบ้างคะ สะดวกสบายดีไหม” น้องสาวถามยาวเหยียดเมื่อเธอโทร.หา น้ำเสียงใส่ใจที่เจือความตื่นเต้นนั้นทำให้พราวพิชชาเผลอยิ้มออกมาหลังจากผ่านเรื่องให้ขบคิดอยู่ทั้งคืน แม้ยังมีชื่อของคนที่พาดพิงถึงซึ่งทำให้เธอกระอักกระอ่วนใจอยู่ก็ตาม “จ้ะ พี่ปิดมือถือไว้ตั้งแต่ขึ้นเครื่องจากเพิร์ท พอลงที่เชียงราชก็ตรงมายังที่พักเลย เห็นบรรยากาศแล้วลืมทุกอย่าง ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ลดาเป็นห่วง” “ขอโทษอะไรกันคะ ได้ยินคุณแหววพูดอย่างนี้ลดาก็โล่งอกแล้วค่ะ อย่างน้อยบรรยากาศของเมืองเชียงราชในหน้าหนาวก็ไม่ทำให้คุณแหววรู้สึกเสียเที่ยว ยังมีที่สวยๆ ที่ลดาอยากให้คุณแหววได้เห็นอีกมาก ถ้าไม่มีโปรแกรมเที่ยวไหนต่อ ลดาจะพาคุณแหววเที่ยวในเชียงราชให้ทั่วเลย” “ท้องแก่ขนาดนี้ยังคิดจะพาพี่ตะลอนเที่ยวอีกหรือจ๊ะ” “ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ คุณใหญ่ยังพาลดาเปิดหูเปิดตาข้างนอกออกจะบ่อย แล้วนี่ขนาดลดาอยู่มาเป็นปี ยังมีที่ไม่ได้ไปอีกตั้งหลายแห่ง จนต้องจดไว้เลยนะคะ กันลืม” ปลายสายหัวเราะเสียงใส ถ้าเป็นเมื่อก่อนพราวพิชชาคงเบิกบานหัวใจตาม แต่เพราะเรื่องราวเมื่อคืนนั่นน่ะสิ ถึงทำให้เธอยิ่งหนักใจอย่างบอกไม่ถูก “เขา เอ่อ...ยังดีกับลดาอยู่ไหมจ๊ะ” “คุณใหญ่หรือคะ ก็เหมือนเดิมค่ะ คงเส้นคงวากับลดามาก ไม่ได้ดีขึ้นเลย ชอบขัดใจเป็นที่สุด บางทีก็แอบปากร้ายกับลดาด้วย” น้ำเสียงกระแทกกระทั้น ถ้าเป็นเวลาปกติ พราวพิชชาอาจจับกระแสเสียงที่เจือมากับถ้อยคำนั้นได้ แต่ในเวลานี้ สติไม่มีเหลือ แค่ได้ยินว่าคุณใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ชายแสนดีที่คอยดูแลและตามใจปิ่นลดาอย่างที่เคยให้สัญญา ก็ทำให้เธอเบิกตาขึ้น อึกอักอยู่ในลำคอ พูดต่อไม่ได้เลย “แล้วเขา อืม...”“คุณแหววมีอะไรหรือคะ บอกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น ลดายินดีให้บริการเต็มที่ ทดแทนที่ทำให้พี่สาวมาค้างด้วยกันที่บ้านไม่ได้” ท้ายประโยคเป็นเสียงขึ้นจมูกของปิ่นลดา ทำให้พราวพิชชาต้องรีบบอก กลัวน้องสาวจะไม่เข้าใจในเจตนาของตนตั้งแต่แรก“ไม่นะ อย่าคิดมากสิลดา พี่อยากพักข้างนอก เพราะสะดวกสบายสำหรับพี่มากกว่า ไหนลดาบอกว่าให้พี่เลือกตามใจชอบแล้วไง”“ลดาพูดเล่นค่ะ ลดาเข้าใจคุณแหววแล้ว คุณใหญ่ยังบอกไม่ให้ลดาไปคาดคั้นคุณแหววมาก คนทำงานหนักมาตลอด พอได้ช่วงลาพักร้อนก็อยากมีเวลาอยู่กับตัวเอง มีความเป็นอิสระ ได้ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ลดาเข้าใจดีค่ะ ให้คุณแหววมาพักอยู่ใกล้ๆ ขาดเหลืออะไรได้บอกกัน ลดาก็รู้สึกดีมากแล้วค่ะ”“พี่ขอบใจนะ ที่เข้าใจ”“ค่ะ”“พี่ขอสัญญาอีกข้อได้ไหม ลดาจะให้พี่ได้ไหม”“มีอะไรหรือคะ คุณแหววถามอย่างนี้ลดาไม่กล้ารับปากเลย”“ไม่มีอะไรมากหรอก พี่อยากเห็นลดามีความสุขจริงๆ อยากเห็นชีวิตของลดานับจากนี้มีแต่รอยยิ้ม ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ลดาไม่ต้องฝืนทน ลดายังมีพี่อยู่ทั้งคน จำได้ไหมจ๊ะ เราเป็นพี่น้องกัน เรามีกันอยู่แค่นี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับลดา ให้บอกพี่ทันที พี่จะดูแลลดาให้ดีที่สุ
ขณะที่พราวพิชชากำลังครุ่นคิดถึงแผนการช่วยน้องน้อย ทางด้านเจ้าตัวเมื่อกดตัดสาย ก็หันไปยิ้มกร่อยให้กับคนนั่งพิงหัวเตียง กอดอกมองเธออยู่“คุณแหววไม่ได้มาหาลดาสักหน่อย”“มานี่ มา”รัชตะดึงเรียวแขนเสลาของคนอุ้มท้องอุ้ยอ้ายที่ยืนปักหลักคุยโทรศัพท์เสียงเจื้อยแจ้วอยู่หน้าเตียง ก่อนจะเห็นสีหน้าเธอเจื่อนลงเรื่อยๆ แม้หล่อนจะฝืนทำเสียงร่าเริงอยู่ก็ตาม ทำให้คนเฝ้ามองอดสงสารไม่ได้“ได้ยินว่าจะไปหาพี่สาวเย็นนี้ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ” ปิ่นลดาพยักหน้า โอนอ่อนตามแรงดึงเข้าซบอกกว้างของสามี แต่เมื่อนึกบางอย่างได้จึงเงยหน้ามองเขา “ไม่ต้องห่วงนะคะ ลดารู้ว่าคุณใหญ่ติดประชุม คงกลับมาไม่ทัน คุณใหญ่บอกล่วงหน้าตั้งหลายวันแล้วว่าวันนี้ต้องกลับบ้านค่ำ ลดาจะให้คนรถไปส่งแล้วรอรับกลับ แล้วจะรายงานคุณใหญ่ให้รู้ทุกชั่วโมงเลยค่ะ”“ครึ่งชั่วโมง”“คะ?”“โทร.หาฉันทุกครึ่งชั่วโมง เริ่มจากที่ออกจากบ้าน จนกลับเข้าบ้าน ฉันจะได้ไม่ห่วง”“แต่คุณใหญ่ประชุม ลดาว่า...คงดูไม่จืดแน่ ถ้าประธานใหญ่ต้องคอยรับสายถี่ขนาดนั้น”“งั้นส่งข้อความมาบอก”“ได้ค่ะ แต่คุณใหญ่ต้องปิดเสียงนะคะ ลดาไม่อยากให้รบกวนคนอื่น”“นี่สั่งประธานใหญ่เลยนะ มากไปหรือเปล่
รัชตะเสียงกร้าวขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับเขาที่จะมีใครมาหยามกันถึงเพียงนี้ แต่อีกฝ่ายกลับใจเย็นจนดูผิดเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แค่นี้ฉันรับมือไหว” รัชตะต้องหรี่ตามองน้องชายฝาแฝดอย่างแปลกใจอีกรอบ...ก็เมื่อกี้มันยังทำฉุนเฉียวตอนบอกว่าต้องเจ็บตัวเพราะเกิดการเข้าใจผิดกัน คงเข้าอีหรอบตีผิดคนนั่นแหละ เขาก็อยากรู้ว่าตัวเองมีศัตรูที่ไหนเหมือนกัน แต่พอคิดจะจัดการมือดีพวกนั้นให้ น้องชายตัวดีกลับทำเหมือนมีลับลมคมในเสียนี่“เอาเป็นว่าจบเรื่องนี้ นายไม่ต้องยุ่ง เพราะฉันจะจัดการเอง” รัชภาคย์ย้ำตัดบท ทำท่าทางว่ารำคาญพี่ชายเสียอย่างนั้น “แล้ววันนี้ฉันก็จะเข้าประชุม แต่จะเป็นตัวของฉันเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำให้หุ้นส่วนของนายแตกตื่น ฉันแค่เบื่อไอ้พวกเสื้อผ้าอย่างของนาย ทีหลังไม่ต้องให้คุณทิพย์มาจัดหาของพวกนี้มาให้อีกนะ อย่าให้ต้องใส่สูท ผูกเนกไทเป็นคุณชายอย่างนายด้วยเลย เห็นแล้วเอือมตัวเองชะมัด”รัชภาคย์ทำเสียงและสีหน้าว่าเบื่อหน่ายเต็มทน ยกมือลูบปลายผมที่ท้ายทอยอย่างแสนเสียดายที่ต้องตัดเล็มออก พอไล่มาจนถึงปลายคางที่เมื่อวานยังเกลี้ยงเกลา แต่วันนี้สัมผัสหนวดเคราสั้นๆ จนเมื่อเหลื
การประชุมระดับผู้บริหารประจำปีของธุรกิจผลิตรถยนต์หรูที่มีโรงงานฐานผลิตตั้งในฝั่งพม่า ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ภายใต้อาณาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษระหว่างสองประเทศ เริ่มต้นขึ้นในเวลาสิบนาฬิกาก่อนถึงเวลาประมาณห้านาที รัชภาคย์เข้ามาในห้องประชุมด้วยเครื่องแต่งกายกางเกงยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อทีเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวใน สวมทับด้วยสูทสีดำสนิท...เขาหยิบมันมาสวมเป็นชิ้นสุดท้ายเพื่อไม่ให้ประธานในงานขัดสายตาโดยเฉพาะด้วยรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมสัน หล่อสมาร์ตไม่ต่างกัน พวกเขาจึงดูโดดเด่นท่ามกลางนักธุรกิจอีกหลายสิบคน เมื่อรัชภาคย์เดินมาหยุดใกล้รัชตะซึ่งกำลังสนทนากับนักธุรกิจฮ่องกง จึงเห็นสไตล์ที่แตกต่างของสองหนุ่มอย่างเด่นชัด...หากก็ดึงดูดสายตาไม่แพ้กัน“วันนี้ผมโชคดี มาไม่เสียเที่ยว เพราะได้เจอคุณรัชภาคย์ จะได้ขอหารือเรื่องสัมปทานเหมืองแร่ทองคำในเวียดนาม ทางผมอยากเชิญคุณเข้าร่วมในฐานะผู้มีประสบการณ์ เพราะเรายังใหม่สำหรับงานนี้อยู่มาก”มิสเตอร์จางทักทายด้วยท่าทีเคร่งขรึม จริงจัง รัชภาคย์เหลือบมองพี่ชายฝาแฝดแวบหนึ่ง แววตาคมที่สงบนิ่ง แทบจะไม่ส่อความรู้สึกใดๆ ให้คนนอกได้สัมผัส แต่พวกเขาสามารถสื่อ
ทางด้านคนที่ปิ่นลดารอคอยอยู่ เมื่อลงจากรถสองแถวก็รีบวิ่งเข้ามาในรีสอร์ต จากหน้าถนนใหญ่จนถึงตัวรีสอร์ตนับระยะทางกว่าสองร้อยเมตร เธอวิ่งฝ่าสายลมหนาวที่พัดกรูปะทะ จนมาถึงส่วนบริการก็ถึงกับหนาวสั่นทีเดียวท่าทางของเธออยู่ในสายตาของผู้ชายสองคน แรกทีเดียวพวกเขาหันไปสบตา เชิงว่าไม่มั่นใจว่าจะใช่ตามที่เห็น เพราะช่างผิดจากคำบอกที่ได้รับมามากนัก จนต้องยกโทรศัพท์มือถือเพื่อจะเพ่งดูภาพถ่ายในจอพราวพิชชาวิ่งซอยเท้าต่อไปยังห้องรับรองเพราะไม่อาจฝืนสู้กับลมหนาวด้วยเสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงผ้าฝ้ายแบบลำลอง หลังจากสอบถามพนักงานถึงปิ่นลดา จนรู้ว่าน้องสาวมานั่งรออยู่ก่อนแล้วทันทีที่เปิดประตูออก ปิ่นลดาหันขวับมามอง ดวงตาเบิกโต เกือบจะโผนมาหาทั้งตัว ถ้าพราวพิชชาไม่ตรงดิ่งไปหาเสียเองก่อน“คุณแหวว คุณแหววมาแล้ว โอ๊ย...ลดาคิดถึงจังเลย” จากที่คิดเอาไว้ร้อยแปดว่าเมื่อพี่สาวกลับมาถึงจะต่อว่า คาดคั้น และบอกว่าเธอแสนห่วงสักแค่ไหน แต่พอได้พบหน้าสิ่งเหล่านั้นก็หายหมด เหลือเพียงความดีใจจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อีกปิ่นลดากอดพี่สาวเอาไว้แน่น ขณะอีกฝ่ายโอบหล่อนไว้หลวมๆ พราวพิชชาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำตัวไม่ถูกเมื
“คุณพราวพิชชานั่งรถสองแถวรับจ้างไปพบผู้ชายคนนี้ที่รีสอร์ตแสงตะวันครับ”เพราะภาพในจอมือถือที่ถูกวางบนโต๊ะของลูกน้องคนสนิทที่ถูกสั่งให้คอยจับตามองพราวพิชชาตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้รัชภาคย์ต้องหยิบมาดูใกล้ๆ ผู้ชายในจอภาพที่นั่งคุยอยู่กับพราวพิชชานั้นคุ้นตาชะมัด...เขาแตะปลายนิ้วเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพซูมเต็มหน้าชัดๆ รัชภาคย์ถึงกับหันมองลูกน้องเต็มตา“มีใครเห็นพวกนายหรือเปล่า”“ไม่มีครับ ผมระวังตัวอย่างดีครับนาย”“เข้าไปใกล้ผู้ชายคนนี้แค่ไหน”“ไม่ถึงสิบเมตรครับ แต่คนค่อนข้างหนาตา เพราะลูกเห็บลงพอดี คนเลยเข้าไปนั่งในร้านของรีสอร์ตเต็มทุกโต๊ะ พวกผมอยู่เยื้องไปทางด้านหลังโต๊ะเป้าหมายครับ” ฟังคำตอบ สีหน้าของรัชภาคย์ก็ยังดูแคลงใจในบางอย่าง จนลูกน้องต้องถาม“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือครับนาย”“ไรวินทร์ เจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ที่กำลังย้ายฐานจากเพิร์ทมาตั้งที่เชียงราช” เขาหลุบตามองภาพในมือถือ ปลายนิ้วยังแตะหน้าจอ เลื่อนดูต่อไปเรื่อยๆ “พวกนายเข้าใกล้จนได้ภาพชัดเจนหลายช็อต ยากที่นายไรวินทร์จะไม่รู้ตัว”“ผมสังเกตอยู่ตลอด เขานั่งคุยกับคุณพราวพิชชา ไม่มีท่าทีผิดปกติเลยนะครับ”“นายจับสังเกตไรวินทร์คนเด
คนพูดตัดสายไปแล้ว รัชภาคย์ดึงมือถือมามอง หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ประเมินคำพูดและน้ำเสียงของพี่ชายฝาแฝดนายไม่ยุ่ง...ไม่ยุ่งให้ตลอดรอดฝั่งแหละดี เพราะทีตอนเรื่องของนาย ฉันก็ไม่แตะเหมือนกัน ใกล้ค่ำแล้ว อากาศยิ่งหนาวเย็นกว่าเดิม พราวพิชชาห่อกายเมื่อสายลมเย็นกระโชกมาหา สายตาทอดตามท้ายรถยุโรปคันใหญ่ที่ปิ่นลดานั่งอยู่ตอนท้ายซึ่งกำลังเคลื่อนจาก เธอมองจนรถคันนั้นลับหายแล้วจึงหันกายกลับเข้าที่พักพราวพิชชาไม่อาจตัดเรื่องของน้องเขยกับผู้หญิงที่เห็นเมื่อวานออกจากใจได้จริงๆ ยิ่งวันนี้เห็นภาพของน้องสาวที่สวยงามและมีความสุข เธอก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิมปิ่นลดามีรอยยิ้ม ความสดใสจากการมองโลกในแง่ดีมักเปล่งประกายจากดวงตาให้เห็น แม้ชีวิตจะผ่านเรื่องเลวร้ายสักกี่หน แต่ก็ไม่เคยทำลายลูกแก้วจรัสงามให้มองหม่นไปได้ลดาคงยังไม่รู้ว่าคุณใหญ่มีผู้หญิงอื่น คุยกันก็ได้ยินพูดถึงแต่คุณใหญ่ คำก็คุณใหญ่ สองคำก็คุณใหญ่ ชีวิตของลดามีแต่คุณใหญ่ แต่เขาก็ยังใจร้าย นอกใจไปมีผู้หญิงอื่นจนได้ ผู้ชายอะไร มักง่ายสิ้นดี พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรักและดูแลลดาตลอดไป...ที่แท้ก็โกหก แล้วตัดสินใจได้ว่าช่วงลาพักร้อนนี้ เธอจะทำการตัดไฟแ
“ครับ...ครับนาย” แล้วเลขทะเบียนรถก็ถูกรายงานมาตามสาย รัชภาคย์จับจ้องไปยังรถที่มาจอดใหม่ จากตำแหน่งโต๊ะที่นั่งซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถมากที่สุดแล้ว ทำให้เห็นเลขทะเบียนของรถเก๋งคันสีดำคันนั้นชัด... “พวกนายกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องตาม”สั่งแค่นั้นก็ตัดสาย โดยไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพราะคำสั่งของเจ้านายอย่างเขาถือเป็นคำเด็ดขาดที่ลูกน้องทุกคนต้องปฏิบัติตามรัชภาคย์ยกแก้วเบียร์เย็นเฉียบขึ้นจิบเมื่อเห็นทุกอย่างจนมั่นใจแล้ว ใบหน้าคมสันเกลื่อนด้วยรอยยิ้มกริ่ม จนคนสนิทที่นั่งร่วมโต๊ะต้องเลิกคิ้วแปลกใจ เพราะเห็นทุกอย่างที่ลานจอดพร้อมกัน และรู้ว่าผู้หญิงสาวที่ลงจากรถเก๋งคันสีดำพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางลงมาด้วยนั้นเป็นคนที่นายให้เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวอยู่นั่นเอง เขากำลังรอดูว่าเจ้านายหนุ่มจะทำอะไรต่อไป แล้วดวงตาก็ปรายมองรอยแผลตรงขมับด้านซ้าย แทบจะส่ายหน้าในทันทีคิดว่าไม่ติดใจเอาเรื่อง เห็นเมื่อคืนยังเงียบ ที่ไหนได้ สั่งพวกนั้นตามเฝ้าทั้งวันอยู่นี่เอง แล้วมานั่งดักรอเองที่รีสอร์ตนี่...งานนี้ท่าจะแค้นฝังหุ่นรัชภาคย์ขยับกายลุกขึ้น ไม่อยากสนใจธนัท ลูกน้องคนสนิทหรือจะเรียกว่ามือขวาก็คงได้ที่กำลังม
คำถามจากด้านหลังทำให้พราวพิชชาสะดุ้งด้วยไม่ทันรู้ตัว หันขวับมองเขา อื้ออึงในคำถาม ทบทวนซ้ำอีกรอบก็ไม่รู้ว่าคำถามครอบคลุมแค่ไหน“น่าอยู่สิคะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนมากมายเข้ามาปักหลักที่นี่หรือ...คุณไรวินทร์ก็จะย้ายออฟฟิศจากเพิร์ทมาที่นี่เหมือนกัน”พราวพิชชาคิดดีแล้วว่าจะขอยืมชื่อของผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานนัก หากชอบพออัธยาศัยของเขามากระตุ้นคนตรงหน้ารัชภาคย์มองหญิงสาวนิ่ง แววตาไม่เปลี่ยนไป เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้...แค่นั้น ทำให้พราวพิชชาใจแป้วได้อีก แต่เมื่อคิดจะรุก ก็ควรเดินหน้าต่อ เพราะคนอย่างพราวพิชชาไม่ชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ“คุณเล็กถาม...”“แล้วคุณล่ะอยู่ได้ไหม ถ้าผมขอให้คุณอยู่เชียงราช คุณจะรับข้อเสนอของผมไหม”หัวใจสาวเต้นโครมคราม ริมฝีปากบางสั่นระริกกับคำถามที่สวนมาก่อนเธอจะพูดจบ...คำถามนี้ไม่ใช่หรือที่เธอรอคอย“แล้วจะให้แหววอยู่เพื่ออะไรคะ แหววมีชีวิตและมีงานที่เพิร์ท แถมพ่อกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ด้วย พวกท่านตั้งใจจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นั่น”“ผมคิดว่าพ่อแม่คุณย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับคุณต่างหาก
“ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดี ผมไม่รู้จะปลื้มดีหรือเปล่า คุณตอบรับรักด้วยสีหน้าแบบนี้” บอกว่าไม่รู้ตัวเองควรรู้สึกอย่างไร แต่สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าชอบอกชอบใจจนเกินร้อยแล้วและอีกคนก็รำพึงตอบลอยๆ เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด“แหววเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองขี้หึง”“เพิ่งรู้สึก…”“แหววไม่เคยคบใคร...บางทีอาจทำตัวไม่ถูก”“กังวลอยู่หรือเปล่า อยู่กับผม คุณสบายใจได้ ผมไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าคุณคิดว่ามีอะไรแย่ๆ ในตัว ปล่อยออกมาเลย ผมรับรองว่ามันไม่มากกว่าที่ผมเป็นอยู่ อย่างเช่นขี้หึง ขอบอกว่าผมเป็นมากกว่าคุณ...ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาอยู่ในบ้านผมได้หรอก”รัชภาคย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ พราวพิชชาเอียงคอมอง แต่เลือกที่จะไม่ถามในเวลานี้ กลับทบทวนถึงความรู้สึกตัวเอง“แปลกดีนะ เมื่อปลายปีก่อน มนุษย์คนสุดท้ายที่ฉันจะอยากอยู่ใกล้และอยากเห็นหน้า...ก็คือคุณ แต่พอวันนี้กลับเป็นคุณที่ฉันหวง ไม่อยากให้ไปอยู่ใกล้ใคร”“ญาณิน...คุณติดใจอะไรญาณิน” รัชภาคย์หรี่ตาถาม เมื่อจับจุดในถ้อยคำของเธอได้
ผู้หญิงสาวผิวขาวร่างโปร่งบางที่พราวพิชชาตามมาห่างๆ เดินช้าลง หล่อนรอจนผู้ชายสองคนผละแยกไปคนละทางรัชภาคย์เดินมาสู่ทิศทางสำนักงาน...เคบินที่ใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัว โดยอ้อมไปทางด้านหน้า ทางเดียวกับที่ธนัทเพิ่งใช้นำเธอมา...ส่วนผู้หญิงคนนั้นกลับเดินสวน ผ่านหน้าสโมสรเลยไปพราวพิชชาซอยเท้าตามอย่างอยากรู้สุดฤทธิ์ กระทั่งเห็นภาพเบื้องหน้าเต็มๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ตาโตเบิกกว้างผู้หญิงสวยเด่นตรงไปหาแขกหนุ่มคนนั้น...หล่อนไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่รัชภาคย์!โล่งใจมากอยู่หรอก ไม่ปฏิเสธว่ายินดีจนเหมือนท้องฟ้าพลันสว่างโล่งจากที่เห็นแต่ความอึมครึมเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนสองคนนั้นรู้จักกัน...แต่ในแง่ไหนพราวพิชชาก็ไม่รู้ หากคงไม่ใช่ในสถานะธรรมดา เพราะเห็นผู้หญิงทำลับๆ ล่อๆ เหมือนไม่อยากให้ใครรู้เห็นตอนไปหาเขาอยู่จนฝ่ายหญิงวิ่งไปใกล้ ฝ่ายชายกำลังเปิดประตูรถตอนหลังจะก้าวขึ้นไปนั่งก็ชะงักแล้วหันมอง สองคนนั้นพูดอะไรก็ไม่รู้ ท่าทางผู้ชายไม่สนใจ ผู้หญิงตามไปยื้อประตูรถ จนลูกน้องตัวใหญ่สองคนมาประกบข้าง แล้วดึงตัวหล่อนออกมาพราวพิชชากำมือแน่น กัดฟันกรอด ผู้ชายสอ
พราวพิชชานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี เก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียว นอกเหนือจากเก้าอี้ตัวใหญ่ของรัชภาคย์ห้องทำงานบอกความเป็นตัวตนของเขา แม้ข้างนอกที่เห็นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยผุดอยู่กลางป่าเขา แต่พอเป็นพื้นที่ส่วนตัว เช่นห้องทำงานก็มีแต่ของใช้จำเป็น จะว่าไปพราวพิชชาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัสตัวตนของเขา รัชภาคย์ก็เป็นแบบนี้แหละ เรียบง่ายเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งห้องนอนที่เธอได้เห็น...และเคยใช้ร่วมกันพราวพิชชาหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียว กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มระงับความขวยเขิน หลายวันมานี้เธอกับเขาขลุกอยู่ด้วยกัน บางวันถึงขั้นลืมวันลืมคืน จะมีก็วันนี้แหละที่รัชภาคย์ต้องเข้าเหมือง บอกว่ามีธุระจำเป็น เขาอิดออดอยู่นาน พราวพิชชาก็งงในท่าที กระทั่งมาเข้าใจดีเมื่อใกล้จะถึงเวลาแล้วบอกให้เธอไปแต่งตัวใหม่เพื่อจะได้ตามเขามาที่นี่ด้วยพราวพิชชายินดีอยู่แล้ว แม้จะชอบช่วงเวลาที่มีเขาอยู่ใกล้ ขลุกอยู่ด้วยกันภายในบ้านของเขา หากเธอก็ยังอยากเปิดหูเปิดตาอยู่ แต่พอเขาจะพาออกไปรับประทานอาหารข้างนอก กลับเป็นเธอที่อึกอัก...กลายเป็นวัวสันหลังหวะที่ทำผิดไว้จนกลัวใครจับได
พราวพิชชาจับตามองว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ และหล่อนก็ไม่มีทางช่วยเขาให้ผ่านช่วงเวลายุ่งยากนี้ไปง่ายๆ แน่นอนว่าถ้ารัชภาคย์อยากผ่านก็ต้องก้าวข้ามมันมาหาเธอด้วยตัวเองหญิงสาวให้คะแนนความพยายามของเขาเต็มร้อย ส่วนผลของความโรแมนติกนั้นหรือ...ต้องรอให้ถึงเวลานั้นเสียก่อนแล้วรัชภาคย์ก็เดินมาถึงพร้อมกับลิลลี่หอบใหญ่ ทุกย่างก้าวเขารู้สึกราวว่ากำลังข้ามภูเขาลูกใหญ่ๆ นับสิบลูกซ้อน...“ดอกไม้ช่อแรกจากผมให้คุณ พร้อมความตั้งใจว่าตั้งแต่นี้ต่อไปชีวิตผมจะมีคุณอยู่เคียงข้าง และทุกสิ่งที่เกิดกับคุณ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ผมพร้อมจะแบ่งบัน แค่คุณเปิดรับผม”แม้ตั้งใจว่าจะใจแข็งอีกนิด ไม่ใช่ด้วยอยากพิสูจน์หัวใจและความจริงใจของเขา แต่พราวพิชชาต้องการเวลาสำหรับตัวเองต่างหาก หัวใจเอนเอียงหารัชภาคย์ตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่หล่อนยังมีภาระและมีสิ่งค้างคาเก่าก่อน อยากสะสางมันให้เรียบร้อยก่อนตกลงใจรับเขาเข้ามาเมื่อคิดจะร่วมทางกัน พราวพิชชาก็อยากให้ตัวเองเกื้อหนุนรัชภาคย์ได้เช่นกัน ไม่ใช่เข้ามาเพื่อจะกอบโกยจากเขาหรือหักล้างในบางสิ่งที่ยังติดค้างกันอยู่“ขอบคุณค่ะคุ
“ถามตัวเองเถอะค่ะว่าแหววควรมั่นใจคุณแค่ไหน”“จะให้ผมสาธยายให้คุณฟัง หรือยกแม่น้ำกี่ร้อยพันสายมายืนยัน มันก็ไม่เท่ากับคุณอยู่พิสูจน์เอง”“แล้วก็วกมาเรื่องชวนลูกสาวเขาหนีมาอยู่กับตัวเอง”“อยากได้อะไรเป็นหลักประกันล่ะ”“ทั้งตัวและหัวใจของคุณ...มั่นใจเมื่อไหร่ว่ายกให้แหววจริงๆ แล้วค่อยมาบอก”“วันนี้เลยไง”“ไม่ค่ะ คุณยังไม่ได้ทวนถามตัวเอง แหววเกรงว่าคุณแค่อยากเอาชนะ หรือรั้นจะตามใจตัวเอง”“ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้วคนสวย มองความจริงบ้างสิ ส่วนคุณแม้จะไร้เดียงสาในบางเรื่องซึ่งผมก็มั่นใจว่ามีฝีมือพอจะสอนคุณ” เขาพูดถึงเรื่องอะไร พราวพิชชารู้ทัน ยกมือขึ้นหยิกหมับเข้าให้ ไม่อยากให้เขาเถลไถลออกนอกเรื่อง “คุณเป็นคนมีความคิด เป็นผู้หญิงที่ช่างมีเหตุผล และค่อนข้างมั่นคง ผมเชื่อตัวเองว่าดูคุณไม่ผิด ดังนั้นถ้าเราจะตัดสินใจอะไรในตอนนี้ ผมเชื่อว่าทั้งคุณและผมต่างก็ทำเพราะหัวใจและความต้องการของเรา...ผมรักคุณ เชื่อในตัวคุณ แม้เวลาสั้นมาก แต่อยากให้คุณจำไว้”&ld
“เอางั้นเหรอ ความลับที่ว่าคืออะไร ถ้าเรื่องส่วนตัว...ผมไม่ห่วงว่าจะลึกซึ้งขนาดไหน ผมมั่นใจในตัวคุณ”รัชภาคย์ว่าอย่างมั่นใจ พราวพิชชาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ แม้ลึกๆ จะแอบดีใจที่เขาไว้ใจหล่อนในเรื่องนี้ เพราะหล่อนยังมีบางเรื่องที่ต้องทำต่อ...และเกี่ยวพันกับไรวินทร์โดยตรง“ทำมาเป็นพูดดี ทีตอนแรกระแวงยังกับอะไรดี ว่าแหววเสียๆ หายๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”“ผมขอโทษ ปากไม่ดี ทั้งที่เชื่อใจคุณอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่เอะอะก็พูดถึงแต่นายนั่น เขาสำคัญกับคุณมากหรือไง ได้ข่าวว่าย้ายมาจากเพิร์ทด้วยนี่”“ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรอกค่ะ รู้จักผ่านงาน แหววเป็นเลขาในบริษัทคู่ค้าของคุณไรวินทร์ แหววเคยสมัครงานในออฟฟิศคุณไรวินทร์ด้วย แต่เขาไม่รับเพราะคุณสมบัติไม่ถึง”“แล้วยังไปยุ่งกับเขาอีกทำไม”พอนึกว่าไรวินทร์ไม่เห็นค่าของพราวพิชชา...จะแง่ไหนก็เถอะ ฟังแล้วรัชภาคย์ก็ฉุนกึก“คุณสมบัติไม่ถึงเพราะแหววไม่ใช่คนออสซี่ เขาต้องการคนที่คล่องแคล่วมากกว่าแหวว แต่พอเขาจะย้ายมาเชียงราชก็เกิดสนใจขึ้นมา แต่ติดป
ความสุขที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริงกำลังโถมหาพราวพิชชาจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน...มันยังคงทักทายเธออยู่จนอยากจะลืมวันลืมคืนสองข้างทางที่รถแล่นผ่านดูงดงาม ขุนเขาที่เธอเห็นไกลจนคุ้นตายิ่งขยับมาใกล้สายตาเรื่อยๆ“สวยจังค่ะ เหมือนไม่ใช่ทัศนียภาพเมืองไทยเลย”“คุณไม่คุ้นเองมากกว่า ภาคเหนือของไทยก็มีที่สวยๆ แบบนี้อีกหลายแห่ง”คนขับรถที่สวมแว่นตากันแดดราคาแพงปิดบังดวงตาคมเบือนมองเธอ ขยับมุมปากได้รูปยิ้มนิดเดียว หญิงสาวมองเขากลับ จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว จมูกโด่งเป็นสันสวยอย่างที่คนมีเชื้อสายตะวันตกผสมจะพึงมี ปลายคางของเขาบึกบึน ไล่ลงมาเป็นแผงอกหนาที่หล่อนสัมผัสและจดจำได้ดีว่าแข็งแกร่งและทรงพลังแค่ไหน เรือนกายของเขาสูงใหญ่ แถมยังดูสมาร์ตทุกท่วงท่า...ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนจับหัวใจตัวเอง“คุณเท่จัง”“หือ อะไรนะ”“แหววว่า...คุณดูดีมาก”เสียงหัวเราะห้าวดังก้องในรถจี๊ปสปอร์ต พราวพิชชายังทำใจกล้า มองเขายังไม่ยอมเบือนหลบ ตาสบตาที่ยังมีแว่นตากันแดดกางกั้นท
กลิ่นอาหารอวลอยู่ใกล้ พราวพิชชาย่นจมูกเมื่อรู้สึกว่ากลิ่นหอมๆ ยิ่งชัดเจนขึ้น จนเมื่อปรือตาเปิด แสงไฟสลัวจากหัวเตียงทำให้เธอเห็นต้นเหตุของมันรัชภาคย์ในเครื่องแต่งกายด้วยเสื้อยืดสวมสบายกับกางเกงขายาวผ้ายืดสำหรับสวมใส่นอนกำลังจัดแจงโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่มีอาหารวางอยู่สามสี่จานให้เลื่อนมาชิดขอบเตียง พราวพิชชานอนตะแคงมองเขานิ่ง ชั่วขณะหนึ่งนึกถึงรัชตะที่เธอจดจำได้ดี รู้สึกแปลกก็คราวนี้...ทำไมถึงเพิ่งสัมผัสว่าคู่แฝดสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้หน้าตาจะคล้ายกันจนเกือบแยกไม่ออก แต่พวกเขากลับมีความต่างแทบจะสุดขั้ว...อย่างยากที่เธอจะอธิบายออกมาได้พราวพิชชามองเขาเพลิน คุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้จนนึกประหลาดใจตัวเอง ยามใกล้ชิดกันเธอไม่เคยต้องฝืนตัวเองสักครั้งตลอดมาเธอปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เสนอตัวเข้ามาในชีวิต ด้วยรู้สึกว่าพวกเขามักทำให้เธออึดอัด ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เกิดความไม่สะดวกสบายขึ้นกับตัวเอง จนต้องถอยออกมาพราวพิชชาเคยนัดเดตกับผู้ชายที่คิดดีแล้วว่าเขาเหมาะสมและเป็นคนดีพอ ตลอดช่วงที่ดื่มกินและเที่ยวด้วยกันนั้น เธอรู้สึกสนุก แต่ถ้าถามถึงความสุข ก็พบว่าม