พราวพิชชามองตามไฟส่องด้านหน้ารถที่แล่นออกฝ่าความมืด เธอรู้ด้วยสัญชาตญาณว่ารถแล่นออกนอกเมือง จากความโกรธที่อัดเต็มหัวใจ ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกใหม่ขึ้นมาแทนหญิงสาวค่อยๆ เบือนหน้ามองผู้ชายที่นั่งประกบคู่กับเธอทางตอนหลัง ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขายังปิดปากเงียบ บางอย่างทำให้เธอสะกิดใจ แต่ไม่กล้าถาม...เพราะกลัวคำตอบความหวาดหวั่นเริ่มเข้ามาแทนที่ พราวพิชชาหยิบกระเป๋าสะพายที่ถูกโยนตามเข้ามาหลังจากตัวเธอถูกจับยัดมานั่งบนเบาะรถทางตอนหลังเรียบร้อยแล้ว ก้มมองมันในอ้อมกอดอย่างอุ่นใจ อย่างน้อยสัมภาระกับเอกสารต่างๆ ก็ยังติดตัวอยู่แล้วแสงไฟลิบๆ ก็ปรากฏขึ้น หญิงสาวก้มมองตาม เห็นเป็นบ้านเรือนปลูกสร้างอยู่ห่างๆ สองข้างทาง เธอรู้สึกใจชื้น แรกทีเดียวคิดว่ารถจะแล่นเข้ากลางป่าลึกเสียอีกเธอคงเพลินอยู่กับการสังเกตบ้านเรือนข้างทางสลับกับมองด้านหลังด้วยอยากจดจำเส้นทางมากไป จึงไม่ทันเห็นว่ารถได้ชะลอความเร็วลง ต่อเมื่อหันกลับมามอง ก็เห็นว่าด้านหน้ายังมีกลุ่มแสงไฟสว่างอยู่เช่นกันรถแล่นตรงไปจนรู้ว่าเป็นเป้าหมายของการมาครั้งนี้ แค่มาใกล้กำแพงสูง ประตูรั้วใหญ่ก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างอัต
แม้จะเสียใจ รู้สึกผิด แต่เมื่อถูกต่อว่าจากคนที่ไม่รู้จักมาก่อน พราวพิชชาก็นึกโกรธขึ้นบ้าง แต่ยังดีว่ามีชายผู้อาวุโสคอยปรามเขาอยู่‘เข้ามาข้างในก่อน ฉันจะให้เด็กไปบอกนายใหญ่ พิธีเพิ่งจะเสร็จ พอจดทะเบียนสมรสเรียบร้อย ยายหนูลดาก็เป็นลม แต่ไม่เป็นอะไรหรอก คนท้องคนไส้วิงเวียนเป็นปกติ’‘คนท้องคนไส้...หมายถึงลดางั้นหรือคะ ลดาท้องหรือ’‘อ้าว! ไม่รู้เหรอว่าน้องสาวคุณท้องจนจะคลอดแล้ว คุณป้า’เรื่องราวมากมายที่เธอเพิ่งรู้ ทำให้ตกใจ ดีใจ และแปลกใจ จนปนเปไปหมด หากความรู้สึกผิดก็ยังคงอัดแน่นเต็มหัวใจ พราวพิชชาสับสนจนอยากร้องไห้ออกมา แต่มนุษย์ป่าเถื่อนก็ยังจิกกัดเธออย่างไม่ยอมปล่อย‘นายเล็ก หยุดพูดสักห้านาทีเถอะ คุยไม่รู้เรื่องกันพอดี” ชายชราใจดียังคงปราม แล้วถามเธอ “ชื่ออะไรล่ะหนู จะได้ให้เด็กบอกนายใหญ่ถูก’‘พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา’‘ชื่อยังกะลิเก’เสียงห้าวที่เจือรอยขันยังคงดังก้องหู พราวพิชชาหายใจติดขัด ดวงตาหวานเบิกโต เพ่งมองคนตรงหน้าที่ยืนกอดอก เลิกคิ้วท้าทายอยู่
กระนั้นเสียงใสๆ ที่พูดตามหลังก็ทำให้ชะงัก...แต่ก็เพียงนิดเดียว ก่อนก้าวต่อเหมือนมันไม่ได้สลักสำคัญ“นายคุณเล็ก ฉันเรียกชื่อนายถูกใช่ไหม นายไม่ใช่คุณใหญ่อย่างที่ฉันเข้าใจแต่แรก แล้วทำไมถึงไม่บอกความจริง...แต่สมน้ำหน้าละ โดนฟาดหัวเข้าให้ อยากหาเรื่องใส่ตัวเอง เจ็บตัวก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”ประโยคท้ายที่ได้ยินแว่วๆ ทำให้รัชภาคย์ข่มใจอย่างหนักที่จะไม่หันกลับไปจับแขกสาวทุ่มออกนอกบ้านซะเดี๋ยวนั้นพราวพิชชาพลิกกายหงายจากท่านอนซุกตัวหาความอบอุ่นกับที่นอนนุ่มอยู่ทั้งคืน หล่อนปรือตาขณะเหยียดกายไล่ความเมื่อยขบหลายวินาทีกว่าจะจำได้ว่าตัวเองมาอยู่ในห้องนอนแปลกตาและไม่คุ้นเคยนี้ได้อย่างไรหญิงสาวนอนนิ่งๆ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมีเวลาสิบห้าวันสำหรับจัดการกับสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ เวลาที่เป็นอิสระพอจะคิดทำบางอย่างเพื่อน้องสาว...แม้จะเทียบกันไม่ได้กับความเสียสละที่ปิ่นลดามอบให้กับเธอและพ่อแม่ก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเธอจะปิดหูปิดตา ไม่ทำอะไรเลยเมื่อวานตอนค่ำเรื่องราวที่เธอประสบจนรู้สึกช็อกกับความเข้าใจผิด แต่เมื่อได้อยู่ตามลำพัง ถึงได้รู้ว่าโชคดีแค่ไหนแล้วท
“นายเข้าเหมืองนี่คะ คุณไม่รู้เหรอ ปกตินายกลางวันไม่อยู่บ้านหรอก นายทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด”น้ำเสียงเจือความยกย่องและภูมิใจในที...พราวพิชชาพอจับได้ แล้วแทบเผลอเบ้ปากอย่างที่ตัวเองก็หาเหตุผลไม่ได้...แต่ก็รีบดึงการสนทนากลับมายังธุระของตน“แล้วมีใครว่างไปส่งฉันไหมจ๊ะ”“ไปส่ง...ไปส่งที่ไหนคะ”เด็กสาวเริ่มให้ความสนใจในตัวเธอ...แต่เป็นไปด้วยอารมณ์สงสัยไม่ต่างจากเดิม พราวพิชชายิ้มใจเย็น ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าเจ้าของบ้านจะมาใส่ใจกับแขกที่ ‘จับพลัดจับผลู’ ตามมาอยู่บ้านนี้อย่างที่เขาว่าเอง“ฉันต้องกลับรีสอร์ตแสงตะวัน ฉันไม่รู้ว่าเจ้านายของหนูได้สั่งใครไว้หรือเปล่า แล้วคนรถอยู่ไหนเผื่อฉันจะถามเขาดูเอง”รู้ตัวหรอกว่านอนหลับเพลินจนมาตื่นเอาเกือบเที่ยงวัน มันผิดวิสัยของแขกที่ดี แต่เจ้าของบ้านก็น่าจะสั่งกับคนทำงานบ้านเพื่อให้ความสะดวกกับแขกบ้าง ทั้งที่เห็นๆ อยู่ว่าคนทำงานมีตั้งเยอะแยะ อย่างน้อยที่เธอเห็นก็ตั้งสามคนเข้าไปแล้ว...แต่นี่อะไร เอาตัวเธอมาเองแท้ๆ แต่กลับไม่สนใจ คิดจะลอยแพกันง่ายๆ หรืออย่างไ
แล้วเจ้าตัวก็ละความสนใจจากเธอโดยสิ้นเชิง แล้วก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานต่อพราวพิชชากลอกตามองเพดาน นึกปลงกับชีวิตในเมืองเชียงราชของตัวเอง มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ ถึงได้เจอแต่เรื่องผิดคาดและแปลกประหลาดอยู่ทุกเวลารถยนต์คันสีน้ำตาลแบบขับเคลื่อนสี่ล้อแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านหลังโอ่โถงในเวลาพลบค่ำ ชายร่างสูงใหญ่ก้าวลงมาพร้อมกับเป้สนามที่ส่งให้กับผู้ชายหน้าตาดุดันซึ่งวิ่งไปรอรับชายคนนั้นรายงานบางอย่างให้เขารู้ เห็นเขานิ่งฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะหันไปมองทางประตูรั้วที่เพิ่งผ่านเข้ามาซึ่งอยู่ห่างเกือบสองร้อยเมตร แล้วเบือนกลับมาสั่งความ ก่อนสาวเท้าเข้าบ้าน“ไปตามป้ามิ่งมาพบฉัน”เขาบอกกับเด็กรับใช้ที่เดินมารับหน้า แล้วก้าวต่อไปยังทิศทางห้องรับแขกที่พราวพิชชาขลุกอยู่เกือบทั้งบ่าย เพิ่งได้ออกมาเดินยืนเส้นยืดสายก็ตอนนี้ทุกอากัปกิริยาของรัชภาคย์อยู่ในสายตาของพราวพิชชาที่ยืนกอดอก ทำตัวกลมกลืนไปกับเสาประดับ โดยการพิงนิ่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของโถงใหญ่ ดวงตาจ้องเขาเขม็งอยู่“ท่าทางเหมือนกำลังมีเรื่อง...แต่ไม่เกี่ยวกับฉันสักห
รัชภาคย์ย้ำคำท้ายแล้วจบการสนทนาโดยการผละออกไปพราวพิชชามองตามแผ่นหลังกว้าง ข่มกลั้นความกรุ่นโกรธไว้ข้างในนี่มันคำสั่งชัดๆ นายมีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนี้กับฉัน…รัชภาคย์เข้ามาในห้องนอน ถอดเสื้อเชิ้ตสีหม่นปาลงตะกร้าอย่างแม่นยำ กางเกงยีนส์กลางเก่ากลางใหม่ถูกถอดออกเป็นลำดับถัดไป กายใหญ่หนาหนั่นอุดมด้วยกล้ามเนื้อมีกางเกงชั้นในปกปิดเพียงตัวเดียว เขาเดินมาหยุดตรงกระจกกรุติดผนังใกล้กับตู้เสื้อผ้า มองภาพสะท้อนของตัวเองอย่างพินิจพิจารณาชายหนุ่มยกท่อนแขนกำยำมามอง ผิวเนื้อเรียบตึงออกเป็นสีทองเพราะการทำงานกลางแจ้งอยู่บ่อยๆ ...นี่เป็นอีกจุดแตกต่างระหว่างเขากับรัชตะ ถ้าใครไม่ตาถั่วเกินไปก็คงแยกออกไม่ยากแล้วละสายตาไปมองสบตาตัวเองในกระจกนิ่ง“อยากกลับนักใช่ไหม อยากไปพบนายไรวินทร์มากสิท่า ยิ่งเห็นว่าเธออยากออกไป ฉันก็จะยื้อตัวไว้ให้นานที่สุด”ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายวาบอย่างจอมวายร้ายเมื่อนึกว่าพราวพิชชากับไรวินทร์คงกำลังร้อนรนเพราะถูกเขาจับแยกออกจากกัน“ถึงขนาดลงทุนโกหกน้องสาวว่าช่วงลาพักร้อนสิบห้าวันจะไม่อยู่เชียง
ป้ามิ่งประคองถาดที่วางเหยือกกาแฟกับถ้วยเข้าชุดกันออกจากห้องเตรียมอาหารติดกับครัวใหญ่ พลางนึกถึงคำสั่งนายที่บอกให้ดูแลเด็กในบ้านให้อยู่กันอย่างมีระเบียบในช่วงนี้ เพราะไม่รู้ว่าพวกที่มาปล้นสินแร่เมื่อตอนบ่ายจะย้อนมาป้วนเปี้ยนถึงบ้านหรือเปล่า ถึงแม้บ้านหลังนี้กับเส้นทางขนส่งจะอยู่ห่างกันหลายสิบกิโลเมตร อีกทั้งบ้านยังตั้งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัย นับว่าปลอดภัยเพียงพอ แต่นายก็ไม่ประมาทป้ามิ่งนึกพอใจอยู่มากที่รัชภาคย์แม้จะเลือดร้อน นิสัยบ้าบิ่นตามที่ได้ยินใครๆ พูดถึง แต่ก็มักเป็นเรื่องการตัดสินใจในการทำงานเหมืองที่ต้องเด็ดขาด แต่หากเป็นความปลอดภัยของคนในบ้าน เขาไม่เคยเอามาเสี่ยง และไม่เคยละเลย ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่คุ้มกันเลยสักนิด จึงไม่เหตุผลอะไรที่เขาจะประมาทมันหญิงวัยกลางคนเดินขึ้นบันได ทำท่าจะตรงไปยังปีกขวาค่อนไปทางด้านหลังของบ้าน เมื่อมองในทิศทางตรงข้ามกันเห็นแขกสาวสวยที่มาพักตั้งแต่เมื่อคืนเดินเตร่ไปมา ทำท่าครุ่นคิด จมอยู่กับตัวเอง...แน่นอนว่าขนาดนางหยุดมองตั้งนานสองนาน เธอคนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ก่อนจะถูกผลักเข้ามาหลังจากร
ขณะที่พราวพิชชารู้สึกว่าตนกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ก็ไม่อาจขอความช่วยเหลือจากใครได้โดยเฉพาะน้องสาว เพราะมีเป้าหมายที่จะใช้ช่วงเวลาสั้นๆ จากการลาพักร้อนสืบหาความจริงใจของรัชตะอยู่ ตัวเธอเองก็กำลังกลายเป็นหัวข้อสนทนาของน้องสาวและน้องเขยเช่นกัน“ตกลงว่าลดาก็ไม่รู้นะคะว่าคุณแหววนัดเพื่อนไปเที่ยวไหนกันต่อ”ปิ่นลดาที่ง่วนกับการถักโครเชต์เป็นพักใหญ่เงยหน้าพูดกับสามีที่นอนอิงหมอนเอกเขนกดูรายการกีฬาเพลินอยู่“แล้วลดาไม่ได้ถามเธอหรือจ๊ะ” รัชตะถามขณะที่สายตาไม่ละจากหน้าจอโทรทัศน์อยู่ในห้องพักผ่อนติดห้องนอนใหญ่“ถามค่ะ คุณแหววบอกแค่ว่าจะเที่ยวอยู่ในเมืองไทย แต่พอถามว่าที่ไหน จังหวัดอะไร เธอก็ไม่บอก” ปิ่นลดานิ่วหน้าเมื่อนึกถึงสีหน้าพราวพิชชาตอนเธอถาม สีหน้านั้นดูกลบเกลื่อนพิกล "หรือคุณแหววกลัวว่าลดาจะน้อยใจที่ไม่อยู่ด้วยกัน แต่ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ลดาเข้าใจอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้เอง"“งอนพี่สาวอีกละสิ” รัชตะดักคอ ยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มที่ปกคลุมศีรษะทุยสวยอย่างแสนรัก“ไม่งอนสักหน่อย บอกแล้วไงคะว่าเข้าใจคุณแหวว&rdqu
“ผมอยากรู้มากกว่านี้”“คุณแหววสามารถย้ายมาทำงานที่เชียงราชโดยเป็นตัวแทนของบริษัทที่เธอสังกัดอยู่ ถ้าผมทำเรื่องขอตัวไป เพราะเราต้องมีฝ่ายบริการดูแลเรื่องซอฟต์แวร์ในบางโมดูลจากทางนั้นอยู่แล้ว และคุณแหววก็คุ้นเคยกับทีมงานเราดีเพราะเคยร่วมงานกัน”“แต่เท่าที่ผมรู้คุณแหววเป็นเลขา...งานพวกนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ”“คุณแหววเป็นโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ เธอเทกคอร์สเลขานุการเพิ่ม และเริ่มงานจริงจังในตำแหน่งเลขาของผู้บริหารในบริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ของเพิร์ท...คุณคงรู้แล้วว่าเธอเคยสมัครงานกับบริษัทผม เราอยากได้เธอมาร่วมงาน แต่จังหวะเวลาไม่ให้ ตอนนั้นเราขยายงานในออสเตรเลียอยู่ ถ้าได้คนที่คุ้นเคยและคล่องตัวในการประสานงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ก็จะดี ซึ่งคนที่ได้คะแนนเหนือกว่าเธอเป็นคนพื้นเพของเมืองนั้น”“ผมเข้าใจ...เธอก็เข้าใจดีด้วย”“ครับ คุณแหววเป็นคนทำงานมืออาชีพ เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่ยาก ผมชื่นชมเธอ”“ถ้าคุณเห็นว่าคุณสมบัติของเธอเหมาะสมกับงานที่ว่า คุณพร้อมที่จะทำเรื่องไปยังต้นสังกัดเธอไหม
คำถามจากด้านหลังทำให้พราวพิชชาสะดุ้งด้วยไม่ทันรู้ตัว หันขวับมองเขา อื้ออึงในคำถาม ทบทวนซ้ำอีกรอบก็ไม่รู้ว่าคำถามครอบคลุมแค่ไหน“น่าอยู่สิคะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนมากมายเข้ามาปักหลักที่นี่หรือ...คุณไรวินทร์ก็จะย้ายออฟฟิศจากเพิร์ทมาที่นี่เหมือนกัน”พราวพิชชาคิดดีแล้วว่าจะขอยืมชื่อของผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานนัก หากชอบพออัธยาศัยของเขามากระตุ้นคนตรงหน้ารัชภาคย์มองหญิงสาวนิ่ง แววตาไม่เปลี่ยนไป เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้...แค่นั้น ทำให้พราวพิชชาใจแป้วได้อีก แต่เมื่อคิดจะรุก ก็ควรเดินหน้าต่อ เพราะคนอย่างพราวพิชชาไม่ชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ“คุณเล็กถาม...”“แล้วคุณล่ะอยู่ได้ไหม ถ้าผมขอให้คุณอยู่เชียงราช คุณจะรับข้อเสนอของผมไหม”หัวใจสาวเต้นโครมคราม ริมฝีปากบางสั่นระริกกับคำถามที่สวนมาก่อนเธอจะพูดจบ...คำถามนี้ไม่ใช่หรือที่เธอรอคอย“แล้วจะให้แหววอยู่เพื่ออะไรคะ แหววมีชีวิตและมีงานที่เพิร์ท แถมพ่อกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ด้วย พวกท่านตั้งใจจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นั่น”“ผมคิดว่าพ่อแม่คุณย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับคุณต่างหาก
“ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดี ผมไม่รู้จะปลื้มดีหรือเปล่า คุณตอบรับรักด้วยสีหน้าแบบนี้” บอกว่าไม่รู้ตัวเองควรรู้สึกอย่างไร แต่สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าชอบอกชอบใจจนเกินร้อยแล้วและอีกคนก็รำพึงตอบลอยๆ เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด“แหววเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองขี้หึง”“เพิ่งรู้สึก…”“แหววไม่เคยคบใคร...บางทีอาจทำตัวไม่ถูก”“กังวลอยู่หรือเปล่า อยู่กับผม คุณสบายใจได้ ผมไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าคุณคิดว่ามีอะไรแย่ๆ ในตัว ปล่อยออกมาเลย ผมรับรองว่ามันไม่มากกว่าที่ผมเป็นอยู่ อย่างเช่นขี้หึง ขอบอกว่าผมเป็นมากกว่าคุณ...ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาอยู่ในบ้านผมได้หรอก”รัชภาคย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ พราวพิชชาเอียงคอมอง แต่เลือกที่จะไม่ถามในเวลานี้ กลับทบทวนถึงความรู้สึกตัวเอง“แปลกดีนะ เมื่อปลายปีก่อน มนุษย์คนสุดท้ายที่ฉันจะอยากอยู่ใกล้และอยากเห็นหน้า...ก็คือคุณ แต่พอวันนี้กลับเป็นคุณที่ฉันหวง ไม่อยากให้ไปอยู่ใกล้ใคร”“ญาณิน...คุณติดใจอะไรญาณิน” รัชภาคย์หรี่ตาถาม เมื่อจับจุดในถ้อยคำของเธอได้
ผู้หญิงสาวผิวขาวร่างโปร่งบางที่พราวพิชชาตามมาห่างๆ เดินช้าลง หล่อนรอจนผู้ชายสองคนผละแยกไปคนละทางรัชภาคย์เดินมาสู่ทิศทางสำนักงาน...เคบินที่ใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัว โดยอ้อมไปทางด้านหน้า ทางเดียวกับที่ธนัทเพิ่งใช้นำเธอมา...ส่วนผู้หญิงคนนั้นกลับเดินสวน ผ่านหน้าสโมสรเลยไปพราวพิชชาซอยเท้าตามอย่างอยากรู้สุดฤทธิ์ กระทั่งเห็นภาพเบื้องหน้าเต็มๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ตาโตเบิกกว้างผู้หญิงสวยเด่นตรงไปหาแขกหนุ่มคนนั้น...หล่อนไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่รัชภาคย์!โล่งใจมากอยู่หรอก ไม่ปฏิเสธว่ายินดีจนเหมือนท้องฟ้าพลันสว่างโล่งจากที่เห็นแต่ความอึมครึมเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนสองคนนั้นรู้จักกัน...แต่ในแง่ไหนพราวพิชชาก็ไม่รู้ หากคงไม่ใช่ในสถานะธรรมดา เพราะเห็นผู้หญิงทำลับๆ ล่อๆ เหมือนไม่อยากให้ใครรู้เห็นตอนไปหาเขาอยู่จนฝ่ายหญิงวิ่งไปใกล้ ฝ่ายชายกำลังเปิดประตูรถตอนหลังจะก้าวขึ้นไปนั่งก็ชะงักแล้วหันมอง สองคนนั้นพูดอะไรก็ไม่รู้ ท่าทางผู้ชายไม่สนใจ ผู้หญิงตามไปยื้อประตูรถ จนลูกน้องตัวใหญ่สองคนมาประกบข้าง แล้วดึงตัวหล่อนออกมาพราวพิชชากำมือแน่น กัดฟันกรอด ผู้ชายสอ
พราวพิชชานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี เก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียว นอกเหนือจากเก้าอี้ตัวใหญ่ของรัชภาคย์ห้องทำงานบอกความเป็นตัวตนของเขา แม้ข้างนอกที่เห็นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยผุดอยู่กลางป่าเขา แต่พอเป็นพื้นที่ส่วนตัว เช่นห้องทำงานก็มีแต่ของใช้จำเป็น จะว่าไปพราวพิชชาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัสตัวตนของเขา รัชภาคย์ก็เป็นแบบนี้แหละ เรียบง่ายเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งห้องนอนที่เธอได้เห็น...และเคยใช้ร่วมกันพราวพิชชาหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียว กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มระงับความขวยเขิน หลายวันมานี้เธอกับเขาขลุกอยู่ด้วยกัน บางวันถึงขั้นลืมวันลืมคืน จะมีก็วันนี้แหละที่รัชภาคย์ต้องเข้าเหมือง บอกว่ามีธุระจำเป็น เขาอิดออดอยู่นาน พราวพิชชาก็งงในท่าที กระทั่งมาเข้าใจดีเมื่อใกล้จะถึงเวลาแล้วบอกให้เธอไปแต่งตัวใหม่เพื่อจะได้ตามเขามาที่นี่ด้วยพราวพิชชายินดีอยู่แล้ว แม้จะชอบช่วงเวลาที่มีเขาอยู่ใกล้ ขลุกอยู่ด้วยกันภายในบ้านของเขา หากเธอก็ยังอยากเปิดหูเปิดตาอยู่ แต่พอเขาจะพาออกไปรับประทานอาหารข้างนอก กลับเป็นเธอที่อึกอัก...กลายเป็นวัวสันหลังหวะที่ทำผิดไว้จนกลัวใครจับได
พราวพิชชาจับตามองว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ และหล่อนก็ไม่มีทางช่วยเขาให้ผ่านช่วงเวลายุ่งยากนี้ไปง่ายๆ แน่นอนว่าถ้ารัชภาคย์อยากผ่านก็ต้องก้าวข้ามมันมาหาเธอด้วยตัวเองหญิงสาวให้คะแนนความพยายามของเขาเต็มร้อย ส่วนผลของความโรแมนติกนั้นหรือ...ต้องรอให้ถึงเวลานั้นเสียก่อนแล้วรัชภาคย์ก็เดินมาถึงพร้อมกับลิลลี่หอบใหญ่ ทุกย่างก้าวเขารู้สึกราวว่ากำลังข้ามภูเขาลูกใหญ่ๆ นับสิบลูกซ้อน...“ดอกไม้ช่อแรกจากผมให้คุณ พร้อมความตั้งใจว่าตั้งแต่นี้ต่อไปชีวิตผมจะมีคุณอยู่เคียงข้าง และทุกสิ่งที่เกิดกับคุณ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ผมพร้อมจะแบ่งบัน แค่คุณเปิดรับผม”แม้ตั้งใจว่าจะใจแข็งอีกนิด ไม่ใช่ด้วยอยากพิสูจน์หัวใจและความจริงใจของเขา แต่พราวพิชชาต้องการเวลาสำหรับตัวเองต่างหาก หัวใจเอนเอียงหารัชภาคย์ตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่หล่อนยังมีภาระและมีสิ่งค้างคาเก่าก่อน อยากสะสางมันให้เรียบร้อยก่อนตกลงใจรับเขาเข้ามาเมื่อคิดจะร่วมทางกัน พราวพิชชาก็อยากให้ตัวเองเกื้อหนุนรัชภาคย์ได้เช่นกัน ไม่ใช่เข้ามาเพื่อจะกอบโกยจากเขาหรือหักล้างในบางสิ่งที่ยังติดค้างกันอยู่“ขอบคุณค่ะคุ
“ถามตัวเองเถอะค่ะว่าแหววควรมั่นใจคุณแค่ไหน”“จะให้ผมสาธยายให้คุณฟัง หรือยกแม่น้ำกี่ร้อยพันสายมายืนยัน มันก็ไม่เท่ากับคุณอยู่พิสูจน์เอง”“แล้วก็วกมาเรื่องชวนลูกสาวเขาหนีมาอยู่กับตัวเอง”“อยากได้อะไรเป็นหลักประกันล่ะ”“ทั้งตัวและหัวใจของคุณ...มั่นใจเมื่อไหร่ว่ายกให้แหววจริงๆ แล้วค่อยมาบอก”“วันนี้เลยไง”“ไม่ค่ะ คุณยังไม่ได้ทวนถามตัวเอง แหววเกรงว่าคุณแค่อยากเอาชนะ หรือรั้นจะตามใจตัวเอง”“ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้วคนสวย มองความจริงบ้างสิ ส่วนคุณแม้จะไร้เดียงสาในบางเรื่องซึ่งผมก็มั่นใจว่ามีฝีมือพอจะสอนคุณ” เขาพูดถึงเรื่องอะไร พราวพิชชารู้ทัน ยกมือขึ้นหยิกหมับเข้าให้ ไม่อยากให้เขาเถลไถลออกนอกเรื่อง “คุณเป็นคนมีความคิด เป็นผู้หญิงที่ช่างมีเหตุผล และค่อนข้างมั่นคง ผมเชื่อตัวเองว่าดูคุณไม่ผิด ดังนั้นถ้าเราจะตัดสินใจอะไรในตอนนี้ ผมเชื่อว่าทั้งคุณและผมต่างก็ทำเพราะหัวใจและความต้องการของเรา...ผมรักคุณ เชื่อในตัวคุณ แม้เวลาสั้นมาก แต่อยากให้คุณจำไว้”&ld
“เอางั้นเหรอ ความลับที่ว่าคืออะไร ถ้าเรื่องส่วนตัว...ผมไม่ห่วงว่าจะลึกซึ้งขนาดไหน ผมมั่นใจในตัวคุณ”รัชภาคย์ว่าอย่างมั่นใจ พราวพิชชาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ แม้ลึกๆ จะแอบดีใจที่เขาไว้ใจหล่อนในเรื่องนี้ เพราะหล่อนยังมีบางเรื่องที่ต้องทำต่อ...และเกี่ยวพันกับไรวินทร์โดยตรง“ทำมาเป็นพูดดี ทีตอนแรกระแวงยังกับอะไรดี ว่าแหววเสียๆ หายๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”“ผมขอโทษ ปากไม่ดี ทั้งที่เชื่อใจคุณอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่เอะอะก็พูดถึงแต่นายนั่น เขาสำคัญกับคุณมากหรือไง ได้ข่าวว่าย้ายมาจากเพิร์ทด้วยนี่”“ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรอกค่ะ รู้จักผ่านงาน แหววเป็นเลขาในบริษัทคู่ค้าของคุณไรวินทร์ แหววเคยสมัครงานในออฟฟิศคุณไรวินทร์ด้วย แต่เขาไม่รับเพราะคุณสมบัติไม่ถึง”“แล้วยังไปยุ่งกับเขาอีกทำไม”พอนึกว่าไรวินทร์ไม่เห็นค่าของพราวพิชชา...จะแง่ไหนก็เถอะ ฟังแล้วรัชภาคย์ก็ฉุนกึก“คุณสมบัติไม่ถึงเพราะแหววไม่ใช่คนออสซี่ เขาต้องการคนที่คล่องแคล่วมากกว่าแหวว แต่พอเขาจะย้ายมาเชียงราชก็เกิดสนใจขึ้นมา แต่ติดป
ความสุขที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริงกำลังโถมหาพราวพิชชาจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน...มันยังคงทักทายเธออยู่จนอยากจะลืมวันลืมคืนสองข้างทางที่รถแล่นผ่านดูงดงาม ขุนเขาที่เธอเห็นไกลจนคุ้นตายิ่งขยับมาใกล้สายตาเรื่อยๆ“สวยจังค่ะ เหมือนไม่ใช่ทัศนียภาพเมืองไทยเลย”“คุณไม่คุ้นเองมากกว่า ภาคเหนือของไทยก็มีที่สวยๆ แบบนี้อีกหลายแห่ง”คนขับรถที่สวมแว่นตากันแดดราคาแพงปิดบังดวงตาคมเบือนมองเธอ ขยับมุมปากได้รูปยิ้มนิดเดียว หญิงสาวมองเขากลับ จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว จมูกโด่งเป็นสันสวยอย่างที่คนมีเชื้อสายตะวันตกผสมจะพึงมี ปลายคางของเขาบึกบึน ไล่ลงมาเป็นแผงอกหนาที่หล่อนสัมผัสและจดจำได้ดีว่าแข็งแกร่งและทรงพลังแค่ไหน เรือนกายของเขาสูงใหญ่ แถมยังดูสมาร์ตทุกท่วงท่า...ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนจับหัวใจตัวเอง“คุณเท่จัง”“หือ อะไรนะ”“แหววว่า...คุณดูดีมาก”เสียงหัวเราะห้าวดังก้องในรถจี๊ปสปอร์ต พราวพิชชายังทำใจกล้า มองเขายังไม่ยอมเบือนหลบ ตาสบตาที่ยังมีแว่นตากันแดดกางกั้นท