เราเป็นอะไรสำหรับเขางั้นเหรอ ทำไมรอบข้างของเขาถึงมีแต่ผู้หญิง เขายังคงเห็นเราเป็นของเล่นอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม"น้องเป็นอะไร" เสมียนที่สโตร์ถามเมื่อเห็นเธอปาดน้ำตา"จะมาซื้อชุดพนักงานเพิ่มอีกสองชุดค่ะ"พอมองดูแล้วว่าเธอน่าจะใส่ไซส์อะไรเสมียนคนนั้นก็เลยหยิบชุดส่งมาให้ แต่ก็แอบแปลกใจ มาซื้อชุดทำไมร้องไห้ด้วย"น้องจะจ่ายสดหรือว่าจะให้หักจากเงินเดือนคะ""หักเงินเดือนได้ด้วยหรือคะ" ถ้ารู้ว่าหักจากเงินเดือนได้ เธอคงไม่รอมาจนถึงวันนี้หรอก"ใช่ค่ะ ตอนอบรมเจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกหรือคะ"เขาคงบอกแหละแต่เราไม่ได้ตั้งใจฟัง "จ่ายสดค่ะ แต่ขอเป็นโอนจ่ายนะคะ" จะกลัวอะไรเงินในธนาคารมีตั้งห้าล้านบาทพอได้ชุดใหม่แล้วจ๊ะเอ๋ก็เลยถือกลับมาที่แผนกด้วย เพื่อเป็นข้ออ้างว่าทำไมเธอถึงเข้างานช้า"ทีหลังถ้าจะซื้อชุด ค่อยออกไปซื้อเวลาพักเที่ยง หรือไม่ก็ใกล้เลิกงาน" เป็นข้ออ้างได้ก็จริง แต่มันคือเรื่องส่วนตัวก็เลยถูกหัวหน้าตำหนิอยู่บ้าง"ค่ะ"ห้องอบรม.."รอบนี้ก็มีพนักงานที่เพิ่งจะเรียนจบเข้ามาอีกแล้วเหรอ" ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นรายชื่อพนักงานใหม่และประวัติก็เลยถามกันดู"จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย" คนที่ตอบหมายถึงว่าจบจา
"จะไปไหน..ยังไม่ได้คุยกันเลย" มือหนารีบคว้าแขนของเธอไว้ก่อนที่จะออกจากห้อง"ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้วค่ะ" ทำไมจะไม่อยากอยู่คุยกับเขาล่ะ แต่กลัวหัวหน้าต่อว่าอีกน่ะสิ"ยังไม่บอกเลยว่าเมื่อเช้านี้มาหาทำไม" เขายังคิดถึงใบหน้าเธอตอนที่เข้ามาเห็นภาพนั้นเออใช่เราจะมาพูดเรื่อง.. "ขอบคุณนะคะที่โอนเงินให้" เมื่อเช้านี้ว่าจะมาบอกเงินที่เขาให้มันเยอะเกินไป แต่ตอนนี้ไม่แล้ว"ไม่มีรางวัลให้หน่อยเหรอ" คนตัวสูงเอียงแก้มเข้ามาใกล้ เพื่อขอรางวัล"ไม่มีค่ะ!" ใครจะให้รางวัล ยังงอนเรื่องผู้หญิงพวกนั้นอยู่เลย ว่าแล้วจ๊ะเอ๋ก็หันไปที่ประตูกำลังจะเปิดมันออก แต่ถูกพระรามปิดกลับคืนไว้เหมือนเดิม แถมยังกดล็อกประตูด้วย"คุณพระรามเมื่อเช้านี้ฉันก็ถูกหัวหน้าตำหนิแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเข้างานไม่ทันอีกต้องโดนเล่นงานแน่""ใครกล้าว่าให้คุณ""จะใครอีกล่ะคะ ก็หัวหน้างานที่คุณส่งฉันไปไง""ก็ได้..เดี๋ยวผมจะจัดการย้ายคุณไปที่แผนกอื่น""ไม่ค่ะ""ทำไม""ฉันชอบที่นั่น""ชอบแผนกบัดกรีตะกั่วเนี่ยนะ" ไม่ค่อยมีใครชอบแผนกนี้หรอก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา แถมถ้ามีของเสียออกมาก็จะถูกหักเงินเดือนด้วย แต่ที่เขาส่งเธอไปแค่อยากจะแกล้งเฉยๆก๊อก
"อือ คุณรามพอแล้วค่ะ" จ๊ะเอ๋รู้สึกเสียวมาก..ที่เสียวนี่ไม่ใช่อะไรนะ กลัวเขามันเขี้ยวจนไปกัดเส้นนั้นของเธออีกแต่ชายหนุ่มร่างหนาก็ยังคงมัววุ่นอยู่กับช่วงล่าง..และฝักบัวในมือก็ค่อยๆ ชโลมล้างให้กับเธอ"คุณรามคะ" ถึงแม้จะเคยไปถึงไหนตอนไหนกันแล้ว แต่คุกเข่าทำความสะอาดให้ขนาดนั้นใครจะไม่อายล่ะ"เรียกเราเหมือนเดิมได้ไหม" พระรามค่อยๆ ยืนขึ้นเต็มความสูง เพราะจะช่วยเธออาบน้ำให้เสร็จก่อน"เรียกแบบไหน""ก็เรียกรามไง""รามคะ..น่ะเหรอ" เธอพูดดัดเสียงเหมือนกับ มัลลิกาและหนุงหนิงที่เรียกชื่อของเขาแบบหมั่นไส้"หึ.. หึงหรือเปล่าเรา""ฉันจะกล้าไปหึงคุณได้ยังไง เราสองคนเป็นอะไรกัน" คิดว่าจะไม่พูดแล้วนะชายหนุ่มรีบเก็บฝักบัวให้เข้าที่พร้อมกับปิดน้ำไว้"ถึงขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเป็นอะไรกัน" นิ้วแกร่งเขี่ยน้ำที่เกาะตามใบหน้าออกให้กับเธอแบบอ่อนโยน"แล้วเป็นอะไรกันล่ะ" จ๊ะเอ๋ก็อยากจะรู้ความหมายของเขาเหมือนกัน จะให้เราคิดเองเออเองไปถึงไหน"ซื้อบ้าน ซื้อรถ ให้เงินใช้ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไร""ก็นายรวยไง นายอาจจะซื้อให้คนอื่นแบบนี้มาแล้วก็ได้""ยังไม่เคยให้ใครสักหน่อย ขนาดเราก็ยังไม่เคยใช้เลย" ถ้าเงินของเขามีม
เย็นวันเดียวกัน..ที่หน้าบริษัทจ๊ะเอ๋ยืนรอกลับบ้านพร้อมแม่ แต่คนที่เจอก็คือ.."สวัสดีจ้า ท่านประธานอยากจะคุยกับเราหน่อย" จริงๆ แล้วพระนายไม่ได้ตั้งใจอยากจะคุยกับจ๊ะเอ๋หรอก แต่พอขึ้นรถแล้วมองไปก็เห็นว่าเธอยืนอยู่ ก็เลยให้อ้อมาตามขึ้นไปคุยบนรถ"ฉันหรือคะ" หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจ"ใช่จ้ะ"แล้วใครจะกล้าขัดคำสั่งท่านประธาน แถมเป็นพ่อสามีด้วย จ๊ะเอ๋ก็เลยเดินตามอ้อไปที่รถพอประตูรถคันหรูเปิดออก เธอก็เข้าไปนั่งข้างท่านประธาน แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว"ฉันนึกว่าท่านประธานจะคุยกันอยู่ตรงนี้" ใบหน้าเรียวหันกลับไปมองดูอ้อที่ยังยืนอยู่ "แล้วคุณเลขาล่ะคะไม่ไปด้วยเหรอ"พอไม่มีคำตอบ เธอก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาพระราม แต่แบตโทรศัพท์ดันหมดรถคันหรูวิ่งมาจอดในซอยที่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ..พอรถจอดสนิทคนขับก็ลงจากรถปล่อยให้ทั้งสองได้คุยกัน"เธอก็รู้แล้วว่าพระรามเป็นลูกชายของฉัน" ประโยคแรกที่พระนายพูดออกมา และก็พูดโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนาเลย"ค่ะ""และเธอคงไม่คิดว่าฉันจะให้เธอเข้ามาเป็นลูกสะใภ้หรอกนะ" พระนายคิดว่าต้องพูดให้รู้เรื่องแล้วล่ะ เพราะเขาคงไม่เอาผู้หญิงที่เคยทำงานอย่างว่
"มีปัญหากับท่านเหรอ" จอยเป็นอีกคนที่รู้ว่าลูกสาวนั่งรถออกไปกับท่านประธาน แต่พอเห็นลูกสาวเดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี คนเป็นแม่ถึงแม้มีเรื่องไม่สบายใจก็ต้องได้เก็บไว้ก่อน"เปล่าหรอกค่ะแม่" พอได้ยินแม่คุยด้วย เธอก็คิดว่าเมื่อเช้าแม่คงขี้เกียจพูดมั้ง จ๊ะเอ๋ก็เลยไม่ได้ถามเพราะมีเรื่องต้องให้คิดอีกหลายเรื่อง "วันนี้จ๊ะไม่หิวข้าว แม่ทานไปก่อนเลยนะ"จอยได้แต่มองตามลูกเข้าไปในห้องนอน หรือว่าท่านจะรู้เรื่องเหมือนกัน? ผู้เป็นแม่เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา ท่านเป็นถึงประธานของบริษัท ถ้าไม่พอใจกลัวว่าจะทำร้ายลูกสาวเอาน่ะสิ"แม่ตั้งโต๊ะไว้ให้แล้วนะ ถ้าหิวออกมากินล่ะ" นางไม่ได้เคาะประตูเรียกแค่พูดบอกกล่าวให้ลูกรู้ว่าแม่เป็นห่วงมากจ๊ะเอ๋ไม่ได้ตอบเพราะกลัวแม่ได้ยินเสียงที่เปลี่ยนไป ..เธอจะอยู่ได้ยังไงถ้าเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น จ๊ะเอ๋ได้แต่ร้องไห้อยู่กับตัวเองในห้อง โทรศัพท์ก็ไม่กล้าชาร์จแบต เพราะกลัวอดที่จะโทรไปหาเขาไม่ได้เช้าวันต่อมา..จ๊ะเอ๋เดินออกมาที่บริษัทพร้อมกันกับแม่ เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องได้มาทำงานวันนี้เดินผ่านใครก็มีแต่คนมองแบบแปลกๆ แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเธอเป็นจุดสนใจของคนในบริษัทนี้อยู่
"รามช่วยฟังลิกาก่อนได้ไหม" มัลลิกาเอื้อมไปปิดแฟ้มเอกสารที่พระรามเพิ่งจะเปิดออก"จะพูดก็รีบพูดมา" พระรามยังคงเปิดเอกสารขึ้นมาใหม่ เพราะคิดว่าจะทำงานไปด้วยและฟังไปด้วย"อันนี้ลิกาไม่ได้พูดเองนะ วันนี้เขาพูดกันทั้งโรงอาหารเลย" มัลลิกาพยายามบ่ายเบี่ยงความผิดออกจากตัวเองก่อน ถ้าเผื่อว่ามันไม่ใช่ความจริง ตัวเองจะได้ไม่ติดร่างแหไปด้วย"เรื่องอะไร""เกี่ยวพันกับเรื่องเมื่อวานนี้แหละ ที่แม่จ๊ะเอ๋นั้นนั่งรถออกไปกับท่านประธานไง""ทำไม?" จากที่มองเอกสารสายตาของเขาได้กรอกขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า"ก็วันนี้น่ะสิ มีข่าวออกมาว่าเธอคนนั้นท้อง" มัลลิกาพูดแบบมั่นหน้ามาก ที่ได้นำข่าวนี้มาบอกให้กับพระรามรู้"ท้อง??""ใช่ รามก็รู้ว่าอาการคนท้องมันปิดไม่ได้อยู่แล้ว เห็นบอกว่า...เดี๋ยวก่อนสิราม" มัลลิกายังพูดไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำ พระรามก็รีบเดินออกจากห้อง จนต้องวิ่งตามพระรามไปแต่ก็ไม่ทัน "จะรีบไปไหนของเขา" มาถึงพระรามก็ลงลิฟต์ไปแล้วลงมาถึงชั้นล่างพระรามก็รีบตรงไปทางแผนกบัดกรีตะกั่ว แต่ก่อนที่จะไปถึงแผนกนั้น ได้ผ่านตรงที่หนุงหนิงฝึกงานอยู่ เพราะคนที่ให้หนุงหนิงเข้ามาทำงาน วางแผนไว้แล้ว ถ้าพระรามคิดจะไปแผน
พอประตูห้องเปิดออกทั้งสองคนที่อยู่ในห้องต่างก็หันไปพร้อมกัน"เข้ามาทำไม" พระรามถามแบบไม่สบอารมณ์ จนมัลลิกาสัมผัสได้"ลิกาคิดว่าจะช่วยอะไรรามได้ก็เลยเข้ามา" พูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไร เพราะที่จริงไม่ได้อยากเข้ามาช่วยหรอกอยากมาขัดจังหวะมากกว่า"ออกไป" น้ำเสียงนั้นเย็นชามาก และตั้งแต่รู้ว่าเป็นมัลลิกาที่เปิดประตูเข้ามา เขาก็ไม่ได้สนใจอีกเลย"รามรู้ไหมว่าทำแบบนี้..""ออกไป" ไม่ว่ามัลลิกาจะพูดอะไรเขาก็ไม่อยากจะฟังแล้ว และนี่ก็เป็นการเตือนครั้งที่สอง จนมัลลิกาต้องรีบถอยออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูไว้ให้เหมือนเดิม"ฉันจะลง" ถึงแม้เขาจะไล่มัลลิกา แต่มันก็สร้างความไม่พอใจให้จ๊ะเอ๋ ถ้าเขาไม่ทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ พวกเธอคงไม่กล้า "อืมม" นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วเขายังจูบโดยที่ไม่บอกกล่าวจ๊ะเอ๋ปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้น เพราะคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเข้ามาในห้องนี้แล้ว ถึงจะเข้ามาคนที่เสียหายคงไม่ใช่เธอหรอก เพราะเธอไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วพระรามจูบจนพอใจแล้วก็ปล่อยทั้งสองมองสบตากันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมาก่อน จนเวลาผ่านไปหลายนาทีได้"คุณไม่อยากรู้เหรอว่าพ่อของคุณคุยอะไรกับฉัน" จ๊ะเอ๋คิดว่าเ
ในเวลาต่อมาหลังจากที่เขาจูบจนหนำใจแล้ว เขาก็โอบร่างของเธอลงมาจากโต๊ะทำงาน"เดี๋ยวจะพาออกไปข้างนอก" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบเอาของส่วนตัว รวมทั้งกระเป๋าเงินกุญแจรถ เพราะวันนี้คงไม่ได้กลับเข้ามาแล้ว"จะไปไหน""ตามมาเดี๋ยวก็รู้เอง" มือหนาจูงมือของเธอให้เดินตามออกจากห้อง ที่จริงเขาคิดว่าจะพาไปหลังเลิกงาน แต่กลัวว่าพ่อจะลงมาตามที่เลขาแจ้งไว้ก่อนทั้งสองเดินออกมาหน้าบริษัท โดยมีพนักงานมองตาม แต่พระรามก็ไม่ได้แคร์สายตาของใคร จ๊ะเอ๋ก็ปล่อยให้เขาจูงมือ ถึงแม้จะรู้สึกเขินอายสายตาคนที่มองมาบ้างแต่มันก็รู้สึกอบอุ่น"แกว่าคุณมัลลิกา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะ" อย่าถามหาคำว่ามิตรแท้จากคนปากหวานก้นเปรี้ยว คนพวกนี้ต่อหน้ามัลลิกาพูดชมเชยแทบจะลอย แต่พอลับหลังก็เป็นแบบนี้"จะคิดยังไงล่ะ แอบหวงมาเป็นปี แต่ถูกเด็กใหม่คาบไปแดก"[คลินิก]"นายพาฉันมาที่นี่ทำไม""ตามลงมาเถอะน่า""แผลแค่นิดเดียวเองจะมาทำที่คลินิกเลยเหรอ" จ๊ะเอ๋ลงรถแล้วเดินตามเขาเข้าไปในคลินิกแบบงงๆ"สวัสดีค่ะ""สวัสดีครับ..ผมพาภรรยามาตรวจครรภ์ครับ""ตรวจครรภ์?" จ๊ะเอ๋พูดออกมาแบบตกใจ"ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ""ดะ..เดี๋ยวก่อนนะคะ ฉันขอคุยกับเขาแป๊บหนึ่ง
"คุณทำไมดูไม่ตกใจเลยล่ะ" เข้ามาถึงในห้องก็ยังเห็นว่าเขาปกติ ไม่มีท่าทีตกใจกลัวอะไรเลยตอนเห็นปืนใครบ้างจะไม่ตกใจ แต่พอเห็นว่าเธอกับแม่พยายามปกป้องเขาอยู่ ก็เลยทำให้คลายความกลัวไปได้เยอะ"พ่อคุณเป็นกำนันเหรอ" ที่เขาถามแบบนี้เพราะได้ยิน คนชื่อจ้อยเรียกว่าพ่อกำนัน"ใช่ค่ะ"ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียง"นี่คุณ ฉันไม่ได้จะให้คุณนอนในห้องนี้สักหน่อย""ไม่ให้ผมนอนนี่แล้วจะให้นอนไหน""เดี๋ยวพ่อฉันสงบลงแล้วจะหาห้องให้" บ้านเธอกว้างขวาง ห้องนอนก็มีหลายห้อง"คุณคิดว่าพ่อคุณจะสงบง่ายไหม ยิ่งตอนนี้เห็นผมเข้ามาในห้องของคุณด้วยแล้ว""คุณก็อย่าพูดให้ฉันเสียวสันหลังสิ" ตอนเรียนมัธยมเคยถูกพ่อตีมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเรื่องผู้ชายนี่แหละ แต่ก็ไม่ได้เลยเถิดอะไรมากก็แค่วัยรุ่นอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง"ผมขอนอนพักเอาแรงหน่อยแล้วกัน ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง"อะไรของเขาเนี่ย ยังจะนอนหลับอีกเหรอ"ออกมา!""พ่อ?" เขานอนไปได้แค่ครู่เดียว ก็ได้ยินเสียงพ่อตะโกนมาจากหน้าห้อง"ไม่ต้องออกมานะลูก ปล่อยให้พ่อบ้าอยู่คนเดียวเถอะ" แม่รีบตามมาห้ามพ่อ"ลูกเราเป็นผู้หญิงนะแม่!""พ่อกล้าขึ
"ผู้จัดการ?" พอรู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือใคร ของขวัญรีบปิดประตูกลับคืนไว้เหมือนเดิม "ขะ..คุณมาทำไมคะ""ตกใจเหมือนเห็นผี" โชคดีที่เขาก้าวขาถอยกลับทันจังหวะที่เธอปิดประตู ถ้าไม่งั้นได้หน้าแหกแน่ "เปิดประตูออกมาคุยกันก่อน""คุณไม่เห็นหรือไงว่าฉันอยู่ในสภาพไหน""ไม่ได้ใส่อะไรยังเห็นมาแล้ว แค่นี้ทำไมต้องอาย"นี่แสดงว่าเขายังคงจำได้เหรอ? ..ของขวัญพยายามบอกตัวเองว่าเขาคงลืมแล้ว เพราะเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา แต่ทำไมเขายังจำได้ล่ะ "ฉันขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวออกไปหา""คุณจะให้ผมยืนรออยู่ตรงนี้เหรอ""ไม่รู้จะมาทำไม แล้วนี่เมื่อไรพระรามกับจ๊ะเอ๋จะมา" หญิงสาวพึมพำออกมาแค่เบาๆ แต่ก็ยอมเปิดประตูให้ห้องเช่าของเธอไม่ได้กว้างขวาง แต่ก็แบ่งโซนที่ใช้ทำเป็นครัว ห้องน้ำในตัว ส่วนเตียงนอนก็จะถูกจัดวางไว้อีกมุมหนึ่งในห้องเดียวกัน"คุณนั่งรอก่อนแล้วกัน" ในห้องนี้ถ้าจะนั่งรอก็คงมีแค่เตียงนอน จากที่ไม่เคยเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย เธอก็เลยต้องได้เอาเข้าไป เพราะจะมาเปลี่ยนต่อหน้าเขาคงไม่ได้แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จของขวัญก็ออกมา"คุณมีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามาสิ""เก็บเสื้อผ้าเดี๋ยวจะพากลับบ้าน""ไห
ชายหนุ่มออกมาจากห้องของผู้เป็นพ่อก่อนที่จะกลับเข้าห้องตัวเอง สายตาคมก็ได้มองไปที่.."เข้ามาหาผมหน่อย"กาญจนาหันมองกลับไปด้านหลัง เพราะดูเหมือนว่าผู้จัดการจะไม่ได้พูดกับตัวเอง"เมื่อสักครู่ผู้จัดการบอกใครคะ" พรทิพย์ก็มีความสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะด้านหลังของคุณเลขามีอยู่สองคน เผื่อว่าผู้จัดการจะเรียกใช้ตัวเองบ้าง"พี่ว่าคงจะบอก.." กาญจนาตวัดสายตามองไปที่ของขวัญ "เข้าไปหาผู้จัดการสิ"มีธุระอะไรต้องเรียกเราอีกเนี่ย ..หญิงสาววางงานไว้แล้วก็เดินมาที่ห้องของเขาแกร็ก! แอดดด.. "อุ๊ย.. ขอโทษค่ะ" มัวแต่คิดอยู่ว่าเขาจะคุยอะไรด้วยก็เลยลืมเคาะประตู พอเปิดเข้าไปแล้วก็ต้องได้ปิดไว้ก่อนก๊อก ก๊อก "เข้ามา""ผู้จัดการให้ฉันเข้ามามีอะไรคะ" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องนี้แล้ว"บ้านของคุณอยู่ที่ไหน""คะ?""คุณเป็นคนจังหวัดอะไร""ถามแปลก..ฉันก็เป็นคนทุกจังหวัดนั่นแหละค่ะ" ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ แค่ไม่อยากจะบอกว่าบ้านอยู่ที่ไหน ..แต่พอเห็นสายตาของเขามองมา ของขวัญก็เลยต้องได้บอกไป"เคลียร์งานเสร็จอีกสองวันเดี๋ยวจะพากลับบ้าน" เขาพูดเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับคำพูดของตัวเองเลย"อะไรนะคะ?""อยากจะกลับบ้านไม
ของขวัญที่ยังไม่รู้ว่าเขาหลอกใช้ก็แอบคิดในใจอยู่หรอกว่า ทำไมเขาพาเธอมาดินเนอร์ อยากจะพูดอะไรกับเราหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าต้องพามาเปลืองเงินแบบนี้"ทานสิครับ" พระลักษณ์เอื้อมมือมาตักอาหารวางใส่จานตรงหน้าให้กับเธอแบบอ่อนโยน"??" หญิงสาวแปลกใจมากขึ้น แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว แต่เธอก็เล่นไปตามเกมที่เขาวางไว้ "ขอบคุณค่ะ""คุณไม่ชอบแบบนี้หรือครับ"ดวงตากลมเปิดกว้างขึ้น ไม่นะของขวัญ เรายังไม่รู้เลยว่าเขาทำไปเพื่ออะไร เธออย่าหวั่นไหวกับเขาเด็ดขาด ..เพราะแต่ละคำพูดแต่ละประโยคที่ออกมาจากปากผู้ชายตรงหน้ามันช่างละมุนยิ่งนัก จนของขวัญเผลอเคลิ้มไปกับคำหวานพวกนั้น"วันหลังอยากไปไหนก็บอกผมแล้วกัน จะได้หาเวลาว่างให้" ชายหนุ่มยังคงทำใบหน้าละมุนนั่นไง..ว่าแล้ว ..จากที่มองหน้าเขาแบบตกอยู่ในภวังค์ ตอนนี้ดวงตาของเธอมองสอดส่ายไปทั่วห้องอาหารหรูแห่งนี้"คุณพูดจริงนะคะ ฉันอยากไปหลายที่เลย" เสียงของเธอเริ่มเปลี่ยนไป จากที่พูดแบบไม่มีหางเสียง ตอนนี้น้ำตาลยังอายพระลักษณ์ก็เลยต้องได้มองหน้าเธออีกครั้ง "แล้วคุณอยากไปไหนล่ะครับ""อยากกลับบ้านค่ะ""กลับบ้าน?" ชายหนุ่มมองไปดู กลุ่มคนที่เขารู้แล้วแหละว่าเป็นนักข่าว เพรา
"ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น""แล้วผู้จัดการจะคุยเรื่องอะไรล่ะคะ" เขาไม่คิดเลยเหรอว่าเราจะอาย ..พอถูกเบรคของขวัญก็นึกอายขึ้นมา เรื่องเมื่อคืนนี้มีอะไรต้องให้พูดกันอีกนอกจากเรื่องที่เขาทำกับเธอแบบนั้น"ถ้าคุณพ่อเรียกตัวไปพบ ก็บอกท่านไปว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น""??" อะไรกันท่านประธานจะเรียกตัวเราไปพบเหรอ แค่ผู้จัดการเธอก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว นี่ท่านประธานเลยนะ "ฉันไม่ไปค่ะ" คิดดูแล้วถ้าท่านประธานเรียกไปพบ เธอขอลาออกดีกว่า"ไม่ไปไหน?""ก็ถ้าท่านประธานเรียกตัวไปพบฉันขอไม่ไปพบท่านไงคะ""ผมแค่พูดเผื่อไว้ถ้าท่านเรียกตัวคุณไป" พระลักษณ์รู้ดีว่ายังไงพ่อก็ต้องเรียกตัวเธอไปคุยเรื่องนี้อยู่แล้วทำไมเราต้องไปด้วย เขาต่างหากที่ทำกับเรา "ฉันไม่ไปหรอกค่ะ เพราะฉันโกหกใครไม่เป็น""โกหก?""ก็ใช่ไงคะ คุณจะให้ฉันบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง..ก็ในเมื่อมันมี""เธอคิดจะแบล็คเมล์ฉันเหรอ" แค่จูบเขาไม่คิดว่ามีอะไรอยู่แล้วคิดว่าฉันจะแบล็คเมล์เลยเหรอ? ..ของขวัญคิดว่าแค่จะพูดให้ผู้จัดการไปเคลียร์กับพ่อเอง "แล้วแต่ผู้จัดการจะคิดแล้วกันค่ะ ฉันขอออกไปทำงาน" ทำไมเรื่องวุ่นวายต้องเกิดขึ้นกับเราด้วย จริงๆ แล้วของขวัญไม่ใช่ค
"??" คนที่อยู่ในห้องไม่รู้หรอกว่าหน้าห้องกำลังเกิดอะไรขึ้น เพราะม่านรูดที่นี่เป็นห้องเก็บเสียงอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนจากข้างนอก หรือเสียงที่อยู่ข้างในก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ "คุณพ่อ?""จ๊ะ??" ไม่ได้ตกใจแค่พระลักษณ์ ของขวัญที่ตามออกมาก็ตกใจไม่ต่างกัน"ขวัญอยู่ในห้องนั้นจริงๆ ด้วย" จ๊ะเอ๋เอ่ยพูดออกมาเบาๆ พระรามต้องรีบโอบร่างเธอไว้ก่อนที่เข่าจะทรุด "พี่ชายของคุณทำอะไรเพื่อนฉัน" หญิงสาวเฝ้าแต่โทษตัวเองที่ดึงเพื่อนเข้ามาเดือดร้อนด้วย"เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่คะ" นักข่าวไม่พลาดสักช๊อต และตอนนี้ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้ถูกบันทึกเป็นคลิปไว้หมดแล้ว รอแค่เวลาเผยแพร่"ลูกมาทำอะไรที่นี่" พระนายถามออกไปด้วยท่าทางที่ปกติมาก ไม่ตื่นตระหนกเหมือนคนอื่นเลย"คือว่าผม.." พระลักษณ์มองสายตาพ่อก็รู้แล้วว่าไม่ได้ปกติเหมือนใบหน้าและคำพูดที่แสดงออกมาในเวลานี้เลย"ก็บอกแล้วไงว่าพ่อรู้เรื่องนี้แล้ว จะคบกันพ่อก็ไม่ว่า"???? เครื่องหมายนี้ไม่ได้ผุดขึ้นแค่พระลักษณ์ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สงสัยและแปลกใจ เพราะพระนายทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ และรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว"ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ
"ทำยังไงดีโทรก็ไม่ติด" จ๊ะเอ๋พยายามโทรหาของขวัญ แต่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของเพื่อนจะถูกปิดเครื่อง"เราไปดูที่ห้องเช่าก่อน..ขวัญอาจจะนั่งแท็กซี่กลับไปแล้ว" ในขณะที่ขับรถไปห้องของขวัญ พระรามก็ทำได้แค่พูดปลอบใจเธอ"ภาวนาขอให้เป็นแบบนั้นทีเถอะ"ในเวลาต่อมา..ที่ห้องเช่า"ขวัญยังไม่กลับมาเลย" จ๊ะเอ๋เริ่มใจไม่ดี เมื่อมาถึงเห็นว่ากุญแจคล้องจากด้านนอก "ทำยังไงดี""เดี๋ยวเรากลับไปโรงแรมอีกครั้ง ไปขอดูกล้องวงจรปิด" ที่เขายังไม่ไปขอดูเพราะกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ และต้องเช็คให้แน่ใจก่อนว่าเพื่อนของเธอไม่ได้กลับมาที่ห้องพัก[โรงแรมที่ใช้จัดงาน]"นั่นลูกชายของคุณพระนายไม่ใช่เหรอ" นักข่าวที่กำลังจะกลับ เห็นพระรามแล้วจ๊ะเอ๋เดินผ่านเข้าไปด้านในก็เลยจำได้"พวกเขาจะเข้าไปทำไม งานเลี้ยงเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ""อยากรู้ก็ตามไปดูสิ" นักข่าวทั้งสองเดินตามไปแบบไม่ให้รู้ตัว"เรามาขอดูกล้องวงจรปิดที่ลานจอดรถครับ" เขาไปถึงพระรามก็พูดกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม"มีอะไรเกิดขึ้นคะ""เพื่อนของเรายังไม่กลับบ้าน" แล้วจ๊ะเอ๋ก็เล่าให้ฟังว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างพนักงานได้ยินแบบนั้นก็ตรวจเช็คกล้องวงจรปิดให้ทันที บางกรณีถ้าแขก
นักข่าวที่ประจำอยู่หน้างาน ก็เห็นอยู่ว่ามีคู่รักเดินมาด้วยกัน แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่ามาร่วมงานปกติพระนายมองออกไปที่หน้างาน ก็ไม่พอใจเอามากๆ เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กควงผู้หญิงคนนั้นมาด้วยพระลักษณ์ที่กำลังพาของขวัญไปคุยกันมุมหนึ่งของงานนั้น แต่ยังไม่ได้คุยเลยด้วยซ้ำก็มองไปเห็นพ่อที่เรียกตัวให้เข้ามาหาก่อน"ผู้จัดการมีอะไร..?" ของขวัญกำลังจะถามว่าผู้จัดการมีอะไรจะคุยกับเธอ แต่พอมองอีกทีผู้จัดการเดินไปโน่นแล้ว "อะไรวะ เรียกเรามาคุยด้วยซะดิบดี" หญิงสาวมองซ้ายมองขวา เพราะถ้าใครเห็นคงน่าอายมาก"จะทำยังไง" พระนายยื่นใบหน้าเข้าไปถามลูกชายเบาๆ เพราะไม่อยากให้แขกที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกัน"ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะ..""อย่าให้พ่อได้ยินคำว่าไม่แน่ใจอีก" ลูกชายยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ ผู้เป็นพ่อก็พูดสวนขึ้น"ผมจะพยายามแล้วกันครับ" พระลักษณ์เดินออกมาแล้วก็มองว่าผู้หญิงสองคนที่เขาชวนมางานด้วย คนไหนพอที่จะเรียกใช้งานได้"คุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ" และเขาก็เลือกที่จะเดินมาหา.."ลิกาหรือคะ?""ถ้าคุณช่วยผมได้ ผมจะตอบแทนอย่างงาม""ช่วยอะไรคะผู้จัดการ" "ช่วยแยกผู้หญิงคนนั้นออกจากพระรามหน่อย"มัลลิกามอง
[ห้องเช่าของขวัญ]ตอนที่โทรคุยกันจ๊ะเอ๋บอกให้เพื่อนกลับห้องไปก่อนเดี๋ยวตามไปหา"เข้ามาข้างในก่อน" ของขวัญเปิดประตูห้องให้กับจ๊ะเอ๋ สายตาไม่ได้มองเพื่อนหรอกแต่มองคนที่เดินตามหลังเข้ามา"ฉันรู้ว่าแกอยากจะถามอะไร" เพราะคิดว่าของขวัญต้องอยากรู้แน่ว่าทั้งสองกลับมาคบกันแล้วเหรอ ทำไมถึงตามติดเหมือนเงาเลย"แกพร้อมที่จะเล่าให้ฉันฟังไหมล่ะ" ของขวัญแอบน้อยใจอยู่ไม่ใช่น้อย ที่ได้ยินเรื่องราวของเพื่อนจากปากคนอื่น แต่ถ้าเพื่อนพร้อมที่จะเล่าให้ฟังป่านนี้คงเล่าแล้ววันต่อมาที่บริษัท"จริงเหรอ?" ตอนนี้ข่าวที่ผู้จัดการชวนมัลลิกาไปออกงานรู้กันไปทั่วทั้งบริษัทแล้ว"จริงสิ..ได้ยินมาจากเจ้าตัวเองเลยแหละ""ทำไมเราไม่ถูกเชิญแบบนี้บ้าง""เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เรามาเม้าท์เรื่องที่ทำไมผู้จัดการถึงเชิญมัลลิกา" คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างก็จ้องตา เพราะผู้จัดการก็ยังโสด ส่วนมัลลิกาตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าคงไม่สมหวังจากพระรามแล้วล่ะ"นางหาที่เกาะใหม่ได้เร็วมาก""มาโน่นแล้ว" อีกคนรีบสะกิดเพื่อนไว้เมื่อเห็นมัลลิกาเดินยิ้มแป้นเข้ามาในบริษัท"คุณมัลลิกา""คะ""วันนี้ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ""จริงเหรอคะ..ไม่รู้เลยนะเนี่ย""คืนนี