“ยาพวกนี้เป็นยาล็อตใหม่ที่เพิ่งผลิตออกมาของบริษัทยาตระกูลหลี?”เย่เฟิงถามเสียงขรึม“ใช่! พอได้ของมาปุ๊บ ฉันก็ส่งมาให้ผู้จัดการร้านหลี่ทันที! ทำไม เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”หวงสือเริ่นพยักหน้า แล้วพูดจาประจบผู้จัดการร้านหลี่ก่อนแล้วถามยิ้มเยาะผู้จัดการร้านหลี่หัวเราะกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็พูดกับเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “คุณลูกค้าคนนี้จะมาซื้อยาเหรอครับ? รีบซื้อแล้วรีบกลับไปซะ อย่ามาถามนั่นถามนี่อยู่ที่นี่เลย! น่ารำคาญ เหอะๆ…”ยาตัวใหม่ทั้งสี่ตัวของบริษัทยาตระกูลหลีขายดิบขายดีขนาดนี้หวงสือเริ่นสามารถเอาของมาให้เขา เขาย่อมต้องทำดีกับหวงสือเริ่นอยู่แล้วเมื่อเห็นว่าหวงสือเริ่นไม่ชอบหน้าเย่เฟิง ผู้จัดการร้านหลี่จึงไม่ลังเลที่จะเข้าข้างเถ้าแก่หวง แล้วพูดจาเยาะเย้ยดูถูกเย่เฟิงเมื่อได้ยินดังนั้น หวงสือเริ่นก็หัวเราะร่าพร้อมปั้นสีหน้าชอบใจ “ผู้จัดการร้านหลี่ คุณพูดถูก! ของล็อตหน้า ผมจะเอามาให้คุณสองเท่าเลย!”“ขอบคุณเถ้าแก่หวงมาก!”ผู้จัดการร้านหลี่ยิ้มแก้มปริเย่เฟิงมองดูสีหน้าของทั้งสอง แล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ “สินค้าล็อตนี้มีปัญหา ถ้าไม่อยากมีปัญหาไปด้วย ก็อย่าขาย!”เมื่
เมื่อเห็นดังนั้น เย่เฟิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดห้ามทันทีว่า “เดี๋ยวก่อน อย่าใช้ยาที่เพิ่งได้รับวันนี้ ของเก่าไม่มีแล้วเหรอ? ยาล็อตใหม่นี้มีปัญหา!” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของผู้จัดการร้านหลี่ก็เปลี่ยนไป “ไอ้หนุ่ม ถ้าไม่ซื้อก็ออกไป! ถ้ายังพูดพล่อยๆ อีก ฉันจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท!” คุณนายผู้ดีเองก็ชี้หน้าเย่เฟิงพร้อมด่าทออย่างดุดัน “เด็กเวรนี่มาจากไหน กล้ามาขวางการรักษาลูกชายฉัน ฉันจะเอาชีวิตแก!” เย่เฟิงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เย็นลง “เห็นแก่ที่คุณกำลังร้อนใจเพราะลูกชายกำลังบาดเจ็บ ผมจะไม่ถือสาเอาเรื่องที่คุณด่าแล้วกัน แต่ให้ดีก็ระวังปากหน่อย!”“โฮ่ะ นี่ฉันได้ยินอะไร? ในหยุนเฉิงยังมีคนกล้ามาขู่ฉันอีกเหรอ! แกเป็นใครมาจากไหน?”คุณนายผู้ดีเลิกคิ้วถาม“เขาจะเป็นใครได้? คุณนายหวังเคยได้ยินเรื่องคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลีไหมครับ? เขาก็คือไอ้หน้าขาวที่คุณหนูใหญ่ตระกูลหลีหามาได้นั่นแหละครับ!”หวงสือเริ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะ “อ๋อ ที่แท้ก็แค่ไอ้หน้าขาวนี่เอง! คุกเข่าแล้วขอโทษฉันซะ! ไม่อย่างนั้นวันนี้แกได้พิการแน่!”คุณนายผู้ดีแค่นเสียงเย้ย แล้วชี้ที่เท้าของตัวเองพร้อมตะคอก
เมื่อคุณนายหวังเห็นบาดแผลของลูกชายที่ไม่เพียงแค่เลือดไม่หยุดไหลเท่านั้น แต่ยังเริ่มเน่าเปื่อยขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอยิ่งตื่นตระหนกจนแทบเสียสติ!พร้อมขู่ว่าจะทำให้ร้านยาปิดตัวลง รวมถึงจะให้ผู้จัดการร้านหลี่และแพทย์แผนจีนหยางต้องเข้าคุกด้วย!"ลูก! ลูกแม่เป็นยังไงบ้าง!"“ฟื้นสิลูก!”คุณนายหวังร้องไห้เสียงดัง แล้วชี้หน้าด่าผู้จัดการร้านหลี่อย่างเกรี้ยวกราด "พวกแกมันพวกขายยาใจดำ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมา สามีฉันจะฆ่าพวกแกทั้งตระกูลแน่!"ผู้จัดการร้านหลี่ได้ยินดังนั้น หน้าถอดสีด้วยความตกใจเขาทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วชี้ไปที่หวงสือเริ่น พร้อมด่าอย่างโกรธเคืองว่า "หวงสือเริ่น เพราะแก! แกเป็นคนส่งยานี่มาเอง แกทำให้ฉันต้องซวยไปด้วย! เย่เฟิงที่อยู่ข้างนอกนั้นบอกไว้ไม่มีผิด ยาพวกนี้มีปัญหาจริงๆ!"ใบหน้าของหวงสือเริ่นสั่นสะท้านด้วยความกลัว แต่เขายังคงดื้อรั้นเถียงว่า "ไร้สาระ! ยาพวกนี้...ยาพวกนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน! เพราะนายใช้ไม่ถูกวิธีต่างหาก!"แม้ว่าเขาจะปากแข็ง แต่ในใจของเขาก็เริ่มหวาดกลัวเช่นกัน"เถ้าแก่หวง อย่ามาใส่ร้ายกันนะ! วิธีการใช้ของผมถูกต้องทุกอย่าง อีกทั้งยาธาตุทองตระกูลหลีนี้ก็ไม่มีวิธี
“เหอะๆ นี่คุณกำลังขอร้องผมงั้นเหรอ?”เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา"ฉัน...ใช่ ถือว่าฉันขอร้องนายแล้วกัน รีบเข้าไปช่วยลูกชายฉันเถอะ!ถ้านายช่วยได้จริง ฉันจะให้นายห้าล้าน ไม่สิ ห้าสิบล้านเลย!"คุณนายหวังกัดฟันพูดเย่เฟิงส่ายหัว ในใจคิดว่าทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีผู้หญิงที่โง่ขนาดนี้นะ?เวลาขอร้องให้คนช่วย ยังทำตัวกร่างขนาดนี้อีกคิดว่าแค่มีเงินก็ทำได้ทุกอย่างหรือไง?จากนั้นเย่เฟิงก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "คอผมไม่ค่อยดีน่ะเลยไม่ชอบเงยหน้ามองคนอื่น เข้าใจความหมายของผมไหม?"คุณนายหวังได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนสีทันทีเธอถึงจะนึกขึ้นได้ว่า เย่เฟิงเคยบอกว่าตนจะต้องคุกเข่าขอร้องเขาแน่นอนฉะนั้นตอนนี้หมายความว่า เขาต้องการให้ตนคุกเข่าให้กับเขางั้นเหรอ?"แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? กล้าดียังไงมาให้ฉันคุกเข่าให้แก?"คุณนายหวังชี้หน้าเย่เฟิงแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ"อ้อ งั้นก็ทำตัวกร่างต่อไปเถอะ อีกเดี๋ยวลูกชายของคุณก็จะตายเพราะความกร่างของคุณนั่นแหละ"เย่เฟิงเบะปากพูดอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินดังนั้น คุณนายหวังก็สะดุ้งไปทั้งตัวการคุกเข่าให้กับเย่เฟิงนั้นเป็นเรื
“คุณนายหวัง มีอะไรก็สั่งมาได้เลยครับ! ช่วยเช้ออะไรกัน”ผู้จัดการร้านหลี่ยิ้มประจบ“ไอ้เด็กนั่นมาซื้อยาใช่ไหม? ฉันต้องการให้นายยื้อเวลาเขาไว้ อย่าให้เขาหนีไปล่ะ!”คุณนายหวังพูดด้วยสีหน้าโกรธแค้น“ไม่มีปัญหา! วางใจได้เลย เดี๋ยวผมจัดการให้!”ผู้จัดการร้านหลี่ได้ยินดังนั้น ก็ทุบหน้าอกแสดงความตั้งใจแต่ในใจก็แอบหัวเราะ แล้วเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมาอีกเดี๋ยวจะมีคนซวยแล้ว…หลังจากจัดแจงผู้จัดการร้านหลี่เสร็จ คุณนายหวังก็ออกไปคุยโทรศัพท์“ที่รักคะ ฉันถูกคนรังแกค่ะ! ฮือๆๆ…”“มีคนบังคับให้ฉันคุกเข่าให้! ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ฉันอยากตาย…”“ค่ะ! งั้นคุณรีบพาคนมาแก้แค้นแทนฉันนะคะ สั่งสอนไอ้เด็กระยำนั่นซะ!”ส่วนหวงสือเริ่นก็รู้ว่ายาล็อตนี้อาจจะมีปัญหาจริงๆจึงรีบสั่งให้คนเก็บยาที่เพิ่งเอามาส่งเมื่อครู่นี้กลับมาให้หมดพร้อมคืนเงินให้กับร้านยาในใจหวงสือเริ่นแอบกลัวเล็กน้อย ในใจกล่าวโชคดีที่ร้านนี้เป็นร้านแรกที่ส่งของให้ ไม่อย่างนั้นถ้าส่งมอบสินค้าไปจนหมดแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา เขาคงได้ซวยจริงๆ แน่แม่งเอ้ย บริษัทยาตระกูลหลีทำอะไรอยู่กันแน่?หวงสือเริ่นก่นด่าในใจ ตัดสินใจจะไปถามหลีเทียนกังให้ชัด
"หักขามันซะ ให้มันคุกเข่าอ้อนวอนฉัน!"คุณนายหวังชี้ไปที่เย่เฟิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเมื่อเห็นฉากนี้ ผู้จัดการร้านหลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีท่าทางสะใจส่วนหวงสือเริ่นที่เพิ่งสั่งให้คนยกยาขึ้นรถบรรทุกกลับไป ก็ไม่คิดจะออกไปไหนแล้วเพราะทุกคนล้วนอยากจะเห็นเย่เฟิงตกที่นั่งลำบากเช่นกัน!"ไอ้หนุ่ม กล้ามากนะ! ถึงขั้นให้คุณนายหวังคุกเข่าให้ เฮอะๆ..."ผู้จัดการร้านหลี่ยิ้มเยาะ"ไอ้คนแซ่เย่คงซวยหนักแล้วสิท่า?"หวงสือเริ่นยิ้มเย็นชา และตั้งท่ารอดูเรื่องสนุกเมื่อหวังโต้วฟู่ได้ยินภรรยาของตนร้องไห้ ก็จ้องเย่เฟิงอย่างดุร้ายและชี้หน้าเย่เฟิงด้วยไม้เบสบอลในมือ "ไอ้หนุ่ม กล้าดียังไงถึงบังคับให้เมียกูคุกเข่าให้? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!เห็นแก่ที่มึงช่วยชีวิตลูกชายกูไว้ กูจะให้โอกาสมึงคุกเข่าและกราบเมียกูหนึ่งร้อยที แล้วกูจะปล่อยมึงไป!"เย่เฟิงจ้องมองคุณนายหวังและหวังโต้วฟู่อย่างเย็นชา ใบหน้าที่เฉียบคมของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเย็นชา"แกก็รู้ว่าฉันช่วยชีวิตลูกชายแกไว้ นี่น่ะเหรอคือการตอบแทนผู้มีพระคุณของแก?"เย่เฟิงไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตลูกชายของพวก
หวังโต้วฟู่และคุณนายหวังไม่คาดคิดเลยว่า การที่พาพวกอันธพาลมามากมายจะถูกเย่เฟิงจัดการหมดด้วยตัวคนเดียว เมื่อเห็นฝีมืออันแข็งแกร่งของเย่เฟิง ทั้งสองคนก็ถึงกับตกตะลึงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะนั้นเอง หลังจากที่หวังโต้วฟู่ตะโกนออกไปเสียงดัง ชายที่มีแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้าคนหนึ่งพร้อมลูกน้องมากมายที่ดุดันก็กรูเข้ามานั่นก็คือเฮียปา อดีตลูกน้องของเว่ยเหล่าหู่!เฮียปาซึ่งเป็นหนึ่งในลูกน้องที่ดุดันที่สุดของเว่ยเหล่าหู่ เป็นยอดฝีมือที่มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเต็มไปด้วยพลังระเบิด และมีพลังฝีมือสูงระดับช่วงปลายของการฝึกฝนอีกทั้งลูกน้องของเขาก็ไม่ใช่แค่นักเลงธรรมดา แต่เป็นพวกที่สามารถจัดการคู่ต่อสู้ทีละสิบคนได้เมื่อคุณนายหวังเห็นเฮียปาเข้ามาพร้อมลูกน้อง ก็เผยสีหน้าดีใจทันที"ไอ้หนุ่ม คราวนี้แกไม่รอดแน่!"หวังโต้วฟู่พูดอย่างดุดัน"เฮียปาแค่รออยู่ข้างนอก ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้! แต่แกดันกล้าทำร้ายลูกน้องของเขา คราวนี้แกไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแน่!"คุณนายหวังพูดพลางสั่นเทิ้มด้วยความดีใจเธอเรียกเฮียปาอย่างนับถือ เพราะรู้สึกว่าเฮียปาเป็นที่พึ่งพิงที่แข็งแกร่งสำหรับเ
“ขอให้คุณโปรดเมตตา ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ให้อภัยผมด้วยเถอะ...”เฮียปากล่าวพลางก้มศีรษะโขกพื้นต่อหน้าเย่เฟิงแม้เย่เฟิงจะยังไม่พูดหรือทำอะไรก็ตาม เขาก็เริ่มขอความเมตตาแล้วเตาปารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ!เพราะเขาไม่มีทางลืมภาพเหตุการณ์ที่ร้านหม้อไฟ ‘รักลุกเป็นไฟ’ ตอนที่พวกเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วพบศพเกลื่อนพื้น ในขณะที่เย่เฟิงกำลังเช็ดเลือดจากมืออยู่ได้เลย!และเขายังจำได้ดีว่าเว่ยเหล่าหู่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะไปล่วงเกินชายคนนี้ด้วย!ใช่แล้ว เว่ยเหล่าหู่และเว่ยเสี่ยวตงเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน!พวกเขาจากไปอย่างไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเหมือนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในคุกแม้จะไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจน แต่ใครๆ ก็คงเดาได้ว่าเป็นเพราะอะไร“ขอดูพฤติกรรมของแกหน่อยแล้วกัน”มองดูเตาปาที่คุกเข่าโขกศีรษะอยู่บนพื้น เย่เฟิงก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขณะมองไปยังสองสามีภรรยาตระกูลหวังสิ้นเสียง เฮียปาก็ตัวสะดุ้ง แล้วมองไปที่หวังโต้วฟู่และคุณนายหวังด้วยสายตาราวกับสัตว์ร้ายในตอนนี้ ทั้งคู่ก็รู้แล้วว่าพวกตนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใดแม้แต่เฮียปายังคุกเข่าขอความเมตตาจากเย่เฟิง นับประสาอะไรกับพวกเขาอีก?
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้