เวลานี้ สีหน้าของกัวไป๋ชวนมืดมนในทันใด แล้วเดินเข้าไปหาเหอเสี้ยวตงด้วยท่าทีโกรธจัด“ประ…ประธานกัว ฟังผมอธิบายก่อน! ผม…”เหอเสี้ยวตงเห็นดังนั้น ก็ลนลานและหวาดกลัวขึ้นมาเพี๊ยะ!ไม่รอให้เขาพูดจบ กัวไป๋ชวนก็ตบหน้าเหอเสี้ยงตงอย่างแรกทีหนึ่ง“มึงนี่มันวอนหาที่ตายจริงๆ! กูบอกให้มึงไปจัดการทิ้งหินชั้นต่ำพวกนี้ซะ แต่มึงกลับเอามาหลอกลวงแม่ภรรยาของคุณเย่?”“กูไม่เอามึงไว้แน่!”กัวไป๋ชวนกัดฟันกรอดวินาทีต่อมา เขาก็มองไปที่เย่เฟิง แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้ารู้สึกผิดและกระวนกระวายใจ “คุณเย่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมนะ!”“ไม่เป็นไร ผมรู้ครับ”เย่เฟิงโบกมือกัวไป๋ชวนโล่งใจไปเฮือกหนึ่ง จากนั้นชี้เหอเสี้ยวตง แล้วถามว่า “คุณเย่ ไอ้ระยำนี่มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณหรือเปล่าครับ?”เขาเห็นว่าเหอเสี้ยวตงอยู่ในห้องนี้ด้วย ดังนั้นจึงถามออกไปอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบไม่พึงประสงค์ในอนาคต“ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น”เย่เฟิงส่ายศีรษะทันใดแค่แฟนพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของหลีเอียนเฉยๆ น่ะ จะมีความสัมพันธ์อะไรกันได้?ถึงจะมี ก็คงเป็นแค่ความสัมพันธ์วอนบาทาเท่านั้นแหละ!กัวไป๋ชวนได้ยิ
“ใช่เย่เฟิง ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน! นาย…ช่วยหน่อยสิ?”เสิ่นม่านเองก็หน้าด้านถามเมื่อได้ยินป้าใหญ่และเสิ่นม่านถามแบบนั้น ลุงเขยใหญ่กับเหอเสี้ยวตงเองก็มองเย่เฟิงด้วยสีหน้าน่าสงสารยุคสมัยนี้ การที่สามารถทำงานได้เงินเดือนห้าหมื่นนั้นไม่ง่ายเลย ถ้าเสียงานนี้ไป เหอเสี้ยวตงมีความคิดอยากฆ่าตัวตายเลยด้วยซ้ำ“น้องเขย นายมีหน้ามีตา! เมื่อกี้นี้ฉันตาบอดเอง อย่าถือสาพี่เขยเลยนะ?”เหอเสี้ยวตงปั้นหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นท่าทีของครอบครัวป้าใหญ่ เย่เฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา แล้วหันกลับไปหาสวีเพ่ยเพ่ย “แม่ครับ แม่ว่ายังไง? ผมจะทำตามที่แม่ว่า”เมื่อได้ยินดังนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็สะใจสุดขีดมองดูครอบครัวป้าใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ยังทำตัวหยิ่งยโส เผยหน้าซะใจต่อหน้าพวกเขาแล้ว เธอกับหลีเทียนหยางก็รู้สึกเหมือนได้แก้แค้นแล้วอย่างไรอย่างนั้นเย่เฟิงลูกเขยคนนี้กู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้ตน“ช่างเถอะ ยังไงก็เป็นญาติกัน! ฉันจะถือสาเด็กคนหนึ่งได้ยังไง ถ้างั้นเสี่ยวเย่ นายช่วยไปพูดกับประธานกัวให้เขาหน่อยเถอะ”สวีเพ่ยเพ่ยโบกมือยิ้มๆ แล้วพูดอย่างใจกว้างที่สำคัญคือ ครอบครัวป้าใหญ่กลับย้อนมาขอร้องตนเอง ทำให้เธอรู้สึกซะใจเ
เย่เฟิงไม่มีเบอร์ติดต่อของกัวไป๋ชวน แต่อีกฝ่ายกลับยังให้เกียรติเย่เฟิงขนาดนี้แบบนี้หมายความว่าอะไร? หมายความว่ากัวไป๋ชวนกำลังประจบเย่เฟิงฝ่ายเดียวไงล่ะเย่เฟิงไม่มีเบอร์ติดต่อของอีกฝ่าย ดูเหมือนแค่ไม่สำคัญพอที่จะบันทึกไว้เท่านั้น!ส่วนสวีเพ่ยเพ่ยและหลีเทียนหยาง ตอนนี้ยิ้มจนปากแทบถึงหูแล้ว ไม่ต้องพูดเลยว่ามีหน้ามีตามากแค่ไหนเป็นลูกเขยเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้ต่างกันขนาดนี้ล่ะ?ลูกเขยของตนเพียงแค่พูดประโยคเดียว ว่าที่ลูกเขยของป้าใหญ่ก็ถูกจัดการในทันที!“เอ๋? ป้าใหญ่ ลุงเขยใหญ่? มาได้ยังไงครับ?”ทันใดนั้นเอง ในที่สุดหลีหย่วนก็จัดแจงงานวันเกิดของแม่เสร็จ โดยมีพนักงานหลายคนเดินตามหลังมา“เจ้าเด็กนี่มาถึงสักที! ป้าใหญ่ของแกมาเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แม่น่ะสิ พร้อมมาขอร้องพี่เขยแกสักหน่อย ใช่ไหมพี่ใหญ่?”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยสีหน้าชนะ“ใช่…ใช่สิ!”ป้าใหญ่ยิ้มตอบอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ฮ่าๆ ป้าใหญ่ พวกป้าก็รู้เหรอว่าพี่เขยเก่งแค่ไหน?”หลีหย่วนได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มๆเมื่อได้ยินดังนั้น ป้าใหญ่ทั้งครอบครัวก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอีกครั้งหลีหย่วนที่ดื้
"โอเค ถ้างั้นพี่เหรินจัดการเองเลย! ยาแพงๆ แบบนั้น หยุดผลิตไปก็ไม่เป็นไร!"เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา"อืม! ไม่เพียงแต่ผู้ค้าสมุนไพรยาเมื่อคราวก่อนเท่านั้น แต่ผมจะใช้การเครือข่ายความสัมพันธ์ของผมทั้งหมด เพื่อไม่ให้บริษัทยาตระกูลหลีหาซัพพลายเออร์วัตถุดิบยารายใหม่ได้อีก!อย่างน้อยผู้ค้าสมุนไพรยาในมณฑลนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องไปติดต่อแล้ว! ความพยายามของคุณเย่จะกลายเป็นเครื่องมือดูดเลือดและทำกำไรให้คนอื่นได้ยังไง?" เหรินลี่ชวิ๋นพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงสูง "แบบนี้... จะส่งผลต่อกำไรของคุณไหม?” เย่เฟิงถาม“ไม่เป็นไรเลย! ลูกของผมเองก็เป็นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผมก็เกลียดราคายาที่แพงลิบลิ่วด้วย ผมเกลียดพวกนักธุรกิจใจดำที่ทำกำไรมากมาย ภายใต้ความลำบากของคนป่วยพวกนั้นจนเข้าไส้! คุณเย่ คุณไม่ต้องห่วง!”เหรินลี่ชวิ๋นพูดอย่างหนักแน่นแล้วเปลี่ยนน้ำเสียง "จริงสิ คุณเย่ ตอนนี้คุณกับคุณหลีเอียนกำลังทำอะไรอยู่? มีความคิดที่จะออกยาใหม่หรือก่อตั้งบริษัทใหม่ไหมครับ?"เขาถามอย่างคาดหวัง“กำลังดำเนินการอยู่ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเลย! ถึงตอนนั้น ถ้าเป็นไปตามแผน คงต้องรบกวนเรื่องวัตถุดิบยาจากพี่เหรินอ
เมื่อได้ยินว่าตัวเองหายดีแล้ว ความมืดมนนั้นก็เหมือนถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง กลายเป็นคนสดใสในบัดดลเย่เฟิงเห็นนั่วนั่วแบบนี้ ในใจก็ตัดสินใจว่าจะหาสาเหตุให้เจอ!ถึงครั้งนี้จะล้มเหลว แต่เย่เฟิงก็สามารถถ่ายทอดปราณมังกรให้กับนั่วนั่ว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรไม่ต้องกินยา เด็กน้อยก็จะไม่รู้ความจริงถ้าลูกสาวสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีเรื่องกังวลก็คงดี…เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฟิงส่งนั่วนั่วไปที่โรงเรียนอนุบาลเสร็จ ก็ขับรถไปรับหลีเอียนที่หยู่กวงตี่เมื่อมาถึง หลีเอียนก็เตรียมตัวเสร็จแล้ววันนี้บอสสาวสวยแต่งตัวชุดออกกำลังกายสบายๆ ดูเย็นชาน้อยกว่าปกติ แต่ให้ความรู้สึกขี้เล่น และมีชีวิตชีวามากหลายส่วนแบบนี้กลับทำให้ดูเหมือนน้องสาวข้างบ้านอย่างไรอย่างนั้น“ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?”เย่เฟิงถามอย่างแปลกใจ“หลายๆ เรื่องในโรงงานตอนนี้ ฉันต้องจัดการเองทั้งหมด จะให้ฉันใส่ส้นสูงไปหรือไง? ทำไม แบบนี้ไม่สวยเหรอ?”หลีเอียนถาม แววตาคู่งามแฝงไปด้วยความกังวลไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มใส่ใจภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าเย่เฟิง“สวย! คุณใส่อะไรก็สวยหมดแหละ!”เย่เฟิงพูดยิ้มๆ“ปากมันลิ้นลื่นจริ
"เพียงเห็นหลีเอียนที่เผชิญหน้ากับการสารภาพรักของเถียนอวี่เซวียน ใบหน้าสวยของเธอก็ยังคงเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับน้ำแข็งในวินาทีถัดมา เธอก็เดินอ้อมผ่านเถียนอวี่เซวียนที่คุกเข่าอยู่ไป เปิดประตูและเข้าไปในรถทันทีเธอปิดประตูแรงเสียงดัง ‘ปัง’เย่เฟิงที่เห็นดังนั้น แววตาพลันสั่นไหวเล็กน้อยไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูกแม้ว่าเขาจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีเอียนนั้นไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้เลยเย่เฟิงต้องยอมรับว่า เมื่อครู่นี้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะในใจลึกๆ เขาไม่เห็นหลีเอียนรับคำสารภาพนั้นเลย“เอียนเอ๋อร์! เอียนเอ๋อร์ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ!” เมื่อเถียนอวี่เซวียนเห็นหลีเอียนเดินจากไป สีหน้าที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งของเขาก็แข็งทื่อไปทันที เขาลุกขึ้นยืน พยายามที่จะตามไปรั้งหลีเอียนไว้แต่ในขณะนั้น เย่เฟิงก็ขยับตัวบังเขาไว้ทันที“ขอโทษทีนะ แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของผมจะไม่อยากสนใจคุณนะ!”เย่เฟิงพูดพลางยิ้มเย้ย “ภรรยา?”เมื่อเถียนอวี่เซวียนได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ สีหน้าของเขา
"ถ้างั้นก็ดี"สวีเพ่ยเพ่ยพยักหน้าอย่างโล่งใจ จริงๆ แล้วพวกเขาเองก็ไม่รู้จักบัตรเชิญของงานนี้หรอก เย่เฟิงบอกว่าใช่ก็คือใช่นั่นแหละ“อุ๊ย พวกแกกล้ามาจริงๆ ด้วยนะ!” ในขณะนั้น เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงหน้าโรงแรมเหมือนกัน บังเอิญพบกับเย่เฟิงทั้งสี่คนพอดีคนที่เดินนำหน้ามาคือ ผู้อาวุโสหลี ตามมาด้วยครอบครัวหลีเทียนกังทั้งสามคน รวมถึงลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็กของหลีเอียนผู้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลีงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าที่จัดขึ้นโดยถงว่านจินเป็นโอกาสที่แม้แต่ตระกูลหลีก็ต้องการใช้เพื่อขยายเครือข่ายทางธุรกิจนอกจากนี้ พวกเขายังตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักผู้ค้าสมุนไพรยาให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบยาของบริษัทยาตระกูลหลีในขณะนี้ทุกคนต่างสวมสูทเรียบหรู ดูดีมีระดับ เหมือนกลุ่มคนชนชั้นสูงปานนั้น เสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่หลีถิงแล้วจะเป็นใครได้?หลีเทียนกังเดินเข้ามาหาหลีเทียนหยาง พร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “พี่ใหญ่ ไม่นึกเลยว่าพวกพี่จะกล้ามาจริงๆ พวกพี่มาทำอะไรล่ะ?”“ก็มาร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าน่ะสิ จ
หลีเอียนเองกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใช่ค่ะคุณย่า เรามีบัตรเชิญของเราเอง ไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี!”พวกเขาไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี แต่การกระทำของผู้อาวุโสหลีทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังมาก“หืม? พวกเธอก็มีบัตรเชิญด้วยเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” หลีเทียนกังพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อสีหน้าของผู้อาวุโสหลีก็ไม่แน่ใจและโกรธเคืองเช่นกัน!หลี่เยว่ผิงในตอนนี้ มองไปที่บัตรเชิญที่เย่เฟิงยื่นออกไป ดวงตาของเธอเป็นประกายและตะโกนขึ้นว่า “บัตรนั่นมันของปลอม! ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันไม่เหมือนกับของเรา!”พูดจบ เธอก็หยิบบัตรเชิญที่ตระกูลหลีได้รับจากมือของผู้อาวุโสหลี แล้วยื่นให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย“พวกคุณดูดีๆ นี่ถึงจะเป็นบัตรเชิญของแท้ บัตรของเขาทำออกมาดูดี แต่เห็นได้ชัดว่ามันปลอม!”เมื่อสังเกตเห็นดังนั้น หลีเทียนกังและผู้อาวุโสหลีรวมถึงหลีถิงต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยัน“ที่แท้ก็ของปลอมนี่เอง!”“แค่มีบัตรปลอมๆ ใบหนึ่งก็คิดจะเข้าไปงั้นเหรอ?”“ถึงจะปลอม ก็ควรทำให้มันเหมือนกว่านี้หน่อยสิ…”ในขณะนั้นเอง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ส่งบัตรเชิญคืนให้เย่เฟิง พร้อมทำท่าเชิญให้
เมื่อผู้จัดการเฝิงได้ยินเจียงหว่านพูดเช่นนั้น เขาหัวเราะเยาะออกมา “เธอจะหาเงินได้งั้นเหรอ? จะไปหาจากไหน? ฉันตรวจสอบครอบครัวเธอมาแล้ว!แม่ของเธอป่วยมาหลายปี แถมยังมีน้องชายที่ไม่ได้เรื่อง เอาแต่เล่นพนันจนติดหนี้ ญาติพี่น้องก็ซ่อนตัวจากพวกเธอเหมือนหนีโรคระบาด ไม่มีใครอยากยุ่งกับครอบครัวเธอและเงินตั้งสี่ล้าน มันไม่ใช่จำนวนเล็กๆ ต่อให้มีคนอยากช่วย ก็ไม่มีใครหาเงินให้เธอได้หรอก!เธอบอกว่าจะหาเงินได้งั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ ลองไปหามาให้ฉันดูซิ!”ผู้จัดการเฝิงหวีผมแสกกลางอย่างภูมิใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกเจียงหว่านกัดริมฝีปาก ไม่พูดอะไร จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปยังเบอร์ที่เธอเพิ่งบันทึกไว้เมื่อสองวันก่อนในขณะนั้นเอง เย่เฟิงเพิ่งกลับมาถึงบ้านพร้อมกับนั่วนั่ว เมื่อเห็นสายเรียกเข้าจากเจียงหว่าน เขาก็รับทันที“เจียงหว่าน?”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย“เย่เฟิง...ฉัน...ฉัน...”เมื่อได้รับแรงกดดันจากผู้จัดการเฝิง เจียงหว่านจึงโทรหาเย่เฟิงด้วยความโกรธแต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินเสียงของเขา เธอกลับรู้สึกพูดไม่ออก“มีอะไรหรือเปล่า? เธอกำลังลำบากใช่ไหม?”เย่เฟิงถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“อีกสิบวัน เป็นยังไง?”ผู้บัญชาการมู่ถาม“ได้! ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็โอเค”เย่เฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง...หลังแยกจากผู้บัญชาการมู่ เย่เฟิงและหลีเอียนก็ไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน และช่วงบ่ายก็ไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งจนเสร็จหลังจากเหตุการณ์ตอนเช้า คนในร้านชุดแต่งงานต่างสุภาพและนอบน้อมกับทั้งคู่บริการอย่างไร้ที่ติแน่นอนว่า เหตุการณ์ในช่วงเช้าถูกปิดข่าวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทางกองถ่าย จุดชมวิว หรือร้านชุดแต่งงาน ทุกคนต้องเซ็นสัญญารักษาความลับ ห้ามเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ออกไปหลายวันถัดมา เย่เฟิงไม่ได้ไปพบผู้อาวุโสหลีอีกเลย และไม่ได้รักษาเธอด้วยเหมือนเขาจะไม่สนใจแล้วจริงๆ!ในเวลาเดียวกัน มี "นักปรุงยา" ที่มีฝีมือคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นในหยุนเฉิง และขายยาที่ชื่อว่า ‘หยางหยวนตัน’ ให้แก่เหล่าคนรวยผลลัพธ์ของมันทำให้หลายคนหลงใหล!โดยเฉพาะพวกที่สุขภาพทรุดโทรมจากการใช้ชีวิตเกินตัว หลังจากทานหยางหยวนตันเข้าไป พวกเขาเหมือนได้รับชีวิตที่สองเย็นวันนั้น ที่สำนักงานฝ่ายขายของบริษัทไวน์หวังป้า!เจียงหว่านเพิ่งทำงานเสร็จ!เช่นในคืนงานเลี้ยงรุ่นที่ผ่านมา เธอต้องทำงานถึงสองทุ่มก่อนจะไปร่วมงาน
เย่เฟิงฆ่าฆาตกรมีดเลือด มู่จ้านก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออกแล้ว!ครั้งที่เขากำจัดทาคุโนะ ซากิ มู่จ้านยิ่งประหลาดใจจนสุดบรรยาย!และตอนนี้ เย่เฟิงกลับกำจัดปรมาจารย์อีกคนไปได้ชายหนุ่มคนนี้ ทำให้มู่จ้านรู้สึกเหมือนเขาเป็นปริศนาที่ไร้ขีดจำกัดเขาแทบไม่กล้าคาดเดาว่า ขอบเขตความสามารถของเย่เฟิงอยู่ที่ไหน“น้องเย่ นายเป็นยอดฝีมือระดับไหนกันแน่?”มู่จ้านอดไม่ได้ที่จะถามเย่เฟิงลังเลเล็กน้อย ก่อนส่ายหัว “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับสร้างรากฐาน แต่สำหรับมู่จ้านที่เป็นนักสู้ เย่เฟิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหนเหมือนกัน“เอ่อ...ช่างมันเถอะ”มู่จ้านหัวเราะแห้งๆ เขาคิดว่าเย่เฟิงไม่อยากเปิดเผยความสามารถของตัวเอง เลยไม่ถามต่อจากนั้นเขาเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ที่ฉันมาหานาย ก็เพื่อบอกว่า นินจาที่นายฆ่าครั้งนี้ มีภารกิจจะลักพาตัวเจียงรุ่ยฉี เพื่อใช้เป็นตัวประกันเจรจากับฉัน เพื่อแลกเปลี่ยนตัวเสิ่นจี่!รวมถึงครั้งก่อนที่ทาคุโนะ ซากิปรากฏตัว พวกเขาก็ต้องการจับเฟยเอ๋อร์ไป เพื่อบีบบังคับฉันเช่นกัน!เย่เฟิง นายช่วยฉันไว้สองครั้งแล้ว! ฉันไม่รู้จะขอบคุณ
เจียงรุ่ยฉีในตอนนี้โดนตบจนใบหน้าบวมปูดจนจำเค้าเดิมไม่ได้ถงซวี่เย่ที่โกรธจัดไม่ยั้งแรงเลยแม้แต่น้อย“ไม่...ฉัน...ฉันนึกออกแล้ว! เย่...คุณเย่ไม่ได้ฆ่าเหล่าไค!เมื่อกี้ฉันแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย...”เจียงรุ่ยฉีร้องไห้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน เธอตกใจจนแทบหมดสติเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!เสียงตบดังสนั่นก้องอยู่ในห้องสอบปากคำถงซวี่เย่ระดมตบเจียงรุ่ยฉีอย่างไร้ปรานี“พูดเรื่อยเปื่อย? พูดเรื่อยเปื่อยอีกสิ!”“ผู้หญิงไร้ค่าอย่างเธอกล้ากล่าวหาว่าเขาฆ่าคน? ถ้าไม่ใช่พี่เย่ของฉัน แต่เป็นคนอื่นล่ะ เธอคิดว่าพวกเขาจะเจอกับอะไร?”“ฉันมันโง่เอง ที่อุตส่าห์ดันเธอจนโด่งดังขึ้นมา!”“พี่เย่ของฉันคือใคร? เขาคือคนที่ช่วยชีวิตแม่ของฉันไว้! เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลถง! แล้วเธอ ผู้หญิงไร้ค่านี่ จะให้ฉันมองหน้าพี่เย่ได้ยังไง?”“ให้ตายเถอะ ฉันจะฆ่าแก นังแพศยา!”ถงซวี่เย่พูดด้วยความเดือดดาล พลางตบซ้ำไปมา“คุณชายถง! ฉันผิดไปแล้ว...”“อ๊าก!”“ฉันไม่กล้าอีกแล้ว! ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย...”“อ๊าก!”เจียงรุ่ยฉีร้องลั่น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวจนดูไม่ออกว่าเป็นใครผู้หญิงที่เคยหยิ่งทะนงในช่วงเช้า ตอนนี้เหมือนหม
เจียงรุ่ยฉีได้ยินคำพูดของมู่จ้าน ในใจเธอหล่นวูบ หน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวแต่เธอยังคงดื้อดึง กล่าวด้วยเสียงแหลมสูงว่า “ฉัน...ฉันไม่รู้ว่ามือสังหารเหล่านั้นจะจับฉันหรือเปล่า แต่ฉันเห็นเย่เฟิงฆ่าคน!มันอาจเป็นไปได้ว่าฉันเห็นภาพหลอนไปเอง เพราะก่อนหน้านี้เย่เฟิงตบหน้าฉัน! ดูสิคะ...เขาเป็นคนรุนแรง ฆ่ามือสังหารไปตั้งมากมาย อาจจะเผลอฆ่าคนในกองถ่ายโดยไม่ตั้งใจก็ได้!ฉันอาจจะมองผิด แต่ฉันไม่ได้ใส่ร้าย...ไม่จริงๆ!”แม้ถึงตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่สำนึกในตอนนั้นเอง เธอเหลือบเห็นถงซวี่เย่ที่เดินเข้ามา ดวงตาของเธอสว่างวาบทันที“คุณชายถง! ช่วยฉันด้วย!”“คุณชายถง คุณต้องช่วยฉันนะคะ!”ถึงแม้ผู้บัญชาการมู่จะมีตำแหน่งสูง แต่ในความคิดของเจียงรุ่ยฉี ถงฟากรุ๊ปที่เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดในมณฑล ต้องมีอิทธิพลมากกว่าแน่นอนตราบใดที่คุณชายถงยืนอยู่ข้างเธอ ผู้บัญชาการเขตรักษาความปลอดภัยในเมืองเล็กๆ นี้ก็คงต้องเกรงใจแต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจียงรุ่ยฉีแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองถงซวี่เย่ไม่ได้สนใจเธอเลย ใบหน้าของเขาดูไม่พอใจอย่างยิ่ง ก่อนจะหันไปหาเย่เฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
เย่เฟิงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธในใจเขาแทบอยากจะเดินไปตบหน้าเจียงรุ่ยฉีอีกหลายครั้ง“ขอโทษนะคะ แต่ที่ฉันเห็นคือคุณฆ่าเขา! ส่วนคนอื่นจะเห็นยังไงฉันไม่รู้ บางทีพวกเขาอาจจะกลัวคุณ เพราะเห็นคุณฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมก็ได้!แต่ฉัน เจียงรุ่ยฉี จะไม่ยอมกลัวพลังอำนาจของคุณเด็ดขาด!”เจียงรุ่ยฉีพูดพร้อมกับยักไหล่ จากนั้นก็ลูบหน้าผากของตัวเองด้วยท่าทางเหมือนเวียนหัว “แน่นอน มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ตอนนั้นสถานการณ์มันตึงเครียดเกินไป ฉันเลยตกใจจนเห็นภาพหลอนไปเอง!เพราะฉันถูกคุณตบ จนตอนนี้หัวฉันยังมึนอยู่เลยไม่ว่าจะยังไง ฉันก็แค่พูดในสิ่งที่ฉันเห็นออกมาก็เท่านั้น!”เย่เฟิงได้ยินดังนั้ ก็มองเธอด้วยแววตาโกรธจัด “เธอ...”เจียงรุ่ยฉียิ้มอย่างได้ใจ เมื่อเห็นเย่เฟิงโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอรู้สึกสะใจยิ่งนักกล้าตบฉันเหรอ?เดี๋ยวเจ๊จะทำให้นายไม่มีทางหนีเลยคอยดู!ต่อให้จะเก่งแค่ไหน ฆ่ามือสังหารได้กี่คนแล้วยังไง?ก็ไม่มีทางสู้กับกฎหมายหรืออำนาจรัฐได้อยู่ดี!ปัง!ในตอนนั้นเอง เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นประตูห้องสอบปากคำถูกเตะเปิดออกจากด้านนอกผู้ช่วยไช่ลดเท้าลงยืนตัวตรงอยู่ข้างประตูผู้บัญชาการมู่ เดินเข้
ถงซวี่เย่ที่เพิ่งมาถึง รับรู้แค่ว่ากองถ่ายถูกโจมตีโดยมือสังหาร แต่ยังไม่รู้รายละเอียดยิ่งไม่รู้ด้วยว่า เย่เฟิงกับหลีเอียนก็เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยเมื่อเห็นหลีเอียน เขาก็แสดงความประหลาดใจออกมา“ฉันต้องอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เรื่องครั้งนี้ทั้งฉันกับเย่เฟิงก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย”หลีเอียนพยักหน้าและพูด“พี่เย่กับพี่สะใภ้ก็อยู่ด้วย? แล้วพี่เย่ล่ะ? อยู่ไหน?”ถงซวี่เย่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป พลางมองหาคนในกลุ่มนอกจากเห็นเหล่าทหารที่ติดอาวุธและผู้บัญชาการมู่แล้ว เขาก็ไม่เห็นเย่เฟิงเลยในขณะเดียวกัน บทสนทนาระหว่างถงซวี่เย่กับหลีเอียน ทำให้คนในกองถ่ายแสดงความประหลาดใจออกมาคุณชายถง ถึงกับสุภาพกับภรรยาของคุณเย่ขนาดนี้เลยเหรอ?แถมเรียกเธอว่าพี่สะใภ้อีก?ก่อนหน้านี้ ตอนเย่เฟิงพูดว่าจะโทรหาคุณชายถง หลายคนยังคิดว่าเขาพูดเล่นแต่ตอนนี้ ดูเหมือนเขาจะรู้จักคุณชายถงจริงๆและดูจากท่าทีของคุณชายถงแล้ว ความสัมพันธ์ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ!!หลี่เฉิงหนานที่แอบอยู่ด้านหลัง เช็ดเหงื่อเย็นพลางพยายามซ่อนตัวเมื่อคิดถึงการไม่เคารพเย่เฟิงและหลีเอียนก่อนหน้านี้ เขารู้สึกกังวลอย่างยิ่ง กลัวว
เมื่อเห็นเช่นนั้น คนที่อยู่ในที่นั้นต่างสะดุ้งและรีบโบกมือ“พะ...พวกเราไม่ได้ทำ!”“เหล่าไคจะถูกคุณเย่ฆ่าได้ยังไง? ฉันเห็นกับตาชัดๆ ว่าฆาตกรคือมือสังหารคนแรกที่เป็นหัวหน้าพวกนั้น เขาเป็นคนฆ่าเหล่าไค!”“ใช่! ฉันเป็นพยานให้คุณเย่ได้!”“คุณเย่เป็นฮีโร่ เขาช่วยพวกเราไว้ จะฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ยังไง? เหล่าไคถูกมือสังหารญี่ปุ่นฆ่าต่างหาก!”“พวกเราเป็นพยานให้คุณเย่ได้!”“คนที่กล่าวหาคุณเย่ไม่ใช่ฉันแน่!”“ใครมันใจร้ายกล้าโกหกแบบนี้?”เหล่าทีมงานกองถ่าย นักแสดง ตัวประกอบ และทีมงานร้านชุดแต่งงาน รวมถึงผู้จัดการจุดชมวิว ต่างช่วยกันพูดด้วยความโกรธโดยเฉพาะนักแสดงหญิงและตัวประกอบหญิง พวกเธอพูดเสียงดังเป็นพิเศษ ราวกับการได้ยินว่ามีคนใส่ร้ายเย่เฟิงทำให้พวกเธอโกรธไปด้วยตอนนี้เกือบทุกคนกลายเป็นแฟนคลับของเย่เฟิง เต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมต่อผู้ชายที่เหมือนเทพเจ้าสงครามคนนี้หลีเอียนเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา รีบขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจ “ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณที่ทุกคนยอมเป็นพยานให้เย่เฟิง!”“ไม่เป็นไรค่ะ เราก็แค่พูดความจริง ถ้าไม่มีคุณเย่ พวกเราอาจจะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมือสังหารไปแล้ว! เราไ
เย่เฟิงตะโกนด้วยความโกรธ “พาเธอมาสิ! ผมจะเผชิญหน้ากับเธอ! เธอกำลังแก้แค้นส่วนตัว และใส่ร้ายผมอย่างไร้เหตุผลอยู่!”เมื่อเขาพูดจบ ชายผมเทาก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยเสียงเรียบว่า “ผมจะถ่ายทอดความต้องการของคุณให้คุณเจียงรุ่ยฉี ถ้าเธอยินดี ผมจะจัดให้พวกคุณได้เผชิญหน้ากัน!”หลังจากพูดจบ ชายผมเทาก็ออกจากห้องสอบปากคำไป!ในขณะเดียวกันอีกฝั่งหนึ่งคนอื่นๆ ที่ให้ปากคำเสร็จแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในลานของหน่วยปราบปราม ยังไม่ได้กลับไปหลีเอียนก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย!เธอแสดงความกังวลออกมา มองไปรอบๆ แต่อย่างไรก็ไม่เห็นเย่เฟิงออกมาสักทีวินาทีต่อมา หลีเอียนคว้าแขนเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ขอโทษนะคะ คุณเย่เฟิงทำไมยังไม่ออกมา? เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”เจ้าหน้าที่คนนั้นส่ายหัว “ขอโทษครับ มีคนกล่าวหาว่าคุณเย่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ เรากำลังสอบสวนอยู่”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลีเอียนก็เปลี่ยนไปทันที “เย่เฟิงจะฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ยังไง? ใครกล่าวหา? คนคนนั้นตาบอดหรือไง?”เธอมองไปรอบๆ ด้วยสายตาอันแหลมคม แต่ก็ไม่เห็นเจียงรุ่ยฉีอยู่ในกลุ่มนั้นนั่นทำให้หลีเอียนนึกถึงบางสิ่ง ก่อนพูดด้วยควา