เมื่อเย่เฟิงพูดแบบนี้ คุณนายเซียวก็รีบตอบโต้ทันที ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและโกรธจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขา รวมถึงถงว่านจินต่างก็รู้สึกแปลกใจต่อคำพูดของเย่เฟิง“อะไรคือพลังแห่งความตาย? มันคืออะไร! นี่พ่อหนุ่ม นายกำลังสาปแช่งคุณชายเซียวอยู่เหรอ?”ศิษย์ของหมอเทวดาจู้ถามด้วยสายตาที่เยาะเย้ย“ฮึ! ทำตัวน่าหมั่นไส้! นี่มันหมอหลอกลวงจากไหนกัน? ทำให้คนเดือดร้อนจริงๆ!”จู้ชิวหนานมองเย่เฟิงด้วยสายตาไม่ดี เหมือนกับมองนักต้มตุ๋นอย่างไรอย่างนั้นการกล่าวเกินจริงและทำให้สับสนมักเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันในหมู่นักต้มตุ๋นเหล่านี้ขณะที่สีหน้าของคุณนายเซียวยิ่งแย่ลง เธอหันไปที่ถงว่านจินแล้วพูดว่า “เหล่าถง คุณพาใครมาเนี่ย? ลูกชายฉันยังไม่ตายเลย เขาบอกว่าพลังแห่งความตายอะไรกัน แล้วก็อะไรคือรักษาไม่หาย? นี่ตั้งใจทำให้พวกเราลำบากเหรอ?”“เอ่อ…”ถงว่านจินเปิดปากพูด แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร“ขอโทษครับ ผมไม่ได้สาปแช่งคุณชายเซียว แต่พูดความจริง ในบ้านนี้มีพลังแห่งความตาย ซึ่งควรมีอยู่เฉพาะในสุสานหรือสถานที่อันตรายเท่านั้น“การมีพลังแห่งความตายในย่านที่อยู่อาศัยแบบนี้ ย่อมมีเรื่องผิดปกติ!”เย่เฟิงกล
คุณลุงเซียวคือประธานคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารของหยุนเฉิง ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์กับเขาจะทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคตสะดวกขึ้นแต่ตอนนี้...เฮ้อ!ถงว่านจินถอนหายใจ รู้สึกว่าเพียงไม่กี่คำของเย่เฟิงก็ทำให้คุณนายเซียวโกรธเคืองโดยสิ้นเชิงเซียวฉางเหอ หรือที่เขาเรียกว่าเหล่าเซียว เป็นผู้ควบคุมธนาคารใหญ่ในหยุนเฉิง การสร้างความสัมพันธ์กับเขามีความหมายแตกต่างจากการรู้จักผู้มีอำนาจในวงการอื่นๆเพราะไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณก็ต้องมีธุรกรรมกับธนาคารอยู่ดีแม้แต่คนธรรมดาก็ยังต้องติดต่อกับธนาคาร“ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนที่หล่อนมาขอความช่วยเหลือจากผม ก็จะไม่มีเรื่องบาดหมางไม่บาดหมางแล้ว”เย่เฟิงยิ้มอย่างมั่นใจ“เอ่อ คุณแน่ใจเหรอว่าหล่อนจะมาขอร้องคุณ?”ถงว่านจินแสดงสีหน้าแปลกใจ“เหอะๆ…”เย่เฟิงยิ้มเบาๆ ราวกับทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขาภายในคฤหาสน์คุณนายเซียวพาจู้ชิวหนานและศิษย์ของเขาไปที่ห้องของเซียวคุนเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น โดยมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลขณะมองลูกชายของเขาเขาคือเพื่อนสนิทของถงว่านจิน ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารของหยุนเฉิง เซียวฉางเหอ!“หมอเท
อย่างไรก็ตาม นายหญิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แค่คิดว่าไม้วิเศษตีนั้นจับพลัดจับผลูตีถูกเข้าทีเสียแพทย์เทวดาจู้มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ มีหมอเทวดาจู้อยู่ด้วย เธอก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป"คุณเซียว นายหญิงเซียว ไม่ต้องกังวล! มีอาจารย์ของผมมาช่วย คุณชายเซียวจะปลอดภัย!"ลูกศิษย์หนุ่มตบหน้าอกของเขาแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ“ใช่! แน่นอน! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหมอเทวดาจู้แล้ว!”เซียวฉางเหอกล่าวชมเชยในเวลานี้จู้ชิวหนานหยิบเข็มเงินออกมาและเริ่มฝังให้กับเซียวคุนอย่างไรก็ตามหลังจากฝังไปไม่กี่ครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน!ตึง!เซียวคุนซึ่งแต่เดิมหมดสติก็เด้งขึ้นจากเตียงทันที"อ้ะ!"จู้ชิวหนานที่กำลังฝังเข็มอยู่ก็ด้วยความประหลาดใจสองสามีภรรยาเซียวฉางและลูกศิษย์หนุ่มก็ตกใจเช่นกันและมองดูฉากนี้ด้วยความตื่นกลัว"โครก! โครก..."วินาทีต่อมา เห็ฯเพียงเซียวคุนจ้องด้วยดวงตาสีแดงเลือด ล้มตัวลงใส่จู้ชิวหนานที่อยู่ใกล้ที่สุด และส่งเสียงคำรามในลำคอ"คุนเออร์! เป็นอะไรลูก?"“คุนเออร์!”...ภายนอกบ้าน พักเย่เฟิงและถงว่านจินรออยู่สักพักก็เห็นประตูบ้านพักเปิดออกวินาทีต่อมา นายหญิงเซียวก็โซเซออกม
เย่เฟิงส่ายหัวแล้วกล่าวเมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวฉางเหอและนายหญิงเซียวก็มีสีหน้าตกตะลึงวินาทีต่อมา นายหญิงเซียวปาดน้ำตาแล้วรีบวิ่งไปหาจู้ชิวหนานทุบตีและด่าเขา“เป็นเพราะคุณ คุณนั่นแหละที่ทำร้ายลูกชายของฉัน! ไอ้หมอเลว!”“ถ้ามีอะไรผิดปกติกับลูกชายของฉัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่!”จู้ชิวหนานจิตวิญญาณยังไม่นิ่งสงบ เมื่อเผชิญกับการทุบตีและดุด่าของนายหญิงเซียว เขาก็กุมศีรษะของตัวเองวิ่งไปลูกศิษย์ที่แต่เดิมเย่อหยิ่งไม่น้อยไม่กล้าพูดอะไรเลยในตอนนี้เวลานี้ เซียวฉางเหาสงบกว่าภรรยาของเขามาก เขาถามเย่เฟิงอย่างสุภาพและกังวล "อาจารย์ใหญ่... ท่านนี้ ลูกชายของผมยังมีทางรอดไหม? ได้โปรด ช่วยคิดหาทางด้วย …”เย่เฟิงพยักหน้า “โชคดีที่พิษศพเพิ่งกระจายออกมายังไม่รุกรานไปถึงหัวใจและสมอง ไม่ต้องกังวล!”กล่าวพลาง เขาก็ตะโกนบอกหมอเทวดาจู้ว่า “หมอเทวดาจู้ ขอยืมเข็มของคุณหน่อย”หมอเทวดาจู้ได้ยินดังนั้นก็วิ่งไปอย่างรวดเร็วคราวนี้ เขาไม่ทำอวดเก่งต่อเย่เฟิงแล้ว ยื่นเข็มเงินที่ถือติดตัวมาอย่างว่าง่ายต่อมา ภายใต้สายตาที่กังวลและคาดหวังของทุกคน เย่เฟิงใช้เข็มเงินเพื่อฝังพลังงานมังกรเข้าสู่ร่างกายของเซี
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอเทวดาจู้และลูกศิษย์ก็มีสีหน้าที่ดูย่ำแย่เล็กน้อยลึกเข้าไปในดวงตาของจู้ชิวหนานมีความไม่พอใจมากก่อตัวขึ้นเขามีชื่อเสียงมากเขา ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพทุกที่ที่เขาไป เคยถูกคนดูถูกเช่นนี้ที่ไหนกันล่ะ?อย่างไรก็ตาม เพื่อความอยู่รอด เขายังคงขอร้องทั้งน้ำตาและน้ำมูก "ท่านเทพ ผมผิดไปแล้ว! ผมเองที่แย่ ดูถูกคนอื่นและตาบอด ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากน้ำใจ ช่วยผมด้วยนะ! ท้ายที่สุดหากผมถูกพิษศพ กลายเป็นซอมบี้แล้วกัดคนอื่น มันจะทำร้ายคนอื่นด้วยใช่ไหมล่ะ?โปรดช่วยผมด้วย!”เย่เฟิงหัวเราะ “เหอะๆ ดูสิ คุณตกใจจนสภาพเป็นแบบนี้เลย เขากัดของคุณน่ะไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องรักษา คุณชายเซียวยังไม่กลายเป็นซอมบี้เลยและพิษศพก็ยังไม่ลามถึงฟัน หากคุณกังวล คุณก็ไปอาบน้ำด้วยซุปข้าวเหนียวด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้นจู้ชิวหนานที่คุกเข่าลงกับพื้นก็ตกตะลึง“จริง...จริงเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณไม่ยอมช่วยหรอกนะ?”“จริง! อย่างที่คุณพูด แม้ว่าผมจะไม่ช่วยคุณ ก็คงไม่อยากให้คุณกัดคนอื่นใช่ไหมล่ะ?”เย่เฟิงเม้มปากแล้วพูด"เฮะ!"ดวงตาของจู้ชิวหนาน กะพริบสองสามครั้ง และเขาลุกขึ้นยืนด้วยน้ำเสียงเย็นชา“แล้วแกทำ
ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่น่าเชื่อถือ หวงสือเริ่นก่อนหน้านี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ แล้วหลีเอียนไม่ได้มีเส้นสายมากนักเมื่อนึกถึงพฤติกรรมของคุณนายใหญ่ตระกูลหลีเฒ่าแล้วเย่เฟิงก็คิดว่าจะให้หลีเอียนถือโอกาสนี้ขยายเส้นสายให้มากขึ้นก็ไม่แย่นัก...คืนนั้น เย่เฟิงไปส่งนั่วนั่วกลับบ้านก่อนแล้วจึงขับรถไปบริษัทยาตระกูลหลีเพื่อรับ CEO คนสวยหลังเลิกงานเมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดก็บังเอิญชนเข้ากับเหลียงน่าน่า“พี่เย่ มารับประธานหลีเลิกงานเหรอ?”เลขาเหลียงถาม"อืม"เย่เฟิงพยักหน้าเหลียงน่าน่าชี้ไปทางห้องประชุม "ประธานหลีอยู่ในการประชุม"แล้วเธอก็เปลี่ยนน้ำเสียงและพูดว่า “ผู้อาวุโสหลี และคนจากตระกูลหลีก็มาด้วย…”หลังจากสิ้นคำพูดเย่เฟิงก็พูดว่า "หืม?" และอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ!ในขณะนี้ประตูห้องประชุมก็เปิดออกเห็นเพียงหลีเอียนเดินอยู่ข้างหน้าสุด สีหน้าของเธอดูแย่มาก และดวงตาที่สวยงามก็แดงเล็กน้อย"ที่รัก เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เฟิงก็เดินเข้าไปถามเมื่อเห็นชายคนนี้ ความคับข้องใจและความกดดันที่หลีเอียนต้องทนทุกข์ทรมานในห้องประชุมก่อนหน้านี้ดูเหมือนจ
“นั่นสิ ก็ไม่ดูหน่อยว่าตัวเองเป็นใคร? แค่เป็นเด็กน้อยหน้าขาว ก็ทำตัวเป็นผู้ชายเกาะผู้หญิงกินไปก็พอ!”หลีถิงกระโดดออกมาอีกครั้งชี้ไปที่เย่เฟิงแล้วพูดอย่างดูหมิ่น“ไอ้เด็กแซ่เย่ แกคิดว่าแกเป็นใคร แล้วแกกล้ากล่าวหาคนอื่นได้อย่างไร”“นั่นสิ ถ้าไม่ใช่เพราะแก คุณชายฉู่ก็ไม่โกรธหรอก!”“หากแกถูกฆ่าเสียแต่โดยดี พวกเราตระกูลหลีจะไม่ถูกลงโทษจากคุณชายฉู่!”“แย่ที่สุดก็เช่นเมื่อก่อน คุณชายฉู่ ยังมีความอดทนต่อหลีเอียน! ทั้งหมดก็เพราะแก ไอ้ตัวซวยของตระกูลหลี!”สองสามีภรรยาหลีเทียนกัง แม้กระทั่งลุงสี่และอาเล็ก ต่างก็ชี้ไปที่เย่เฟิงและเริ่มสาปแช่งล้วนผลักความรับผิดชอบมาให้เย่เฟิงในคำพูดของพวกเขา ดูเหมือนเป็นความผิด ที่เย่เฟิงไม่ได้ถูกฉู่เทียนหลงฆ่าตายเย่เฟิงเยาะเย้ยและมองไปยังผู้อาวุโสหลีและคนตระกูลหลีเหล่านี้ด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุด“พวกขยะ! เพราะตนไร้ความสามารถ ทำได้เพียงผลักความรับผิดชอบให้ผู้อื่น แต่ไม่กล้าสู้กับฉู่เทียนหลง!”ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนในตระกูลหลีก็เริ่มร้อนใจพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาถูกเด็กเมื่อวานซืนคนนี้ดูหมิ่นแล้วจริงๆ“ไอ้เวร! แกรู้ไหมว่าตระกูลฉู่ทรงพลังขน
“อืม ฉันเชื่อคุณค่ะ”หลีเอียนกัดริมฝีปาก แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น“พี่คะ นี่พี่คงถูกผู้ชายคนนี้พูดจาหวานซึ้งหลอกจนเสียสติไปแล้วจริงๆ! ถึงได้เชื่อมันได้ลงคอ ตลกจริงๆ!”หลีถิงพูดจาเย้ยหยันเสียงดังคนอื่นๆ เองก็ส่ายหัวต่างรู้สึกว่าหญิงแกร่งขึ้นชื่อของตระกูลหลีคนนี้ได้ถูกไอ้หน้าขาวนี้หลอกล่อจนเสียสติไปแล้วระหว่างทางส่งหลีเอียนกลับบ้าน…อารมณ์ของบอสสาวสวยไม่ดีมาตลอด“เย่เฟิง นายคิดจะทำยังไงถึงจะทำให้บัญชีบริษัทถูกปลดล็อก?”หลีเอียนลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็อดถามไม่ได้“ง่ายมาก ธนาคารไหนเป็นคนดูเลเรื่องที่บัญชีบริษัทถูกล็อก? เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเลี้ยงมื้อเที่ยงเขาก็พอ”เย่เฟิงพูดอย่างไม่ร้อนไม่หนาวเมื่อได้ยินดังนั้น หลีเอียนก็ส่งเสียง ‘หา?’ ออกมา แล้วเผยสีหน้าผิดหวังออกมาบนใบหน้าอันสวยงาม“แค่นี้? เลี้ยงข้าวเขา ขอความเมตตาเหรอ?ฉันสืบมาแล้ว อีกฝ่ายเป็นผู้จัดการของธนาคารหยุนไห่ชื่อลวีปิงกง เป็นลูกพี่ลูกน้องของทนายลวีคนสนิทของฉู่เทียนหลงคนอื่นเขาสนิทกันแค่ไหน แค่เราเลี้ยงข้าวมื้อเดียว เขาจะเปลี่ยนมาอยู่ฝ่ายเดียวกับเราได้ยังไง?”หลีเอียนส่ายหน้าเยาะเย้ย“วางใจเถอะ ถึงตอนนั้นเดี๋
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้