แชร์

ตอนที่4. ณ ท้องพระโรง

ผู้แต่ง: Bunmeebooks
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 13:41:39

ขอทานหนุ่มร้องเสียงหลงพลางหดขาคู้เข้าหาตัว เพื่อหลบหนีจากการสัมผัสของแม่เล้า

เจียวมี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบปรับอารมณ์เป็นยิ้มแย้มทันที แล้วขุดเอามารยาพันเล่มเกวียนจากการเป็นแม่เล้ามานานขึ้นมาใช้ว่า

“ไม่ต้องตกใจ.... เมื่อคืนเจ้ามาสลบอยู่ที่หน้าหอไซ้ยเกอของข้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดรอยฟกซ้ำ ข้าเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนแล้งน้ำใจ จึงให้คนพาเจ้ามานอนพักที่นี่ เจ้าชื่ออะไรรึ”

บุรุษบนเตียงได้ฟังวาจานางแล้วยิ่งขมวดคิ้วแน่น เขารำพึงรำพันออกมาว่า

“เราชื่อเฉินเฉิง ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ เราควรจะอยู่ในวังมิใช่รึ”

ความทรงจำครั้งสุดท้ายในหัวของเขาไหลเวียนเรื่องราวในอดีต รู้สึกเหมือนว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น เขาเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิน มีพระนามว่า “เฉินเฉิง” เพราะเชื่อคำยุยงของฟางเหรินกุ้ยเฟย จึงสังหารเฟิ่งอี๋ฮองเฮา แล้วเรื่องที่เหลือเชื่อก็พลันเกิดขึ้นเมื่อวิญญาณของเฟิ่งอี๋กลับเข้ามาในร่างของฟางเหริน แก้แค้นเขาได้อย่างเลือดเย็น

ภาพบนแท่นบรรทมในตำหนักเมฆาสวรรค์ยังชัดเจนในห้วงความทรงจำ หวนนึกถึงครั้งใดหัวใจของเขาก็เจ็บราวกับถูกบีบให้แหลกลาญ  เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ รู้สึกเจ็บปวดจนยากจะบรรยายออกมา

เจียวมี่ได้ยินเขากล่าววาจาเช่นนั้น ก็เดาเอาว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะเป็นลูกขุนนางในวัง แล้วบังเอิญเกิดเหตุร้ายกับครอบครัวเป็นแน่จึงได้กลายมาเป็นขอทานข้างถนนเช่นนี้

“เจ้าคงจะเป็นลูกขุนนางในวังใช่หรือไม่”

นางถามออกไปอย่างใจคิด

คำพูดนั้นทำให้เฉินเฉิงตวัดสายตามองเจียวมี่อย่างขุ่นเคือง นางผู้นี้ไม่รู้จักที่สูงแผ่นดินต่ำ

“ข้าเป็นฮ่องเต้ !”

เฉินเฉิงคำรามออกมา

เจียวมี่และคนอื่น ๆ ชะงักไป จากนั้นก็พากันหัวเราะออกอย่างครื้นเครงราวกับว่ากำลังฟังเรื่องตลกอยู่ก็ไม่ปาน ทำให้อารมณ์เฉินเฉิงปะทุเป็นไฟยิ่งขึ้น เขาจึงตวาดออกมาว่า

“สามหาว พวกเจ้าบังอาจหัวเราะฮ่องเต้รึ ไม่อยากมีชีวิตอยู่กันรึยังไง”

“นี่ เจ้าหนุ่ม หากเจ้าเป็นฮ่องเต้ ข้าก็เป็นฮองเฮาแล้วสิ อิ อิ”

เจียวมี่ปิดปากหัวเราะ

“บังอาจ !”

เฉินเฉิงตวาดหน้าดำหน้าแดง ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นต่อให้โกรธขึ้งมากแค่ไหนก็ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

“ฮ่องเต้สวรรคตไปนานแล้ว ผู้ที่นั่งอยู่บัลลังก์มังกรตอนนี้ก็เป็นจักรพรรดินี ไหนเลยจะมีฮ่องเต้ออกมาเดินเพ่นพ่านได้”

เจียวมี่นั่งลงข้างเขา แล้วพยายามพูดกับบุรุษหนุ่มดี ๆ เผื่อว่าเขาจะตั้งสติขึ้นมาได้

เฉินเฉิงสะท้านวูบ ผู้คนเหล่านั้นกล่าวหาว่าฮ่องเต้จะตายได้อย่างไร ในเมื่อเขาผู้เป็นฮ่องเต้ยังนั่งหายใจอยู่ตรงนี้ หรือว่านี่ไม่ใช่ตัวเขา เมื่อตระหนักได้ดังนั้น เขาก็กระโจนลงจากเตียง ผู้คนต่างแตกฮือหลีกทางให้เขา

ร่างนั้นมุ่งตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง และเมื่อเห็นใบหน้าตนเองในคันฉ่องชัดเจน เขาถึงกับดึงทึ้งใบหน้างดงามนั้น ราวกับว่าเลือดเนื้อนี้เป็นเพียงหน้ากาก

“นี่คือผู้ใด.... คือผู้ใด....”

เขาร้องออกมาเสียงพร่าสั่น

“นายหญิง ข้าว่าเจ้านี่มันคงสติฟั่นเฟือนไปแล้ว ไล่มันออกไปจากหอไซ้ยเกอเถอะ”

ผู้คุมซ่องรีบเสนอ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเก็บคนบ้าเอาไว้

เจียวมี่ขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญ เมื่อคืนนางดีใจแทบตายที่คิดว่าตนเองเก็บได้แท่งทองคำที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับหอไซ้ยเกอได้อย่างมหาศาล แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเพียงบุรุษเสียสติคนหนึ่ง

“อาจจะพอมีหนทาง”

นางตอบ เพราะยังตัดใจจากใบหน้าอันงดงามนั้นมิได้  จากนั้น เจียวมี่ก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านหลังชายหนุ่มที่เอาแต่ร่ำไห้คร่ำครวญแล้วเอ่ยอย่างปลอบประโลมว่า

“เฉินเฉิง.... เจ้าคงถูกทำร้ายจนตื่นตระหนกตกใจมากเกินไป เช่นนี้ดีหรือไม่ ให้เจ้าพักอยู่ที่นี่รักษาตัวให้หาย แล้วจาก......”

“ไม่ ! ไสหัวออกไปให้หมด”

เจียวมี่ยังกล่าวไม่ทันจะจบประโยค เขาก็ตวาดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด แล้วอาละวาดเอากับสิ่งของตรงหน้าราวกับคนบ้าคลั่ง

“จับไว้เร็วเข้า !”

แม่เล้ารีบถอยออกห่างด้วยความตื่นตระหนก พลางร้องให้ผู้คุมซ่องควบคุมตัวเขาไว้ เมื่อเฉินเฉิงดิ้นรนขัดขืน ผู้คุมซ่องจึงใช้สันฝ่ามือฟันฉับลงที่ท้ายทอยของเขาเต็มแรง

ตุบ !

ร่างของเฉินเฉิงทรุดฮวบลงกับพื้นทันที

เจียวมี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วบอกผู้คุมซ่องให้หามร่างที่สลบไปนอนที่เตียงตามเดิม จากนั้นจึงสั่งความกับเด็กรับใช้ว่า

“ไปตามหมอมาดูอาการเฉินเฉิงที”

ณ ท้องพระโรง

ขุนนางน้อยใหญ่กำลังโต้เถียงการเรื่องจัดเก็บภาษี ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตนเอง แต่เสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีเมืองซานซีเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าจากปีก่อน

“กราบทูลองค์จักรพรรดินี เมืองซานซีเป็นเมืองชายแดน เป็นเขตทุรกันดาร กระหม่อมเห็นว่าหากเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสิบเท่าเกรงว่าประชาชนมากมายจะเดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”

แม่ทัพหลี่กลั้นใจกราบทูล ยอมเสี่ยงตายเห็นแย้งกับเหล่าขุนนางที่คอยประจบสอพลอองค์จักรพรรดินีโดยไม่คำนึงถึงความสุขของไพร่ฟ้าประชาชน

“ถึงเมืองซานซีจะเป็นเมืองชายแดน แต่ก็เป็นเมืองหน้าด่านที่ทำการค้ากับชาวปอซือ จัดเก็บภาษีเล็กน้อยเท่านี้จะเป็นอะไรได้”

ใต้เท้าจื่อลู่ออกความคิดเห็นสนับสนุนพระดำริขององค์จักรพรรดินีอย่างเต็มที่ เพราะเขาเป็นเจ้ากรมการคลังคนใหม่ที่จักรพรรดินีแต่งตั้งแทนใต้เท้าชุนซึ่งถูกประหารในรัชกาลที่แล้ว

“แต่ข้าพระองค์เห็นด้วยกับแม่ทัพหลี่ ถึงแม้เมืองซานซีจะเป็นเมืองหน้าด่านติดต่อค้าขายกับชาวปอซือ แต่รายได้ก็ใช่ว่าจะมากมาย การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสิบเท่า เกรงว่าจะทำให้ประชาชนลำบากจริง ๆ”

ใต้เท้าจ้าน เจ้ากรมอาญาเสนอความเห็นขึ้นบ้าง ตั้งแต่เขาทำคดีลอบวางยาพิษพระสนมฟางเหรินกุ้ย และการตายอย่างไม่เป็นธรรมของเฟิ่งอี๋ฮองเฮาก็ทำให้เขาชราภาพลงมาก  คดีที่หนักที่สุด คือ กบฏอ๋องเฉินฉู่ เป็นเหตุให้ต้องผลัดเปลี่ยนแผ่นดินทำเอาเขาผมขาวโพลนทั้งศีรษะ

“ใต้เท้าจ้าน แม่ทัพหลี่ เบี้ยประจำตำแหน่งที่ท่านได้รับทุกวันนี้ก็ล้วนมาจากภาษีประชาชน หากไม่เก็บภาษีเพิ่มขึ้น ไหนเลยจะมีเงินมาจ่ายเบี้ยให้ท่าน แลเหล่าขุนนางทั้งหลายได้”

ใต้เท้าหยวนรุ่ย อัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย กล่าวขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใด  เพราะถือว่าตนเป็นถึงบิดาของ อี้หลวนถง (ชายบำเรออันดับ 1) ในจักรพรรดินี

จักรพรรดินีทรงประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ทอดสายตาคมกริบมองเบื้องล่าง แม้พระวรกายจะสงบนิ่งงามสง่า แต่ในใจนั้นทั้งวุ่นวาย ทั้งร้อนรุ่มดั่งไฟสุ่ม เมื่อคืนท้องฟ้าปั่นป่วนวิปลาสทำให้นางนอนไม่ทั้งคืน รุ่งเช้าขึ้นมายังต้องมานั่งหลังแข็งรับฟังเหล่าขุนนางถกเถียงกัน ชวนให้ปวดหัวยิ่งนัก

ดังนั้น เมื่อเห็นขุนนางอีกคนกำลังจะเอ่ยวาจาขึ้นบ้าง พระนางจึงทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ให้เหล่าขุนนางเลิกโต้เถียงกัน เมื่อขุนนางน้อยใหญ่สงบวาจา พระนางจึงตรัสเสียงราบเรียบ แต่หนักแน่นชัดเจนว่า

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่5.  เรารู้ว่า

    “เรารู้ว่าทุกท่านต่างเห็นแก่ความสงบสุขของประชาชนในใต้หล้า แต่หากจะโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไปก็คงจะไม่ได้ข้อยุติเป็นแน่ ดังนั้น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เราเห็นว่าควรแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ไปตรวจสอบความจริงที่เมืองซานซีดีหรือไม่ เราทุกคนจะได้รู้ว่า ความจริงแล้วควรเก็บภาษีเท่าไหร่กันแน่”“องค์จักรพรรดินีทรงพระปรีชา เกล้ากระหม่อมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”ใต้เท้าหยวนรุ่ย อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายรีบเสนอตัวประจบขึ้นก่อนใคร หากเทียบกับสมัยก่อนนั้น ในภาษาชาวบ้านบุตรชายของเขาก็เท่ากับเป็นสามีเอกของนาง ส่วนเขาก็มีศักดิ์เป็นถึงพ่อสามี สายสัมพันธ์เช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่รีบสนับสนุนอีกฝ่าย“เช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งผู้ใดเป็นผู้แทนพระองค์”ใต้เท้าจื่อลู่ เจ้ากรมการคลังรีบถามขึ้น เพราะหน้าที่นี้เหมือนของร้อนที่ไม่มีผู้ใดอยากจะรับ เนื่องจากฉากบังหน้ามีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงผู้แทนพระองค์ แต่กลับแบกภาระไว้มากนัก เพราะหากตรวจสอบว่าไม่ควรเก็บภาษีเมืองซานซีสูงถึงสิบเท่าก็เท่ากับขัดพระประสงค์ แต่ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่าต้องเก็บ ก็จะเป็นศัตรูกับเหล่าขุนนางส่วนใหญ่จักรพรรดินีทรงยิ้มน้อย ๆ แล้วตรัสออกมาว่า“ผู้ท

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่1. บทนำ

    ภาคต่อ ของเรื่อง “ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์”บทนำ “...เพราะความโง่เขลา ลุ่มหลงความงามของสตรี ฝ่าบาทถึงกับฆ่าลูกของเราด้วยมือของพระองค์เอง ! ”เขามองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยสายธารแห่งน้ำตา น้ำตาสายนั้นไหลหยดลงบนใบหน้าเขาให้ความรู้สึกปวดร้าวจนแทบจะหายใจไม่ออก“....เฟิ่งอี๋... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...”เขาขยับปากอย่างยากลำบากร่ำร้องขอโทษอย่างรู้สึกผิด เสียงร่ำไห้ของนางช่างบีบรัดหัวใจเขาจนเจ็บปวด“ฝ่าบาทฆ่าลูก ฆ่าหม่อมฉัน สังหารครอบครัวหม่อมฉันทั้งตระกูล ! แค้นนี้ต้องชำระด้วยชีวิต.....”ฉับพลันนั้นนางก็หยิบเข็มเงินวาววับขึ้นมา เขาเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ละล่ำละลักเปล่งวาจาว่า“ไม่ ๆ ไม่นะ อย่าฆ่าข้า ฮองเฮาข้าผิดไปแล้ว อย่าฆ่าข้าเลย”“หนี้ชีวิต ต้องชดใช้ด้วยชีวิต !”สิ้นคำนาง เข็มเงินแหลมคมวาววับก็พุ่งเข้าหาเขาเต็มแรง“อ๊ากกกกกก”ฉึบ !ตอนที่1. ณ นครฉางซี เมืองหลวงของแคว้นเฉิน ค่ำคืนในต้นฤดูหนาวนั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้เมฆหมอก ดาวและเดือนสุกสกาวดาษดื่นเต็มท้องฟ้าทอแสงแข่งกับโคมไฟบนถนนสายโลกีย์เบื้องล่างเสียงตุบตับผสานกับเสียงขู่กรรโชกอย่างหยาบคายดังขึ้นที่ถนนอีกสายอันมืดม

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่2.  อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง

    อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง สายฟ้าแปลบปลาบจากท้องฟ้าพุ่งวาบลงยังร่างของขอทานหนุ่มร่างที่เดิมทีสิ้นลมหายใจไปแล้วกลับเกร็งกระตุกท่ามกลางสายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ชำระคราบสกปรกบนใบหน้าเผยความผุดผ่องให้เห็น ขนตายาวเรียงกันเป็นแพราวอิสตรีกระพือไหว ในขณะที่ร่างผอมเริ่มขยับกายพลิกตัวลุกขึ้น ฉับพลันนั้นสายฝนก็หยุดลง พร้อมกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งขึ้นมาอีกครั้งณ แท่นพิธี บนยอดเขาสูงเมื่อพายุสงบลง ผู้ที่ยืนดูพิธีกรรมอยู่ห่าง ๆ ก็รวบรวมความกล้าก้าวเท้าเข้าไปถามนักบวชว่า“พิธีหวนคืนวิญญาณได้ผลหรือไม่”เสียงของชายชราผู้นั้นแปร่งเล็กคล้ายอิสตรีอยู่หลายส่วน“ท่านก็เห็นกับตาแล้วมิใช่หรือ หุ่นฟางตนนี้ถูกอสนีบาตสวรรค์แผดเผามอดไหม้ ทรัพย์เก่าเพรียกหา วิญญาณหวนคืน”นักบวชนอกรีตผู้นั้นเอ่ยอย่างลำพองใจที่พิธีกรรมเสร็จสิ้นด้วยดี เท่ากับว่าฝีมือเขาสูงขึ้นไปอีกขั้น“เช่นนั้นก็ดี.... เช่นนั้นก็ดี...”ชายชราผู้จ้างวานให้นักบวชทำพิธีให้ผงกศีรษะพลางเช็ดน้ำตา น้ำเสียงแปร่งเล็กสั่นเครือ แล้วเขาก็ล้วงเอาถุงบรรจุแท่งทองนับสิบแท่งยื่นให้นักบวชพลางกล่าวว่า“ขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยฟื้นคืนมังกรสู่แผ่นดิน”นักบวชนอกรีตรับถุงแ

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่3. ขอทาน

    “คืนนี้คงจะลำบากท่านมิใช่น้อย ข้าจึงสั่งให้นางกำนัลตุ๋นน้ำแกงไก่ไว้รอท่าน” เมื่อองค์หญิงฟางหรงเอ่ยถึงตรงนี้ นางกำนัลผู้หนึ่งก็ยกถ้วยบรรจุน้ำแกงไก่ร้อน ๆ เข้ามา แล้ววางบนโต๊ะให้กับเฉินกงตอนที่3.“เชิญเฉินกงดื่มสักหน่อยเถิดจะได้บำรุงร่างกาย”“ขอบพระทัยองค์หญิง ที่ใส่ใจผู้เฒ่าอย่างกระหม่อม”เฉินกงยกน้ำแกงขึ้นดื่มจนหมดถ้วยเพื่อแสดงการรับน้ำใจ คล้ายกับเมื่อยามที่เขาเคยถวายงานรับใช้ไทเฮา เมื่อทำงานสำเร็จ ไทเฮาก็มักจะถวายสิ่งของเป็นการตอบแทนความดีความชอบ“เมื่อดื่มหมดถ้วยแล้ว หวังว่าท่านคงจะหลับสบาย”เมื่อตรัสเสร็จองค์หญิงก็ลุกขึ้นให้นางกำนัลประคองเดินออกไปยังประตูเฉินกงรีบลุกขึ้นแล้วประสานมือค่อมศีรษะลง“น้อมส่งองค์หญิง”เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขากลับพบว่าดวงตาพร่าเลือน โลหิตสด ๆ ไหลทะลักออกจากช่องทวารทั้งเก้า ร่างของชายชราทรุดฮวบลงกับพื้นทันทีตุบ !เสียงนั้นทำให้องค์หญิงฟางหรงชะงักฝีเท้า ยาพิษที่ผสมอยู่ในน้ำแกงไก่คงออกฤทธิ์แล้ว นางไอออกมาสองสามครั้งก่อนสั่งกับทหารที่หน้าประตูห้องว่า“จัดการปัดกวาดให้เรียบร้อยด้วย”“รับพระบัญชา”ขันทีชรานอนจมกองเลือด ดวงตาเบิกกว้างมองไปที่หน้าประตู แม้ตายแล้

บทล่าสุด

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่5.  เรารู้ว่า

    “เรารู้ว่าทุกท่านต่างเห็นแก่ความสงบสุขของประชาชนในใต้หล้า แต่หากจะโต้เถียงกันเช่นนี้ต่อไปก็คงจะไม่ได้ข้อยุติเป็นแน่ ดังนั้น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เราเห็นว่าควรแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ไปตรวจสอบความจริงที่เมืองซานซีดีหรือไม่ เราทุกคนจะได้รู้ว่า ความจริงแล้วควรเก็บภาษีเท่าไหร่กันแน่”“องค์จักรพรรดินีทรงพระปรีชา เกล้ากระหม่อมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”ใต้เท้าหยวนรุ่ย อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายรีบเสนอตัวประจบขึ้นก่อนใคร หากเทียบกับสมัยก่อนนั้น ในภาษาชาวบ้านบุตรชายของเขาก็เท่ากับเป็นสามีเอกของนาง ส่วนเขาก็มีศักดิ์เป็นถึงพ่อสามี สายสัมพันธ์เช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่รีบสนับสนุนอีกฝ่าย“เช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งผู้ใดเป็นผู้แทนพระองค์”ใต้เท้าจื่อลู่ เจ้ากรมการคลังรีบถามขึ้น เพราะหน้าที่นี้เหมือนของร้อนที่ไม่มีผู้ใดอยากจะรับ เนื่องจากฉากบังหน้ามีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงผู้แทนพระองค์ แต่กลับแบกภาระไว้มากนัก เพราะหากตรวจสอบว่าไม่ควรเก็บภาษีเมืองซานซีสูงถึงสิบเท่าก็เท่ากับขัดพระประสงค์ แต่ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่าต้องเก็บ ก็จะเป็นศัตรูกับเหล่าขุนนางส่วนใหญ่จักรพรรดินีทรงยิ้มน้อย ๆ แล้วตรัสออกมาว่า“ผู้ท

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่4. ณ ท้องพระโรง

    ขอทานหนุ่มร้องเสียงหลงพลางหดขาคู้เข้าหาตัว เพื่อหลบหนีจากการสัมผัสของแม่เล้าเจียวมี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบปรับอารมณ์เป็นยิ้มแย้มทันที แล้วขุดเอามารยาพันเล่มเกวียนจากการเป็นแม่เล้ามานานขึ้นมาใช้ว่า“ไม่ต้องตกใจ.... เมื่อคืนเจ้ามาสลบอยู่ที่หน้าหอไซ้ยเกอของข้า เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดรอยฟกซ้ำ ข้าเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนแล้งน้ำใจ จึงให้คนพาเจ้ามานอนพักที่นี่ เจ้าชื่ออะไรรึ”บุรุษบนเตียงได้ฟังวาจานางแล้วยิ่งขมวดคิ้วแน่น เขารำพึงรำพันออกมาว่า“เราชื่อเฉินเฉิง ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ เราควรจะอยู่ในวังมิใช่รึ”ความทรงจำครั้งสุดท้ายในหัวของเขาไหลเวียนเรื่องราวในอดีต รู้สึกเหมือนว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น เขาเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิน มีพระนามว่า “เฉินเฉิง” เพราะเชื่อคำยุยงของฟางเหรินกุ้ยเฟย จึงสังหารเฟิ่งอี๋ฮองเฮา แล้วเรื่องที่เหลือเชื่อก็พลันเกิดขึ้นเมื่อวิญญาณของเฟิ่งอี๋กลับเข้ามาในร่างของฟางเหริน แก้แค้นเขาได้อย่างเลือดเย็นภาพบนแท่นบรรทมในตำหนักเมฆาสวรรค์ยังชัดเจนในห้วงความทรงจำ หวนนึกถึงครั้งใดหัวใจของเขาก็เจ็บราวกับถูกบีบให้แหลกลาญ เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ รู้สึกเจ็บปวดจนยากจะบรรยายออกมาเจ

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่3. ขอทาน

    “คืนนี้คงจะลำบากท่านมิใช่น้อย ข้าจึงสั่งให้นางกำนัลตุ๋นน้ำแกงไก่ไว้รอท่าน” เมื่อองค์หญิงฟางหรงเอ่ยถึงตรงนี้ นางกำนัลผู้หนึ่งก็ยกถ้วยบรรจุน้ำแกงไก่ร้อน ๆ เข้ามา แล้ววางบนโต๊ะให้กับเฉินกงตอนที่3.“เชิญเฉินกงดื่มสักหน่อยเถิดจะได้บำรุงร่างกาย”“ขอบพระทัยองค์หญิง ที่ใส่ใจผู้เฒ่าอย่างกระหม่อม”เฉินกงยกน้ำแกงขึ้นดื่มจนหมดถ้วยเพื่อแสดงการรับน้ำใจ คล้ายกับเมื่อยามที่เขาเคยถวายงานรับใช้ไทเฮา เมื่อทำงานสำเร็จ ไทเฮาก็มักจะถวายสิ่งของเป็นการตอบแทนความดีความชอบ“เมื่อดื่มหมดถ้วยแล้ว หวังว่าท่านคงจะหลับสบาย”เมื่อตรัสเสร็จองค์หญิงก็ลุกขึ้นให้นางกำนัลประคองเดินออกไปยังประตูเฉินกงรีบลุกขึ้นแล้วประสานมือค่อมศีรษะลง“น้อมส่งองค์หญิง”เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขากลับพบว่าดวงตาพร่าเลือน โลหิตสด ๆ ไหลทะลักออกจากช่องทวารทั้งเก้า ร่างของชายชราทรุดฮวบลงกับพื้นทันทีตุบ !เสียงนั้นทำให้องค์หญิงฟางหรงชะงักฝีเท้า ยาพิษที่ผสมอยู่ในน้ำแกงไก่คงออกฤทธิ์แล้ว นางไอออกมาสองสามครั้งก่อนสั่งกับทหารที่หน้าประตูห้องว่า“จัดการปัดกวาดให้เรียบร้อยด้วย”“รับพระบัญชา”ขันทีชรานอนจมกองเลือด ดวงตาเบิกกว้างมองไปที่หน้าประตู แม้ตายแล้

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่2.  อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง

    อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง สายฟ้าแปลบปลาบจากท้องฟ้าพุ่งวาบลงยังร่างของขอทานหนุ่มร่างที่เดิมทีสิ้นลมหายใจไปแล้วกลับเกร็งกระตุกท่ามกลางสายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ชำระคราบสกปรกบนใบหน้าเผยความผุดผ่องให้เห็น ขนตายาวเรียงกันเป็นแพราวอิสตรีกระพือไหว ในขณะที่ร่างผอมเริ่มขยับกายพลิกตัวลุกขึ้น ฉับพลันนั้นสายฝนก็หยุดลง พร้อมกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งขึ้นมาอีกครั้งณ แท่นพิธี บนยอดเขาสูงเมื่อพายุสงบลง ผู้ที่ยืนดูพิธีกรรมอยู่ห่าง ๆ ก็รวบรวมความกล้าก้าวเท้าเข้าไปถามนักบวชว่า“พิธีหวนคืนวิญญาณได้ผลหรือไม่”เสียงของชายชราผู้นั้นแปร่งเล็กคล้ายอิสตรีอยู่หลายส่วน“ท่านก็เห็นกับตาแล้วมิใช่หรือ หุ่นฟางตนนี้ถูกอสนีบาตสวรรค์แผดเผามอดไหม้ ทรัพย์เก่าเพรียกหา วิญญาณหวนคืน”นักบวชนอกรีตผู้นั้นเอ่ยอย่างลำพองใจที่พิธีกรรมเสร็จสิ้นด้วยดี เท่ากับว่าฝีมือเขาสูงขึ้นไปอีกขั้น“เช่นนั้นก็ดี.... เช่นนั้นก็ดี...”ชายชราผู้จ้างวานให้นักบวชทำพิธีให้ผงกศีรษะพลางเช็ดน้ำตา น้ำเสียงแปร่งเล็กสั่นเครือ แล้วเขาก็ล้วงเอาถุงบรรจุแท่งทองนับสิบแท่งยื่นให้นักบวชพลางกล่าวว่า“ขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยฟื้นคืนมังกรสู่แผ่นดิน”นักบวชนอกรีตรับถุงแ

  • มังกรหวนคืนบัลลังก์   ตอนที่1. บทนำ

    ภาคต่อ ของเรื่อง “ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์”บทนำ “...เพราะความโง่เขลา ลุ่มหลงความงามของสตรี ฝ่าบาทถึงกับฆ่าลูกของเราด้วยมือของพระองค์เอง ! ”เขามองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยสายธารแห่งน้ำตา น้ำตาสายนั้นไหลหยดลงบนใบหน้าเขาให้ความรู้สึกปวดร้าวจนแทบจะหายใจไม่ออก“....เฟิ่งอี๋... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...”เขาขยับปากอย่างยากลำบากร่ำร้องขอโทษอย่างรู้สึกผิด เสียงร่ำไห้ของนางช่างบีบรัดหัวใจเขาจนเจ็บปวด“ฝ่าบาทฆ่าลูก ฆ่าหม่อมฉัน สังหารครอบครัวหม่อมฉันทั้งตระกูล ! แค้นนี้ต้องชำระด้วยชีวิต.....”ฉับพลันนั้นนางก็หยิบเข็มเงินวาววับขึ้นมา เขาเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ละล่ำละลักเปล่งวาจาว่า“ไม่ ๆ ไม่นะ อย่าฆ่าข้า ฮองเฮาข้าผิดไปแล้ว อย่าฆ่าข้าเลย”“หนี้ชีวิต ต้องชดใช้ด้วยชีวิต !”สิ้นคำนาง เข็มเงินแหลมคมวาววับก็พุ่งเข้าหาเขาเต็มแรง“อ๊ากกกกกก”ฉึบ !ตอนที่1. ณ นครฉางซี เมืองหลวงของแคว้นเฉิน ค่ำคืนในต้นฤดูหนาวนั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้เมฆหมอก ดาวและเดือนสุกสกาวดาษดื่นเต็มท้องฟ้าทอแสงแข่งกับโคมไฟบนถนนสายโลกีย์เบื้องล่างเสียงตุบตับผสานกับเสียงขู่กรรโชกอย่างหยาบคายดังขึ้นที่ถนนอีกสายอันมืดม

DMCA.com Protection Status