“นายท่าน มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นครับ!” โลแกนหายใจเหนื่อยหอบนายท่านเทิร์นเนอร์มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมขณะที่เขามองไปที่โลแกน “เกิดอะไรขึ้น? แกนี่มันไร้มารยาทจริง ไม่รู้หรือไงว่าควรไปหาพ่อบ้านน่ะ? แกไม่เห็นเหรอว่าฉันมีแขกคนพิเศษอยู่ด้วย?”“คุณลุง พูดอะไรกัน? แขกคนพิเศษอะไรกันครับ? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณลุงนี่ใจกว้างจริง ๆ เลย” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามของนายท่านเทอร์เนอร์พูดขึ้นมา พลางจิบชาในถ้วย รอยยิ้มเล็ก ๆ ปราากฏขึ้นบนใบหน้าของเขานายท่านเทิร์นเนอร์จ้องไปที่บอดี้การ์ดของเขา โลแกน สะกิดเขาอย่างเบา ๆ “ว่ามา มีอะไร? ทำไมแกถึงต้องมาหาฉัน?”โลแกนตอบกลับไป “มันแย่มากเลยนายท่าน น…นายน้อยเสียเงินไปมหาศาลเพราะแพ้บิลเลียดกับคนบางคนครับ!”“เสียเงินงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” นายท่านเทิร์นเนอร์ถึงกับอึ้ง “เขาเล่นบิลเลียดเก่ง และควรจะชนะเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่เหรอ? เขาเพิ่งบอกฉันเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือ ว่าเขาเพิ่งชนะเงินมาหลายร้อยล้านน่ะ? แกจะตกใจไปทำไมถ้าวันนี้เขาแพ้?”แน่นอนว่านายท่านเทิร์นเนอร์รู้ว่าลูกชายของเขาเล่นบิลเลียดบ่อย และเล่นพนันด้วย เขายังรู้อีกว่า โดยปกติแล้ว ลูกชายของเขาจะพน
“มันกล้าดียังไงมาหลอกลูกชายของฉัน?!” เฟเบียนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเข้ามาแทรก เขาเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเดรค อย่างไรก็ตาม เขากล้าดียังไงมาทำยโสโอหังหลังจากโดนไล่ออกจากตระกูลเดรค!”โลแกนหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาพูด “ชายคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เขาไม่สนใจคำขอร้องของนายน้อยเดรคที่ขอแทนนายน้อยเลยด้วย นายน้อยเดรคของให้เฟนด์ไว้หน้าเขา และเอาแค่ห้าพันล้านไปจากนายน้อยของเรา แต่ไอ้บ้านั่นปฏิเสธ!”“ฮ่าฮ่า! มีคนขวางโลกอย่างงี้ด้วยเหรอเนี่ย ฮะ?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่กับเฟเบียนยืนขึ้นมา “เขาคือใคร? บอดี้การ์ดคนที่อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ ที่มากไปกว่านั้น เขาไม่กลัวตระกูลเดรคเล่นงานหรือไงที่ไปทำให้นายน้อยเดรคโกรธแบบนั้น?”ด้วยรอยยิ้มแสนขมขื่นบนใบหน้าของเขา เฟเบียนตอบกลับไปว่า “โอ้ หลานคงไม่รู้สินะ หลานของลุง ผู้ชายคนนี้ชื่อเฟนด์ วู๊ด ลูกเขยคนที่แต่งกับตระกูลเทย์เลอร์ เขาเพิ่งจะปลดเกณฑ์ทหารมาเหมือนหลาน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยศอะไรเลยในห้าปีที่ผ่านมา เขาบอกว่าเขามีป้ายประจำตัวแต่เขาทำหายไปแล้วระหว่างทางกลับบ้าน ก็เลยไม่มีอะไรพิสูจณ์ได้ แต่มีข่าวลือว่าเขาเป็นถึงหัวหน้าผู้บังคับบัญชาเลยล่ะ!”
เฟเบียนมองไปทั่ว ๆ ห้อง เมื่อเขาเห็นลูกชายของเขา เขาก็พูดเสียงแข็งขึ้นมาทันที “ใครคือเฟนด์? กล้าดียังไงมาขวางไม่ให้ลูกชายของฉันกลับบ้าน?”เฟนด์ไม่สะเทือนสักนิดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขา ขณะที่เขาแทงบอลลงหลุมไปได้อีกลูก เขาวางไม้คิวลงเบา ๆ ลงบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “คุณคือหัวหน้าตระกูลเทิร์นเนอร์สินะ? ลูกชายของคุณแพ้พนันบิลเลียดหมื่นล้านเหรียญ แล้าเขาก็มีเพียงแค่ห้าพันล้านติดตัวเขาเท่านั้น เขาแพ้ และไอ้ขี้แพ้ก็ต้องจ่ายมา ผมจะไม่ปล่อยเขาไปจนกว่าเขาจะจ่ายเงินที่เหลือ ที่เขาติดผมไว้”“ฮ่าฮ่า! ไอ้หนุ่ม นายไม่คิดว่าพนันกันตาละพันล้านจะมากไปหน่อยหรือไง?” เฟเบียนแสยะยิ้มอย่างวางมาด เขาพูดอีกว่า “นอกจากนั้นแล้ว นายเป็นคนโกหกลูกชายของฉันเองว่านายเล่นบิลเลียดไม่เป็น และเขาก็พนันเงินไปค่อนข้างมากก็เพราะแบบนั้น นายแน่ใจนะ ว่านายสมควรที่จะได้เงินหมื่นล้านเหรียญจริง ๆ น่ะ?”เฟนด์ยักไหล่กลับไปเท่านั้น “นายท่านเทิร์นเนอร์ ผมหวังว่าคุณจะประเมินสถานการณ์ได้ก่อนจะพูดอะไรออกมานะ ผมไม่ได้โกหกลูกชายของคุณ หรือหลอกให้เขามาเล่นกับผม ผมเพิ่งจะหัดเล่นจริง ๆ นอกจากนั้นแล้วนะ ลุกชายของคุณนั่นแหละที่เป็นคนอยากพนั
เฟเบียนชอบมากที่ได้ยินทิโมธีพูดเช่นนั้น เขายิ้มด้วยความพอใจและพูดว่า “นายน้อยเดรค นายช่างมีเมตตาเสียจริง ฉันต่างหากที่ต้องต้อนรับนายเป็นการขอบคุณ ได้ยินมาว่านายไล่เขาออกเพื่อลูกชายของฉัน งั้นเหรอ? จะตอบแทนความใจดีของนายยังไงดีล่ะ?”เฟนด์รู้สึกเซ็งมากกับการแสดงของคนพวกนี้ เขาพูดเสียงแข็ง “ใครจะเลี้ยงใครก็ไม่เกี่ยวกับผมหรอกนะ คุณควรจะจ่ายหมื่นล้านเหรียญมาซะ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”แคดมัสอึ้งไปครู่นึงกับความกล้าของเฟนด์ แต่มันก็หายไปทันควันเมื่อเขาแสยะยิ้ม “ไอ้หนุ่ม นายนี่ปากดีจริงนะ นายกล้าดียังไงมาพูดกับพวกเราแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นถึงจอมพล?”เฟนด์หัวเราะอย่างหยิ่งยโส “ฮ่าฮ่า! ฉันจะนับถือจอมพลที่ไม่รู้ถูกผิดได้ยังไง? คุณมันก็แค่จอมพล คนอย่างคุณไม่สมควรได้รับความเคารพจากฉันหรอก”“ให้ตาย นายนี่มันหัวแข็งซะจริง!” แคดมัสกำหมัดแน่นแล้วแสยะยิ้ม “ถ้างั้นมาดูกันดีกว่า ว่าหัวของนายกับหมัดของฉัน อะไรจะแข็งกว่ากัน!”เขาก้าวออกไปข้างหน้า แล้วพุ่งไปหาเฟนด์ทันที หมัดของเขามุ่งไปที่เฟนด์เฟนด์แสยะยิ้ม เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังพุ่งเข้ามาโจมตีเขา เฟนด์หัวเราะเยาะ เขากำหมัดแน่น แล้วต่อยไปท
ทันย่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำได้แค่เพียงถอนหายใจ มีเพียงแค่เธอ พ่อของเธอ และสเปคเตอร์เฟซเท่านั้นที่เคยเห็นว่าเฟนด์น่ากลัวขนาดไหน และเขายังน่ากลัวได้มากกว่านี้อีก เพราะยังไงซะ เฟนด์ก็ได้ฆ่าคนกว่า 300 คนจากพรรคอินทรี ด้วยตัวเองมันยังทำให้เธอกลัวไปถึงกระดูกสันหลัง เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนเคราะห์ร้ายวันนั้น เธอเห็นยอดฝีมือที่มักจะปรากฏตัวแค่ในหนังสือนิยาย และนั่นก็เป็นวันเดียวกับที่เธอเห็นใครคนนึงฆ่าศัตรูโดยไม่ลังเลเลยสักนิดแรงของเธอใกล้เคียงกับแรงของสเปคเตอร์เฟซ ซึ่งมันต่างกันอย่างมหาศาลมากเมื่อเทียบกับเฟนด์พ่อของเธอเตือนพี่ชายของเธอแล้วว่าอย่ายั่วโมโหเฟนด์ และพวกเขาควรเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาเสมอ แต่พี่ชายของเธอกลับไล่เขาออกอย่างไม่คิดเมื่อไม่นานมานี้ นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลเดรค เธอหวังอย่างยิ่งว่าเฟนด์จะไม่คับแค้นเพราะเรื่องนี้“แก…แกมันไม่ใช่หัวหน้าผู้บังคับบัญชาแล้ว หัวหน้าผู้บังคับบัญชาคงไม่มีแรงขนาดนั้น! แกเป็นใครกันแน่? ยศของแกคืออะไร?” จอมพลแคดมัสตกใจที่สุดท่ามกลางผู้คน เขามั่นใจในพละกำลังของเขามาก แต่แรงของเฟนด์กลับเยอะกว่าเขามาก ทั้ง ๆ ที่เขาใช้แรงทั้งห
แคดมัสยืนประจันหน้ากับเฟนด์ แต่เฟนด์ก็ยังพูดขึ้นมาอีกว่า เขาก็แค่จอมพล หยุดเฟนด์ไม่ได้หรอก ถ้าเป็นอย่างงั้น ก็แสดงว่าเฟนด์อยู่เหนือเขาจริง ๆ เขาคงไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ ถ้าอย่างน้อยเเขาไม่ได้มีพละกำลังที่แข็งแกร่งอย่างจอมพล หรือราชาแห่งสงคราม!“นี่…” เขาไม่อยากจ่ายเงินหมื่นล้านให้กับเฟนด์ เฟเบียนมองไปที่แคดมัส อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฟนด์พูดนั้น ทำให้แคดมัสดูด้อยกว่าเขาเขาหวังว่าแคดมันจะโกรธที่เฟนด์พูดแบบนั้น เฟเบียนเชื่อว่าแคดมัสจะชนะเฟนดื ถ้าเขาเอาทักษะทั้งหมดออกมาใช้ อย่างไรก็ตาม แคดมัสไม่สนใจเขา และมองไปทางอื่นเฟเบียนพูดไม่ออก เขาหันไปหาลูกชายเจ้าปัญหา เขาพูดเสียงแข็งว่า “ฉันจะจ่ายให้แกห้าพันล้าน แต่ที่เหลือแกต้องจ่ายเอง!”“ครับพ่อ…” สีหน้าของลีโอดูขมขื่น และเขารู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยสักนิด อย่างไรก็ตาม เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ที่สุดแล้ว แม้แต่จอมพลยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเฟนด์ แล้วเขาจะทำอะไรได้?เขาโอนเงินให้กับบัญชีของเฟนด์ทันที เขาบอกเลขบัญชีของเฟนด์ให้กับเฟเบียน และบอกให้เขาโอนเงินที่เหลือให้เฟนด์เฟเบียนรู้สึกย่อยยับโดนสิ้นเชิง เมื่อเขาเห็นเงินจำนวนมหาศ
ลีโอทนความสงสัยไม่ไหว เขาถามออกมาในที่สุด “จอมพลแคดมัส เฟนด์แข็งแรงมาก ๆ หรือคุณยอมแพ้กันแน่? คุณต้องมีแรงเยอะมาก ๆ แต่คุณยังไม่ได้ใช้มัน ใช่ไหม?”“ผมไม่เชื่อว่าคุณจะแพ้ ถ้าคุณใช้แรงทั้งหมดของคุณในตอนนั้น เขาไม่มีอะไรนอกจากแรงขี้ปะติ๋ว ใช่ไหมล่ะ?”“ความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลย ฉันไม่มั่นใจว่าฉันจะชนะหรือเปล่า ถ้าฉันต้องสู้กับเขาจริง ๆ” แคดมัสมองไปที่ชั้นสอง ที่ ๆ โถงบิลเลียดตั้งอยู่ เขาสูบบุหรี่อีกครั้งแล้วพูดว่า “แต่ฉันเข้าใจเขานะ ฉันเข้าใจนิสัยของเขา และเข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ลีโอพูด ด้วยท่าทางเหยียดหยามศักดิ์ศรีของทหารและทหารผ่านศึกแบบนั้น!”“ไอ้ลูกชาย! กล้าดียังไงถึงพนันตาละพันล้านแบบนั้น? ทำไมถึงไม่คิดว่าทำไมเขาถึงตกลงเล่นกับลูก ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเกมที่เสี่ยงแต่ได้ผลตอบแทนมหาศาลมาง่าย ๆ ? ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยรึไง ถ้าแพ้ขึ้นมาน่ะ?!” เฟเบียนกัดฟันแน่น มองไปที่ลูกชายของเขาด้วยความผิดหวังลีโอพูดอย่างยอมแพ้ “ผมไม่คิดเลย ผมคิดว่าเขาตั้งใจทำให้ผมกลัว และคิดว่าผมจะไม่ตกลงกับข้อเสนอของเขา นอกเหนือจากนั้นแล้ว ผมไม่คิดเลยว่าผมจะแพ้สิบตา
หลังจากที่ทิโมธีและคนอื่น ๆ ออกจากห้องโถงไปแล้ว เฟนด์ก็หันไปหาพวกสาว ๆ แล้วพูดว่า “เราก็ควรกลับกันได้แล้ว ถึงแม้ว่าผมจะถูกไล่ออกแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ให้ผมไปส่งพวกเธอกลับบ้านนะ”“เฟนด์ เมื่อกี้พี่ชายของฉันพูดออกมาเพราะความโกรธ คุณอยากจะลาออกไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” ทันย่าไม่เห็นด้วย เธอพยายามโน้มน้าวเฟนด์ แม้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขาจะยืนยันอย่างชัดเจนอีวอนน์ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน “เฟนด์ นายต้องคิดให้ดีนะ มันยากมากที่จะหางานที่ได้เงินเดือนยี่สิบล้านเหรียญแบบนี้!” แม้ว่าเขาอาจจะทำให้เธอเป็นบางครั้ง แต่เมื่อต้องเห็นเขาจากไปมันก็ทำให้เธอเสียใจอยู่เหมือนกัน“ผมตัดสินใจแล้ว และผมไม่มีอะไรจะต้องเสียใจ!” เฟนด์หัวเราะ “ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่ได้เพิ่งชนะแล้วได้เงินหนึ่งหมื่นล้านเหรียญจากการเล่นบิลเลียดไปหลายรอบไม่ใช่เหรอ? ผมต้องทำงานเป็นเวลาหลายปีเลยนะกว่าจะได้เงินหนึ่งหมื่นล้านเหรียญ จริงไหม?”ทันย่าและคนอื่น ๆ พูดอะไรไม่ได้ เพราะเฟนด์ได้ตัดสินใจไปแล้วแต่ดวงตาของชารอนกลับดูเป็นประกาย “เฟนด์ ตอนนี้คุณก็ไม่มีงานทำ...ทำไมคุณไม่มาทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ตระกูลฉันล่ะ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ