“เป็นไปไม่ได้ เธอสามารถพาคุณไปจากฉันได้ และคงจะไม่มีใครสนใจ ยังไงซะ ถ้าคุณไปกับเธอ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอก! การมีภรรยาที่อ้วนย่อมดีต่อคุณด้วยซ้ำ!" เซเลน่าซึ้งใจ แต่ไม่อยากที่จะยอมรับมัน เธอจึงหันหลังและเดินกลับไปที่บ้านเธอไม่รู้ว่า หลังจากเฟนด์กลับบ้านมาได้ไม่กี่วัน ผู้หญิงคนไหนจะสารภาพและขอเขาแต่งงานอีกตอนแรกเซเลน่าคิดว่า ถ้าเธอเป็นผู้หญิงรวย ที่มีรูปลักษณ์และรูปร่างที่ดีถ้าเฟนด์มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้น เขาจะทิ้งเธอกับลูกสาวของพวกเขาไหม? เธอจะกลายเป็นตัวตลกที่สุดในโลกเธอไม่เคยคิดว่าจะเป็นชารอน จอร์จ จอมอ้วน"ถึงแม้ว่าเธอจะอ้วน แต่เธอก็มีพื้นฐานที่ดี อีกสามวันก็จะเป็นข่าวสําคัญ เมื่อชารอนกลายเป็นสาวสวยขึ้นมา" เฟนด์ยิ้มเยาะ ไม่นานก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาตบหัวแล้วร้องว่า "ตายล่ะ ผมลืมเตือนเธอไม่ให้บอกใครว่า ผมช่วยเธอให้ผอมได้อย่างไร ผมจะเดือดร้อนไหมถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง""ยาสามเม็ดนั่น คุณให้เธอลดน้ำหนักหรือเปล่า?" เซเลน่ารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ สภาพของชารอนเป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้ว เธอไปพบแพทย์หลายคน แต่พวกเขาไม่สามารถวินิจฉัยและรักษาได้หลายคนเรียกว่า
“ตามเราเข้าไปในบ้าน!”จอร์จกล่าวด้วยสีหน้าขุ่นมัวไม่นาน ชารอนและคนอื่น ๆ ก็มาถึงห้องนั่งเล่นขนาดมหึมา"พ่อได้ยินว่าวันนี้ลูกไปสารภาพรักกับใครมา? ผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายที่แต่งงานมีภรรยาแล้ว แล้วยังทหารผ่านศึกใช่ไหม? ไม่ใช่แค่เขามาจากครอบครัวที่ยากจน เขายังมีภรรยาและลูกอีกคนด้วยจริงไหม?" จอร์จโกรธมาก ลูกสาวของเขาทําให้เขาผิดหวัง เป็นรอยด่างพร้อยของตระกูลจอร์จถึงมันจะน่าอับอาย แต่ถ้าเธอทําสําเร็จ ทุกอย่างสามารถให้อภัยได้ อย่างน้อยลูกสาวเขาก็มีสามีอย่างไรก็ตาม เฟนด์ไม่รู้จักชารอน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ชารอนจะสารภาพรักไม่สำเร็จ ถ้าเธอล้มเหลว ครอบครัวของพวกเขาก็ต้องอับอายไปด้วย"พ่อคะ หนูไม่รู้เลยว่าพ่อยังเป็นห่วงหนูมากขนาดนี้ พ่อถึงกับทราบรายละเอียดทั้งหมด!" ชารอนก้มหัวลงพลางอมยิ้ม"แก..." จอร์จโกรธมากเมื่อเห็นลูกสาวยิ้ม เขาจ้องมองเธอ "แกรู้ไหม แกทําให้เราอับอาย เพราะแกสารภาพรัก และยังไปขอให้คนครอบครัวนั้นแต่งงานด้วย ไม่ใช่แกคนเดียวที่ต้องอับอาย พวกเราในฐานะวงศ์ตระกูลก็ได้รับผลกระทบไปด้วย!”"ใช่ ชารอน คนรักของลูกควรมาจากครอบครัวที่ดี แต่ลูกดันชอบทหารมากกว่า เฮ้อ แม่ไม่รู้ว่าลูก
“คนโกหก? ไม่มีทาง หนูเชื่อเขา!" ชารอนยิ้มและพูดต่อไปว่า "หนูจะขึ้นไปอาบน้ำและเข้านอน พรุ่งนี้เช้าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็คอยดูได้เลยว่าหนูลดน้ำหนักได้ยังไง!" เธอเดินตรงไปยังบ้านพักที่เธออาศัยอยู่หลังจากเธอพูดจบ"เราเตรียมของโปรด ขาไก่ เค้ก และอาหารอร่อยอื่น ๆ ไม่อยากกินข้าวเย็นเหรอลูก?" จอร์จมองลูกสาวจากด้านหลังแล้วถามอย่างสงสัยเมื่อไม่กี่วันก่อน ชารอนมักจะบอกว่าเธอหิว และเริ่มกินเริ่มดื่มด้วยความอิ่มเอมใจแต่ตอนนี้ เธอบอกว่าอยากอาบน้ำและนอนชารอนหันมาขมวดคิ้ว "มันแปลกมาก หนูไม่รู้สึกแล้ว เหมือนไม่อยากอาหารเลย!" เธอเดินออกไปด้านนอกเองเมื่อพูดจบ เธอรู้ดีว่ามันได้ผล ที่เฟนด์บังคับให้สารพิษออกจากร่างกายเธอ"เธอไม่หิว!" สมาชิกทุกคนของครอบครัวจอร์จ เบิกตากว้างราวกับว่าเห็นผีสมาชิกของตระกูลจอร์จไม่ค่อยให้ความสําคัญกับเรื่องนี้มากนัก พวกเขาเข้านอนหลังจากกินข้าวเสร็จเช้าวันรุ่งขึ้น ชารอนตื่นขึ้นมาและกินบางอย่าง เธอทานแต่ถั่วลิสง 1 ถ้วย และปาท่องโก๋ 2 ชิ้น เธอทานได้ไม่มากชารอนพักหลังกินอาหารเสร็จสักพัก แล้วเอาเม็ดยาออกมาเตรียมกลืนลงไป"เดี๋ยวก่อน นี่ยาอะไร ใครให้มา? มาจากทหา
"หนูเชื่อเฟนด์!" ชารอนมองคนอื่นแล้วพูดว่า "ฉันเชื่อเขา ฉันลดน้ำหนักได้! โอ๊ย ปวดท้อง! ฉันต้องการเข้าห้องน้ำ!" ชารอนกุมท้องทันทีและมองเข้าไปในห้องน้ำหลังจากพูดจบ"จะเป็นไปได้อย่างไร ปวดท้อง? โอ้ ไม่ มันเกี่ยวกับยารึเปล่า? ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง" จอร์จสติแตก "โธ่เอ๊ย ยาพวกนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ถ้าไม่ ทําไมลูกสาวฉันถึงปวดท้องล่ะ? เราควรจะทําอะไร และเราควรทําอะไร""เรารอดูกันดีกว่า อาจจะไม่มีอะไร!" มาดามจอร์จคิดขึ้นมาว่า ทุกคนรออยู่ข้างนอกจะดีกว่า"โอ้ว มันดีมาก!" สักพัก ชารอนก็ออกมาจากห้องน้ําอย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไประยะหนึ่ง เธอก็กลับมาบิดท้องอีกครั้ง "ทําไมเป็นแบบนี้อีก ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าจะถ่ายออกมาเป็นน้ำ? ฉันท้องเสียหรือเปล่า"ชารอนพิงกําแพงแล้วเดินไปเข้าห้องน้ําอีก“เวรเอ๋ย ยานี้มันเป็นยาอะไร? นี่ต้องเป็นสลอดแน่!" จอร์จโกรธมากจึงใช้กําปั้นกุมมือ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเขามีลูกสาวคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาจะทําอย่างไร ถึงเธอจะอ้วนนิด ๆ แต่เธอก็น่ารัก และนอกจากนั้น เขาจะไม่รักลูกสาวคนเดียวของเขาได้อย่างไร!"ลูก้า พาคนไปบ้านเฟนด์ แล้วพาทุกคนกลับม
“ทำให้ฉันเข้าใจผิด? แล้วพวกเขาทำผิดต่อเธอได้อย่างไร? ฟีโอน่าขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยซีน่าโบกมือและพูดว่า "ไม่นะ พวกเขากำลังจับผิดฉัน พวกเขาจงใจใส่ร้ายฉัน ฉันไม่ได้ทํางานกับพวกเขา มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะเรารู้จักกัน หลังจากที่เราดื่มแล้วเขาก็ถามเรื่องแฟนของฉัน แล้วหาว่าเจอผู้ชายที่ยากจน!" ซีน่าคิดเรื่องราวนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว "พอเขาพูดแบบนั้นฉันก็ไม่พอใจ ฉันตอบไปว่าเราไม่ได้จน พรุ่งนี้เราจะมีเงินมากกว่าสามล้านเหรียญ! เพราะว่าฉันดื่มไปนิดหน่อยและบอกพวกเขาทุกอย่าง เพราะตอนฉันมีสติก้ำกึ่ง ดังนั้น..."เบ็นยิ้มทันทีว่า "พ่อกับแม่ ฟังนะ ผมพูดเรื่องจริง ทุกคนเข้าใจผิดเรื่องซีน่า แต่แม่ไม่เชื่อผม!""เป็นไปไม่ได้ เฟนด์บอกว่าเขาเห็นลูกตอนที่ตามพวกเขามา ที่สําคัญกว่านั้น โจรปล้นรถยนต์บอกเราว่า เธอมีเงินจากการหักเงินไปแล้วยี่สิบเปอร์เซ็นต์!" ฟีโอนายังคงยืนกราน เธอเดินเข้าไปผลักซีน่า "ชู่ ออกไป! ครอบครัวเทย์เลอร์ไม่ต้องการลูกสะใภ้อย่างเธอ เราดูแลเธออย่างดี แต่เธอกลับเป็นคนไม่ดี”"แม่คะ แม่เข้าใจฉันผิดจริง ๆ แม่เชื่อเรื่องที่เฟนด์เล่าให้ฟังข้างเดียว!" ซีน่าร้อง "แม่ก็รู้ว่าพี่สาวของเบ็นไม่ช
ซีน่าหยุดและถอนหายใจ แล้วพูดต่อไปว่า "เฮ้อ เฟนด์เลือดร้อนรุนแรงเกินไป เขาฆ่าคนพวกนั้นเพื่อเงิน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำผิดต่อเขาในอนาคต? เขาจะ..." ซีน่าไม่ได้พูดต่อ แต่คนอื่น ๆ ต่างรู้ความหมายเบื้องหลังคําพูดเหล่านี้เป็นอย่างดีฟีโอน่ากับเบ็นมองกันและกัน รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ เฟนด์ฆ่าคนเพื่อเงินมันเป็นเรื่องจริงและมันก็มากเกินไป ถ้าพวกนั้นทําร้ายเขา เขาสามารถให้บทเรียนแก่พวกเขาได้อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกเขารู้สถานการณ์จริงในที่เกิดเหตุว่า มีคนถือปืนมาจ่อที่เฟนด์ ก็คงไม่มีความคิดดังกล่าว"จริง ๆ แล้วเฟนด์เป็นคนอารมณ์ร้อน เขาทุบตีนายน้อยคลาร์กโดยไม่มีคําอธิบายใด ๆ เลย! โชคดีที่นายน้อยคลาร์กไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะถ้าเขาเล่าให้ครอบครัวของเขาฟัง เขาก็กลัวจะเสียเกียรติ!" เบ็นทําหน้าขมวดและสูบบุหรี่ "เฟนด์ต้องควบคุมอารมณ์เขาให้ได้ ยังไงก็ตาม ที่นี่มันไม่ใช่สนามรบ”ขณะนั้นมีรถหลายสิบคันจอดอยู่นอกบ้าน กลุ่มบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งเดินมาหาพวกเขาด้วยความโมโห"คุณเป็นใคร กําลังหาใครอยู่เหรอ?" ฟีโอน่าเดินเข้าไปถามทันที เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"พาทุกคนมาที่นี่!" คําสั่งของลูก้าบอดี้การ์ดจับฟีโอน่
เมื่อแอนดรูว์กับฟีโอน่าได้ยินข่าวนี้ พวกเขากลัวจนตัวสั่น พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดแบบนั้น"พี่ชาย ได้โปรดอย่าทําแบบนี้เลย คุณกําลังตามหาเฟนด์ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา เขาเป็นแค่ลูกเขยที่อยู่บ้านเราเฉย ๆ ใช่ ฉันยังไม่ได้ยอมรับว่าเขาเป็นลูกเขยของฉัน ฉันเกลียดเขามาก ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะ เราบริสุทธิ์!" ฟีโอน่าถามและยิ้มอย่างกล้ำกลืน"นี่ที่ไหน?" ซีน่ามองไปรอบ ๆ และรู้สึกว่าที่นี่ใหญ่เกินไป เธอไม่รู้ว่าครอบครัวไหน แต่คงรวยกว่าพวกเทย์เลอร์"เขาเป็นนายท่านของตระกูลจอร์จ!" คนรับใช้คนหนึ่งโกรธ "เนื่องจากพวกเธอถูกจับตัวไว้ อย่าได้คิดที่จะหนีไปไหน""ตระกูลจอร์จ! ตระกูลชนชั้นสูงชั้นแนวหน้า!"ซีน่าอ้าปากค้างจนทําอะไรไม่ถูก ทําไมเฟนด์ถึงทําให้พวกจอร์จไม่พอใจ?เธอโชคร้ายจริง ๆ ถ้าเธอรู้ว่ามันเกิดขึ้น เธอควรจะเลิกกับเบ็น แผนการแรกของเธอคือ รู้จักคนร่ำรวยมากขึ้นผ่านเบ็น ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ได้เงิน แต่ยังสร้างปัญหาให้กับเธออีกด้วย"รอ... เดี๋ยวนะ ฉันจําได้แล้ว! เมื่อช่วงค่ำวานนี้ คุณหนูจอร์จ ได้ไปขอเฟนด์แต่งงาน หล่อนไม่ได้โกรธเขาใช่ไหม?”"คุณจอร์จ เกิดอะไรขึ้น? คุณจอร์จกำลังโกรธใช่ไหม? ถ
”หยุดเล่นละครได้แล้ว ฉันบอกพวกเธอแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ใครรอด!" จอร์จหัวเราะอย่างน่ากลัวและพูดว่า "เฟนด์กับเซเลน่าทํางานที่ไหน บอกมา ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้!"ฟีโอน่ากลัวมาก แต่เมื่อคิดถึงลูกสาวของเธอเอง เธอจึงกัดฟันและตอบว่า "คุณจอร์จ ปล่อยพวกเราไปเถอะ เราไม่เคยคิดเลยว่าเฟนด์จะให้ลูกสาวของคุณกินยาแปลก ๆ เขาทํามันโดยที่เราไม่รู้ เราบริสุทธิ์ใจ""บอกมาเดี๋ยวนี้ เขาทํางานที่ไหน" จอร์จดูเหมือนจะหมดความอดทน เขาจับคอเสื้อของฟีโอน่าไว้ แล้วถามเธอด้วยความโกรธ"ปล่อยเมียฉัน!" แอนดรูว์รีบเข้าไปทันทีอั่ก!น่าเสียดายที่จอร์จเตะเขาลงกับพื้นทันที บอดี้การ์ดก็ออกมาล้อมเขาเช่นกัน"บอกฉันมา!” จอร์ชจ้องฟีโอน่า "ถ้าแกไม่บอกฉัน ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้!"วินาทีนั้น ฟีโอน่าสติแตกจริง ๆ ตอบอย่างประหม่าว่า "เฟนด์เป็นบอดี้การ์ดของครอบครัวเดรค ฉันขอไม่บอกได้ไหมว่าลูกสาวฉันทำงานที่ไหน คุณควรไปหาเฟนด์!""พวกเดรค!" ทันทีที่จอร์จได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้ง ถ้ามันเป็นอย่างนั้น มันจะยุ่งยากมากแม้เฟนด์จะเป็นเพียงบอดี้การ์ดประจําตระกูลเดรค แต่พวกเขาก็ยังต้องเคารพสถานะของนายจ้างของเขาอยู่ดี ถ้าเข้าไปจับเขาจะทําให
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ