ซีน่าหยุดและถอนหายใจ แล้วพูดต่อไปว่า "เฮ้อ เฟนด์เลือดร้อนรุนแรงเกินไป เขาฆ่าคนพวกนั้นเพื่อเงิน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำผิดต่อเขาในอนาคต? เขาจะ..." ซีน่าไม่ได้พูดต่อ แต่คนอื่น ๆ ต่างรู้ความหมายเบื้องหลังคําพูดเหล่านี้เป็นอย่างดีฟีโอน่ากับเบ็นมองกันและกัน รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ เฟนด์ฆ่าคนเพื่อเงินมันเป็นเรื่องจริงและมันก็มากเกินไป ถ้าพวกนั้นทําร้ายเขา เขาสามารถให้บทเรียนแก่พวกเขาได้อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกเขารู้สถานการณ์จริงในที่เกิดเหตุว่า มีคนถือปืนมาจ่อที่เฟนด์ ก็คงไม่มีความคิดดังกล่าว"จริง ๆ แล้วเฟนด์เป็นคนอารมณ์ร้อน เขาทุบตีนายน้อยคลาร์กโดยไม่มีคําอธิบายใด ๆ เลย! โชคดีที่นายน้อยคลาร์กไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะถ้าเขาเล่าให้ครอบครัวของเขาฟัง เขาก็กลัวจะเสียเกียรติ!" เบ็นทําหน้าขมวดและสูบบุหรี่ "เฟนด์ต้องควบคุมอารมณ์เขาให้ได้ ยังไงก็ตาม ที่นี่มันไม่ใช่สนามรบ”ขณะนั้นมีรถหลายสิบคันจอดอยู่นอกบ้าน กลุ่มบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งเดินมาหาพวกเขาด้วยความโมโห"คุณเป็นใคร กําลังหาใครอยู่เหรอ?" ฟีโอน่าเดินเข้าไปถามทันที เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"พาทุกคนมาที่นี่!" คําสั่งของลูก้าบอดี้การ์ดจับฟีโอน่
เมื่อแอนดรูว์กับฟีโอน่าได้ยินข่าวนี้ พวกเขากลัวจนตัวสั่น พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดแบบนั้น"พี่ชาย ได้โปรดอย่าทําแบบนี้เลย คุณกําลังตามหาเฟนด์ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา เขาเป็นแค่ลูกเขยที่อยู่บ้านเราเฉย ๆ ใช่ ฉันยังไม่ได้ยอมรับว่าเขาเป็นลูกเขยของฉัน ฉันเกลียดเขามาก ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะ เราบริสุทธิ์!" ฟีโอน่าถามและยิ้มอย่างกล้ำกลืน"นี่ที่ไหน?" ซีน่ามองไปรอบ ๆ และรู้สึกว่าที่นี่ใหญ่เกินไป เธอไม่รู้ว่าครอบครัวไหน แต่คงรวยกว่าพวกเทย์เลอร์"เขาเป็นนายท่านของตระกูลจอร์จ!" คนรับใช้คนหนึ่งโกรธ "เนื่องจากพวกเธอถูกจับตัวไว้ อย่าได้คิดที่จะหนีไปไหน""ตระกูลจอร์จ! ตระกูลชนชั้นสูงชั้นแนวหน้า!"ซีน่าอ้าปากค้างจนทําอะไรไม่ถูก ทําไมเฟนด์ถึงทําให้พวกจอร์จไม่พอใจ?เธอโชคร้ายจริง ๆ ถ้าเธอรู้ว่ามันเกิดขึ้น เธอควรจะเลิกกับเบ็น แผนการแรกของเธอคือ รู้จักคนร่ำรวยมากขึ้นผ่านเบ็น ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ได้เงิน แต่ยังสร้างปัญหาให้กับเธออีกด้วย"รอ... เดี๋ยวนะ ฉันจําได้แล้ว! เมื่อช่วงค่ำวานนี้ คุณหนูจอร์จ ได้ไปขอเฟนด์แต่งงาน หล่อนไม่ได้โกรธเขาใช่ไหม?”"คุณจอร์จ เกิดอะไรขึ้น? คุณจอร์จกำลังโกรธใช่ไหม? ถ
”หยุดเล่นละครได้แล้ว ฉันบอกพวกเธอแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ใครรอด!" จอร์จหัวเราะอย่างน่ากลัวและพูดว่า "เฟนด์กับเซเลน่าทํางานที่ไหน บอกมา ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้!"ฟีโอน่ากลัวมาก แต่เมื่อคิดถึงลูกสาวของเธอเอง เธอจึงกัดฟันและตอบว่า "คุณจอร์จ ปล่อยพวกเราไปเถอะ เราไม่เคยคิดเลยว่าเฟนด์จะให้ลูกสาวของคุณกินยาแปลก ๆ เขาทํามันโดยที่เราไม่รู้ เราบริสุทธิ์ใจ""บอกมาเดี๋ยวนี้ เขาทํางานที่ไหน" จอร์จดูเหมือนจะหมดความอดทน เขาจับคอเสื้อของฟีโอน่าไว้ แล้วถามเธอด้วยความโกรธ"ปล่อยเมียฉัน!" แอนดรูว์รีบเข้าไปทันทีอั่ก!น่าเสียดายที่จอร์จเตะเขาลงกับพื้นทันที บอดี้การ์ดก็ออกมาล้อมเขาเช่นกัน"บอกฉันมา!” จอร์ชจ้องฟีโอน่า "ถ้าแกไม่บอกฉัน ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้!"วินาทีนั้น ฟีโอน่าสติแตกจริง ๆ ตอบอย่างประหม่าว่า "เฟนด์เป็นบอดี้การ์ดของครอบครัวเดรค ฉันขอไม่บอกได้ไหมว่าลูกสาวฉันทำงานที่ไหน คุณควรไปหาเฟนด์!""พวกเดรค!" ทันทีที่จอร์จได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้ง ถ้ามันเป็นอย่างนั้น มันจะยุ่งยากมากแม้เฟนด์จะเป็นเพียงบอดี้การ์ดประจําตระกูลเดรค แต่พวกเขาก็ยังต้องเคารพสถานะของนายจ้างของเขาอยู่ดี ถ้าเข้าไปจับเขาจะทําให
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าลูกสาวไม่ได้ถูกจับตัวมา ฟีโอน่าและแอนดรูว์ก็รู้สึกโล่งใจแต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังโกรธมาก เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สามารถหลีกหนีจากสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ได้ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเฟนด์ ไม่เป็นไร ถ้าเขาไม่ชอบชารอนจริง ๆ แล้วเขายังใช้สลอดหลอกเธอ และบอกเธอว่ามันเป็นยาลดความอ้วน สาวน้อยเคราะห์ร้ายยังคงท้องเสีย"นายท่าน งั้นผมขอตัวไปตอนนี้"ลูก้า แสดงความเคารพด้วยการคำนับก่อนจะรีบออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าเฟนด์เป็นบอดี้การ์ด คาดว่าน่าจะเป็นนักรบผู้ชํานาญ จึงออกตามหานักรบฝีมือดีคนอื่น ๆ ที่คัดเลือกมา จนกระทั่งถึงตอนนั้น เขาก็ได้เดินทางไปยังถิ่นที่อยู่ของครอบครัวเดรคโจแอนถอนหายใจลึกๆเธอเกือบจะรู้ทุกอย่างที่ฟีโอน่าและคนอื่นทําอย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ยืนหยัดเพื่อเข้าข้างลูกชายของเธอ เธอรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ แม้ว่าเธอจะอธิบายทุกอย่างแทนเขานอกจากนี้เธอยังเชื่อมั่นว่าลูกชายของเธอจะไม่โง่โดยการเอาสลอดให้ชารอนกิน ลูกชายของเธอไม่ใช่คนแบบนั้น แม้เขาจะไม่ชอบใคร แต่เขาก็ไม่ล้อเล่นด้วย"โอ๊ย ดีขึ้นแล้ว!"ในที่สุดชารอนก็ออกมาจากห้องน้ำ และเหงื่อก็ไหลตกลงมาจากหน้
“หนูดูผอมลง?”ดวงตาของชารอนสว่างขึ้นทันที "เร็ว! เอาเครื่องชั่งมาให้ฉันหน่อย เฟนด์เคยบอกว่าฉันจะลดได้ 15 กิโลกรัมในวันเดียว ให้ฉันวัดดูว่ายานี้ได้ผลจริงหรือไม่! เธอสะอึก "โธ่เอ๊ย อย่าบอกนะว่ามันเห็นผลแล้ว!"ชารอนรู้สึกมีความสุข กระปรี้กระเปร่าไปทั่วร่างกายของเธอ ถ้าเธอลดน้ำหนักจริง ๆ มันจะเป็นวันของเธอหลังจากนั้นไม่นาน บอดี้การ์ดสองคนก็ถือเครื่องชั่งขนาดใหญ่ให้เธอชารอนลุกขึ้นทันที "ฉันเพิ่งชั่งไปด้วยตัวเองเมื่อวานก่อน” เธอบอก “ตอนนั้นฉันหนัก 106 กิโลกรัม ใครจะไปรู้ว่าฉันผอมลงจริงๆ หรือเปล่า!"หลังจากนั้นเธอเพิ่งสังเกตเห็นตัวเลข "โอ้ พระเจ้า! เธอดีใจขึ้นมาทันที ตอนนี้ฉันหนักเหลือ 101.5 กิโลกรัมเท่านั้น!” เธอดีใจขึ้นมาทันที "ฉันลดไป 4.5 กิโลกรัม ภายในไม่กี่อึดใจ มันมหัศจรรย์มาก!""เป็นไปไม่ได้ ผอมลงจริง ๆ เหรอ?"นายท่านจอร์จและมาดามชําเลืองกันแวบหนึ่ง อึ้งไปตาม ๆ กัน เธอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำมากที่สุดประมาณ 1 ชั่วโมง และน้ำหนักของลูกสาวก็ลดลงจริง ๆ"จริงเหรอ?"โจแอนออกไปดูเป็นคนแรก เธอดูตัวเลขด้วยตาเธอเอง เธอซึ้งจนน้ำตาซึมอยู่ในเบ้าตา "ฉันรู้ว่าลูกชายของฉันไม่โกงใคร เขาไม่ใช่คน
"เธอผอมลงแล้ว! เธอผอมลงแน่นอน!"มาดามจอร์จรู้สึกตื่นเต้นมาก นี่เป็นปาฏิหารย์จริง ๆ"ฉันจะชั่งน้ำหนักตัวเองและดูมันด้วยตัวเอง!"ชารอนไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นของเธอได้อีก เธอกระโดดขึ้นไปบนเครื่องชั่งน้ำหนักเครื่องแรกทันทีเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตอนที่เธอชั่งน้ําหนักตัวเธอเอง "คุณพระ ตอนนี้น้ำหนักแค่ 97.5 กิโลกรัม ไม่น่าเชื่อเลย! ฉันลดน้ำหนักไปอีก 4 กิโล ฉันยังคงลดน้ำหนักได้ 4 กิโลกรัม แม้ว่าเครื่องชั่งนี้จะทํางานได้ไม่ดีนัก!""ถ้าอย่างนั้นฉันต้องผอมกว่านี้แน่ ๆ!"จอร์จดูพอใจมาก เขาสังเกตเห็นลูกสาวของเขาสังเกตว่านอกเหนือจากเหงื่อที่ถ่ายทําทั่วร่างกายของเธอ ดูเหมือนเธอจะร่าเริงดี ดังนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนสําหรับตอนนี้ชารอนวิ่งไปที่เครื่องชั่งน้ำหนักอื่น ๆ อย่างตื่นเต้น และสังเกตตัวเลขและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็กระโดดด้วยความยินดี "แม่คะ พ่อคะ มานี่ มาดูกัน ตัวเลขเหมือนกัน! หนูหนัก 97.5 กิโลกรัม ยอดเยี่ยม"น้ําหนัก 97.5 กิโลกรัม อาจจะหนักเกินมากไปสําหรับผู้หญิงคนอื่น พวกเขาอาจจะรู้สึกว่านี่ยังห่างไกลจากโอกาสที่จะเฉลิมฉลอง มันไม่ใช่ตัวเลขที่จะทําให้พวกเขามีความสุขแต่ถึ
เฟนด์มวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นไคล์ "นี่นายอย่าบอกนะว่า นายต้องการที่จะท้าทายฉันอีกน่ะ”“เฮ้ ไม่มีทาง คุณแข็งแกร่งกว่าผมมาก ผมยังมีสิ่งที่ดีกว่าต้องทำ ดีกว่าที่จะท้าทายคุณในการต่อสู้ ผมก็คงจะแพ้”ไคล์หัวเราะเล็กน้อยและก้าวไปข้างหน้ายื่นบุหรี่ให้เฟนด์ “มาเลยพี่เฟนด์ เราคิดมาแล้วว่านับจากนี้ไป คุณจะเป็นพี่ใหญ่ของบอดี้การ์ดตระกูลเดรค จากนี้เป็นต้นไป และในฐานะพี่ใหญ่ของพวกเรา พวกเราบอดี้การ์ดที่เหลือจะเชื่อฟังคุณ!”เฟนด์ไม่ได้สูบบุหรี่ เขาหยิบบุหรี่ทรายขาวของตัวเองออกมาแทน “ฉันสูบบุหรี่ยี่ห้อนี้เท่านั้น” เขากล่าวยิ้ม ๆ “ฉันไม่ค่อยชินกับบุหรี่พรีเมี่ยมของนายเท่าไหร่!”ไคล์รู้สึกอายมากเมื่อเฟนด์ไม่ยอมสูบบุหรี่ จริงๆ มันทําให้เขาอึดอัดในฐานะหัวหน้าทีมอย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดหวังถึงคําอธิบายของเฟนด์เลย มันทําให้ความอึดอัดหายไปในชั่วพริบตาเขาหัวเราะและเขี่ยบุหรี่เข้าไปในฟันแทน “คุณพิเศษพี่เฟนด์ แม้แต่งานอดิเรกของคุณก็ยังดูพิเศษมากกว่าเรามาก""นายชอบอะไรก็ตามนั้น หรือจะเรียกฉันว่าอะไรก็ได้ที่นายอยากเรียกฉัน!"เฟนด์เหยียดแขนขา คิดอยู่พักหนึ่ง "แต่ในเมื่อนายเรียกฉันว่าพี่ใหญ่แล้ว ก็
“ช่างขี้โม้เหลือเกิน! ราวกับว่านายเป็นเทพแห่งสงครามซะเอง”คําพูดของเฟนด์ให้อีวอนน์กลอกตามองบน เธอคงจะเชื่อ ถ้าบอดี้การ์ดคนหนึ่งของตระกูลเดรคจะแข็งแกร่งเท่ากับคนนับร้อยคน แต่ ’แกร่งเท่าหนึ่งพันคน’ เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป"ไปกันเถอะ มันสายแล้ว การเลือกหินการพนันยิ่งเร็วยิ่งดี มิฉะนั้น บรรดาพวกตาดี ๆ ก็อาจจะได้ของดี ๆ นั้นไป” ทันย่าพูดยิ้ม ๆ อีวอนน์อึ้ง “ว้าว ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักเรื่องนี้เป็นอย่างดีนะ ทันย่า" อีวอนน์ชมเธอทันย่าแค่หันมามองอย่างอารมณ์ดี "ฉันได้เรียนรู้ทุกอย่างจากเธอ โอเค? เธอเป็นนักเสี่ยงโชคตัวยง แถมชอบพาฉันไปที่ถนนอัญมณีเสมอ ฉันไปที่นั่นตั้งหลายครั้ง เป็นธรรมดาที่ฉันต้องรู้เรื่องพื้นฐานเหล่านั้นทั้งหมด!”เมื่อพวกเขาเดินไปกลางลานด้านนอกอาคาร ทั้งสองคนได้พูดคุยกัน“โอ้ว ใช่ เฟนด์ นายรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?" เมื่อทันย่ารู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดอะไรสักคํา เธอจึงหันไปถามบอดี้การ์ดของเธออีวอนน์ เข้ามาขัดจังหวะ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก "เขาเหรอ? ฮืม เขาเป็นทหาร ฉันได้ยินมาว่า เขาเคยเป็นคนส่งของ เธอคิดจริง ๆ หรือว่า เขารู้จักการพนันหิน การละเล่นของคนรวยและคนมั่งคั่ง?
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ