แม้ว่าเจ้ากระทิงไฟตาเดียวจะอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด แต่สำหรับเฟนด์แล้วแล้ว พวกมันก็ไม่น่ากลัวเลยสักนิดในทางกลับกัน ดวงตาของแชนด์เลอร์และเมย์นาร์ดแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขานึกว่าได้ยินเฟนด์ผิดไปทำไมเขาถึงได้หน้าด้านขนาดนี้? เขาคิดว่ากระทิงอยู่ในระดับที่เขาจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ถึงสองเลยงั้นหรือ? เขาจะจัดการกับพวกมันสองตัวได้ แม้ว่าเขาจะพึ่งอยู่ในขั้นต้นระดับแรกกำเนิดเมย์นาร์ดคว้าแขนของเฟนด์ "คุณบ้าหรือเปล่า?!"อนิจจา พวกกระทิงไม่ได้ล้อเล่นกับเฟนด์ พวกมันก้มหัวลง และทำท่าราวกับจะพุ่งไปข้างหน้า และวินาทีต่อมา พวกมันก็วิ่งมาข้างหน้าเต็มกำลังใบหน้าของแชนด์เลอร์เข้มขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงศิษย์ภายนอกของสำนักปักษาสีชาดแต่เขาก็ยังคงมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายอย่างเหลือเชื่อ เขารู้ดีว่าคนรับใช้ที่อยู่รอบตัวเขาจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้หากกระทิงไฟตาเดียวพุ่งเข้าหาพวกเขาเขาพุ่งตัวไปข้างหน้าเรากับลูกศรของธนู ใบมีดสีเงินแวววาวเย็นเยียบขณะมันสะท้อนแสงอาทิตย์ เขาคำรามออกมาขณะที่เขเาหวี่ยงดาบไปทางสัตว์อสูรเหล่านั้นอาจเป็นเพราะคำพูดของเฟนด์ที่มีอิทธิพลต่อแช
แต่ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว ไม่ว่ากระทิงไฟตาเดียวจะแข็งแกร่งแค่ไหน พลังของมันก็อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดเท่านั้น เฟนด์ใช้ทักษะระดับเทพขั้นสูงสุด แม้แต่ลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักระดับสี่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงอสูรที่อยู่ในขั้นสูงของระดับแรกกำเนิดเลยด้วยซ้ำเฟนด์ร้องออกมาในขณะที่เขาแทงออกไป ปลายดาบของเขาเจาะเข้าไปในดวงตาของอสูรอีกครั้ง ดาบทำลายดวงตาของสัตว์อสูรลง และหยาดเลือดกระเซ็นไปทั่ว เสียงร้องแห่งความปวดร้าวดังตามมาอีกทีทักษะทลายห้วงสุญญะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ลักษณะทางกายภาพ แต่เลือกที่จะทำลายจิตวิญญาณ สัตว์อสูรอ่อนแอกว่ามนุษย์ตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่มนุษย์ที่อยู่ระดับเดียวกับสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเฟนด์ได้กระทิงไม่สามารถยืนได้อย่างองอาจอีกต่อไป เช่นเดียวกับกระทิงตัวอื่น มันล้มลงกับพื้น ดูทุรนทุรายขณะที่มันกลิ้งไปบนพื้นอย่างต่อเนื่อง และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาเฟนด์มีทั้งความรวดเร็วและการโจมตีที่เด็ดขาด เพื่อลดโอกาสการสูญเสีย เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ได้สังหารสัตว์อสูรในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิดที่เคยทำให้พวกเขาหวาดกลัว
แม้ว่าการโจมตีของกระทิงไฟตาเดียวจะไม่แข็งแกร่งมากมายนัก แต่เขาก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะคว้าความได้เปรียบจากมันได้ หากพวกเขายังคงต่อสู้เช่นนั้นต่อไป มันจะยิ่งทำให้เขาเสียเปรียบหากกระทิงอีกสองตัวเข้ามาร่วมด้วย เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไร แชนด์เลอร์ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น เม็ดเหงื่อยังคงก่อตัวบนศีรษะของเขา ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ แม้แต่ลมหายใจของเขาก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ!ขณะที่ความวิตกกังวลของเขาถึงขีดสุด ก็มีแสงสีเทาปรากฏขึ้นข้าง ๆ เขาทั้งหมดที่แชนด์เลอร์ได้ยินคือเสียงของบางสิ่งที่ถูกแทง และกระทิงไฟตาเดียวก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขามองย้อนกลับไป เขาเห็นว่าตาของกระทิงถูกแทงด้วยดาบสีเทาไปแล้วดวงตาของมันแตกสลายเรากับเศษแก้ว! วินาทีต่อมา กระทิงไร้เทียมทานในสายตาของแชนด์เลอร์ก็ล้มลงกับพื้น มันดีดดิ้นราวกับกำลังถูกทรมานในหลุมนรก มันกลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวดในขณะนั้น แชนด์เลอร์คิดว่าผู้ที่โจมตีจะต้องเป็นนักรบที่มีระดับพลังยุทธแข็งแกร่ง มิฉะนั้น ก็ไม่อาจเจาะเข้าไปในดวงตาของกระทิงแบบนั้นได้เลย!พูดง่าย ๆ ก็คือ การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถฆ่ากระทิงไฟตา
ดวงอาทิตย์กำลังตกและส่องแสงบนถนนแคบ ๆ ที่ผ่านหุบเขา มันฉายผ่านทุกสิ่งด้วยแสงสีแดงฉาน เฟนด์ชื่นชมทิวทัศน์จากหน้าต่าง ทิวทัศน์ด้านนอกรถม้าค่อนข้างงดงามเป็นพิเศษรัฐตอนกลางอุดมไปด้วยทรัพยากร และทิวทัศน์ก็ดีกว่ารัฐเวสต์ เซอร์ซีมาก หากไม่ใช่เพราะภัยคุกคามจากพวกสัตว์อสูร เฟนด์อาจใช้เวลาสองสามวันเพื่อชื่นชมทิวทัศน์พวกนี้ มันจะช่วยให้เขาสงบลงและวางแผนขั้นตอนต่อไปได้“เฟนด์…” สีหน้าของแชนด์เลอร์ดูเหมือนกำลังดิ้นรนเฟนด์เลิกคิ้วไม่คิดเลยว่าจะได้ยินแล้วเสียงเคารพจากอีกฝ่ายกระทันหันแบบนี้ ก่อนหน้านี้แชนด์เลอร์มองเขาด้วยท่าทีสบาย ๆ น้ำเสียงยำเกรงเช่นนี้เกือบทำให้เฟนด์หัวเราะออกมา แต่เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรกับเรื่องนี้ แชนด์เลอร์อยากจะทำอะไรก็ย่อมได้เฟนด์ปิดม่านแล้วหันหน้าไปทางแชนด์เลอร์ แชนด์เลอร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาของเขาดูขัดแย้งอย่างที่สุด “คุณคือ…ผู้ฝึกยุทธขั้นต้นระดับแรกกำเนิดจริง ๆ เหรอ?”เฟนด์ส่ายหน้าและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมไม่เคยบอกว่าผมอยู่ในขั้นนั้น ก่อนหน้านี้ผมได้รับบาดเจ็บมา นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณตัดสินระดับพลังยุทธของผมผิดไป“จริง ๆ แล้วผมอยู่ในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิด ก
แชนด์เลอร์เม้มริมฝีปาก “ถ้าคุณมุ่งความสนใจไปที่การเล่นแร่แปรธาตุ คุณจะไม่มีเวลาฝึกพลังยุทธ คุณมีความสามารถมาก หากคุณเสียเวลาไปกับการเล่นแร่แปรธาตุมากเกินไป มันจะเป็นการสิ้นเปลืองศักยภาพของคุณ และคุณจะต้องเสียใจเพราะเรื่องนั้น!"แชนด์เลอร์ยึดมั่นในคำพูดของเขามาก โดยเฉพาะส่วนสุดท้าย แม้ว่าเฟนด์จะได้รับผลึกวิญญาณจำนวนมาก แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไร เขาควรจะเพิ่มพลังยุทธของตัวเองเป็นอันดับหนึ่งหากเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็จะสามารถร่ำรวยขึ้นได้เอง นอกจากนี้ การเพิ่มคุณภาพของโอสถจะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก! และนั่นต้องใช้เวลามากโขเช่นกันการมีศักยภาพในการต่อสู้สูงไม่ได้หมายความว่ามีศักยภาพในการเล่นแร่แปรธาตุสูง เฟนด์เลิกคิ้วขึ้น เขารู้เรื่องทั้งหมดโดยธรรมชาติแล้ว ถ้าเขาไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกรวมวิญญาณ เขาคงไม่เลือกเส้นทางที่ห่างไกลและยากลำบากเช่นนี้เหมือนกันแต่ด้วยต้องรวบรวมผลึกรวมวิญญาณ เขาไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งที่เขาต้องการคือเวลาอีกสักหน่อย เฟนด์พยักหน้า เขายังคงรู้สึกขอบคุณสำหรับคำแนะนำของแชนด์เลอร์ด้วย อย่างน้อยที่สุดก็หมายความว่าแชนด์เลอร์ไม่ใช่คนไม่ดี“ผมค่อนข้างมั่นใจในการเล่นแร
อย่างไรก็ตาม วิมานโอสถใช้ทรัพยากรในการเลี้ยงดูคนเหล่านี้ค่อนข้างมาก การเล่นแร่แปรธาตุเป็นสิ่งที่ต้องใช้หญ้าวิญญาณและโอสถมากมาย ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากมายขนาดนั้น พวกเขาก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากกิลเบิร์ต ฮิวจ์ไอเบา ๆ ขณะที่เขารินชาที่มีอุณหภูมิเหมาะสมลงในถ้วย “คุณซิมมอนส์ คุณคงเหนื่อยมาก ดื่มชาบรรเทาอาการคอหน่อย วันนี้คุณยุ่งมาก“ให้ผมจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เองเถอะ ร้านค้าทั้งร้านจะสะอาดสะอ้านอย่างแน่นอน”คุณซิมมอนส์เลิกคิ้ว พยักหน้าอย่างมีความสุข "นายรู้จักฉันดีนี่ กิลเบิร์ต ฉันจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้ใครไม่ได้เลย นายทำทุกอย่างได้อย่างดีมาโดยตลอด ฉันถึงได้วางใจที่จะมอบหมายหน้าที่นี้ให้นาย"ขณะที่เขาพูดแบบนั้น รอยยิ้มของคุณซิมมอนส์ก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ กิลเบิร์ตพยักหน้า เผยรอยยิ้มที่ดูเหมาะสม ราวกับว่าเขารู้สึกขอบคุณกับคำพูดเหล่านั้นอย่างที่สุดแต่ทว่ากิลเบิร์ตไม่ได้รู้สึกอย่างที่ทำเลย แต่เขาพบว่ามันน่าขบขันมาก เหตุผลเดียวที่คุณซิมมอนส์ยกย่องเขามากก็คือคุณซิมมอนส์รู้สึกว่าเขามีศักยภาพสูงส่งจากนักเรียนทั้งสิบคน กิลเบิร์ตเป็นหนึ่งในคนที่มีความหวังมากที่สุดที่จะเป็นนักเล่น
หลังจากนั้นไม่นาน ซิมมอนส์ก็พยักหน้าและตอบว่า "ในเมื่อนายมาจากที่นี่ก็อยากจะเข้าเป็นบัณฑิต นายควรเตรียมจิตใจให้พร้อม“ในเมื่อหลานชายของฉันออกปากขอความช่วยเหลือนี้เอง เพราะงั้นฉันจะรับปาก กิลเบิร์ต ไปหาห้องให้เขา ต่อไปนายจะเป็นศิษย์พี่ของเขา นายไปไหนให้เขาไปกับนายด้วย”กิลเบิร์ตพยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมสีหน้าของเขาที่กำลังจะบูดบึ้ง เขายิ้มแข็ง ๆ และพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลเขาอย่างดี"แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมน้ำเสียงอย่างสุดกำลัง แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง แม้ว่าคำพูดของเขาจะดูไม่มีอะไรผิดปกติก็ตาม เขามองไปที่กิลเบิร์ตกิลเบิร์ตดูค่อนข้างเป็นมิตร แต่เฟนด์สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แฝงอยู่ในกริยาอบอุ่นนั้น กิลเบิร์ตไม่พอใจอย่างยิ่งกับการมาถึงของเฟนด์ ราวกับว่ากิลเบิร์ตกลัวว่าเฟนด์จะมาแย่งตำแหน่งของเขาไปนั่นทำให้เฟนด์ยิ่งประหลาดใจ กิลเบิร์ตไม่ให้โอกาสเฟนด์พูดด้วยซ้ำ เขาจะยกมือขวาขึ้นก่อนจะเชิญเฟนด์ไปที่อื่น“มากับฉัน ฉันจะหาที่พักให้นาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายจะเป็นหนึ่งในเพื่อนบัณฑิตของฉันในวิมานโอสถ”เฟนด์พยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองแชนด์เลอร์ แ
แชนด์เลอร์อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนั้น เส้นทางของนักเล่นแร่แปรธาตุไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน มันยากกว่าศิลปยุทธหลายเท่า และต้องใช้พรสวรรค์สูงกว่านั้นมาก“การจะควบแน่นรังสีของโอสถยากขนาดนั้นเชียวเหรอ?” แชนด์เลอร์วางถ้วยชาในมือลงขณะที่เขาถามอย่างจริงจังแม้ว่าเขาจะเข้าใจเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยพยายามเข้าใจมรรคาแห่งโอสถมาก่อน เขาไม่เข้าใจว่าการจะเข้าใจมรรคาแห่งโอสถและควบแน่นรังสีของโอสถยากเย็นเพียงใดซิมมอนส์มีประสบการณ์อยู่ภายในวิมานโอสถหลายปี ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจบางอย่างโดยปริยาย“แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลย! ผมต้องขอยกตัวอย่างที่คุณพอจะเข้าใจได้ สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้าที่เข้าใจมรรคาแห่งโอสถและควบแน่นรังสีแห่งโอสถได้ก็เหมือนกับการมีผู้ฝึกยุทธในระดับแรกกำเนิดเรียนรู้ทักษะขั้นสูงระดับปฐพี นั่นนับว่าเป็นเรื่องยากหรือเปล่าล่ะ?!"จากการยกตัวอย่างของซิมมอนส์ แชนด์เลอร์ก็รู้สึกยิ่งกว่านั้น แน่นอนว่ามันยาก! มันยากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้เลย เพราะหากเขาสามารถเรียนรู้ทักษะขั้นสูงระดับโลหิตได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว