เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ แชนด์เลอร์ก็รู้สึกขบขันไม่น้อย แม้แต่ศิษย์ที่ถูกเลือกในสำนักของเขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้เลย พวกเขาไม่เพียงขาดเงินเท่านั้น แต่ยังขาดความสามารถอีกด้วยผู้ชายที่อยู่ในระดับแรกกำเนิดจากรัฐเวสต์ เซอร์ซีอย่างเฟนด์ไม่มีทางทำได้แชนด์เลอร์เม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยในขณะที่เขาแนะนำอย่างจริงใจว่า "เนื่องจากคุณอยู่ในรัฐตอนกลางแล้ว ถ้าคุณไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปในที่ที่คุณจากมาเร็ว ๆ นี้ คุณก็ควรหาที่พักเสีย รัฐตอนกลางนั้นกว้างใหญ่และมีทรัพยากรมากมาย ดีเสียยิ่งกว่าสิ่งที่คุณมีในรัฐเวสต์ เซอร์ซีมาก”เฟนด์พยักหน้า เขามองไปที่แชนด์เลอร์อย่างมีความหมาย แม้ว่าเขาจะเพิ่งรู้จักแชนด์เลอร์มาได้ไม่นาน แต่เฟนด์ก็เห็นว่าแชนด์เลอร์ไม่ใช่พวกเจ้าแผนการที่ชอบคิดอุบายตุกติกอะไร แชนด์เลอร์เป็นคนที่ควรค่าแก่การคบหาเอาไว้เฟนด์ค่อย ๆ ลดกำแพงที่เขาสร้างขึ้นลงอย่างช้า ๆ“รัฐตอนกลางค่อนข้างอุดมไปด้วยทรัพยากรจริง ๆ คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าจะมีวิธีไหนที่ดีที่สุดจะทำให้ผมสามารถได้รับผลึกวิญญาณจำนวนมากในแต่ละครั้ง”หลังจากพูดอย่างนั้น เฟนด์ก็หัวเราะออกมาในขณะที่เขาก้มหัวลงอย่างช่วยอะไรไม่
แชนด์เลอร์เหลือบมองเฟนด์ขณะที่พูด และแน่นอนว่าใบหน้าของเฟนด์ก็ดูห่อเหี่ยวลงอีกครั้งแชนด์เลอร์หัวเราะเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ "ประเภทที่สามไม่มีข้อจำกัดในเรื่องความแข็งแกร่ง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำได้แน่"เฟนด์ขมวดคิ้ว หายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า "งานประเภทไหนล่ะ"แชนด์เลอร์พูดช้า ๆ “นักเล่นแร่แปรธาตุ”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เฟนด์ก็ยืดตัวตรงทันที บนใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าแปลก ๆ ขึ้น ความสิ้นหวังที่เขียนบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมลายหายไปอย่างกะทันหัน และดูคล้ายว่าเขาจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งด้วยซ้ำแชนด์เลอร์มองไปที่เฟนด์แล้วถามว่า "คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุงั้นหรือ"หลังจากถามออกไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะขยับศีรษะไปข้างหลัง และถอยออกไปขณะที่เขามองดูเฟนด์อย่างพี่นิจพิเคราะห์ ดูเหมือนเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากร่างของเฟนด์ “คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับไหนแล้ว”เฟนด์ไม่ได้ปิดบังความจริงในขณะที่เขาพยักหน้าอย่างจริงใจ “ผมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ผมยังอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น ผมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้า”แชนด์เลอร์พยักหน้าเล็กน้อย นักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้าคงไปอยู่ในร
“คุณอาจเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้า แต่อย่างน้อยคุณต้องเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกก่อนจึงจะสามารถหาผลึกวิญญาณมากมายขนาดนั้นได้ หนทางยังอีกยาวไกล”คำพูดของแชนด์เลอร์เต็มไปด้วยความเมตตา เขาต้องการช่วยเฟนด์วางแผนเส้นทางที่ชัดเจน ด้วยอยากให้เฟนด์ล่วงรู้ถึงหนทางการหาผลึกวิญญาณ เฟนด์อาจจะจบลงด้วยการไม่บรรลุผลใด ๆ ในท้ายที่สุดหากเขาไม่ได้รู้เรื่องนี้แม้ว่าแชนด์เลอร์จะเป็นเพียงศิษย์ภายนอกในสำนักปักษาสีชาด แต่เขาก็อยู่ในดินแดนของสำนักปักษาสีชาดมาเป็นเวลานาน เขาจริงมีความรู้พื้นฐานมากมายย้อนกลับไปตอนนั้นเขาเคยอยากจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ นั่นเพราะเขาจะถูกมองด้วยความชื่นชมหากสามารถเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกได้ และเขาจะทำเงินได้มากมายเช่นกันแต่ทว่า หลังจากที่เขาตระหนักได้ว่าการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนั้นยากเพียงใด เขาก็ละทิ้งความคิดนั้นไป การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหก ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามและเวลาจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ความสามารถที่สูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วยมรรคาแห่งโอสถไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากจะเข้าใจก็จะสามารถเข้าใจได้ตามต้องการ มรรคาแห่งโอสถไม่ใช่วิธีการผลิตโอสถเพียงชนิดเดี
เมื่อดูสีหน้าจริงจังของเฟนด์ แชนด์เลอร์ก็รู้สึกโมโหอยู่หน่อย ๆ เขามองเฟนด์“ดูสิว่าคุณตื่นเต้นแค่ไหน เดาว่าคุณคงมั่นใจในตัวเองมาก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ขอแนะนำอะไรด้วยความกรุณาสักหน่อย หากคุณต้องการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหก คุณต้องผ่านอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ไปให้ได้ เป็นอุปสรรค์ใหญ่ที่นักเล่นแร่แปรธาตุแปดในสิบคนไม่สามารถผ่านไปได้ คุณควรเตรียมตัวให้พร้อม”เฟนด์พยักหน้า จริง ๆ แล้วเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว ความทรงจำของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาซึมซับไว้มีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับนักเล่นแร่แปรธาตุนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งดินแดนเทพสาบสูญไม่ได้แตกต่างจากนักเล่นแร่แปรธาตุในทวีปเฮสเทียมากนัก อย่างไรก็ตาม นักเล่นแร่แปรธาตุของดินแดนเทพสาบสูญอยู่ในระดับที่สูงกว่า และนักเล่นแร่แปรธาตุจำเป็นต้องเชี่ยวชาญมรรคาแห่งโอสถด้วยเช่นกันเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นเขาก็ยิ้ม โชคดีที่เขามีเครื่องมือโกง ผลึกรวมวิญญาณอยู่ในมัสตาร์ด ซี๊ดมานานเกินไป หลังจากออกจากหุบเขาสนธยา เขาจะต้องใช้ผลึกรวมวิญญาณอีกครั้งเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และเฟนด์สังเกตเห็นด้วยความประหลาดใจว่าอาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวเร็วกว่าที่เขาคาดไว้เ
แชนด์เลอร์ดูราวกับเพิ่งกลืนยาพิษไปสองขวด หลังจากที่เขาพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาเมย์นาร์ดวิ่งไปที่รถม้าอย่างรวดเร็ว “เราจะทำยังไงดี สัตว์อสูรสามตัวนั้นอยู่ในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิด! เราจะสู้พวกมันได้ไหม เราพอมีเวลาหลบหนีหรือเปล่า?“ถึงจะทิ้งพวกนั้นจะดูโมโห แต่เราไม่ได้ยั่วโมโหมันสักหน่อย คงคิดว่าถ้าเราหนีตั้งแต่ตอนนี้พวกมันจะไล่ตามหรือเปล่า!” เมย์นาร์ดตื่นตระหนกอย่างไม่น่าเชื่อในขณะนั้นเฟนด์เหลือบมองเมย์นาร์ดก่อนที่จะพูดว่า "ถ้าเราถอยออกไปตอนนี้ พวกวัวก็จะโจมตีทันที และอย่าหวังว่ามันจะเมตตาต่อเรา"แม้ว่ามันจะยังไม่ได้โจมตี แต่เฟนด์ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระทิงพวกนั้นโกรธกันถึงขีดสุดแล้ว พวกมันทำราวกับโกรธแค้นพวกเขาเป็นอย่างมาก“แล้วเราจะทำยังไงดี!” เมย์นาร์ดคุ้มคลั่ง ไม่เหลือท่าทีสงบอีกต่อไปเฟนด์ถอนหายใจขณะที่เขาหยิบดาบสีเทาออกมาจากมัสตาร์ด ซี๊ด "เราจะสู้!"เมย์นาร์ดเบิกตากว้างมองไปที่เฟนด์ทันที เขามองเฟนด์ด้วยสายตาตกตะลึง“เฟนด์ รู้ไหมว่าตัวเองพูดอะไรอยู่ สู้งั้นเหรอ! สู้นี่มันหมายความว่ายังไง! คุณไม่รู้ว่าพลังของกระทิงพวกนี้มากมายขนาดไหน? พวกมันเป็นอสูรในขั้นสูงสุดของระดับแร
แม้ว่าเจ้ากระทิงไฟตาเดียวจะอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด แต่สำหรับเฟนด์แล้วแล้ว พวกมันก็ไม่น่ากลัวเลยสักนิดในทางกลับกัน ดวงตาของแชนด์เลอร์และเมย์นาร์ดแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขานึกว่าได้ยินเฟนด์ผิดไปทำไมเขาถึงได้หน้าด้านขนาดนี้? เขาคิดว่ากระทิงอยู่ในระดับที่เขาจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ถึงสองเลยงั้นหรือ? เขาจะจัดการกับพวกมันสองตัวได้ แม้ว่าเขาจะพึ่งอยู่ในขั้นต้นระดับแรกกำเนิดเมย์นาร์ดคว้าแขนของเฟนด์ "คุณบ้าหรือเปล่า?!"อนิจจา พวกกระทิงไม่ได้ล้อเล่นกับเฟนด์ พวกมันก้มหัวลง และทำท่าราวกับจะพุ่งไปข้างหน้า และวินาทีต่อมา พวกมันก็วิ่งมาข้างหน้าเต็มกำลังใบหน้าของแชนด์เลอร์เข้มขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงศิษย์ภายนอกของสำนักปักษาสีชาดแต่เขาก็ยังคงมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายอย่างเหลือเชื่อ เขารู้ดีว่าคนรับใช้ที่อยู่รอบตัวเขาจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้หากกระทิงไฟตาเดียวพุ่งเข้าหาพวกเขาเขาพุ่งตัวไปข้างหน้าเรากับลูกศรของธนู ใบมีดสีเงินแวววาวเย็นเยียบขณะมันสะท้อนแสงอาทิตย์ เขาคำรามออกมาขณะที่เขเาหวี่ยงดาบไปทางสัตว์อสูรเหล่านั้นอาจเป็นเพราะคำพูดของเฟนด์ที่มีอิทธิพลต่อแช
แต่ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว ไม่ว่ากระทิงไฟตาเดียวจะแข็งแกร่งแค่ไหน พลังของมันก็อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดเท่านั้น เฟนด์ใช้ทักษะระดับเทพขั้นสูงสุด แม้แต่ลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักระดับสี่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงอสูรที่อยู่ในขั้นสูงของระดับแรกกำเนิดเลยด้วยซ้ำเฟนด์ร้องออกมาในขณะที่เขาแทงออกไป ปลายดาบของเขาเจาะเข้าไปในดวงตาของอสูรอีกครั้ง ดาบทำลายดวงตาของสัตว์อสูรลง และหยาดเลือดกระเซ็นไปทั่ว เสียงร้องแห่งความปวดร้าวดังตามมาอีกทีทักษะทลายห้วงสุญญะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ลักษณะทางกายภาพ แต่เลือกที่จะทำลายจิตวิญญาณ สัตว์อสูรอ่อนแอกว่ามนุษย์ตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่มนุษย์ที่อยู่ระดับเดียวกับสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเฟนด์ได้กระทิงไม่สามารถยืนได้อย่างองอาจอีกต่อไป เช่นเดียวกับกระทิงตัวอื่น มันล้มลงกับพื้น ดูทุรนทุรายขณะที่มันกลิ้งไปบนพื้นอย่างต่อเนื่อง และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาเฟนด์มีทั้งความรวดเร็วและการโจมตีที่เด็ดขาด เพื่อลดโอกาสการสูญเสีย เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ได้สังหารสัตว์อสูรในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิดที่เคยทำให้พวกเขาหวาดกลัว
แม้ว่าการโจมตีของกระทิงไฟตาเดียวจะไม่แข็งแกร่งมากมายนัก แต่เขาก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะคว้าความได้เปรียบจากมันได้ หากพวกเขายังคงต่อสู้เช่นนั้นต่อไป มันจะยิ่งทำให้เขาเสียเปรียบหากกระทิงอีกสองตัวเข้ามาร่วมด้วย เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไร แชนด์เลอร์ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น เม็ดเหงื่อยังคงก่อตัวบนศีรษะของเขา ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ แม้แต่ลมหายใจของเขาก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ!ขณะที่ความวิตกกังวลของเขาถึงขีดสุด ก็มีแสงสีเทาปรากฏขึ้นข้าง ๆ เขาทั้งหมดที่แชนด์เลอร์ได้ยินคือเสียงของบางสิ่งที่ถูกแทง และกระทิงไฟตาเดียวก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อเขามองย้อนกลับไป เขาเห็นว่าตาของกระทิงถูกแทงด้วยดาบสีเทาไปแล้วดวงตาของมันแตกสลายเรากับเศษแก้ว! วินาทีต่อมา กระทิงไร้เทียมทานในสายตาของแชนด์เลอร์ก็ล้มลงกับพื้น มันดีดดิ้นราวกับกำลังถูกทรมานในหลุมนรก มันกลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวดในขณะนั้น แชนด์เลอร์คิดว่าผู้ที่โจมตีจะต้องเป็นนักรบที่มีระดับพลังยุทธแข็งแกร่ง มิฉะนั้น ก็ไม่อาจเจาะเข้าไปในดวงตาของกระทิงแบบนั้นได้เลย!พูดง่าย ๆ ก็คือ การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถฆ่ากระทิงไฟตา