แชร์

บทที่ 2377

ผู้แต่ง: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
การสังหารอีกฝ่ายอย่างไม่มีเหตุผลจะทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองอย่างถึงที่สุดเท่านั้น และมันจะนำไปสู่การนองเลือดในที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกัน แต่พวกเขาก็จะพยายามตามฆ่าอีกฝ่ายอยู่วันยันค่ำ

แชนด์เลอร์อดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ “ผู้ฝึกยุทธพวกนั้นแค่หันหลังกลับและจากไปด้วยความยินดีหลังจากสังหารหมู่อีกฝ่าย แต่กับคนตัวเล็กอย่างพวกเรากลับต้องทนทุกข์ทรมาน

“พวกเขาทำให้พวกอสูรโกรธ และคนที่ถูกโจมตีก็เป็นคนเหมือนกับพวกเรา เส้นทางบนหุบเขาสนธยานี้เคยเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด และโดยปกติแล้วจะมีสัตว์อสูรที่ไม่มีระดับการบ่มเพาะเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่ที่นี่

“แต่ต่อให้เราจะได้พบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อสูรเหล่านั้นก็พากันคลุ้มคลั่ง พวกมันพากันออกมาจากป่าลึกและโจมตีมนุษย์ทุกคนที่ขวางหน้า!”

แชนด์เลอร์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ความหงุดหงิดฝังลึกอยู่ในใบหน้าของเขา

เฟนด์ขมวดคิ้ว เขาเข้าใจความรู้สึกของแชนด์เลอร์ดี

รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้า และทั้งสองก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ภายใน อย่างไรก็ตามเฟนด์มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกายและจะพูดคุยกับแชนด์
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2378

    เฟนด์ต้องระงับความตกตะลึงภายในที่เขามี“หุบเขารกชัฎอยู่ในโลกใดกันแน่ ทำไมรัฐตอนกลางถึงมีเครื่องขนส่งไปยังหุบเขารกชัฎด้วย? ถ้ามีใครอยากเข้าไปในหุบเขารกชัฎ เขาจะทำยังไง”แชนด์เลอร์เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าเฟนด์กระตือรือร้นอยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเพียงใด “คุณคงไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปยังหุบเขารกชัฎหรอกใช่ไหม ไม่อย่างนั้นผมขอแนะนำให้เลิกคิดเสีย ต่อให้คุณจะมีผลึกระดับเก้าถึงเก้าชิ้น คุณก็ไม่รอดออกมาหรอก”เฟนด์รู้สึกหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดกับคำพูดของแชนด์เลอร์ ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเรื่องนี้มากเกินไป เขาคิดว่าอย่างมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นจะเป็นแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามก็เท่านั้นแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายที่นั่น แต่เขาก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ด้วยความสามารถและทักษะของเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังคำอธิบายอย่างคร่าว ๆ ของแชนด์เลอร์แล้ว เฟนด์ก็ค้นพบว่าหุบเขารกชัฎนั้นต่างออกไปอย่างไรหากอสูรของแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามอยู่ในขั้นสูงของระดับแรกกำเนิด ดังนั้นอสูรบนหุบเขารกชัฎอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับผลึกสวรรค์ ระดับของสัตว์อสูรจากทั้งสองแหล่ง ไม่มีทางอยู่ในระดับเดียวกันได้เมื่อคิดถึงเร

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2379

    เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ แชนด์เลอร์ก็รู้สึกขบขันไม่น้อย แม้แต่ศิษย์ที่ถูกเลือกในสำนักของเขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้เลย พวกเขาไม่เพียงขาดเงินเท่านั้น แต่ยังขาดความสามารถอีกด้วยผู้ชายที่อยู่ในระดับแรกกำเนิดจากรัฐเวสต์ เซอร์ซีอย่างเฟนด์ไม่มีทางทำได้แชนด์เลอร์เม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยในขณะที่เขาแนะนำอย่างจริงใจว่า "เนื่องจากคุณอยู่ในรัฐตอนกลางแล้ว ถ้าคุณไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปในที่ที่คุณจากมาเร็ว ๆ นี้ คุณก็ควรหาที่พักเสีย รัฐตอนกลางนั้นกว้างใหญ่และมีทรัพยากรมากมาย ดีเสียยิ่งกว่าสิ่งที่คุณมีในรัฐเวสต์ เซอร์ซีมาก”เฟนด์พยักหน้า เขามองไปที่แชนด์เลอร์อย่างมีความหมาย แม้ว่าเขาจะเพิ่งรู้จักแชนด์เลอร์มาได้ไม่นาน แต่เฟนด์ก็เห็นว่าแชนด์เลอร์ไม่ใช่พวกเจ้าแผนการที่ชอบคิดอุบายตุกติกอะไร แชนด์เลอร์เป็นคนที่ควรค่าแก่การคบหาเอาไว้เฟนด์ค่อย ๆ ลดกำแพงที่เขาสร้างขึ้นลงอย่างช้า ๆ“รัฐตอนกลางค่อนข้างอุดมไปด้วยทรัพยากรจริง ๆ คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าจะมีวิธีไหนที่ดีที่สุดจะทำให้ผมสามารถได้รับผลึกวิญญาณจำนวนมากในแต่ละครั้ง”หลังจากพูดอย่างนั้น เฟนด์ก็หัวเราะออกมาในขณะที่เขาก้มหัวลงอย่างช่วยอะไรไม่

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2380

    แชนด์เลอร์เหลือบมองเฟนด์ขณะที่พูด และแน่นอนว่าใบหน้าของเฟนด์ก็ดูห่อเหี่ยวลงอีกครั้งแชนด์เลอร์หัวเราะเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ "ประเภทที่สามไม่มีข้อจำกัดในเรื่องความแข็งแกร่ง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำได้แน่"เฟนด์ขมวดคิ้ว หายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า "งานประเภทไหนล่ะ"แชนด์เลอร์พูดช้า ๆ “นักเล่นแร่แปรธาตุ”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เฟนด์ก็ยืดตัวตรงทันที บนใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าแปลก ๆ ขึ้น ความสิ้นหวังที่เขียนบนใบหน้าของเขาก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมลายหายไปอย่างกะทันหัน และดูคล้ายว่าเขาจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งด้วยซ้ำแชนด์เลอร์มองไปที่เฟนด์แล้วถามว่า "คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุงั้นหรือ"หลังจากถามออกไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะขยับศีรษะไปข้างหลัง และถอยออกไปขณะที่เขามองดูเฟนด์อย่างพี่นิจพิเคราะห์ ดูเหมือนเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากร่างของเฟนด์ “คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับไหนแล้ว”เฟนด์ไม่ได้ปิดบังความจริงในขณะที่เขาพยักหน้าอย่างจริงใจ “ผมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ผมยังอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น ผมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้า”แชนด์เลอร์พยักหน้าเล็กน้อย นักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้าคงไปอยู่ในร

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2381

    “คุณอาจเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้า แต่อย่างน้อยคุณต้องเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกก่อนจึงจะสามารถหาผลึกวิญญาณมากมายขนาดนั้นได้ หนทางยังอีกยาวไกล”คำพูดของแชนด์เลอร์เต็มไปด้วยความเมตตา เขาต้องการช่วยเฟนด์วางแผนเส้นทางที่ชัดเจน ด้วยอยากให้เฟนด์ล่วงรู้ถึงหนทางการหาผลึกวิญญาณ เฟนด์อาจจะจบลงด้วยการไม่บรรลุผลใด ๆ ในท้ายที่สุดหากเขาไม่ได้รู้เรื่องนี้แม้ว่าแชนด์เลอร์จะเป็นเพียงศิษย์ภายนอกในสำนักปักษาสีชาด แต่เขาก็อยู่ในดินแดนของสำนักปักษาสีชาดมาเป็นเวลานาน เขาจริงมีความรู้พื้นฐานมากมายย้อนกลับไปตอนนั้นเขาเคยอยากจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ นั่นเพราะเขาจะถูกมองด้วยความชื่นชมหากสามารถเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกได้ และเขาจะทำเงินได้มากมายเช่นกันแต่ทว่า หลังจากที่เขาตระหนักได้ว่าการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนั้นยากเพียงใด เขาก็ละทิ้งความคิดนั้นไป การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหก ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามและเวลาจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ความสามารถที่สูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วยมรรคาแห่งโอสถไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากจะเข้าใจก็จะสามารถเข้าใจได้ตามต้องการ มรรคาแห่งโอสถไม่ใช่วิธีการผลิตโอสถเพียงชนิดเดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2382

    เมื่อดูสีหน้าจริงจังของเฟนด์ แชนด์เลอร์ก็รู้สึกโมโหอยู่หน่อย ๆ เขามองเฟนด์“ดูสิว่าคุณตื่นเต้นแค่ไหน เดาว่าคุณคงมั่นใจในตัวเองมาก แต่ถึงอย่างนั้น ก็ขอแนะนำอะไรด้วยความกรุณาสักหน่อย หากคุณต้องการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหก คุณต้องผ่านอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ไปให้ได้ เป็นอุปสรรค์ใหญ่ที่นักเล่นแร่แปรธาตุแปดในสิบคนไม่สามารถผ่านไปได้ คุณควรเตรียมตัวให้พร้อม”เฟนด์พยักหน้า จริง ๆ แล้วเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว ความทรงจำของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาซึมซับไว้มีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับนักเล่นแร่แปรธาตุนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งดินแดนเทพสาบสูญไม่ได้แตกต่างจากนักเล่นแร่แปรธาตุในทวีปเฮสเทียมากนัก อย่างไรก็ตาม นักเล่นแร่แปรธาตุของดินแดนเทพสาบสูญอยู่ในระดับที่สูงกว่า และนักเล่นแร่แปรธาตุจำเป็นต้องเชี่ยวชาญมรรคาแห่งโอสถด้วยเช่นกันเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นเขาก็ยิ้ม โชคดีที่เขามีเครื่องมือโกง ผลึกรวมวิญญาณอยู่ในมัสตาร์ด ซี๊ดมานานเกินไป หลังจากออกจากหุบเขาสนธยา เขาจะต้องใช้ผลึกรวมวิญญาณอีกครั้งเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และเฟนด์สังเกตเห็นด้วยความประหลาดใจว่าอาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวเร็วกว่าที่เขาคาดไว้เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2383

    แชนด์เลอร์ดูราวกับเพิ่งกลืนยาพิษไปสองขวด หลังจากที่เขาพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาเมย์นาร์ดวิ่งไปที่รถม้าอย่างรวดเร็ว “เราจะทำยังไงดี สัตว์อสูรสามตัวนั้นอยู่ในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิด! เราจะสู้พวกมันได้ไหม เราพอมีเวลาหลบหนีหรือเปล่า?“ถึงจะทิ้งพวกนั้นจะดูโมโห แต่เราไม่ได้ยั่วโมโหมันสักหน่อย คงคิดว่าถ้าเราหนีตั้งแต่ตอนนี้พวกมันจะไล่ตามหรือเปล่า!” เมย์นาร์ดตื่นตระหนกอย่างไม่น่าเชื่อในขณะนั้นเฟนด์เหลือบมองเมย์นาร์ดก่อนที่จะพูดว่า "ถ้าเราถอยออกไปตอนนี้ พวกวัวก็จะโจมตีทันที และอย่าหวังว่ามันจะเมตตาต่อเรา"แม้ว่ามันจะยังไม่ได้โจมตี แต่เฟนด์ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระทิงพวกนั้นโกรธกันถึงขีดสุดแล้ว พวกมันทำราวกับโกรธแค้นพวกเขาเป็นอย่างมาก“แล้วเราจะทำยังไงดี!” เมย์นาร์ดคุ้มคลั่ง ไม่เหลือท่าทีสงบอีกต่อไปเฟนด์ถอนหายใจขณะที่เขาหยิบดาบสีเทาออกมาจากมัสตาร์ด ซี๊ด "เราจะสู้!"เมย์นาร์ดเบิกตากว้างมองไปที่เฟนด์ทันที เขามองเฟนด์ด้วยสายตาตกตะลึง“เฟนด์ รู้ไหมว่าตัวเองพูดอะไรอยู่ สู้งั้นเหรอ! สู้นี่มันหมายความว่ายังไง! คุณไม่รู้ว่าพลังของกระทิงพวกนี้มากมายขนาดไหน? พวกมันเป็นอสูรในขั้นสูงสุดของระดับแร

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2384

    แม้ว่าเจ้ากระทิงไฟตาเดียวจะอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด แต่สำหรับเฟนด์แล้วแล้ว พวกมันก็ไม่น่ากลัวเลยสักนิดในทางกลับกัน ดวงตาของแชนด์เลอร์และเมย์นาร์ดแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขานึกว่าได้ยินเฟนด์ผิดไปทำไมเขาถึงได้หน้าด้านขนาดนี้? เขาคิดว่ากระทิงอยู่ในระดับที่เขาจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ถึงสองเลยงั้นหรือ? เขาจะจัดการกับพวกมันสองตัวได้ แม้ว่าเขาจะพึ่งอยู่ในขั้นต้นระดับแรกกำเนิดเมย์นาร์ดคว้าแขนของเฟนด์ "คุณบ้าหรือเปล่า?!"อนิจจา พวกกระทิงไม่ได้ล้อเล่นกับเฟนด์ พวกมันก้มหัวลง และทำท่าราวกับจะพุ่งไปข้างหน้า และวินาทีต่อมา พวกมันก็วิ่งมาข้างหน้าเต็มกำลังใบหน้าของแชนด์เลอร์เข้มขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงศิษย์ภายนอกของสำนักปักษาสีชาดแต่เขาก็ยังคงมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายอย่างเหลือเชื่อ เขารู้ดีว่าคนรับใช้ที่อยู่รอบตัวเขาจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้หากกระทิงไฟตาเดียวพุ่งเข้าหาพวกเขาเขาพุ่งตัวไปข้างหน้าเรากับลูกศรของธนู ใบมีดสีเงินแวววาวเย็นเยียบขณะมันสะท้อนแสงอาทิตย์ เขาคำรามออกมาขณะที่เขเาหวี่ยงดาบไปทางสัตว์อสูรเหล่านั้นอาจเป็นเพราะคำพูดของเฟนด์ที่มีอิทธิพลต่อแช

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2385

    แต่ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว ไม่ว่ากระทิงไฟตาเดียวจะแข็งแกร่งแค่ไหน พลังของมันก็อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดเท่านั้น เฟนด์ใช้ทักษะระดับเทพขั้นสูงสุด แม้แต่ลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักระดับสี่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงอสูรที่อยู่ในขั้นสูงของระดับแรกกำเนิดเลยด้วยซ้ำเฟนด์ร้องออกมาในขณะที่เขาแทงออกไป ปลายดาบของเขาเจาะเข้าไปในดวงตาของอสูรอีกครั้ง ดาบทำลายดวงตาของสัตว์อสูรลง และหยาดเลือดกระเซ็นไปทั่ว เสียงร้องแห่งความปวดร้าวดังตามมาอีกทีทักษะทลายห้วงสุญญะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ลักษณะทางกายภาพ แต่เลือกที่จะทำลายจิตวิญญาณ สัตว์อสูรอ่อนแอกว่ามนุษย์ตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่มนุษย์ที่อยู่ระดับเดียวกับสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเฟนด์ได้กระทิงไม่สามารถยืนได้อย่างองอาจอีกต่อไป เช่นเดียวกับกระทิงตัวอื่น มันล้มลงกับพื้น ดูทุรนทุรายขณะที่มันกลิ้งไปบนพื้นอย่างต่อเนื่อง และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาเฟนด์มีทั้งความรวดเร็วและการโจมตีที่เด็ดขาด เพื่อลดโอกาสการสูญเสีย เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็ได้สังหารสัตว์อสูรในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิดที่เคยทำให้พวกเขาหวาดกลัว

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status