“ไม่ต้องห่วง ฉันแจกโอสถไปหมดแล้ว ทุกคนฝากมาขอบคุณคุณด้วย ฉันคงไม่กลับเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดอีกหลายวัน ให้ฉันดูแลคุณที่นี่เถอะนะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สบายใจ"เฟนด์ถอนหายใจเล็กน้อย บอกตามตรงว่าเขาไม่อยากให้เซเลน่าเตร่ไปกับเขาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ได้เพราะตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้เลยหากมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น เขาก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะปลอดภัยหรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงเซเลน่าเลยเซเลน่าขมวดคิ้วขณะที่เธอศึกษากำลังภายในของเฟนด์ “รากพลังงานที่แท้จริงมีไว้เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของคุณไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้คุณถึงดูเหมือนอยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิดเหมือนฉันเลยล่ะ?”เฟนด์ถอนหายใจในขณะที่เขาอธิบาย "รากพลังงานที่แท้จริงช่วยเพิ่มระดับพลังยุทธของผม จริง ๆ แล้วตอนนี้ผมอยู่ในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิดแล้ว และอยู่ห่างจากระดับผลึกวสันต์เพียงแค่คืบเดียว“แต่เพราะว่ารากพลังงานที่แท้จริงนั้นมากมายเกินไป อาการบาดเจ็บภายในที่ผมได้รับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้”เซเลน่าพยักหน้าและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงรถ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมย์นาร์ดก็ตอบอย่างกังวลใจว่า "ท่านครับ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยจะดีกว่า เราไม่รู้ว่าคน ๆ นี้มาจากไหน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เขาอาจจะเป็นอันตรายต่อเราก็ได้"แชนด์เลอร์ถอนหายใจ พยักหน้าเล็ก ๆ ขณะที่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของคู่สนทนา “คุณพูดถูก ไม่นานมานี้หุบเขาสนธยาไม่ค่อยปลอดภัยนัก แล้วที่เราเลือกเส้นทางนี้ก็เพราะเรามีเวลาที่กระชั้นพอตัว“แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยเราก็มีคนช่วยเราอีกแรง แม้ว่าจิตใจมนุษย์จะเป็นสิ่งที่ยากแท้หยั่งถึง แต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ อันตรายส่วนใหญ่ในหุบเขาสนธยาล้วนมาจากสัตว์อสูร เขาคงไม่สร้างปัญหาอะไรให้เราหรอก”คำอธิบายของแชนด์เลอร์ไม่ได้ทำให้เมย์นาร์ดสงบใจลงได้แต่อย่างใด แต่เมย์นาร์ดก็เข้าใจได้ว่าแชนด์เลอร์ต้องการช่วยเหลือชายคนนั้นมากเพียงใด“นายท่านโปรดคิดเรื่องนี้อีกครั้ง” เมย์นาร์ดยืนกรานโดยยังคงระมัดระวังคำพูดของเขา “แม้ว่าเขาจะเป็นมนุษย์เหมือนเราและอาจไม่ทำอันตรายต่อเรา แต่หากเราพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเขาอาจจะแทงข้างหลังเราและขโมยข้าวของเราไปก็เป็นได้”แชนด์เลอร์ยกมือขึ้น “ถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะมีผู้คนมากมายที่จิตใจคับแคบถึงเพียงนั้น แต่ก
ชายคนนั้นยิ้มอย่างใจดี “คุณ ทำไมคุณถึงอยู่ที่หุบเขาสนธยาได้? คุณถูกศัตรูตามล่าหรือเปล่า?”ในสถานการณ์นั้น ปกติแล้วแชนด์เลอร์จะไม่ถามคำถามที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้กับคนแปลกหน้า แต่เขาค่อนข้างกังวล ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะถามคำถามเหล่านี้ออกไปเฟนด์ขมวดคิ้ว มีร่องรอยของความไม่ยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาพยักหน้าให้แชนด์เลอร์ “ไม่มีศัตรูตามผมมาหรอก ผมแค่ได้รับบาดเจ็บขณะบ่มเพาะตนก็เท่านั้น”เฟนด์ไม่ได้โกหก ขณะที่เขาพูดแบบนั้น เฟนด์ก็คว้าไม้เท้าไว้ในมือและเตรียมที่จะถอยห่างจากรถม้าไปเขามองเห็นระดับพลังยุทธของชายในรถม้าแล้ว ทั้งที่อายุเพียงเท่านี้ เขากลับอยู่ในขั้นสูงสุดระดับแรกกำเนิดแล้ว ดูถ้าเขาจะเป็นศิษย์ของสำนักใดสำนักหนึ่ง แม้เขาจะไม่รู้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นมิตรหรือศัตรู แต่เฟนด์ก็ไม่ได้วางแผนที่จะผูกมิตรกับใครทั้งนั้นเมื่อมองไปที่เฟนด์ที่กำลังจะผละหนีไป แชนด์เลอร์ก็รีบพูดว่า "ได้โปรดรอก่อน คุณได้รับบาดเจ็บแล้ว ภายในหุบเขาสนธยามีโอกาสที่จะทำให้คุณตายได้มากมายทีเดียว"เฟนด์เลิกคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน หลังจากที่ผู้อาวุโสคนนั้นส่งเขามาไกลแสนไกล เขาก็ไม่รู้เลยว่าเ
คำพูดของเฟนด์ทำให้แม้แต่เมย์นาร์ดต้องเบิกตากว้าง คนอื่น ๆ มองดูเฟนด์ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น และเฟนด์ก็เม้มริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้โดยปกติเขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่มีพลังที่น่ากลัวเลย แม้ว่าพวกเขาอยากจะทำอะไรบางอย่างกับเขา พวกเขาก็ไม่อาจหยุดยั้งเฟนด์จากการหลบหนีได้นั่นคือเหตุผลที่เฟนด์ซื่อสัตย์กว่าปกติมาก เมย์นาร์ดก้าวไปข้างหน้าและพินิจพิเคราะห์เฟนด์ราวกับต้องการจะสังเกตให้เห็นบางอย่างจากเครื่องแต่งกายของเฟนด์ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรัฐเวสต์ เซอร์ซีและบอกอะไรไม่ได้เลยหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็พูดว่า "ก่อนหน้านี้คุณอยู่ที่ไหน?"เฟนด์สงบสติอารมณ์ ไม่ได้คิดจะอธิบายตัวเองด้วยซ้ำ “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่รัฐตอนกลาง”เมย์นาร์ดขมวดคิ้วกับสิ่งนี้และพูดอย่างค่อนข้างไม่สบอารมณ์ว่า "ไม่ต้องห่วงหรอก เราไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณสักหน่อย เจ้านายของเราแค่อยากจะเชิญให้คุณไปกับเรา เราแค่ต้องการกำลังคนเพิ่มอีกคนเพราะที่นี่อันตรายมาก ถ้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง คุณอาจจะอยู่ไม่ได้ถึงสองวันด้วยซ้ำ“แต่การที่คุณจะมากับเราโดยที่เราไม่รู้ภูมิหลังของคุณ มันก
เมย์นาร์ดไม่ทันได้โวยวายจนจบประโยค แชนด์เลอร์ก็ขัดจังหวะเขาและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่มีเหตุผลที่เขาจำเป็นจะต้องบอกทุกอย่างแก่เราอยู่แล้ว เราเป็นแค่เพื่อนร่วมทางที่มีเป้าหมายเดียวกันเท่านั้น คุณกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ มานั่งในรถม้ากับผมสิ คุณจะได้พักฟื้นได้ดียิ่งขึ้น”เมย์นาร์ดรู้สึกหงุดหงิดมากจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขาส่ายหน้าเนื่องจากไม่อาจหยุดยั้งเฟนด์ได้หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว เฟนด์ก็คุยกับแชนด์เลอร์อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน รัฐตอนกลางนั้นถือว่าเป็นดินแดนที่ใหญ่มาก และเป็นดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเฮสเทียดินแดนของรัฐตอนกลางถูกแบ่งแยกอย่างง่าย ๆ มันถูกแบ่งตามพื้นที่อิทธิพลของสำนักต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ทางตอนใต้ของรัฐตอนกลางมีสามสำนัก ดังนั้นมันจึงถูกแบ่งออกเป็นสามดินแดนตำแหน่งปัจจุบันของเฟนด์อยู่ใกล้กับสำนักปักษาสีชาดมากที่สุด ดังนั้นที่นี่จึงถูกเรียกว่าอาณาเขตของสำนักปักษาสีชาดแชนด์เลอร์ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เขาอธิบายทุกอย่างให้เฟนด์ฟังราวกับเขาดีใจที่ตนเองสามารถแบ่งปันข้อมูลนั้นกับคนอื่น ๆ ได้ มันเป็นวิธีที่ดีสำหรับเขาที่จะแสดงให้เห็นว่าเขามีความรู้มากแ
การสังหารอีกฝ่ายอย่างไม่มีเหตุผลจะทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองอย่างถึงที่สุดเท่านั้น และมันจะนำไปสู่การนองเลือดในที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกัน แต่พวกเขาก็จะพยายามตามฆ่าอีกฝ่ายอยู่วันยันค่ำแชนด์เลอร์อดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ “ผู้ฝึกยุทธพวกนั้นแค่หันหลังกลับและจากไปด้วยความยินดีหลังจากสังหารหมู่อีกฝ่าย แต่กับคนตัวเล็กอย่างพวกเรากลับต้องทนทุกข์ทรมาน“พวกเขาทำให้พวกอสูรโกรธ และคนที่ถูกโจมตีก็เป็นคนเหมือนกับพวกเรา เส้นทางบนหุบเขาสนธยานี้เคยเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด และโดยปกติแล้วจะมีสัตว์อสูรที่ไม่มีระดับการบ่มเพาะเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่ที่นี่“แต่ต่อให้เราจะได้พบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อสูรเหล่านั้นก็พากันคลุ้มคลั่ง พวกมันพากันออกมาจากป่าลึกและโจมตีมนุษย์ทุกคนที่ขวางหน้า!”แชนด์เลอร์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ความหงุดหงิดฝังลึกอยู่ในใบหน้าของเขาเฟนด์ขมวดคิ้ว เขาเข้าใจความรู้สึกของแชนด์เลอร์ดีรถม้าเคลื่อนไปข้างหน้า และทั้งสองก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ภายใน อย่างไรก็ตามเฟนด์มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกายและจะพูดคุยกับแชนด์
เฟนด์ต้องระงับความตกตะลึงภายในที่เขามี“หุบเขารกชัฎอยู่ในโลกใดกันแน่ ทำไมรัฐตอนกลางถึงมีเครื่องขนส่งไปยังหุบเขารกชัฎด้วย? ถ้ามีใครอยากเข้าไปในหุบเขารกชัฎ เขาจะทำยังไง”แชนด์เลอร์เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าเฟนด์กระตือรือร้นอยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเพียงใด “คุณคงไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปยังหุบเขารกชัฎหรอกใช่ไหม ไม่อย่างนั้นผมขอแนะนำให้เลิกคิดเสีย ต่อให้คุณจะมีผลึกระดับเก้าถึงเก้าชิ้น คุณก็ไม่รอดออกมาหรอก”เฟนด์รู้สึกหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดกับคำพูดของแชนด์เลอร์ ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเรื่องนี้มากเกินไป เขาคิดว่าอย่างมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นจะเป็นแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามก็เท่านั้นแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายที่นั่น แต่เขาก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ด้วยความสามารถและทักษะของเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังคำอธิบายอย่างคร่าว ๆ ของแชนด์เลอร์แล้ว เฟนด์ก็ค้นพบว่าหุบเขารกชัฎนั้นต่างออกไปอย่างไรหากอสูรของแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามอยู่ในขั้นสูงของระดับแรกกำเนิด ดังนั้นอสูรบนหุบเขารกชัฎอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับผลึกสวรรค์ ระดับของสัตว์อสูรจากทั้งสองแหล่ง ไม่มีทางอยู่ในระดับเดียวกันได้เมื่อคิดถึงเร
เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ แชนด์เลอร์ก็รู้สึกขบขันไม่น้อย แม้แต่ศิษย์ที่ถูกเลือกในสำนักของเขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้เลย พวกเขาไม่เพียงขาดเงินเท่านั้น แต่ยังขาดความสามารถอีกด้วยผู้ชายที่อยู่ในระดับแรกกำเนิดจากรัฐเวสต์ เซอร์ซีอย่างเฟนด์ไม่มีทางทำได้แชนด์เลอร์เม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยในขณะที่เขาแนะนำอย่างจริงใจว่า "เนื่องจากคุณอยู่ในรัฐตอนกลางแล้ว ถ้าคุณไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปในที่ที่คุณจากมาเร็ว ๆ นี้ คุณก็ควรหาที่พักเสีย รัฐตอนกลางนั้นกว้างใหญ่และมีทรัพยากรมากมาย ดีเสียยิ่งกว่าสิ่งที่คุณมีในรัฐเวสต์ เซอร์ซีมาก”เฟนด์พยักหน้า เขามองไปที่แชนด์เลอร์อย่างมีความหมาย แม้ว่าเขาจะเพิ่งรู้จักแชนด์เลอร์มาได้ไม่นาน แต่เฟนด์ก็เห็นว่าแชนด์เลอร์ไม่ใช่พวกเจ้าแผนการที่ชอบคิดอุบายตุกติกอะไร แชนด์เลอร์เป็นคนที่ควรค่าแก่การคบหาเอาไว้เฟนด์ค่อย ๆ ลดกำแพงที่เขาสร้างขึ้นลงอย่างช้า ๆ“รัฐตอนกลางค่อนข้างอุดมไปด้วยทรัพยากรจริง ๆ คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าจะมีวิธีไหนที่ดีที่สุดจะทำให้ผมสามารถได้รับผลึกวิญญาณจำนวนมากในแต่ละครั้ง”หลังจากพูดอย่างนั้น เฟนด์ก็หัวเราะออกมาในขณะที่เขาก้มหัวลงอย่างช่วยอะไรไม่
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ