คำพูดสุดท้ายของเลนนอนฟังดูราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถูกโยนลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น และมีสีหน้าเหมือนอยากจะตายใบหน้าของซาเมียนซีดลง มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขา "เลนนอน… คุณจะไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ? หมอนี่จะทำให้รัฐเวสต์ เซอร์ซีทั้งรัฐอยู่ในกำมือของเขาได้ยังไง?“เขาจะทำแบบนั้นได้จริงเหรอ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ สำนักทางเหนือเองก็มีอัจฉริยะจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีอัจฉริยะคนใดมีพลังขนาดนั้นมาก่อน! มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำได้มานานแสนนานแล้ว คุณแน่ใจได้ยังไงว่าหมอนี่จะทำได้?”เลนนอนเหลือบมองซาเมียน ปกติแล้วเขาจะไม่มามัวเปลืองน้ำลายอธิบายเรื่องนี้ให้ซาเมียนฟัง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว และหากเขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน คนพวกนี้ก็จะไม่เข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์น้ำเสียงของเลนนอนทุ้มลึกมากราวกับว่าเขากำลังประกาศถึงสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างที่สุดออกมา “นายลองใช้สมองดูสักหน่อยสิ คิดดูให้ดี แม้ว่าหลายปีมานี้สำนักทางเหนือจะมีศิษย์มากพรสวรรค์มากมาย แต่ในจำนวนเหล่านั้นไม่มีใครที่สามารถคุกคามสำนักวายชนม์ได้เลยแม้แต่คนเดียว“ลองคิดดูสิว่าอัจฉร
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟนด์ได้เห็นโอสถที่มีระดับสูงเช่นนี้ หากเขาสามารถนำมันกลับไปแลกคะแนนที่สำนักได้ เขาจะต้องได้รับคะแนนสะสมมากกว่าหมื่นคะแนนอย่างแน่นอนการบ่มเพาะโอสถระดับนี้ไม่เพียงแต่ต้องใช้หญ้าวิญญาณระดับเก้าและสิ่งของล้ำค่าตามธรรมชาติอีกมากมายเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยฝีมือของนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย นักเล่นแร่แปรธาตุจะต้องบ่มเพาะมันเป็นเวลาหลายวัน สิ่งนี้มีค่าอย่างมากมายจริง ๆ!ดวงตาที่ตื่นเต้นของเฟนด์เริ่มเปล่งประกาย เขากล้ำกลืนต่อความเจ็บปวดที่เสียดแทงในกระดูกขณะพยุงร่างให้ลุกขึ้นยืน และเดินโซซัดโซเซไปหายาที่ลอยอยู่กลางอากาศโอสถเม็ดนี้มีค่าสำหรับเฟนด์มากกว่าใคร ๆ โอสถขัดเกลาวิญญาณจะช่วยทำให้เขาสามารถบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขาได้ มันจะช่วยเพิ่มระดับพลังและคุณภาพของพลังวิญญาณของเขา และช่วยให้เขาสามารถควบคุมพลังวิญญาณของตัวเองได้ดีขึ้น!เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มือของเฟนด์ก็เริ่มสั่น เขาสูดลมหายใจเข้าขณะที่บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ เขาหยิบกล่องหยกออกมาจากมัสตาร์ด ซี๊ดและวางมันลงไปอย่างแผ่วเบา เพื่อให้แน่ใจว่าโอสถจะไม่ได้รับความเสียหายภายใต้สายตาของทุกคน เขาว
ในขณะนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าชายสวมหน้ากากเสียอีก เขาพยายามใช้แขนบังคับให้ร่างกายลุกขึ้นนั่ง แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง เขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังตึงเขายังได้ยินเสียงคำรามของอสรพิษอีกฝั่งหนึ่ง เขารู้ว่าอสรพิษปีศาจแปดหางกำลังจะโจมตีเขาอีกระลอก!เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่จิตใจของเขากลับว่างเปล่าอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าเฟนด์จะพูดจบไปนานแล้ว แต่คำพูดของเฟนด์ก็ยังเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขาไม่เลิกขณะที่อสรพิษแปดหางกำลังจะใช้หางข้างหนึ่งโจมตีเขา เกรแฮมใช้กำลังเฮือกสุดท้ายตะโกนออกไปว่า "ฉันยอมแพ้!"อันที่จริงแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าอสรพิษปีศาจแปดหางจะหยุดการโจมตีหลังจากที่เขายอมยกธงขาวหรือไม่ นั่นก็เพราะผู้อาวุโสเคยกล่าวเอาไว้ว่าในโลกสีโลหิตแห่งนี้ความตายอยู่ใกล้เพียงเอื้อมแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องยอมเสี่ยงดูสักครั้ง! ในขณะนั้น หัวใจของศิษย์สำนักทางเหนือทั้งหมดหล่นไปกองที่เท้า เพราะเขาไม่อยากจะเห็นร่างของเกรแฮมถูกฉีกทึ้งเหนือสิ่งอื่นใด หากเกรแฮมเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะเหลือเพียงเฟนด์แค่คนเดียว พวกเขาไม่อยากจะฝากความหวังไว้ที่เฟนด์เพียงคนเดียวบางคนถึงกับตะโกนเสียงดังสนั่นว่า "เ
“เกรแฮม คุณบ้าไปแล้วหรือไง? คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณสู้มันไม่ได้แล้วทำไมต้องฝืนตัวเองด้วย? ดูสิ สุดท้ายคุณก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะต้องส่งผลต่ออนาคตของคุณอย่างแน่นอน…“อย่าลืมสิว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสำนักของตัวเอง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปเรายังต้องเผชิญกับอันตรายมากน้อยแค่ไหน การที่คุณทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้เป็นสิ่งที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด!”ขณะที่เขาพูดนั้น ริมฝีปากของเบนจามินก็สั่นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาบอกเกรแฮมอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ให้เขาฝืนตัวเองหากรู้ว่าเขาไม่มีทางเอาชนะได้ การยอมแพ้เป็นหนทางที่เขาต้องเลือกแต่ดูเหมือนว่าเกรแฮมจะหลงลืมคำพูดนั้นไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเกรแฮมต่อสู้กับอสรพิษปีศาจแปดหาง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะลืมสิ้นหมดทุกอย่าง และคิดจะสู้กับสัตว์อสูรตัวนั้นชนิดให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!เกรแฮมถอนหายใจอย่าเงียบ ๆ เขารู้ดีว่าเบนจามินพูดถูก และเขาก็ย่ามใจเกินไปในขณะนั้นเฟนด์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกจากสำนักระดับสี่ อนาคตคุณยังต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบอีกมาก การที่คุณคิดจะเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งกับชัยชนะเล็กน้อยเช่นนี้ นับว่าไม่คุ้ม
แต่ทว่าคราวนี้ จากผู้กล้าจำนวนร้อยแปดสิบคนในคราแรก ตอนนี้เหลือกันเพียงไม่ถึงร้อยคนเท่านั้น! ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากสำนักทางเหนือ!ในตอนที่เขาถูกย้ายกลับมายังจุดเดิมที่เคยอยู่ เฟนด์ก็สอดส่ายสายตาออกไป จากฝูงชนที่เคยหนาแน่นบัดนี้กลับมีระยะห่างระหว่างพวกเขามากขึ้นกว่าเดิมศิษย์สำนักทางเหนือไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองดังก่อนหน้านี้อีกแล้ว พวกเขาวิตกกังวลและมองดูเหล่าศิษย์ต่างสำนักด้วยความเกลียดชัง!หากพวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงความแตกต่างทางด้านจำนวน ทั้งสองฝ่ายก็คงเข้าห้ำหั่นกันแล้ว! เฟนด์ถอนหายใจยาวและมองไปที่เกรแฮมที่อยู่ข้าง ๆ เขาเกรแฮมไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมและดูคล้ายจะหลับตาเพื่อหลีกหนีจากทุกสิ่งทุกอย่าง เกรแฮมนั่งขัดสมาธิขณะที่เริ่มฟื้นฟูบาดแผลของตัวเองชายสวมหน้ากากก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมกว่ากันมากนัก อาการบาดเจ็บของชายสวมหน้ากากนั้นนับว่าดีกว่าเกรแฮมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เฟนด์เองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับทั้งสองคนแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาเทียบอะไรไม่ได้เลยก่อนหน้านี้เขาได้ใช้โอสถฟื้นฟูมาก่อนแล้ว ดังนั้นเฟนด์จึงรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว! สายตาเย็นชาของชายสวมหน้
ชายสวมหน้ากากประกาศเสียงก้องว่า "อย่าคิดว่าแค่เพราะนายมีผลงานดีกว่าแล้วฉันจะแพ้ให้กับนาย! ฉันจะบอกนายให้นะ…ถ้าฉันได้อยู่ในสถานะที่พร้อมที่สุด หรือหากว่าฉันมีระดับพลังยุทธในระดับที่เคยมี นายไม่มีวันจะเอาชนะฉันได้หรอก!”คนอื่น ๆ อาจไม่เข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของชายสวมหน้ากาก แต่เฟนด์เข้าใจมันได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง นั่นก็เพราะว่าเขาเคยสัมผัสกับพลังที่แท้จริงของชายสวมหน้ากากมาแล้วในฐานะคนที่ทะลวงเข้าสู่ระดับผลึกวสันต์แล้ว เพื่อที่ชายสวมหน้ากากจะได้เข้ามาที่นี่เขาได้ใช้โอสถในการลดระดับพลังยุทธของตัวเองลง! ชายสวมหน้ากากพูดถูก หากเขาไม่ได้ลดระดับพลังยุทธของตัวเองลงแล้วล่ะก็ เฟนด์คงไม่มีโอกาสเทียบเคียงเขาได้เพราะอย่างไรเสียเฟนด์ก็เพิ่งอยู่ในขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดเท่านั้น หากเฟนด์สามารถทะลวงเข้าถึงระดับผลึกวสันต์ได้ ชายสวมหน้ากากก็คงไม่อาจเป็นปัญหาสำหรับเขาได้!เฟนด์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่เขาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ทันใดนั้นเขาก็เกิดความกังวลขึ้นในใจ หากชายคนนั้นถูกบีบจนเขาไม่แยแสต่อสิ่งใดจนสามารถกลับไปยังระดับผลึกวสันต์ได้ เฟนด์อาจจะตายขึ้นมาจริง ๆ!เมื่
การที่ใครสักคนจะกลืนโอสถขัดเกลาวิญญาณโดยไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าย่อมเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรู้ แต่ว่าพวกเขากลับไม่รู้ว่าผลของโอสถขัดเกลาวิญญาณนั้นมีอิทธิพลมากมายเพียงใดมันสามารถบ่มเพาะพลังวิญญาณโดยใช้ผลของโอสถที่มีฤทธิ์สูงกว่าในการสลายวิญญาณและประกอบใหม่อีกครั้ง เป็นการบ่มเพาะวิญญาณ!การทำลายวิญญาณและประกอบกลับคืนมาในแต่ละครั้ง จะยิ่งช่วยบ่มเพาะวิญญาณมากยิ่งขึ้น มันจะตัดทอนความโสมมของจิตใจที่ไม่จำเป็นออกไป! ตัดแต่งมันจนคมกริบราวกับใบมีด!ความเจ็บปวดขณะที่วิญญาณถูกเฉือนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้ บางคนถึงกับคลุ้มคลั่งจากการถูกทรมานแบบนั้น จำเป็นต้องอาศัยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งและความมุ่งมานะอย่างสูงเพื่อให้สามารถทนทานความเจ็บปวดเหล่านั้นไปได้!ชายสวมหน้ากากหัวเราะอย่างเย้ยหยันเบา ๆ "เวรเอ๊ย! ดูเหมือนเราทั้งคู่จะไม่ต้องสู้กันแล้วด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวนายก็ตายไปเองอยู่ดี!"ในขณะนี้เฟนด์ไม่อาจต่อปากต่อคำกับชายสวมหน้ากากได้ แต่แม้เขาจะทำได้ เฟนด์ก็คงไม่ต่อปากต่อคำด้วยอยู่ดี ในขณะนั้น เฟนด์กำลังเพ่งสมาธิอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่า
“แม้แต่คนที่อยู่ในระดับผลึกวสันต์ หรือแม้กระทั่งระดับผลึกสวรรค์ก็ยังไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าลองมัน เขาคิดว่าตัวเองไหวเหรอ? กำลังรนหาที่ตายสิไม่ว่า!”เกรแฮมเหลือบมองชายสวมหน้ากาก เกรแฮมเกลียดชายสวมหน้ากากถึงขั้นสูงสุดแล้ว นั่นก็เพราะผู้ชายคนนั้นทำให้เกรแฮมต้องประสบกับปัญหามากมายและยังฆ่าศิษย์จากสำนักสหัสบรรณไปไม่น้อยด้วยเดิมทีเขาอยากจะเพิกเฉยต่อชายสวมหน้ากาก แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ถือดีของชายสวมหน้ากากแล้ว เกรแฮมก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า "นายมักจะประเมินเฟนด์แบบนี้ตลอดเลยนะ แต่ก็นายไม่ใช่เหรอที่มองเขาผิดไปอยู่ตลอดเวลา? อย่ามาวิจารณ์กันมั่ว ๆ นะ!”จู่ ๆ ใบหน้าของชายสวมหน้ากากก็แดงก่ำด้วยความโกรธ และอยากจะเข้าไปเล่นงานเกรแฮมเสียเดี๋ยวนี้! ขณะที่ชายสวมหน้ากากกำลังจะตอบโต้ เฟนด์ที่อดทนจนถึงขีดสุดก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด "อ๊า..."แต่เสียงร้องของเฟนด์ถูกกลั้นเอาไว้ เขาปิดปากแน่น ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงร้องเนื่องจากความเจ็บปวดของตัวเองแต่เนื่องจากความเจ็บปวดที่เขาต้องทนทุกข์ทรมาน ร่างกายของเขาจึงสั่นสะท้านยิ่งขึ้นไปอีก เขาสั่นอย่างรุนแรงจนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเ