“ฉันรู้ว่าหมอนั่นมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง!”ในขณะนั้นเฟนด์ยกดาบสีดำขึ้นและปล่อยการโจมตีไปทางด้านหลังของอสรพิษปีศาจแปดหาง ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เฝ้ามอง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นความสับสนบางคนรู้สึกราวกับว่าเฟนด์รู้น้อยเกินไป เขาไม่รู้หรือว่าสัตว์อสูรอย่างอสรพิษปีศาจแปดหางซึ่งมีความแข็งแกร่งในการป้องกันและความแข็งแกร่งทางด้านกายภาพ มีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ด้านหลัง?เขาคิดว่าการโจมตีของเขาแข็งแกร่งจนถึงขนาดที่สามารถเจาะทะลุการป้องกันของอสรพิษปีศาจแปดหางได้อย่างนั้นหรือ?คราวนี้ แม้แต่คนจากสำนักทางเหนือที่ศรัทธาในตัวเฟนด์ก็ถึงกับพูดไม่ออกเช่นกัน“เฟนด์คิดจะทำอะไรกันแน่? ทำไมเขาต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วยกันโจมตีหลังอสรพิษแปดหางแบบนั้น! นี่จะไม่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานที่แท้จริงของเขาไปอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?”ความสับสนของพวกเขาปรากฏเด่นชัดในคำถามการกระทำของเฟนด์นั้นนับว่ายากจะเข้าใจอย่างไม่ต้องสงสัยอิเซยาห์จับมือของเนลสันแน่นมากเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเขาก็พูดกับเนลสัน ด้วยน้ำเสียงที่ลดต่ำลง “คุณคิดว่าเฟนด์กำลังทำอะไรอยู่ ผมรู้ว่าเขามีความคิดเห็นเฉพาะตัวในเรื่องต
ในขณะนั้นทุกคนต่างก็พากันคิดว่าเฟนด์เป็นคนไร้สมองเช่นนั้นจริง ๆ เฟนด์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งในขณะที่ร่ายผนึกมือสองสามครั้ง ก่อนเปิดใช้งานกฎแห่งสุญญะอย่างเต็มขีดจำกัดเขาย้ายจากการลอยตัวอยู่ด้านหลังของอสรพิษแปดหาง ไปปรากฏตัวต่อหน้ามันอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้อสรพิษปีศาจแปดหางประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาอสรพิษปีศาจแปดหางโจมตีเฟนด์ด้วยความคิดที่ว่าชายหนุ่มเป็นคนไม่มีสมองมาโดยตลอด มันไม่คาดคิดเลยว่าจู่ ๆ เฟนด์จะมาปรากฏตัวต่อหน้ามันเช่นนี้เฟนด์หรี่ตาลง จิตใจของเฟนด์ปั่นป่วนอย่างหนักขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังบริเวณใต้หน้าผากของมันเฟนด์คำรามเสียงต่ำ “ต่ำกว่าหัวงูไปสองเมตร! จุดอ่อนของมันน่าจะอยู่ตรงนั้น!”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับกระสุนที่พุ่งออกจากรังปืนและมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่เขามั่นหมายไว้ ในขณะนั้น จิตใจของเขาว่างเปล่า ไม่แม้แต่จะสงสัยว่าอสรพิษปีศาจแปดหางจะล่วงรู้ถึงเป้าหมายของเขาหรือไม่มือของเขาร่ายผนึกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แสงแสงสีดำอมเทาเปล่งประกายจากฝ่ามือ ก่อนที่เขาจะสร้างดาบวิญญาณจำนวนสามสิบห้าเล่มหลอมรวมเท่ากับดาบสีดำในมืออย่างรวดเร็ว
เขายังคงได้ยินเสียงคำรามอันเจ็บปวดของอสรพิษแปดหางดังก้องอยู่ในหู มือของเฟนด์สั่นเทา หลงลืมความเจ็บปวดที่ได้รับจากการถูกหางของมันฟาดไปชั่วขณะ กลับกัน เขามองดูอสรพิษปีศาจแปดหางที่กำลังดิ้นรนอยู่เช่นนั้นทักษะทลายห้วงสุญญะได้ทำลายวิญญาณของอสรพิษปีศาจแปดหางส่วนใหญ่ไปแล้ว มันสูญเสียสัมปชัญญะและทำได้เพียงต่อสู้กับสัญชาตญาณของตัวมันเองเท่านั้นขณะการดิ้นรนเพื่อหวังเอาชีวิตรอดของมันหยุดลง เสียงคำรามสุดท้ายของมันดังสนั่นเต็มสองหูของเฟนด์ แต่ทว่าเฟนด์ไม่ได้ยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง และเอาแต่เบิกตากว้างจ้องมองไปยังอสรพิษปีศาจแปดหางตรงหน้าหลังจากดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดวิญญาณของอสรพิษปีศาจแปดหางก็ดับลงอย่างสมบูรณ์ เสียงคำรามของมันเงียบหายไป ขณะที่ผู้ชมด้านนอกได้แต่ตกตะลึงอสรพิษปีศาจแปดหางขนาดยักษ์ร่วงหล่นลงกับพื้นภายใต้สายตาของทุกคนด้วยเสียงดังปัง ร่างมหึมาของมันทำให้พื้นสั่นสะเทือน ฝุ่นละอองคลุ้งตลบบดบังทัศนวิสัยของทุกคน ในขณะนั้น ทุกคนได้แต่อ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออกความจริงแล้ว การต่อสู้นี้ไม่ได้กินเวลาไปมากเท่าไหร่ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าการโจมตีคร
หลังจากพูดจบเขาก็ส่ายหน้าและถอนหายใจ เขารู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขากับเฟนด์กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรก เบนจามินก็คิดว่าการกระทำของเฟนด์นั้นน่าหัวเราะ และไร้ซึ่งประสบการณ์ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน อีกฝ่ายก็อาจมีช่วงเวลาแห่งความล้มเหลวบ้าง แต่ดูเหมือนว่าความคิดที่ว่าเฟนด์ขาดประสบการณ์นั้นจะเป็นเพียงเพราะเขาไม่รู้จักเฟนด์ดีพอเท่านั้นศิษย์สำนักทางเหนือต่างชื่นชมเฟนด์อย่างสุดซึ้งแม้จะยังประหลาดใจก็ตาม พวกเขายังสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ นั่นก็เพราะพวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับเฟนด์ แต่ทว่าสำนักวายชนม์นั้นแตกต่างออกไปศิษย์ของสำนักวายชนม์มีสีหน้าหดหู่ มือของชายสวมหน้ากากกำแน่น ยิ่งเขาออกแรงมากเพียงใดกล้ามเนื้อของเขาก็ยิ่งปูดโปนมากขึ้นเท่านั้น ในขณะนั้นเขารู้สึกราวกับถูกตบหน้าฉาดใหญ่แม้แต่เนลสันก็ยังมองสิ่งที่เกิดขึ้นออก นับประสาอะไรกับชายสวมหน้ากากเขาย่อมต้องมองออกว่าการกระทำของเฟนด์เป็นเพียงการหลอกล่อสรพิษปีศาจแปดหาง เพื่อปิดกั้นการโจมตีครั้งสุดท้ายของเขาถ้าสิ่งที่เขาทำหมายความว่าเฟนด์ด้อยประสบการณ์ คนอื่น ๆ ก็คงจะแย่ยิ่งกว่านั้น!เฟนด์เข้าโจมตีด้วยวิธีที่เป็นเอกลักษณ์! หากชายสวมหน้ากากไม
คำพูดสุดท้ายของเลนนอนฟังดูราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถูกโยนลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น และมีสีหน้าเหมือนอยากจะตายใบหน้าของซาเมียนซีดลง มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขา "เลนนอน… คุณจะไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ? หมอนี่จะทำให้รัฐเวสต์ เซอร์ซีทั้งรัฐอยู่ในกำมือของเขาได้ยังไง?“เขาจะทำแบบนั้นได้จริงเหรอ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ สำนักทางเหนือเองก็มีอัจฉริยะจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีอัจฉริยะคนใดมีพลังขนาดนั้นมาก่อน! มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำได้มานานแสนนานแล้ว คุณแน่ใจได้ยังไงว่าหมอนี่จะทำได้?”เลนนอนเหลือบมองซาเมียน ปกติแล้วเขาจะไม่มามัวเปลืองน้ำลายอธิบายเรื่องนี้ให้ซาเมียนฟัง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว และหากเขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน คนพวกนี้ก็จะไม่เข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์น้ำเสียงของเลนนอนทุ้มลึกมากราวกับว่าเขากำลังประกาศถึงสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างที่สุดออกมา “นายลองใช้สมองดูสักหน่อยสิ คิดดูให้ดี แม้ว่าหลายปีมานี้สำนักทางเหนือจะมีศิษย์มากพรสวรรค์มากมาย แต่ในจำนวนเหล่านั้นไม่มีใครที่สามารถคุกคามสำนักวายชนม์ได้เลยแม้แต่คนเดียว“ลองคิดดูสิว่าอัจฉร
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟนด์ได้เห็นโอสถที่มีระดับสูงเช่นนี้ หากเขาสามารถนำมันกลับไปแลกคะแนนที่สำนักได้ เขาจะต้องได้รับคะแนนสะสมมากกว่าหมื่นคะแนนอย่างแน่นอนการบ่มเพาะโอสถระดับนี้ไม่เพียงแต่ต้องใช้หญ้าวิญญาณระดับเก้าและสิ่งของล้ำค่าตามธรรมชาติอีกมากมายเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยฝีมือของนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย นักเล่นแร่แปรธาตุจะต้องบ่มเพาะมันเป็นเวลาหลายวัน สิ่งนี้มีค่าอย่างมากมายจริง ๆ!ดวงตาที่ตื่นเต้นของเฟนด์เริ่มเปล่งประกาย เขากล้ำกลืนต่อความเจ็บปวดที่เสียดแทงในกระดูกขณะพยุงร่างให้ลุกขึ้นยืน และเดินโซซัดโซเซไปหายาที่ลอยอยู่กลางอากาศโอสถเม็ดนี้มีค่าสำหรับเฟนด์มากกว่าใคร ๆ โอสถขัดเกลาวิญญาณจะช่วยทำให้เขาสามารถบ่มเพาะพลังวิญญาณของเขาได้ มันจะช่วยเพิ่มระดับพลังและคุณภาพของพลังวิญญาณของเขา และช่วยให้เขาสามารถควบคุมพลังวิญญาณของตัวเองได้ดีขึ้น!เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มือของเฟนด์ก็เริ่มสั่น เขาสูดลมหายใจเข้าขณะที่บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ เขาหยิบกล่องหยกออกมาจากมัสตาร์ด ซี๊ดและวางมันลงไปอย่างแผ่วเบา เพื่อให้แน่ใจว่าโอสถจะไม่ได้รับความเสียหายภายใต้สายตาของทุกคน เขาว
ในขณะนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าชายสวมหน้ากากเสียอีก เขาพยายามใช้แขนบังคับให้ร่างกายลุกขึ้นนั่ง แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง เขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังตึงเขายังได้ยินเสียงคำรามของอสรพิษอีกฝั่งหนึ่ง เขารู้ว่าอสรพิษปีศาจแปดหางกำลังจะโจมตีเขาอีกระลอก!เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่จิตใจของเขากลับว่างเปล่าอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าเฟนด์จะพูดจบไปนานแล้ว แต่คำพูดของเฟนด์ก็ยังเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขาไม่เลิกขณะที่อสรพิษแปดหางกำลังจะใช้หางข้างหนึ่งโจมตีเขา เกรแฮมใช้กำลังเฮือกสุดท้ายตะโกนออกไปว่า "ฉันยอมแพ้!"อันที่จริงแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าอสรพิษปีศาจแปดหางจะหยุดการโจมตีหลังจากที่เขายอมยกธงขาวหรือไม่ นั่นก็เพราะผู้อาวุโสเคยกล่าวเอาไว้ว่าในโลกสีโลหิตแห่งนี้ความตายอยู่ใกล้เพียงเอื้อมแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องยอมเสี่ยงดูสักครั้ง! ในขณะนั้น หัวใจของศิษย์สำนักทางเหนือทั้งหมดหล่นไปกองที่เท้า เพราะเขาไม่อยากจะเห็นร่างของเกรแฮมถูกฉีกทึ้งเหนือสิ่งอื่นใด หากเกรแฮมเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะเหลือเพียงเฟนด์แค่คนเดียว พวกเขาไม่อยากจะฝากความหวังไว้ที่เฟนด์เพียงคนเดียวบางคนถึงกับตะโกนเสียงดังสนั่นว่า "เ
“เกรแฮม คุณบ้าไปแล้วหรือไง? คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณสู้มันไม่ได้แล้วทำไมต้องฝืนตัวเองด้วย? ดูสิ สุดท้ายคุณก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะต้องส่งผลต่ออนาคตของคุณอย่างแน่นอน…“อย่าลืมสิว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสำนักของตัวเอง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปเรายังต้องเผชิญกับอันตรายมากน้อยแค่ไหน การที่คุณทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้เป็นสิ่งที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด!”ขณะที่เขาพูดนั้น ริมฝีปากของเบนจามินก็สั่นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาบอกเกรแฮมอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ให้เขาฝืนตัวเองหากรู้ว่าเขาไม่มีทางเอาชนะได้ การยอมแพ้เป็นหนทางที่เขาต้องเลือกแต่ดูเหมือนว่าเกรแฮมจะหลงลืมคำพูดนั้นไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเกรแฮมต่อสู้กับอสรพิษปีศาจแปดหาง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะลืมสิ้นหมดทุกอย่าง และคิดจะสู้กับสัตว์อสูรตัวนั้นชนิดให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!เกรแฮมถอนหายใจอย่าเงียบ ๆ เขารู้ดีว่าเบนจามินพูดถูก และเขาก็ย่ามใจเกินไปในขณะนั้นเฟนด์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกจากสำนักระดับสี่ อนาคตคุณยังต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบอีกมาก การที่คุณคิดจะเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งกับชัยชนะเล็กน้อยเช่นนี้ นับว่าไม่คุ้ม