แชร์

บทที่ 2306

ผู้แต่ง: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เห็นได้ชัดว่าเฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่ได้กลิ่นคาวเลือดดังกล่าว คนอื่น ๆ มีสีหน้ากังวลขณะที่พวกเขาเริ่มมองไปรอบ ๆ กลิ่นคาวเลือดชัดเจนเกินไป บริเวณนี้เกิดการสังหารขึ้นอย่างแน่นอน

ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนที่เสียชีวิตแน่ เพราะกลิ่นนี่รุนแรงกว่านั้นมาก

แซมซั่นมีสีหน้ามืดมนขณะที่เขาพูดว่า "แถวนี้ไม่มีศพอยู่ใกล้ ๆ แต่กลับมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เราควรเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องเลวร้ายสุด ๆ เอาไว้"

การตัดสินของแซมซั่นไม่ต่างจากคนอื่น เมื่อทุกคนได้กลิ่นเลือด สีหน้าของพวกเขาก็มืดลงไม่ต่างกัน อิเซยาห์มองไปที่เฟนด์ และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กลืนคำที่เขาจะพูดลงคอไป

เฮย์เดนมองดูสีหน้าสับสนของอิเซยาห์แล้วถอนหายใจด้วยความโกรธ เนื่องจากอิเซยาห์ไม่เต็มใจที่จะพูด เขาจะชิงพูดเสียเอง

เฮย์เดนเดินไปทางซ้ายของเฟนด์ “เฟนด์ คุณตัดสินใจเถอะ เราจะตามหาแหล่งที่มาของกลิ่นไหม?”

เฟนด์พยักหน้า แล้วตอบเพียงสั้น ๆ ว่า“เอาสิ!”

พวกเขาแยกทางกันค้นหาโดยใช้ญาณทิพย์ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ พวกเขาแยกออกเป็นสี่ทิศหลัก และหลังจากนั้นไม่นานก็มีการเคลื่อนไหวทางทิศตะวันออกที่ซึ่งอิเซยาห์เป็นผู
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2307

    น่าเสียดายที่แจ็คสันไม่อาจตอบสนองต่อเฮย์เดนได้อีก จากศพทั้งเจ็ดศพที่ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี สองศพมาจากตำหนักสองกษัตริย์ ในขณะที่อีกสองศพมาจากสำนักปฐมหายนะ และอีกสามศพที่เหลือมาจากสำนักสหัสบรรณแซมซั่นพบศิษย์จากสำนักปฐมหายนะที่เขาสนิทสนมและคุกเข่าลงมองดูพวกเขาด้วยความเจ็บปวด เสียงของอิเซยาห์แหบแห้งเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า "นี่มันอะไรกัน ใครฆ่าพวกเขา เป็นคนหรือสัตว์อสูรกัน!"เฟนด์ถอนหายใจ สายตาของเขาขยับไปที่หน้าอกของริฟมีรูขนาดเท่ากำปั้น รอบบาดแผลไม่มีเลือดเลยแม้แต่น้อย มีเพียงสีดำบริเวณโดยรอบเท่านั้นมันดูคล้ายกับถูกไฟไหม้ หลังจากใช้ญาณทิพย์ของเขาสำรวจดู เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีกระแสไฟฟ้าอยู่จำนวนหนึ่ง เฟนด์จ้องมองไปที่ศพอื่น ๆ ขณะที่เขาตรวจสอบคนอื่น ๆ เขาสังเกตเห็นว่าพวกเขามีอาการบาดเจ็บที่เกิดจากอาวุธ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของสัตว์อสูรอย่างแน่นอน พวกเขาถูกมนุษย์ด้วยกันฆ่าทิ้งเมื่อมองดูศพของริฟอีกครั้ง สีหน้าของเฟนด์ก็ดูมืดมนอย่างหนัก เขามองดูศพเหล่านั้นด้วยสายตาแปลกประหลาดริมฝีปากของอิเซยาห์สั่นเทิ้ม “ทำไมต้องฆ่าพวกเขาทุกคนด้วย? ที่คนพวกนั้นทำทั้งหมดนี่เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2308

    คนที่เหลือพยักหน้า เห็นด้วยกับสิ่งที่เฟนด์พูดเป็นอย่างมาก เฟนด์ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะพูดต่อ “พวกเขามีกันทั้งหมดเจ็ดคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ทั้งเจ็ดคนรวมกันฝีมือก็นับว่าไม่ใช่ย่อย ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังต้องลงเอยเช่นนี้ และฝ่ายตรงข้ามฆ่าพวกเขาเหมือนกัน“ดูบาดแผลของแจ็คสันและริฟสิ พวกเขาถูกฆ่าตายในการโจมตีที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย “คนที่สามารถทำแบบนั้นได้ต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญมาก! และเพราะเชี่ยวชาญขนาดนั้น เขาต้องเป็นคนที่เรารู้จักดีแน่ เหมือนกับที่พวกคุณคาดเดากันก่อนหน้านี้นั่นแหละ เหตุผลของความขัดแย้งคงเริ่มต้นขึ้นเพราะของล้ำค่าที่ได้จากการกำจัดสัตว์อสูร“และเพราะอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือที่เราน่าจะรู้จักกันดี ทั้งเจ็ดคนก็คงรู้จักคนที่ฆ่าพวกเขาด้วย แล้วถ้าพวกเขารู้ถึงความแตกต่างทางทักษะระหว่างกัน พวกเขาก็คงไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม”ด้วยคำอธิบายของเฟนด์ อีกสามคนก็เริ่มเข้าใจเช่นกัน เพื่อให้สามารถฆ่าพวกเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว คู่ต่อสู้จึงไม่ใช่เพียงศิษย์ธรรมดา เขาคงจะเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกซึ่งมีทักษะที่สูงเป็นอย่างมากด้วยคนในระดั

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2309

    “ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย!” แซมซั่นพูดทั้งน้ำตานอกจากร่างของแจ็คสันและริฟที่ซีดเผือดแล้ว ร่างของคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดเป็นเพราะกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งที่ทำให้พวกเขาได้มาพบกับฉากนองเลือดดังกล่าว เฮย์เดนเงยหน้าขึ้นมองและพูดอย่างจริงจังว่า "เนื่องจากมันไม่ใช่เพราะสมบัติล้ำค่า และไม่อาจเป็นเพราะพวกเขาบุ่มบ่ามอยากจะต่อสู้โดยไม่มีเหตุผล และทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้น่ะเหรอ? พวกเขาต้องมีเป้าหมายอะไรแน่ แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเป้าหมายนั่นมันคืออะไร!"เฟนด์หันกลับไปมองที่ภูเขาใต้พิภพ "ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ศพทั้งเจ็ดศพนี้เพียงอย่างเดียวคงบอกอะไรเราไม่ได้มาก เราต้องค้นหาต่อไปและและดูว่าจะมีเบาะแสใด ๆ เพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า"พวกเขาทั้งสามพยักหน้า รู้สึกว่าเฟนด์พูดถูก เฟนด์หันกลับไปมองร่างกายของริฟด้วยอารมณ์อันมากมาย เฟนด์อยากรู้จริง ๆ ว่านี่เป็นฝีมือของใครหรือว่าตัวเขาจะเป็นสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นนี้? ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาจะตามหาฆาตกรให้ริฟและช่วยริฟแก้แค้นเฟนด์ถอนหายใจ "เอาล่ะ มาจัดการศพของพวกเขาให้เรียบร้อยสักหน่อยแล้วนำศพของพวกเขาใส่ไว้ในแหวนยุทธเรา“เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2310

    ในขณะนั้น เฮย์เดนซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดก็พูดว่า "ผมจำได้แล้ว!"พวกเขาทั้งสามหันกลับมาและเห็นเฮย์เดนที่มีสีหน้าสำนึกผิด เขาเงยหน้าขึ้นมองเฟนด์ด้วยใบหน้าจริงจัง และรีบก้าวไปข้างหน้าจนเดินมาอยู่ข้าง ๆ เฟนด์“มันคือทักษะอสุนีโลหิตมาร!” เฮย์เดนพูดอย่างหนักแน่นเฟนด์หยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า "ทักษะอสุนีโลหิตมารคืออะไร"เฮย์เดนตอบอย่างรวดเร็วว่า "ที่เราสัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าจำนวนหนึ่งรอบบาดแผลของแจ็คสันและริฟก็เพราะว่ามันคือทักษะอสุนีโลหิตมารไงล่ะ!“รอบ ๆ บาดแผลของพวกเขายังมีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ และร่างของพวกเขาไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย มันดูแปลกมาก ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกว่ามันดูคุ้นตาก็คงจะเห็นมันจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน“ระหว่างทางที่เราเดินมาผมพยายามจำมันให้ได้ จนในที่สุดผมก็จำได้จริง ๆ ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นทักษะยุทธที่เรียกว่าทักษะอสุนีโลหิตมารในตำราโบราณมาก่อน หลังจากใช้ทักษะนี้ฆ่าใครสักคนลงไปมันจะเหลือร่องรอยเช่นนี้ไว้!”หลังจากพูดอย่างนั้น ใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าปอด และตั้งสติก่อนจะพูดต่อ “มันเป็นทักษะที่โหดร้ายอย่างที่สุด แต่ก็ถือเป็นทักษะระดับสูง ทักษะดังกล่าว

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2311

    แซมซั่นพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว "แล้วเราจะทำยังไงดี เราจะยืนรอความตายอยู่เฉย ๆ ไม่ได้! เราจะปล่อยให้คนพวกนั้นมาฆ่าเราไม่ได้ เราต้องร่วมมือกัน! “เราต้องให้ศิษย์ทั้งหมดจากสำนักทางเหนือมาทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับพวกเขา! อสูรหรือสมบัติไม่สำคัญเลย ชีวิตของเราสำคัญที่สุด!”แซมซั่นพูดถูกเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะของล้ำค่าเช่นไรก็ไม่อาจดึงดูดใจพวกเขาได้อีก สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาในตอนนี้ก็คือการได้มีชีวิตต่อไป และพวกเขาก็มั่นใจว่ากลุ่มของพวกเขาคงพอได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างจากการที่สำนักวายชนม์พยายามสังหารทุกคนอย่างบ้าคลั่ง หากว่าเขาไม่หาวิธีตั้งรับให้ทันท่วงที พวกเขาทุกคนก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด และหากพวกเขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอนเฟนด์หันไปมองทั้งสามคน "คุณทั้งสามคนมีวิธีส่งข่าวให้ศิษย์คนอื่น ๆ จากสำนักของพวกคุณได้รับข่าวสารบ้างหรือเปล่า"เฮย์เดนพยักหน้า "ผมมีความคิดดี ๆ แล้ว! ผมใช้เวทย์สื่อสารกับเกรแฮมได้!"ขณะที่เขาพูด เขาได้ดึงป้ายผนึกเวทย์สื่อสารที่มีขนาดประมาณฝ่ามือออกมาจากแหวนยุทธ เฟนด์รู้ว่านั่นคืออะไรป้า

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2312

    มันเป็นเพียงต้นไม้ยืนต้นตายและปราศจากร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ความสูงของมันสูงเป็นสองเท่าของมนุษย์ ต้นไม้ดังกล่าวเหี่ยวแห้งถึงขนาดที่เมื่อสัมผัส ชั้นเปลือกไม้แห้งก็ร่วงหล่นลงมาเฟนด์เมินเฉยต่อผู้คนที่อยู่ข้างหลังเขา เขาค่อย ๆ คุกเข่าลง จ้องมองไปที่รากของต้นไม้ พวกเขาทั้งสามมองในสิ่งที่เฟนด์ทำและไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติเลยรากของมันก็ดูคล้ายกับส่วนอื่น ๆ ของลำต้น เขาก็ไม่รู้ว่ามันยืนต้นตายมานานแค่ไหนแล้ว เปลือกไม้ขาวบอกได้เพียงว่ามันอยู่มานานแล้ว เฟนด์ยังคงนิ่งเงียบ อีกสามคนก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าพวกเขาทั้งสามได้แต่จ้องมองไปยังเฟนด์ที่กำลังสำรวจอะไรบางอย่างอยู่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร ก็ไม่พบอะไรแปลกประหลาดเกี่ยวกับมัน หลังจากคุกเข่าลงเป็นเวลานาน เฟนด์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนสายตาของชายหนุ่มมองไปที่คนทั้งสามอย่างไม่ปกติ “ทำแบบนี้ไปทำไม? มันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองดูสภาพแวดล้อมรอบตัว มันก็ยังคงเป็นโลกสีโลหิตที่ไม่มีจุดสิ้นสุดเช่นเดิมอยู่ดี ดูคล้ายจะไม่มีอะไรพิเศษสำหรับที่นั่น และไม่มีอะไรที่จะดึงดูดความสนใจของเฟนด์ได้อิเซยาห์ขมวดคิ้วแ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2313

    “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่อาจปิดกั้นญาณทิพย์ของเราได้ เพราะหากเราสังเกตเห็นถึงความผิดปกติเมื่อไหร่ เราก็จะหนีทันที ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความเลย!”ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก มันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการและไม่อยากเผชิญหน้า กลุ่มของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นมากนักในหมู่อัจฉริยะที่มารวมตัวกันในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แต่เมื่อเทียบกันเองภายในสำนัก พวกเขาต่างก็เป็นหนึ่งในกลุ่มยอดฝีมือพวกเขาเป็นศิษย์ภายในหรือไม่ก็ศิษย์ที่ถูกเลือกภายในสำนักของพวกเขา ศิษย์ภายนอก ศิษย์นอกสำนักทั่วไป และศิษย์ภายในทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่ไม่กล้าจะดูหมิ่นพวกเขาพวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพเสมอ และพวกเขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครเต็มใจจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ร่างกายของอิเซยาห์สั่นเล็กน้อยเพราะเขาถูกใบหน้าที่ซีดเซียวของริฟหลอกหลอนอยู่ในใจไม่ขาดเมื่อครึ่งวันก่อนริฟยังหยอกล้อกับพวกเขาอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง ลูกศิษย์ภายในชั้นยอดผู้ไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งใดและขี้เล่นเช่นเขาจะลงเอยด้วยการเป็นร่างไร้ลมหายใจเช่นนั้นเขาต้องมาตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีโอกาสให้ต่อสู้กลับด้วยซ้ำ ม

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2314

    อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงออกมาอย่างโต้ง ๆ ดังนั้นเขาจึงระงับความประหลาดใจของตัวเองลง แต่เห็นได้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ได้ควบคุมตัวเองอย่างเดียวกับเกรแฮมทันทีที่พวกเขาเห็นเฟนด์พวกเขาต่างก็เบิกตากว้าง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม เกรแฮมพยักหน้าให้เฮย์เดนเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายเฟนด์“เฟนด์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะได้พบกันที่นี่ ผมนึกว่าคุณมุ่งหน้าเข้าไปกำจัดอสูรได้มากมายแล้วเสียอีก”คำพูดดังกล่าวฟังดูคล้ายกับชมเชย แต่เฟนด์กลับไม่ได้ใส่ใจมันเลย เขาคิดว่ามันตลกดีที่เกรแฮมไม่ได้เป็นคนซื่อตรงและตรงไปตรงมาอย่างที่เขาอยากจะให้คนอื่นเห็น เพราะดูเหมือนเกรแฮมก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อยเช่นกัน และเขาต้องคอยระมัดระวังคำพูดในการพูดคุยกับเกรแฮมไว้ด้วยเฟนด์เพียงพยักหน้าเล็กน้อยและมองเฮย์เดน เฮย์เดนเข้าใจทันทีว่าเฟนด์ต้องการอะไร และไม่ลังเลเลยที่จะเปิดเผยทุกสิ่งที่พวกเขาค้นพบให้ผู้มาเยือนรับทราบเกรแฮมมีสีหน้าถมึงทึงขึ้น ทันทีที่เฮย์เดนพูดจบ เกรแฮมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "อันที่จริง ระหว่างทางมาที่นี่ ฉันเองก็สังเกตเห็นศพสองสามศพเหมือนกัน ศพพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของสำนักทางเหนือ ฉัน

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status