เฟนด์หรี่ตาลง หากเขาสามารถกำจัดผีดิบจำนวนร้อยยี่สิบตัวต่อหน้าเขาได้ มันก็จะเท่ากับการกวาดล้างนักรบแห่งสุญญะถึงสี่คนในคราวเดียว หากสามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้มันจะทำให้เขาผ่านด่านทดสอบของนักรบแห่งสุญญะคนที่หกไปได้ด้วย!มันเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย แต่กลับให้ความรู้สึกที่ยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน!ฝูงผีดิบจำนวนร้อยยี่สิบตัวเริ่มดึงอาวุธของตัวเองออกมา ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกระบบปลุกให้ตื่นขึ้นเสียแล้ว พวกมันทุกคนล้วนแล้วแต่มีลักษณะท่าทางและเป้าหมายเป็นของตัวเอง พวกมันกัดฟันกรอดราวกับอยากจะฉีกทึ้งร่างของเฟนด์ออกเป็นชิ้น ๆ“พวกมันทั้งร้อยยี่สิบตัวจะโจมตีพร้อมกันอย่างนั้นเหรอ?” หัวใจของเฟนด์เต้นแรงเขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะมีโอกาสได้พักเสียบ้าง แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าผีดิบได้ร้อยยี่สิบตัวก็ตาม เขาคิดว่าอย่างน้อยพวกมันก็น่าจะดาหน้าเข้ามากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ปฏิกิริยาที่พร้อมเพียงกันของพวกมัน ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะพุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกันแม้แต่เฟนด์ก็ยังประสบปัญหาจากการต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากฝูงผีดิบจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว"
ในการทดสอบครั้งที่สอง ผู้ที่ใช้การโจมตีระยะไกลจะได้เปรียบอย่างแน่นอน และทักษะธาตุทางวิญญาณก็มีระยะการโจมตีที่ไกลมากที่สุดถึงต้องเผชิญหน้ากับผีดิบจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบตัวก็ไม่ได้มีผลลัพธ์ที่ต่างกัน ผู้ที่ฝึกฝนทักษะทางธาตุวิญญาณเพียงแค่ใช้ความพยายามเล็กน้อยก็สามารถจัดการกับฝูงผีดิบเหล่านี้ได้แล้วยิ่งเฟนด์ต่อสู้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการปีนขึ้นไปบนหุบเหวแห่งสุญญะยิ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ที่มีทักษะทางธาตุวิญญาณมากขึ้นเรื่อย ๆแต่สำหรับผู้ที่ฝึกฝนด้วยทักษะทางธาตุอื่น ๆ กลับเต็มไปด้วยความยากลำบาก การทดสอบในแต่ละครั้งเต็มไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เฟนด์ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงดาบในมือของเขาขยับอย่างต่อเนื่อง ผีดิบตาแดงเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่เฟนด์อย่างไม่หยุดหย่อน พวกมันล้มลงต่อหน้าเฟนด์ทีละศพ แม้ว่าพวกมันจะพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกันและได้เปรียบด้านจำนวนก็ตามผีดิบไม่ได้ใช้ทักษะการโจมตีอะไรเป็นพิเศษ และใช้พลังงานที่แท้จริงของมันในการโจมตีระยะใกล้เท่านั้น แม้ว่าการโจมตีของพวกมันจะพุ่งเข้าหาเฟนด์ได้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างทางเสียหายมากมายอะไรเฟนด์เปิดใช้กฎแห่งสุญญะและทำการโ
กริฟฟินได้ยินเสียงกังวลของฮาวเวิร์ด อวัยวะภายในของกริฟฟินเริ่มปั่นป่วน ภายในของเขาได้รับบาดเจ็บ มีอาการปวดแสบปวดร้อนที่แผ่นหลัง เสียงของน้องชายดึงเขากลับมาจากห้วงความคิดที่สับสน และเขาแทบจะบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งไม่ได้ด้วยซ้ำเขาเห็นฮาวเวิร์ดอยู่ห่างจากเขาไม่กี่สิบฟุต สายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความกังวลและดวงตาที่เบิกกว้าง คนรอบข้างก็มองเขาด้วยท่าทางไม่แน่ใจเช่นกันขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แสงสีแดงก็ส่องลงมาบนร่างกายของเขา ซึ่งบ่งบอกว่ากริฟฟินล้มเหลวเขาพ่ายแพ้และล้มเหลวอย่างน่าสังเวชในด่านที่สาม เขาสามารถฆ่าผีดิบได้เพียงสองตัวก่อนที่จะจบลงในสภาพนี้! หัวใจของเขาไม่ยอมรับมัน!ทุกคนที่อยู่ในหุบเหวแห่งสุญญะอยู่ในพื้นที่แบ่งแยกของใครของมัน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเห็นตำแหน่งของกันและกันและพูดคุยกันได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถก้าวออกจากพื้นที่ของตัวเองได้แม้ว่ากริฟฟินจะทรุดตัวลงจากอาการบาดเจ็บภายใน แต่สิ่งที่ฮาวเวิร์ดทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือการถามไถ่เกี่ยวกับอาการของเขา ฮาวเวิร์ดไม่สามารถวิ่งไปช่วยพยุงพี่ชายของเขาได้กริฟฟินถอนหายใจยาว "ด่านนี้ยากเกินไป ผีดิบร้อยยี่สิบตัวกรูมา
"ว้าว! น่าทึ่งมาก! ชายสวมหน้ากากจากสำนักวายชนม์นี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เวลาเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็ฆ่าผีดิบไปถึงสามสิบตัวแล้ว นักรบแห่งสุญญะคนที่สี่ที่อยู่ต่อหน้าเขาได้หายไปแล้ว""เราไม่มีทางเทียบอะไรกับเขาได้เลย ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น พวกเราบางคนก็ยอมจำนนเสียก่อนแล้ว ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ ผู้คนมากมายพ่ายแพ้และถูกส่งกลับมา เดิมทีนึกว่าจะไม่มีใครผ่านไปได้แล้ว แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเราจะประเมินอัจฉริยะเหล่านั้นต่ำเกินไป"ณ จุดเดิมที่ชายสวมหน้ากากเคยยืนอยู่ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ทุก ๆ สามสิบฟุตจะมีนักรบแห่งสุญญะยืนอยู่พร้อมอาวุธในมือ ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับนักรบแห่งสุญญะคนที่สามแล้ว เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปจะพบนักรบเจ็ดคน ในเจ็ดคน มีจำนวนสี่คนถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงเหตุผลที่ทุกคนอุทานด้วยความประหลาดใจก็เพราะนักรบแห่งสุญญะที่อยู่ใกล้ชายสวมหน้ากากที่สุดได้หายตัวไปในทันใด นั่นหมายความว่าเขาได้กำจัดอุปสรรคและฆ่าผีดิบไปสามสิบตัวแล้วธีโอเองก็ถูกกำจัดในเวลาไล่เลี่ยกับกริฟฟิน แต่ทว่าชายสวมหน้ากากสามารถฆ่าผีดิบได้สามสิบตัวในเวลาอันสั้น ในขณะที่ธีโอต้องยอมจำนนต่ออาการบาดเจ็บสาหัสของตัวเอง ช
ลิ่วล้อที่ซื่อสัตย์ที่สุดของชายสวมหน้ากากอย่างซาเมียนรู้สึกเดือดดาลทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาหันขวับไปจ้องเขม็งใส่เหล่าศิษย์จากสำนักสหัสบรรณ"เกรแฮมมีค่าอะไรตรงไหน? พวกนายเปรียบเทียบเขากับศิษย์พี่ใหญ่ของเราได้ยังไง? เหตุผลเดียวที่ระยะเวลาของพวกเขาสูสีกันก็เพราะว่าศิษย์พี่ของเราไม่ได้รีบร้อนฆ่าผีดิบพวกนั้น เพราะเขามักจะสนุกอยู่กับการเฝ้าดูสถานการณ์โดยรวม! นั่นแหละที่ทำให้เขาเสียเวลา จนทำให้เกรแฮมเกือบตามเขาทัน!"คำพูดเหล่านั้นให้ความรู้สึกราวกับเป็นคำอธิบายที่ข้าง ๆ คู ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงกระนั้นซาเมียนก็ดูจริงจังอย่างที่สุดในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น ราวกับว่าเขาจะฆ่าใครก็ตามที่กล้าโต้เถียงศิษย์จากสำนักระดับสามย่อมกลัวเกินกว่าจะยื่นปากเข้าไปยุ่ง แต่ถึงกระนั้นสำนักสหัสบรรณเป็นสำนักระดับสี่เทียบเท่ากับสำนักวายชนม์ทุกประการ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่ยอมรับในคำสบประมาทของซาเมียน"รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา! นายไม่คิดว่ามันน่าตลกไปหน่อยเหรอ? ศิษย์ของสำนักวายชนม์ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นเสียหน่อย แต่ถ้าวัดกันเรื่องความสามารถในการพูดเรื่องไร้สาระไม่มีมูลแล้วก็ พวกนายชนะขาด! นายไม่ได้เห็นศิษย์พ
มันเป็นความกระหายที่ล้ำลึกราวกับว่าวิญญาณของเขาได้กลิ่นหอมเย้ายวนใจ สิ่งนี้ทำให้เฟนด์มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะไขข้อข้องใจนี้ให้ได้!เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อร่ายผนึกด้วยมือซ้าย ในขณะที่เขาหยุดการโจมตีของผีดิบ เขาก็ควบรวมดาบวิญญาณในมือซ้ายของเขา!แม้ว่าเขาจะฆ่าผีดิบไปแล้วยี่สิบห้าตัว แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่น้อยมากจากทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบตัว มันช่วยบรรเทาความกดดันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนหน้านี้ในขณะที่เฟนด์เขาถอยหลังออกมา เขาก็ยังใช้ทักษะของตัวเองในการจัดการกับพวกมันแต่ตอนนี้เขากำลังรวบรวมดาบวิญญาณในขณะต่อสู้ ทำให้มันยากขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเมื่อฝูงผีดิบสัมผัสได้ถึงสถานะของเฟนด์ในขณะนี้ พวกมันก็ยิ่งพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความดุร้ายยิ่งกว่ากรรร!พวกมันส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าขณะที่ดวงตาสีแดงคู่นั้นจ้องไปที่ลำคอของเฟนด์ พวกมันแยกเขี้ยวที่แหลมคมออกราวกับวางแผนที่จะกัดเฟนด์ด้วยในช่วงเวลาแห่งความว้าวุ่นใจ ผีดิบจำนวนห้าสิบถึงหกสิบตัวได้ล้อมเฟนด์เอาไว้ พวกมันยื่นกรงเล็บพุ่งเข้าใส่เขา เล็บที่มีความยาวครึ่งนิ้วนั้นคมอย่างไม่น่าเชื่อ และพวกมันก็พุ่งเข้าหาเฟนด์จากทุกทิศทาง!เฟนด์ข
ขณะที่เขาฟาดฟันดาบที่ควบรวมกับทักษะทลายห้วงสุญญะออกไปอย่างเต็มที่ ดาบก็เข้าโจมตีกลุ่มผีดิบอย่างไม่ลังเล ผีดิบห้าถึงหกตัวถูกฟันจนได้กันไปคนละหลายบาดแผล บาดแผลเหล่านี้ไม่ลึกแต่กินพื้นที่กว้าง นี่คือผลลัพธ์ที่เฟนด์ต้องการ เหล่าผีดิบมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง กลับกันหากเป็นการโจมตีของคนอื่น บาดแผลดังกล่าวจะไม่สร้างความเสียหายอะไรแก่เหล่าผีดิบมากนัก และไม่อาจทำให้พวกมันไร้ความสามารถลงได้ แต่เฟนด์แตกต่างออกไป เขาไม่ได้พึ่งพาการกำจัดกายหยาบเพื่อกำจัดพวกมันทิ้ง "กรรร!"เหล่าผีดิบที่บาดเจ็บดูคล้ายกับเสือดาวที่กำลังโกรธจัดมันหันหน้ากลับมามองยังเฟนด์ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลัง พวกมันแยกเขี้ยวอันคมกริบใส่เฟนด์จากนั้นจึงหันหลังและพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง แต่ในขณะนั้น เหล่าผีดิบก็ดูคล้ายถูกสายฟ้าฟาดเข้าที่สมองและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย ร่างกายของพวกมันโอนเอนไปมาสองสามครั้ง ราวกับว่ามันสูญเสียพลังงานทั้งหมดไป และล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น มันถูกกำจัดแล้ว บาดแผลบนร่างกายของพวกมันเปล่งควันสีดำอมเทาและส่งเสียงราวกับเนื้อดิบที่กำลังถูกย่าง แต่บาดแผลนั้นไม่มีสิ่งใดผิดปกติ กายหยาบของพวกมันไม
ริฟไม่เคยมีโอกาสนั้นมาก่อน แต่ในตอนที่กริฟฟินดูเป็นเช่นนี้ ริฟทั้งรู้สึกโล่งใจและอดไม่ได้ที่จะพูดประชดประชันกลับไปเหมือนที่กริฟฟินเคยทำกับเขาบ้าง ในทางกลับกัน กริฟฟินก็โกรธจนหน้าแดง และหันหน้าไปจ้องที่ริฟอย่างดุร้าย ดวงตาของเขาเกือบจะถลนออกมาจากเบ้าอยู่รอมร่อ "นายหมายความว่ายังไง ริฟ โจนส์! พูดแบบนี้มีหลักฐานเหรอ?! นายรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไรอยู่" ริฟตะคอกกลับไปเบา ๆ "ใครจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ ดวงตาคู่นั้นของคุณไม่ได้ละจากจุดที่เฟนด์ยืนอยู่ตั้งแต่คุณถูกพากลับมาจากโลกสีโลหิตเลย คุณต้องอยากเห็นเฟนด์ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกย้ายกลับมายังหุบเหวแห่งสุญญะเป็นพิเศษ" กริฟฟินเชิดคางขึ้นและพูดว่า "ฉันอยากจะเห็นอะไรมันก็ไม่สำคัญ ไม่มีใครต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แต่มันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ที่หมอนั่นยังไม่ถูกส่งกลับมาเพราะเขาเร็วและเก่งเรื่องหนีมาก" เฟนด์มีผลงานที่ไม่ธรรมดาในจุดรวมพลขานชื่อก่อนหน้านี้ ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ต่อสู้กับโอลิเวอร์ เซเยอร์โดยตรง แต่แต่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของโอลิเวอร์ได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่จดจำฉากนั้นได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ริฟได้ยินเรื่องนี