ซาเมียนถอนหายใจภายในใจ ชายสวมหน้ากากจะตราหน้าว่าเขาอ่อนแออย่างแน่นอนหากเขาขอความช่วยเหลือในตอนนี้ เขาไม่อยากสร้างความไม่ประทับใจให้แก่อีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงเลือกกัดฟันอดทนเฟนด์หรี่ตาและคิดแผนการขึ้นในทันใด นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้หลบหนีเนื่องจากความสนใจของชายสวมหน้ากากถูกเบี่ยงเบนไปทางอื่นแล้ว หากเขาไม่หนีไป เขาคงตายไปพร้อมกับคนอื่น ๆ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาจึงเปิดใช้งานกำลังภายในของตัวเองและร่ายทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาดาบวิญญาณจำนวนสิบห้าเล่มปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เขาควบรวมดาบวิญญาณสิบห้าเล่มในโถงวิญญาณได้สำเร็จหลังจากดูดซับผลึกวิญญาณสลาย ดาบวิญญาณทั้งสิบห้าเล่มที่เปล่งประกายสีดำอมเทาคือไพ่ตายของเฟนด์ พวกมันเต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ขณะที่หมุนวนอยู่บนฝ่ามือของเฟนด์ซาเมียนรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นดาบวิญญาณดังกล่าว เขารู้สึกไม่ดีกับพวกมันเลย แต่ถึงกับนั้นเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้กับเฟนด์ตัวต่อตัว ดังนั้นเขาจึงกัดฟันชนและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แห่งชีวิตของเขาแต่ก่อนหน้านั้น เขาหันหน้าไปมองศิษย์สำนักวายชนม์อีกสองคนที่กำลังต่อสู้กับแฟรงก์อย่าง
ขวานผ่าภูเขาของซาเมียนเหวี่ยงไปทางเฟนด์อีกครั้ง มันส่งเสียงหวือ เขาพร้อมที่จะเหวี่ยงดาบวิญญาณออกไปปะทะด้วย แต่กลับเปลี่ยนแผนในนาทีสุดท้ายเนื่องจากสิ่งที่แฟรงก์ทำ ทันทีที่ขวานบินมาหาเขา เขาก็รีบตรงไปหาแฟรงก์ที่กำลังบินไปในทิศทางเดียวกับเขาทันที ไม่นานพวกเขาทั้งสองก็ปะทะกัน และไม่ใช่แค่พวกเขาสองคนเท่านั้น การโจมตีของชายมีหนวดเคราและศิษย์ของสำนักวายชนม์ทั้งสองก็ตามมาติด ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมังกรไฟของขวานผ่าภูเขาแฟรงก์รู้สึกว่าหัวใจของเขาหล่นไปที่ตาตุ่ม "นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ?! ทำไมไม่ต่อต้านการโจมตีของซาเมียนก่อนเล่า?”เฟนด์เย้ยหยัน ถ้าเขาทำแบบนั้นนั่นก็จะเข้าทางแฟรงก์น่ะสิ แฟรงก์เข้าใจทันทีว่าเฟนด์คิดอะไรอยู่ในใจเมื่อเขาเห็นสีหน้าเย้ยยันของเฟนด์“แบบนี้ เราจะตายด้วยกันทั้งคู่!” เขาคำรามและการโจมตีของศัตรูกำลังจะมาถึงพวกเขาทั้งคู่เฟนด์ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้แยแสอีกฝ่ายใดสักนิด เขาดึงพลังของกฎแห่งสุญญะจนถึงขีดสุด และล่าถอยออกไปราวยี่สิบหลาด้วยการเคลื่อนไหวเพียงก้าวเดียวเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เฟนด์ใช้กฎแห่งสุญญะไปถึงระดับนั้น และมันทำให้เขาสูญเสียกำลังภายในไปเป็นจำนวนมาก ในขณะเ
หากคนอื่นสบโอกาสหลบหนีได้ พวกเขาก็จะหลบหนีไปโดยไม่ลังเล ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เฟนด์จะทำเช่นเดียวกัน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และตัดสินใจในทันที เขาหันกลับมา หันปลายเท้าแล้วพุ่งออกไปในทิศทางตรงกันข้าม!ทันใดนั้น เสียงลมที่โหมกระหน่ำก็ดังขึ้นในหูของเขา ราวกับว่ากำลังถูกสัตว์อสูรไล่ล่าตามมาติด ๆ เขาหันหน้าไปมอง หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นชายสวมหน้ากากอยู่ข้างหลังเขา ความเร็วของชายสวมหน้ากากนั้นเร็วกว่าเฟนด์หลายเท่า ภายในไม่กี่วินาที เขาก็สามารถย่นระยะห่างระหว่างเฟนด์กับเขาได้แล้ว ด้วยความเร็วนี้ ในเวลาเพียงไม่นานเขาก็จะสามารถตามเฟนด์ทันได้อย่างสมบูรณ์ความหนาวเย็นเกิดขึ้นในใจของเฟนด์ราวกับว่าเขาถูกน้ำเย็นจัดเข้าท่วม 'ทำไมจู่ ๆ ชายสวมหน้ากากถึงตามฉันมา ทั้ง ๆ ที่เขาจดจ่ออยู่กับงูเหลือมเก้าเล็บอยู่ชัด ๆ นี่นา'ในขณะที่เขากำลังคิดและหนีเอาชีวิตรอด น้ำเสียงอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นในหูของเขา "ตอนนี้ฉันจำได้แล้วว่านายเป็นใคร ดูเหมือนว่าไอ้โง่นั่นจะไม่ได้โกหก นายใส่หน้ากากเพราะนายจำฉันได้! นายไม่ได้ตายที่ผาโทมนัสใช่หรือเปล่า แล้วนายเข้ามาในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามได้ยังไง?"คำพ
เฟนด์ได้แต่หวังว่าเขาจะเจอคนที่สามารถช่วยให้เขาหลบหนีไปได้ แต่เสียงหึ่ง ๆ ในหูของเขาก็ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเมื่อเกิดความคิดแวบเข้ามาในหัว เขาหันไปมองด้านข้างและต้องตกใจเมื่อพบว่าความเร็วของชายสวมหน้ากากนั้นเพิ่มขึ้นอีกแล้ว อีกฝ่ายอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงยี่สิบหลาด้วยซ้ำ!ใบหน้าของเขามืดลง ในไม่ช้าชายสวมหน้ากากจะสามารถโจมตีเขาได้ และเมื่อถึงเวลานั้นเฟนด์ก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้กับเขา ซึ่งจะทำให้ความเร็วของเขาลดลงเป็นอย่างมาก ชายสวมหน้ากากเย้ยหยันและเอ่ยปากขึ้น "ดูเหมือนว่าหากฉันไม่ทุบนายให้น่วมนายก็จะไม่ยอมแพ้สินะ หรือว่าความลับที่นายมีนั้นคุ้มค่าที่จะตายแทนอย่างนั้นเหรอ?"เฟนด์อยากจะหันไปสวนกลับอีกฝ่าย แต่เขายังสามารถระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้ ชายสวมหน้ากากเย้ยหยันเขา และพลังงานสีม่วงอมดำก็เริ่มก่อตัวกันที่กรงเล็บด้านขวาของเขา พลังงานสีม่วงอมดำทำให้เกิดเสียงเปรี๊ยะราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นจากการควบแน่นของสายฟ้ามากมาย! เฟนด์ไม่ต้องหันไปมองด้วยตาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของมันเขาเหงื่อตกและหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารู้ว่าการโจมตีเพียงเล็กน้อยของชายสวมหน้ากากก็สา
เฟนด์สามารถมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่กะพริบอยู่บนเนิน“มาอีกคนแล้ว!” มีคนเอ่ยปากขึ้นเฟนด์หันหน้าไปตามเสียงและเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบ ๆ โชคดีที่สถานที่กว้างพอ มันกว้างกว่าจัตุรัสหน้าจุดรวมพลในตำหนักสองกษัตริย์เสียอีก เขาคาดว่าสถานที่นี้สามารถรองรับคนได้อย่างน้อยหนึ่งหมื่นคนมือของเขาสั่นเล็กน้อย ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันจนเฟนด์ไม่สามารถประมวลผลได้ เมื่อหนึ่งวินาทีที่แล้ว เขาอยู่ในสถานการณ์คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นหรือความตาย และเตรียมพร้อมที่จะตายอยู่แล้ว แต่วินาทีถัดมา เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยโดยมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยรายล้อมอยู่รอบตัวเขาแม้ว่าผู้คนที่นั่นจะแต่งตัวแตกต่างกัน แต่เฟนด์สามารถเดาได้จากความเข้าใจทั่วไปของเขาเกี่ยวกับรัฐเวสต์ เซอร์ซีว่ามีบางคนมาจากสำนักสหัสบรรณ เผ่าปฐมหายนะ และตำหนักสองกษัตริย์ มีกลุ่มคนที่เมื่อมองแวบแรกแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน แต่หลังจากวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เขาจำได้ว่าพวกเขาเป็นสำนักที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักวายชนม์เฟนด์คำนวณอย่างคร่าว ๆ ในใจและประเมินว่าที่แห่งนี้มีคนอยู่รวมกันมากกว่าร้อยคน ซึ่งเท่ากับจำนวนคนที่เข้าไปในแห
'ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี? ทำไมทุกคนถึงอยู่ที่นี่กันหมด? คน ๆ เดียวที่สามารถพาพวกเราทุกคนมาที่นี่ได้น่าจะเป็นคนที่สร้างแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม เขากำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่?' ทันใดนั้น คำพูดของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็แวบเข้ามาในความคิดของเฟนด์แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามน่าจะเป็นมรดกจากบรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้ เหตุผลที่เขาออกจากสถานที่นี้ก็เพื่อออกไปตามหาผู้สืบทอด เป็นไปได้ไหมว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะเดาได้ถูกต้อง ทันใดนั้น น้ำเสียงของชายแก่อันมิไร้เทียมทานก็ดังขึ้นในหูของทุกคน “โพรงย้ายสสารทั้งหมดถูกปิดลงแล้ว! หากอยากจะกลับออกไปต้องหาทางออกเอาเอง ฉันจะทิ้งคำใบ้ไว้ให้พวกเธอทุกคน พวกเธอเข้ามายังหุบเหวแห่งสุญญะได้วิธีใด ก็นั่นแหละคือทางออก!”คำใบ้ทำให้พวกเขาสับสน แม้ว่าพวกเขาจะเดาความหมายโดยทั่วไปได้อยู่บ้าง โพรงย้ายสสารทั้งหมดถูกปิดลงแล้ว? นั่นหมายถึงอะไรกัน? พวกมันคล้ายกับโพรงสุญญะที่พวกเขาเคยใช้เข้ามาในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามหรือไม่? หากโพรงสุญญะทั้งหมดถูกปิด ก็หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถกลับออกไปได้ และถ้าพวกเขาอยากที่จะกลับออกไป พวกเขาก็ต้องหาหุบเหวแห่งสุญญะให้เจออย่างนั้นเหรอ? แล้วหุบเห
'เสียงชายชราหยุดลงทันทีเมื่อพูดถึงรางวัลทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาจ้องมองไปที่จุดสูงสุดของหุบเหวแห่งสุญญะราวกับว่าหากพวกเขาจ้องมองไปที่นั่นนานพอ รางวัลที่พูดถึงจะบินลงมาหาพวกเขาเอง ซึ่งของเรืองแสงที่เฟนด์เห็นก่อนหน้านี้จะต้องเป็นรางวัลที่ผู้อาวุโสเอ่ยถึงเป็นแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งของเหล่านี้จะต้องมีมูลค่ามหาศาล เนื่องจากผู้สร้างแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามเป็นผู้ทิ้งมันไว้เสียงของชายชราดูเหมือนจะกระตุ้นความปรารถนาของทุกคนในขณะที่เขาพูดต่ออย่างช้า ๆ “มีรางวัลมากมายเหลือเกิน ฉันคงแจกแจงทุกรายการไม่ได้หรอก แต่จะขอพูดถึงรางวัลทั่วไปสักสองสามอย่าง มีโอสถวิญญาณหมื่นเม็ด โอสถวิญญาณระดับแปด ผลสวรรค์รัญจวน และหญ้าวิญญาณร้อยกิ่ง ทั้งสองอย่างเป็นพืชวิญญาณระดับเจ็ด และแก่นวิญญาณของสัตว์อสูรในระดับผลึกสวรรค์จำนวนห้าแก่น!”เกิดความโกลาหลขึ้นทันทีที่คำพูดสุดท้ายเล็ดลอดออกมา ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น และพวกเขาต้องเช็ดน้ำลายที่ไหลออกจากปาก ขณะที่สายตาละโมบจับจ้องไปยังด้านบนของหุบเหวแห่งสุญญะ หากพวกเขาแลกรางวัลทั้งหมดเป็นคะแนนสะสม เขาคงได้เพลิดเพลินอยู่กับคะแนนสะสมที่มีมากมายราว
เนื่องจากหุบเหวแห่งสุญญะถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกบาง ๆ เขาจึงไม่สามารถระบุได้ว่าความลาดเอียงนั้นทำมาจากอะไร ขณะที่กำลังคิดจดจ่ออยู่กับสิ่งนี้ เขาก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนดังขึ้นมาข้างหู “นายคงเป็นศิษย์น้องเฟนด์ใช่หรือเปล่า?”ทันใดนั้นเฟนด์ก็หันน่าไปมองรอบ ๆ และเห็นชายรูปงามสวมเสื้อผ้าของศิษย์จากตำหนักสองกษัตริย์ ซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา ชายคนนั้นกำลังมองที่เฟนด์ด้วยสายตาใจดี หลังจากที่เขาแนะนำตัวเอง เฟนด์จึงได้รู้ว่าบุคคลนี้เป็นศิษย์ที่ถูกเลือกจากตำหนักสองกษัตริย์ เนลสัน เลสเตอร์เนลสันดูแข็งแกร่งกว่ากริฟฟินมากเขาชี้ไปยังบริเวณที่อยู่ห่างออกไปร้อยหลาข้างหลังเขา “ศิษย์ของตำหนักสองกษัตริย์ทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ทำไมนายไม่ไปอยู่กับพวกเราตรงนั้นล่ะ?”เฟนด์พยักหน้า ในฐานะศิษย์ของตำหนักสองกษัตริย์ เขาอาจถูกคนอื่นรังแกหากเขาไม่เข้าร่วมทีม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเข้าไปพัวพันกับปัญหาเหล่านี้ เขาจึงติดตามเนลสันไปยังจุดรวมเหล่าศิษย์จากตำหนักสองกษัตริย์ เนลสันอยู่ในอันดับที่สี่ในหมู่ศิษย์ที่ถูกเลือก และเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์จากตำหนักสองกษัตริย์ที่ถูกส่งมายังแหล่งทรัพยากรยุ