นั่นเท่ากับว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดจะไม่สูญเสียอะไรเลย ในขณะที่เฟนด์เป็นคนเดียวที่ต้องทนทุกข์ทรมานเฟนด์ถลึงตาใส่ผู้อาวุโสแม้จะไม่ดุดันมากนัก แต่เขาก็ยังเอ่ยปากตอบเสียงห้วน “คุณนี่เก่งในเรื่องการคำนวณเรื่องพวกนี้มากจริง ๆ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ความเจ้าแผนการของผมเทียบอะไรไม่ได้เลย”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เข้าใจคำพูดเหน็บแนมที่แฝงอยู่ของเฟนด์ได้ในทันที เขาวางถ้วยชาในมือลงและเงยหน้าขึ้นมองเฟนด์ “เธอไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้หรอก ชะตาของเราสองคนถูกลิขิตเอาไว้ด้วยกัน และฉันต้องขอขอบคุณเธอที่ช่วยฉันออกมาจากป่าดงอสูร ฉันเป็นหนี้เธอสำหรับความเมตตาในครั้งนั้น และฉันจะไม่เพิกเฉยต่อเธอเมื่อเธอต้องประสบกับปัญหา จริงอยู่ที่ฉันประกาศออกไปแบบนั้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ต่อให้เธอเอาชนะศิษย์ทั้งสามคนไม่ได้ ฉันก็ไม่ทอดทิ้งเธอหรอก”คำพูดของผู้อาวุโสอาจฟังดูน่ายินดี แต่เฟนด์ไม่ใช่เด็กอายุสามขวบ เขาหัวเราะเบา ๆ และเปรยออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “คุณต้องเข้าใจถึงอันตรายที่ผมจะต้องเผชิญจากความล้มเหลวที่ผมจะได้รับในเวทีการต่อสู้สิ ก่อนหน้านี้คุณประกาศให้ผมเป็นศิษย์คนสุดท้ายของคุณ พวกนั้นก็ต้องพุ่งเป
ถึงกระนั้นเฟนด์ก็ไม่คิดว่าคนที่มุ่งร้ายต่อผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะเป็นผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและลำดับที่สอง โดยปกติแล้วพวกเขาสองคนไม่ลงรอยกัน เฟนด์จึงค่อนข้างประหลาดใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาจะยอมจับมือกันชั่วคราวเพียงเพื่อจะล่อลวงผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หายใจออกพรืดยาว “ฉันหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไว้แล้ว แล้วก็หาไว้เผื่อเธอด้วย มีบางสิ่งที่แม้อยากจะหลีกเลี่ยงก็ไม่อาจทำได้ ในเมื่อไม่ว่ายังไงก็เปลี่ยนผลลัพธ์ไม่ได้ เพราะงั้นก็ใช้ชีวิตให้มีความสุขจะดีกว่า”เฟนด์พยักหน้าอย่างลึกซึ้งในขณะที่เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พูด ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเบา ๆ เขาส่ายหน้า และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เลิกพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เถอะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ”“จุดที่จะเข้าถึงแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามใช่หรือเปล่า?” เฟนด์โพล่งออกมาโดยไม่รอให้ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นฝ่ายเฉลยผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เลิกคิ้วและมองไปที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจ “เธอไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไง? ฉันเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้เองนะ แล้วตามหลักการแล้ว พวกนั้นน่าจะขอให้ลูกน้องของพวกเขาเก็บเรื่องนี้ไว้
“ทำไมสำนักสหัสบรรณถึงทำเช่นนั้น? พวกเขากำลังเผชิญกับความยากลำบากอะไรที่ต้องการยืมมือของสำนักวายชนม์? พวกเขาหวังว่าสำนักวายชนม์จะเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ได้เหรอ? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ศิษย์ของสำนักวายชนม์ไม่ใช่คนโง่ และหากพวกเขาตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาก็จะพบกับความผิดปกติได้ แล้วเมื่อพวกเขาค้นพบเรื่องนั้นแล้ว สำนักวายชนม์คงไม่ยอมให้สำนักสหัสบรรณยืมมือแต่โดยดีหรอก” เฟนด์พูดอย่างค่อนข้างตื่นเต้นผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า “เธอน่ะจับประเด็นสำคัญที่สุดได้แล้ว อันที่จริง ฉันก็ยังไม่อาจหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ได้เลย ฉันรู้แค่ว่าข่าวลือเหล่านี้ถูกแพร่กระจายไปโดยสำนักสหัสบรรณเอง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ชะงักไปก่อนจะพูดต่อ “ดูสิ แม้แต่เธอก็ยังมีคำถาม ฉันเชื่อว่าสหายเก่าพวกนั้นก็คงคิดเช่นนี้ได้ด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฉันแน่ใจว่าพวกเขามีเหตุผลของตัวเองที่จะยืนยันที่จะทำเช่นนี้แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามไม่ใช่สถานที่ที่เราจะเข้าไปได้ตามต้องการ ทุกสำนักมีบรรทัดฐานที่สอดคล้องกัน และนั่นคือเหตุผลที่กริฟฟินคิดจะแย่งตำแหน่งของเธอไปให้กับน้องชายของเขา”เฟนด์คิดเกี
มุมปากของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์กระตุกเล็กน้อยขณะที่เขาใช้นิ้วเคาะโต๊ะ "เธอคิดเรื่องอะไรอยู่? ถึงได้มีสีหน้าท่าทางที่แปลกประหลาดแบบนี้?”เฟนด์หลุดออกจากภวังค์เมื่อเขาได้ยินผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เอ่ยท้วง เขากะแอมเบา ๆ และถูจมูกเพื่อซ่อนสีหน้าเขินอายเล็กน้อยอีกครั้ง "เปล่าหรอก ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมของแบบนี้ถึงถูกปรมาจารย์โบราณทิ้งเอาไว้ในในรัฐเวสต์ เซอร์ซีได้?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เลิกคิ้ว “เธอไม่ใช่คนเดียวที่เกิดคำถามนี้เพราะทุกคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่างสงสัยเกี่ยวแบบเดียวกัน เมื่อครั้งโบราณกาลคงมีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นในรัฐเวสต์ เซอร์ซีและทำให้ปรมาจารย์ผู้นั้นต้องส่งต่อทรัพย์สินของเขาไว้ที่นี่”เฟนด์พยักหน้าและถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ในเมื่อที่นี่เป็นที่สำหรับส่งต่อทรัพย์สิน เหตุใดจึงเรียกมันว่าแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม? ผู้ปกครองระดับสูงของสำนักสหัสบรรณวางแผนที่จะทำให้ผู้อื่นสับสนด้วยชื่อนี้หรือเปล่า?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ชำเลืองมองที่เฟนด์และส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ในความเป็นจริง ทั้งผู้ปกครองระดับสูงของสำนักสหัสบรรณและผู้อาวุโสของตำหนักสองกษัตริย์ของเราต่างไม่รู้ว่าเหตุใดแหล่งทรัพยา
“มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม ผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่าขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดจะถูกปิดกั้นจากที่นั่น มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดหรือต่ำกว่าเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ต้องการเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามจำเป็นต้องมีบัตรผ่านสำหรับการเข้า ไม่มีใครสามารถเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามนั้นได้หากไม่มีบัตรผ่าน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการจำกัดจำนวน ฉันต่อสู้เพื่อเธอและระวังว่าเธอจะไม่ทำให้ความพยายามของฉันเสียเปล่า”เฟนด์ที่ตื่นเต้นและแววตาที่สดใสฉายผ่านดวงตาของเขาหลังจากที่เขาได้ยินคำอธิบายของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ หากมีข้อจำกัดด้านพลังยุทธของพวกเขา เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงหลังจากที่เขาเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ปัญหาเดียวที่เขาอาจต้องเผชิญอาจมาจากพื้นที่ต้องห้ามเองเสียมากกว่าเขาอดไม่ได้ที่จะนั่งยืดตัวตรงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่การบูรที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ และผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเฟนด์เขาผลักถ้วยชาไปทางเฟนด
“ถ้าบัตรผ่านเหล่านี้ถูกมอบให้กับสำนักวายชนม์โดยสำนักสหัสบรรณ นี่ก็หมายความว่าสำนักทั้งสองได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างกันไปแล้วใช่ไหม?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า และสีหน้าแปลก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาดูคล้ายจะคร่ำครวญและพูดตะกุกตะกักไปพร้อมกัน “อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ สำนักสหัสบรรณเป็นคนกระจายข่าวเรื่องนี้ไปยังสำนักวายชนม์เอง ส่วนที่น่าขันก็คือไม่เพียงแค่สำนักวายชนม์ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนห้าสิบตำแหน่ง… แต่ตำหนักระดับสามสองแห่งจากทางใต้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักวายชนม์ต่างก็ได้รับอนุญาตที่จำนวนยี่สิบตำแหน่งเหมือนเราเช่นกัน หมายความว่าสำนักทางเหนือและใต้ต่างมีจำนวนคนเท่ากัน”การแสดงออกของเฟนด์เปลี่ยนไปจนอีกฝ่ายอ่านไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไงหลังจากได้ยินเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อดูจากการกระทำของพวกเขาแล้ว ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าสำนักสหัสบรรณกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาไม่รู้หรือว่าการทำเช่นนี้ถือเป็นการก้มหัวให้ศัตรูและเหยียดหยามตัวเอง? พวกเขากระจายทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน และไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเบา ๆ “เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นงั้นเหรอ? ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ครั้
เฟนด์เลิกคิ้วและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนูลองยาด้วยอีกคน จำนวนคนยี่สิบคนที่ได้รับเลือกนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง และพวกเขาไม่ใช่ศิษย์ที่ถูกเลือก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับเลือกให้เป็นหนูลองยาในภารกิจนี้ ส่วนศิษย์ที่ถูกเลือกอีกเจ็ดคนที่เหลืออาจได้เข้าไปในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามไม่ช้าก็เร็ว อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้อาจได้เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามหลังจากที่พวกเขาออกจากที่นั่นมาแล้วในขณะนี้เฟนด์ก็นึกถึงกริฟฟินซึ่งพุ่งเป้ามาที่เฟนด์เพราะเรื่องจำนวนคน เขาต้องการให้เฟนด์ปฏิเสธการเข้าไปในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามและมอบตำแหน่งให้กับน้องชายของเขาทันใดนั้นเฟนด์ก็ถามขึ้นว่า “น้องชายของกริฟฟินอยู่ในอันดับที่เจ็ดในหมู่ศิษย์ภายในใช่หรือเปล่า?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้า “เธอนี่สมองไวดีจริง ๆ ฮาวเวิร์ด โอลเซ่นน้องชายของกริฟฟินอยู่ในอันดับที่เจ็ดในหมู่ศิษย์ภายใน ถ้าไม่มีเธอ ศิษย์ภายในก็จะได้รับเจ็ดตำแหน่งในการเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แต่ในเมื่อตอนนี้เธอกลายเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้ว ฉันก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเธออย่างเต็มที่ คงไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นถึงศิษย์ผู้อาวุโสแล้ว และผู้อาวุ
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “สำหรับคนที่รู้แค่วิธีใช้กำลังและต่อสู้โดยไม่ใช้สมองจะน่ากลัวแค่ไหนกันเชียว”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้าตามความคิดเห็นของเฟนด์เกี่ยวกับกริฟฟิน ถือเป็นความคิดที่แม่นยำอย่างไม่ต้องสงสัย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงดูค่อนข้างกังวล? มีอะไรที่คิดไม่ตกอยู่หรือเปล่า?”เฟนด์ไม่ได้ปิดบังความคิดความอ่านของตัวเองไว้และพยักหน้า “เพราะกริฟฟินทำให้ผมคิดไปถึงผู้อาวุโสลำดับที่สอง สิ่งที่ผู้อาวุโสลำดับที่สองพูดบนเวทีทรงกลมนั่นตราตึงอยู่ในใจของผมอย่างลึกซึ้ง แล้วผมก็คิดว่าการจะจัดการคราวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คงไม่ได้พูดแบบนี้เพราะหวังจะให้คุณต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจแทน ผมแค่คิดว่ามันไม่ฉลาดเลยที่คุณไปทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองขุ่นเคืองพร้อมกันแบบนี้ ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผู้อาวุโสลำดับที่สองนั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย”เฟนด์พูดด้วยความจริงใจจนผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า เขาน้อมรับในสิ่งที่เฟนด์พูดไว้ในใจทันที เขาขยับตัวและมองไปที่เฟนด์ก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่เฟนด์เล็กน้อย “ฉันรู้ว่าเธอพูดเพราะหวังดี อันที่จริง ฉันเองก็มาคิดเรื่องนี้อย่างถ้วน