มุมปากของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์กระตุกเล็กน้อยขณะที่เขาใช้นิ้วเคาะโต๊ะ "เธอคิดเรื่องอะไรอยู่? ถึงได้มีสีหน้าท่าทางที่แปลกประหลาดแบบนี้?”เฟนด์หลุดออกจากภวังค์เมื่อเขาได้ยินผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เอ่ยท้วง เขากะแอมเบา ๆ และถูจมูกเพื่อซ่อนสีหน้าเขินอายเล็กน้อยอีกครั้ง "เปล่าหรอก ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมของแบบนี้ถึงถูกปรมาจารย์โบราณทิ้งเอาไว้ในในรัฐเวสต์ เซอร์ซีได้?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เลิกคิ้ว “เธอไม่ใช่คนเดียวที่เกิดคำถามนี้เพราะทุกคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่างสงสัยเกี่ยวแบบเดียวกัน เมื่อครั้งโบราณกาลคงมีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นในรัฐเวสต์ เซอร์ซีและทำให้ปรมาจารย์ผู้นั้นต้องส่งต่อทรัพย์สินของเขาไว้ที่นี่”เฟนด์พยักหน้าและถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ในเมื่อที่นี่เป็นที่สำหรับส่งต่อทรัพย์สิน เหตุใดจึงเรียกมันว่าแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม? ผู้ปกครองระดับสูงของสำนักสหัสบรรณวางแผนที่จะทำให้ผู้อื่นสับสนด้วยชื่อนี้หรือเปล่า?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ชำเลืองมองที่เฟนด์และส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ในความเป็นจริง ทั้งผู้ปกครองระดับสูงของสำนักสหัสบรรณและผู้อาวุโสของตำหนักสองกษัตริย์ของเราต่างไม่รู้ว่าเหตุใดแหล่งทรัพยา
“มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม ผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่าขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดจะถูกปิดกั้นจากที่นั่น มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดหรือต่ำกว่าเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ต้องการเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามจำเป็นต้องมีบัตรผ่านสำหรับการเข้า ไม่มีใครสามารถเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามนั้นได้หากไม่มีบัตรผ่าน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการจำกัดจำนวน ฉันต่อสู้เพื่อเธอและระวังว่าเธอจะไม่ทำให้ความพยายามของฉันเสียเปล่า”เฟนด์ที่ตื่นเต้นและแววตาที่สดใสฉายผ่านดวงตาของเขาหลังจากที่เขาได้ยินคำอธิบายของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ หากมีข้อจำกัดด้านพลังยุทธของพวกเขา เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงหลังจากที่เขาเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ปัญหาเดียวที่เขาอาจต้องเผชิญอาจมาจากพื้นที่ต้องห้ามเองเสียมากกว่าเขาอดไม่ได้ที่จะนั่งยืดตัวตรงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่การบูรที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ และผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเฟนด์เขาผลักถ้วยชาไปทางเฟนด
“ถ้าบัตรผ่านเหล่านี้ถูกมอบให้กับสำนักวายชนม์โดยสำนักสหัสบรรณ นี่ก็หมายความว่าสำนักทั้งสองได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างกันไปแล้วใช่ไหม?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า และสีหน้าแปลก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาดูคล้ายจะคร่ำครวญและพูดตะกุกตะกักไปพร้อมกัน “อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ สำนักสหัสบรรณเป็นคนกระจายข่าวเรื่องนี้ไปยังสำนักวายชนม์เอง ส่วนที่น่าขันก็คือไม่เพียงแค่สำนักวายชนม์ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนห้าสิบตำแหน่ง… แต่ตำหนักระดับสามสองแห่งจากทางใต้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักวายชนม์ต่างก็ได้รับอนุญาตที่จำนวนยี่สิบตำแหน่งเหมือนเราเช่นกัน หมายความว่าสำนักทางเหนือและใต้ต่างมีจำนวนคนเท่ากัน”การแสดงออกของเฟนด์เปลี่ยนไปจนอีกฝ่ายอ่านไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไงหลังจากได้ยินเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อดูจากการกระทำของพวกเขาแล้ว ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าสำนักสหัสบรรณกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาไม่รู้หรือว่าการทำเช่นนี้ถือเป็นการก้มหัวให้ศัตรูและเหยียดหยามตัวเอง? พวกเขากระจายทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกัน และไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเบา ๆ “เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นงั้นเหรอ? ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ครั้
เฟนด์เลิกคิ้วและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนูลองยาด้วยอีกคน จำนวนคนยี่สิบคนที่ได้รับเลือกนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง และพวกเขาไม่ใช่ศิษย์ที่ถูกเลือก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับเลือกให้เป็นหนูลองยาในภารกิจนี้ ส่วนศิษย์ที่ถูกเลือกอีกเจ็ดคนที่เหลืออาจได้เข้าไปในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามไม่ช้าก็เร็ว อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้อาจได้เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามหลังจากที่พวกเขาออกจากที่นั่นมาแล้วในขณะนี้เฟนด์ก็นึกถึงกริฟฟินซึ่งพุ่งเป้ามาที่เฟนด์เพราะเรื่องจำนวนคน เขาต้องการให้เฟนด์ปฏิเสธการเข้าไปในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามและมอบตำแหน่งให้กับน้องชายของเขาทันใดนั้นเฟนด์ก็ถามขึ้นว่า “น้องชายของกริฟฟินอยู่ในอันดับที่เจ็ดในหมู่ศิษย์ภายในใช่หรือเปล่า?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้า “เธอนี่สมองไวดีจริง ๆ ฮาวเวิร์ด โอลเซ่นน้องชายของกริฟฟินอยู่ในอันดับที่เจ็ดในหมู่ศิษย์ภายใน ถ้าไม่มีเธอ ศิษย์ภายในก็จะได้รับเจ็ดตำแหน่งในการเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แต่ในเมื่อตอนนี้เธอกลายเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้ว ฉันก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเธออย่างเต็มที่ คงไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นถึงศิษย์ผู้อาวุโสแล้ว และผู้อาวุ
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “สำหรับคนที่รู้แค่วิธีใช้กำลังและต่อสู้โดยไม่ใช้สมองจะน่ากลัวแค่ไหนกันเชียว”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้าตามความคิดเห็นของเฟนด์เกี่ยวกับกริฟฟิน ถือเป็นความคิดที่แม่นยำอย่างไม่ต้องสงสัย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงดูค่อนข้างกังวล? มีอะไรที่คิดไม่ตกอยู่หรือเปล่า?”เฟนด์ไม่ได้ปิดบังความคิดความอ่านของตัวเองไว้และพยักหน้า “เพราะกริฟฟินทำให้ผมคิดไปถึงผู้อาวุโสลำดับที่สอง สิ่งที่ผู้อาวุโสลำดับที่สองพูดบนเวทีทรงกลมนั่นตราตึงอยู่ในใจของผมอย่างลึกซึ้ง แล้วผมก็คิดว่าการจะจัดการคราวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คงไม่ได้พูดแบบนี้เพราะหวังจะให้คุณต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจแทน ผมแค่คิดว่ามันไม่ฉลาดเลยที่คุณไปทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองขุ่นเคืองพร้อมกันแบบนี้ ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผู้อาวุโสลำดับที่สองนั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย”เฟนด์พูดด้วยความจริงใจจนผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า เขาน้อมรับในสิ่งที่เฟนด์พูดไว้ในใจทันที เขาขยับตัวและมองไปที่เฟนด์ก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่เฟนด์เล็กน้อย “ฉันรู้ว่าเธอพูดเพราะหวังดี อันที่จริง ฉันเองก็มาคิดเรื่องนี้อย่างถ้วน
เฟนด์ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เนื่องจากพวกเขากำลังเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามด้วยกัน พวกเขาจึงต้องรอกันและกันในตำแหน่งที่จะเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม เมื่อถึงตอนนั้น เหล่าผู้อาวุโสหรือหัวหน้าสำนักจะต้องมาเยี่ยมชมสถานที่พร้อมกับพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพียงแค่มองดูสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเฟนด์กำลังคิดผิดไป เขาหัวเราะเบา ๆ และอธิบายว่า “วิธีการเข้าไปยังแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามนั้นต่างจากที่เธอคิดนะ เราไม่จำเป็นต้องรวมตัวกันที่จุดเดียวเพื่อเปิดใช้งานแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แค่เพียงมีบัตรผ่านเราจะเข้าไปตอนไหนก็ได้”นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฟนด์คิด เฟนด์สันนิษฐานว่าการเปิดใช้งานพื้นที่ต้องห้ามทั้งหมดต้องใช้ศิลาวิญญาณหรือไม่ก็ผลึกวิญญาณจำนวนมาก โพรงสุญญะต้องการการสนับสนุนจากพลังงานที่เพียงพอเพื่อที่จะทำให้พวกที่ต้องการเข้าไปด้านในสามารถเข้าไปได้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เริ่มอธิบายให้เฟนด์ฟังอย่างอารมณ์ดี “แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามนี้ค่อนข้างพิเศษเนื่องจากมันตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเวสต์ เซอร์ซี พื้นที่ต้องห้ามนี้แยกตัวจากพื้น
สีหน้าของเฟนด์มืดลงเมื่อเขาได้ยินคำอธิบายของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ “นี่หมายความว่าแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามแห่งนี้ยินดีต้อนรับการเข้ามาของคนนอกอย่างพวกเรางั้นเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าสถานที่นี้อาจถูกปรมาจารย์โบราณทิ้งเอาไว้ แล้วเขาทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการผู้สืบทอด”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า “ฉันแนะนำให้เธอเข้าไปในที่แห่งนี้ก็เพราะว่าฉันสันนิษฐานว่าแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามเป็นมรดกที่ปรมาจารย์โบราณทิ้งเอาไว้ให้”เฟนด์หายใจออกพรืดยาวผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ยกมือขึ้นและตบไหล่เขา “อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป หากตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ โปรดจำไว้ว่าความปลอดภัยของเธอสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด และอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น”หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แตะแหวนรูปเต่าที่นิ้วมือข้างซ้ายด้วยมือขวา เฟนด์เห็นเพียงแสงสีดำ ส่องประกายก่อนที่ป้ายขนาดเท่าฝ่ามือของเขาจะปรากฏขึ้นในมือของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ดังกล่าวมีรูปร่างแปลก ๆ และเต็มไปด้วยการแกะสลักอักษรรูนและคาถาที่เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมีแสงสีแดงต่าง ๆ ปรากฏอยู่บนนั้นอีกด้วยผู้อาวุโสก็อดฟรีย์มองดูบัตรผ่านอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะวางมันไว้ในมือของเฟนด์หลัง
“การต่อสู้ที่น่ากลัวอาจเกิดขึ้นเมื่อถึงตอนนั้น และผู้คนจากสำนักวายชนม์ก็คงจะต้องเข้ามาร่วมด้วย ในนั้นคงเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีนัก”แนชกังวลมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาหยุดเดินและยื่นมือไปดึงแขนเฟนด์ “ถ้าอย่างนั้นลูกจะเข้าไปทำไม? หลังจากเข้าไปในนั้นลูกอาจต้องประสบกับอันตรายทุกรูปแบบ ลูกไม่กลัวหรือ? ลูกไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด…”“แน่นอนว่าผมต้องกลัว แต่ผมจะปล่อยให้ความกลัวมาหยุดผมไว้แบบนี้ไม่ได้ ศิลปะยุทธคือวิธีการต่อต้านธรรมชาติเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ฝืนธรรมชาติและเดินหน้าต่อไป เราก็จะเป็นได้แค่คนธรรมดา”แนชได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่พูดอะไรและเดินตามหลังเฟนด์ต่อไปในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม เฟนด์หยิบแผนที่ออกมาอ้างอิงทุก ๆ ห้าสิบเมตรที่พวกเขาก้าวเดิน ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์วาดแผนที่นี้ให้เฟนด์ด้วยตัวเอง และยังให้คำแนะนำกับเฟนด์เกี่ยวกับตำแหน่งของแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามเฟนด์ดูแผนที่อย่างละเอียด และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “เรามาถูกแล้ว มันน่าจะต้องเป็นที่นี่สิ...แต่ทำไมมันดูทุรกันดารนัก? ทุกตารางนิ้วของที่นี่มีแต