แน่นอนว่าเฟนด์รู้ว่าโนเอลเป็นห่วงเขา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ถึงแม้โอลิเวอร์จะถูกรับเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสอันดับที่สิบเอ็ดก็ไม่เป็นไร เพราะถึงเขาจะไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสยังไงเขาก็คงไม่ยอมปล่อยให้ผมหลุดมือไปแน่”ในขณะที่เฟนด์และโนเอลกำลังพึมพำกันเอง ความวุ่นวายก็ปะทุขึ้นต่อหน้าพวกเขา หลังจากนั้น เส้นทางข้างหน้าเฟนด์ก็ถูกคนหลายคนแหวกออก และใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคนก็เบียดเข้ามาหาพวกเขา เฟนด์ได้แต่มองและไม่อาจห้ามให้ริมฝีปากของเขาไม่กระตุกได้ ไม่อาจห้ามให้ตัวเองกลอกตาใส่พวกเขาได้ด้วย อันที่จริงเขาไม่แยแสคนพวกนี้เลย แต่คนพวกนี้ต่างหากที่ชอบเข้ามาหาเขาเหมือนแมวที่ได้กลิ่นปลาจากระยะไกลเวสลีย์ถือพัดหยกซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาได้มาจากไหนไว้อยู่ในมือ แม้ว่าพวกเขาจะมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ฝึกศิลปะยุทธ แต่เขาก็ทำตัวไม่ต่างจากนายน้อยรูปงามในขณะที่เขาเดินไปหาเฟนด์พร้อมกับแกว่งพัดในมือเบา ๆ เช่นเดียวกับที่เขาทำ ข้างหลังเขามีเจ้าของใบหน้าที่คุ้นเคยอีกคนหนึ่ง ชายที่มีดวงตาเป็นรูปสามเหลี่ยมนั่นเอง เมื่อชายผู้มีดวงตารูปสามเ
ชายที่มีดวงตาเป็นรูปสามเหลี่ยมหมายถึงโอลิเวอร์ผู้โด่งดังในทางกลับกันเฟนด์ตอบกลับอย่างยิ้มแย้มว่า “นี้ ในฐานะลิ่วล้อของเขา คราวหน้าช่วยสรรหาคำพูดที่สดใหม่กว่านี้หน่อยได้ไหม? หรือนี่เป็นประโยคเดียวที่สมองกลวง ๆ ของนายนึกออก? นายเรียกฉันว่าผู้กล้าทุกทีเลยสินะ ว่าแต่ทำไมฉันถึงจะกล้าไม่ได้? ก็ในเมื่อฉันเล่นงานศิษย์พี่เวสลีย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นายจนเขาเกือบตายมาแล้ว จะให้ฉันจัดการเขาอีกครั้งก็ยังได้นะ!”ใบหน้าของชายตาสามเหลี่ยมมืดลงขณะที่เขาเหลือบมองเวสลีย์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างอาย ๆ เวสลีย์รู้สึกว่าเขาเสียหน้าขณะที่เขายื่นมือออกไปเพื่อดึงชายตาสามเหลี่ยมออกไป เขาก้าวไปข้างหน้า “เฟนด์อย่าทำตัวอวดดีให้มันมากนัก แม้ว่านาจะเคยเอาชนะฉันมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเพราะฉันเตรียมตัวได้ไม่ดีพอ ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เพราะผู้อาวุโสเซเยอร์ตั้งใจดูแลฉันยังไม่ลดละความพยายาม แล้วนายจะได้เห็นว่าตัวเองไม่อาจต่อกรกับฉันได้ หากเราจัดการประลองด้วยกันอีกรอบ!”คำพูดที่เด็ดขาดของเวสลีย์พิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าเขามั่นใจในตัวเองขนาดไหนเฟนด์เลิกคิ้ว เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเวสลีย์ แต่ต่อให้เขา
นอกจากนี้โนเอลยังรู้สึกว่าบรรยากาศตึงเครียดเกินไป และทั้งเฟนด์และเวสลีย์ก็เกือบจะมีเรื่องกันอยู่แล้วเขาชำเลืองมองที่เฟนด์ด้วยแววตาที่เป็นกังวลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยื่นมือไปดึงเสื้อผ้าของเฟนด์ในจุดซึ่งคนอื่นมองไม่เห็นอย่างลับ ๆ เพื่อเตือนให้เฟนด์สงบสติอารมณ์ตัวเองจากการถูกเวสลีย์ยั่วยุมุมปากของเฟนด์โค้งขึ้น เขารู้ว่าการดึงเสื้อผ้าที่โนเอลทำนั้นกำลังสื่อถึงอะไร… แต่เขากลับเพิกเฉย เวสลีย์ตัวสั่นด้วยความโกรธ ในขณะที่เขาจ้องมองที่เฟนด์อย่างไม่พอใจ เมื่อเทียบกับการแสดงออกที่โกรธเกรี้ยวของเวสลีย์ แล้วเฟนด์สงบเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะโต้เถียงกับเวสลีย์ด้วยคำพูดเผ็ดร้อน แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงเรียบเฉยเวสลีย์กัดฟันขณะที่เขาพูด “พี่ชายของฉันจะไม่มีวันปล่อยให้นายลอยนวลไปได้หรอก เขาจะฆ่านายแน่!”“นอกจากขู่แล้วนายยังทำอะไรได้อีก?”เฟนด์สวนกลับอย่างใจเย็นคำพูดเหล่านี้เป็นราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถูกยัดเข้าไปในคอของเวสลีย์ และมันทำให้เขารู้สึกว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับเฟนด์มีแต่จะทำให้โมโห สติสัมปชัญญะของเขาก็เกือบจะหายไปแล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับลูกปัดแก้วสีโลหิต และมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้ามาแล้วด้วยซ้ำ ใ
น้ำเสียงของเฟนด์สงบมากเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ ฟังดูเหมือนเขาแค่บอกบรู๊คว่าอยากจะกินหรือดื่มอะไรก็เท่านั้น แต่ในทุกคำที่เขาพูดได้แสดงถึงนิสัยใจคอของเขาออกมา บรู๊คจึงอดไม่ได้ที่จะมองเฟนด์ด้วยสายตามีความหมาย เขาไม่รู้จะโต้ตอบออกไปอย่างไรเฟนด์ไม่มีอารมณ์ที่จะมาใส่ใจความคิดเห็นของคนทั้งคู่ที่มีต่อเขาในขณะนี้ เขามุ่งความสนใจไปที่เวทีทรงวงกลมด้านหลังแทนผู้อาวุโสทั้งสิบเอ็ดคนนั่งลงแล้ว และเฟนด์ก็สังเกตกองกำลังหลักของตำหนักสองกษัตริย์อย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะมีศิษย์ในสำนักกี่คน แต่คนที่เป็นกำลังสนับสนุนหลักของตำหนักสองกษัตริย์อย่างแท้จริงก็ยังคงเป็นกลุ่มคนเหล่านี้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาชิกทั้งหมดคนที่นั่งตำแหน่งแรกคือผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง เขามองไปที่เหล่าศิษย์ด้านล่างเวทีด้วยสายตาที่อ่อนโยนและมีรอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของเขา ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งต่างจากผู้อาวุโสลำดับที่สองผู้ซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมในขณะที่มีสายตาที่ครุ่นคิด เขามองไปที่ศิษย์ที่อยู่ใต้แท่นอย่างเฉยเมยผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทุกคนต่างมีความพิเศษของตัวเอง แต่พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีนิสัยเอาแต่ใจ ในท้ายที่สุดเฟนด์เพ่งสายตาไปที่ผ
ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง “เมื่อหลายวันก่อน ผู้อาวุโสของสำนักสหัสบรรณมาเยี่ยมเราและได้กล่าวถึงสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งแก่เราด้วย ฉันแน่ใจว่าทุกคนรู้ว่ารัฐเวสต์ เซอร์ซีของเรามีสำนักระดับสี่เพียงสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ทางเหนือ ในขณะที่อีกแห่งอยู่ทางใต้ และเราไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักสหัสบรรณได้รับข่าวว่าสำนักวายชนม์ที่อยู่ทางใต้ได้แอบส่งศิษย์จำนวนมากขึ้นมาทางเหนือ เราแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ข่าวดี ดังนั้นช่วงนี้ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม”ข่าวดังกล่าวเหมือนก้อนหินที่ทำให้ผืนน้ำกระเพื่อมเป็นพัน ๆ รอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเรื่องนี้และเบิกตากว้าง ในตอนแรกไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงออกมาในขณะที่ผู้อาวุโสอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีใครสามารถระงับปากของตัวเองได้เมื่อทราบข่าวนี้ ทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่ปะทุขึ้นท่ามกลางฝูงชน"อะไร? สำนักวายชนม์กำลังมุ่งหน้ามาทางเหนือเพื่อสร้างปัญหาให้พวกเรานั้นเหรอ? เราอยู่ในสภาวะที่สงบตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาต้องการทำอะไรที่นี่”“พวกเขาคงจะบ้าไปแล้ว แม้ว่าสำนักวายชนม์จะเป็นสำนักระดับสี่เช่นกัน แต่สำนักสหัสบรรณที่อยู่ทางทิศเหนือของเราก็เป็
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งขยับร่างกายของเขาไปด้านข้างเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดเช่นนี้ และมองไปที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แน่นอนว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งที่ดูใจดี ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและเดินไปที่ส่วนกลาง สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เขาไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง ขณะที่เขามาถึงด้านหลังผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง แต่เขากลับหยุดห่างจากผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งประมาณสามก้าวจากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดเรื่องนี้ต่อไป ทุกคนรู้ว่าวาระหลักกำลังเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าข่าวร้ายก่อนหน้านี้จะทำให้ทุกคนไม่สบายใจ แต่ก็ไม่มีใครลืมเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขามารวมตัวกันที่จุดนี้ไปได้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันแน่ใจว่าทุกคนรู้ว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดต้องการรับศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของเขา และวันนี้คือวันที่เขาจะประกาศการแต่งตั้งของเขา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดคุยกับผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดมาแล้ว และผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยว
ศิษย์ภายนอกที่อยู่โดยรอบเฟนด์มีสีหน้าที่ดูไม่ดีนักเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาคงต้องคิดว่าผู้อาวุโสภายในเหล่านี้เจ้าเล่ห์ถึงขนาดไหน เฟนด์ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย เพราะไม่ว่าจะมองสามคนนี้ในมุมไหน พวกเขาต่างก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งมองไปที่ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ใต้เวทีด้วยสายตาที่อ่อนโยนมากราวกับว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นหลานชายแท้ ๆ ของตัวเองผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เธอทั้งสามคนมีความสามารถสูงมากและเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้เป็นศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด เนื่องจากพวกเธอไม่มีใครเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่น ๆ แต่ไม่สำคัญว่าเธอทั้งสามคนจะเหมาะสมกันแค่ไหน เนื่องจากมีเพียงที่ว่างเพียงหนึ่งเดียว นี่คือเหตุผลที่เธอทั้งสามคนต้องแสดงความสามารถและความแข็งแกร่งของเธอออกมาอย่างเต็มที่ในวันนี้ เพื่อที่จะได้ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด”สิ่งที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดทำให้เหล่าศิษย์มารวมตัวกันใต้เวทีเริ่มซุบซิบกันอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้งโนเอลพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ต้องต่อสู้กันในท้ายที่สุด และผลลัพธ์ที่ได้ก
สิ่งที่โนเอลพูดดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างได้ในทันที เฟนด์มองไปที่โนเอลด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็น ใบหน้าของโนเอลเริ่มแดงเมื่อเขารู้สึกถึงการจ้องมองของผู้อื่น เขากระแอมไอเบา ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ “นี่พวกนายมองฉันทำไม? นายไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเหรอ?”ความสับสนปรากฏขึ้นในสายตาของคนจำนวนมากเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ล่วงรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนเหล่านี้เลย และพวกเขาก็เพิ่งได้ยินเพียงการจัดอันดับของศิษย์ภายในเหล่านี้จากชายหน้ายาวมาเท่านั้น สิ่งที่โนเอลพูดเป็นการบอกใบ้อย่างชัดเจนว่าศิษย์ที่ถูกเลือกไว้แต่ละคนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้อาวุโสเฟนด์ชำเลืองมองที่โนเอล “ทำไมคุณไม่เลิกอ้อมค้อมและเข้าประเด็นเสียที ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าเกรสแฮมไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนถึงได้กล้าต่อกรกับผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง” เฟนด์คาดเดาคำตอบในใจไปแล้วเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ และเขาแค่รอให้โนเอลยืนยันสมมติฐานของเขากับปากตัวเองเท่านั้นโนเอลพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “อันที่จริงเกรสแฮมกำลังต่อสู้กับคนสองคนด้วยตัวคนเดียวต่างหาก”ผู้คนรอบตัวเขายิ่งประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่โน