เฟนด์มั่นใจว่าภาพลวงตาที่เห็นคือความทรงจำของสัตว์อสูรในตำนานผู้เป็นเจ้าของเลือด และมันเป็นก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้งสำหรับสัตว์อสูรตัวนี้ แนชขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจในขณะที่แนชกำลังจะถามคำถามเฟนด์ ก็มีคนมาเคาะประตู เฟนด์ขมวดคิ้วและถามโดยไม่รู้ตัวว่า “เวลาแบบนี้ใครกันที่มาขัดจังหวะผม”แนชมองที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจตามสัญชาตญาณและพูดว่า “ต้องเป็นโนเอลกับบรู๊คแน่ ๆ โนเอลบอกลูกไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าจะพาลูกไปที่จุดรวมพลเพื่อรอการขานชื่อในอีกสิบวัน”เฟนด์ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของแนช มุมปากของเขาสั่นเล็กน้อย “พ่อกำลังบอกว่าผมฝึกตัวเองมาเป็นเวลาสิบวันแล้วงั้นเหรอ?”แนชเห็นการแสดงออกของเฟนด์และเข้าใจทันทีว่าทำไมเขาถึงประหลาดใจได้ถึงขนาดนี้ แนชพยักหน้าและพูดว่า “วันเวลาผ่านไปสิบวันแล้วจริง ๆ”เฟนด์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกขณะที่ร่องรอยของความไม่เชื่อฉายผ่านดวงตาของเขา เขาเพิ่งตกอยู่ในภาพลวงตา และรู้สึกเหมือนเพิ่งเข้าฌานได้ไม่ถึงชั่วโมง เขาเห็นเพียงมังกรจันทรคราสโบราณที่บินอยู่บนท้องฟ้าและชายในชุดดำ ใครจะคาดคิดว่าช่วงเวลาสั้
โนเอลหายใจออกลึก ๆ และมีความอิจฉาเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขาขณะที่เขาพูดว่า “ก็อย่างที่คิดไว้นั่นแหละ เขาชนะ และชนะทั้งที่ยังไม่ได้แข่งด้วยซ้ำ ชายที่ท้าทายโอลิเวอร์ทนการโจมตีจากโอลิเวอร์ได้เพียงสามกระบวนท่าก่อนที่โอลิเวอร์จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขา และเลือดก็กระเซ็นไปทั่วพื้น โชคดีที่ โอลิเวอร์รู้ขอบเขตและหยุดตัวเองเอาไว้ในที่สุด คนผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่บาดแผลของเขาก็หนักหนาพอที่จะทำให้เขาล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลาหนึ่งหรือสองเดือนได้เลยทีเดียว”บรู๊คที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าอย่างรุนแรง สายตาที่ดูราวกับนึกอะไรออกแวบผ่านดวงตาของเขา เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น “วันนั้น เราสองคนหาที่นั่ง แม้ว่าจะไม่ได้ยากลำบากอะไร แต่ก็เห็นได้เลยว่าสถานที่แออัดไปด้วยผู้คนในเวลานั้น แถมผู้สังเกตการณ์ก็โห่ร้องเสียงดังมากในตอนที่โอลิเวอร์แทงหน้าอกของชายคนนั้น และพวกเขาต่างก็โห่ร้องก้องตะโกนกันว่าโอลิเวอร์ไร้เทียมทานขนาดไหน”โนเอลมองไปที่บรู๊คอย่างสิ้นหวัง “ถ้าตอนนั้นนายไม่ห้ามฉันเอาไว้ ฉันก็คงตะโกนแบบเดียวกับพวกเขาไปแล้ว” แม้ว่าบรู๊คจะค่อนข้างไม่เกรงใจใคร แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความบาดหมางระหว่างเฟน
พื้นที่ทางทางใต้ที่ไกลออกไปเป็นที่ที่พวกศิษย์ยืนอยู่ สถานที่นี้ดูคล้ายกับจัตุรัสขนาดใหญ่ แม้ว่าจะมีขนาดเท่ากับของสนามฟุตบอลสองหรือสามสนามและจุคนได้หลายพันคน แต่เหล่าศิษย์ต่างก็ยืนห่าง ๆ กันศิษย์ในระดับเดียวกันยืนรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน และดูคล้ายว่าจะแออัดเล็กน้อยเนื่องจากศิษย์นอกสำนักซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดรวมตัวกันที่บริเวณทิศใต้แม้ว่าจะเป็นพื้นที่กว้างขวางก็ตามเฟนด์สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนรอบตัวเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่บ้าง ตอนนั้นเองที่ชายมีหนวดยืนอยู่ข้างหน้าเขาชี้ไปที่เวทีการต่อสู้ขณะที่เขาอุทานว่า “ฉันคิดว่ามาเตโอ เบลี่ย์ควรได้รับเลือกจากผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด อย่างไรเสียเขาก็อยู่ในอันดับที่ห้าในหมู่ศิษย์ภายใน และไม่มีตระกูลใดสนับสนุนเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนสันโดษและเจ้าอารมณ์มาก ซึ่งคล้ายกับผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดมากทีเดียว ต้องเป็นเขาแน่!”ชายหน้ายาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายมีหนวดตะคอกขึ้นมาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้ามีปัญญาคิดแค่นี้ก็ช่วยเลิกเดาสิ่งที่ผู้อาวุโสภายในกำลังคิดอยู่ได้หรือเปล่า? นายไม่รู้เหรอว่าการจะเลือกศิษย์สักคนจะต้องถูก
ชายหน้ายาวหัวเราะเบา ๆ “นายคงไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าโอลิเวอร์จะทะลวงเข้าสู่ขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดไปแล้ว แต่เขาก็มีพรสวรรค์สูงกว่าศิษย์ภายในทั่วไป ๆ อีกไม่นานเขาทัดเทียมกับศิษย์ที่ถูกเลือก ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะได้เป็นหนึ่งในศิษย์ที่ถูกเลือก แม้ว่าเขาจะทะลวงไปสู่ขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดแล้วก็ตาม!”เฟนด์เลิกคิ้วในขณะที่โนเอลมองเขาอย่างประหม่าโนเอลอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ต้องเก็บมันไว้เมื่อเห็นเฟนด์ส่ายหน้าใส่เขา ทุกคนเริ่มถกเถียงกันเพราะสิ่งที่ชายหน้ายาวพูด“คาลเวิร์ตอยู่ในขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดและอยู่ในอันดับที่ห้าสิบแปด อันดับของเขาไม่โดดเด่นมากนักในหมู่ศิษย์ภายใน ทำไมเขาถึงสามารถเอาชนะศิษย์คนอื่น ๆ มาได้ และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในศิษย์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้กันนะ”“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันได้ยินมาว่าภูมิหลังของเขาก็ไม่ได้ใสสะอาดนะ และดูเหมือนว่าจะเขาจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสลำดับที่สี่อีกด้วย หากเป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดจะยินดีรับเขางั้นเหรอ?”"ใช่แล้วล่ะ สำหรับเกรสแฮมอันดับของเขาต่ำกว่าคาลเวิร์ตขึ้นไปอีกและเขาอยู่ในอันดั
แน่นอนว่าเฟนด์รู้ว่าโนเอลเป็นห่วงเขา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ถึงแม้โอลิเวอร์จะถูกรับเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสอันดับที่สิบเอ็ดก็ไม่เป็นไร เพราะถึงเขาจะไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสยังไงเขาก็คงไม่ยอมปล่อยให้ผมหลุดมือไปแน่”ในขณะที่เฟนด์และโนเอลกำลังพึมพำกันเอง ความวุ่นวายก็ปะทุขึ้นต่อหน้าพวกเขา หลังจากนั้น เส้นทางข้างหน้าเฟนด์ก็ถูกคนหลายคนแหวกออก และใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคนก็เบียดเข้ามาหาพวกเขา เฟนด์ได้แต่มองและไม่อาจห้ามให้ริมฝีปากของเขาไม่กระตุกได้ ไม่อาจห้ามให้ตัวเองกลอกตาใส่พวกเขาได้ด้วย อันที่จริงเขาไม่แยแสคนพวกนี้เลย แต่คนพวกนี้ต่างหากที่ชอบเข้ามาหาเขาเหมือนแมวที่ได้กลิ่นปลาจากระยะไกลเวสลีย์ถือพัดหยกซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาได้มาจากไหนไว้อยู่ในมือ แม้ว่าพวกเขาจะมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ฝึกศิลปะยุทธ แต่เขาก็ทำตัวไม่ต่างจากนายน้อยรูปงามในขณะที่เขาเดินไปหาเฟนด์พร้อมกับแกว่งพัดในมือเบา ๆ เช่นเดียวกับที่เขาทำ ข้างหลังเขามีเจ้าของใบหน้าที่คุ้นเคยอีกคนหนึ่ง ชายที่มีดวงตาเป็นรูปสามเหลี่ยมนั่นเอง เมื่อชายผู้มีดวงตารูปสามเ
ชายที่มีดวงตาเป็นรูปสามเหลี่ยมหมายถึงโอลิเวอร์ผู้โด่งดังในทางกลับกันเฟนด์ตอบกลับอย่างยิ้มแย้มว่า “นี้ ในฐานะลิ่วล้อของเขา คราวหน้าช่วยสรรหาคำพูดที่สดใหม่กว่านี้หน่อยได้ไหม? หรือนี่เป็นประโยคเดียวที่สมองกลวง ๆ ของนายนึกออก? นายเรียกฉันว่าผู้กล้าทุกทีเลยสินะ ว่าแต่ทำไมฉันถึงจะกล้าไม่ได้? ก็ในเมื่อฉันเล่นงานศิษย์พี่เวสลีย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นายจนเขาเกือบตายมาแล้ว จะให้ฉันจัดการเขาอีกครั้งก็ยังได้นะ!”ใบหน้าของชายตาสามเหลี่ยมมืดลงขณะที่เขาเหลือบมองเวสลีย์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างอาย ๆ เวสลีย์รู้สึกว่าเขาเสียหน้าขณะที่เขายื่นมือออกไปเพื่อดึงชายตาสามเหลี่ยมออกไป เขาก้าวไปข้างหน้า “เฟนด์อย่าทำตัวอวดดีให้มันมากนัก แม้ว่านาจะเคยเอาชนะฉันมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเพราะฉันเตรียมตัวได้ไม่ดีพอ ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เพราะผู้อาวุโสเซเยอร์ตั้งใจดูแลฉันยังไม่ลดละความพยายาม แล้วนายจะได้เห็นว่าตัวเองไม่อาจต่อกรกับฉันได้ หากเราจัดการประลองด้วยกันอีกรอบ!”คำพูดที่เด็ดขาดของเวสลีย์พิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าเขามั่นใจในตัวเองขนาดไหนเฟนด์เลิกคิ้ว เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเวสลีย์ แต่ต่อให้เขา
นอกจากนี้โนเอลยังรู้สึกว่าบรรยากาศตึงเครียดเกินไป และทั้งเฟนด์และเวสลีย์ก็เกือบจะมีเรื่องกันอยู่แล้วเขาชำเลืองมองที่เฟนด์ด้วยแววตาที่เป็นกังวลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยื่นมือไปดึงเสื้อผ้าของเฟนด์ในจุดซึ่งคนอื่นมองไม่เห็นอย่างลับ ๆ เพื่อเตือนให้เฟนด์สงบสติอารมณ์ตัวเองจากการถูกเวสลีย์ยั่วยุมุมปากของเฟนด์โค้งขึ้น เขารู้ว่าการดึงเสื้อผ้าที่โนเอลทำนั้นกำลังสื่อถึงอะไร… แต่เขากลับเพิกเฉย เวสลีย์ตัวสั่นด้วยความโกรธ ในขณะที่เขาจ้องมองที่เฟนด์อย่างไม่พอใจ เมื่อเทียบกับการแสดงออกที่โกรธเกรี้ยวของเวสลีย์ แล้วเฟนด์สงบเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะโต้เถียงกับเวสลีย์ด้วยคำพูดเผ็ดร้อน แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงเรียบเฉยเวสลีย์กัดฟันขณะที่เขาพูด “พี่ชายของฉันจะไม่มีวันปล่อยให้นายลอยนวลไปได้หรอก เขาจะฆ่านายแน่!”“นอกจากขู่แล้วนายยังทำอะไรได้อีก?”เฟนด์สวนกลับอย่างใจเย็นคำพูดเหล่านี้เป็นราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถูกยัดเข้าไปในคอของเวสลีย์ และมันทำให้เขารู้สึกว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับเฟนด์มีแต่จะทำให้โมโห สติสัมปชัญญะของเขาก็เกือบจะหายไปแล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับลูกปัดแก้วสีโลหิต และมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้ามาแล้วด้วยซ้ำ ใ
น้ำเสียงของเฟนด์สงบมากเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ ฟังดูเหมือนเขาแค่บอกบรู๊คว่าอยากจะกินหรือดื่มอะไรก็เท่านั้น แต่ในทุกคำที่เขาพูดได้แสดงถึงนิสัยใจคอของเขาออกมา บรู๊คจึงอดไม่ได้ที่จะมองเฟนด์ด้วยสายตามีความหมาย เขาไม่รู้จะโต้ตอบออกไปอย่างไรเฟนด์ไม่มีอารมณ์ที่จะมาใส่ใจความคิดเห็นของคนทั้งคู่ที่มีต่อเขาในขณะนี้ เขามุ่งความสนใจไปที่เวทีทรงวงกลมด้านหลังแทนผู้อาวุโสทั้งสิบเอ็ดคนนั่งลงแล้ว และเฟนด์ก็สังเกตกองกำลังหลักของตำหนักสองกษัตริย์อย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะมีศิษย์ในสำนักกี่คน แต่คนที่เป็นกำลังสนับสนุนหลักของตำหนักสองกษัตริย์อย่างแท้จริงก็ยังคงเป็นกลุ่มคนเหล่านี้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาชิกทั้งหมดคนที่นั่งตำแหน่งแรกคือผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง เขามองไปที่เหล่าศิษย์ด้านล่างเวทีด้วยสายตาที่อ่อนโยนและมีรอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของเขา ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งต่างจากผู้อาวุโสลำดับที่สองผู้ซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมในขณะที่มีสายตาที่ครุ่นคิด เขามองไปที่ศิษย์ที่อยู่ใต้แท่นอย่างเฉยเมยผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทุกคนต่างมีความพิเศษของตัวเอง แต่พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีนิสัยเอาแต่ใจ ในท้ายที่สุดเฟนด์เพ่งสายตาไปที่ผ