ลิ่วล้อของเวสลีย์อ้าปากค้างจนขากรรไกรล่างเกือบหลุด โดยเฉพาะชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมซึ่งในขณะนั้นกำลังตกตะลึง ปากของเขาเปิดกว้างเมื่อความไม่เชื่อเล่นหลายอยู่บนใบหน้าของเขาเขาไม่คาดคิดเลยว่าเฟนด์จะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยขณะที่เขาตวาดเหวออกมา “เป็นไปไม่ได้! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง! หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!”คนที่ต้องตกใจมากที่สุดในหมู่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็คือเวสลีย์ซึ่งยืนประจันหน้าเฟนด์อยู่ เวสลีย์กำดาบแน่นด้วยมือขวา ถ้าพวกเขาสังเกตดี ๆ พวกเขาจะสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงินที่มือขวาของเขาได้ มันเกิดขึ้นเพราะเขาใช้กำลังมากเกินไปแม้ว่าเวสลีย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความประหลาดใจและความไม่เชื่อในสายตาของเขา แต่เขาก็ทำเช่นนั้นไม่สำเร็จ เขาเขาถอนหายใจแรงดูเหมือนว่าเขาสูญเสียตัวเองไปกับความบ้าคลั่งที่เด่นชัดอยู่ในแววตาของเขา“ฉันไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้นายถึงทำตัวบ้าบิ่นขนาดนั้น ก็เพราะว่านายมีของดีอยู่กับตัวนี่เอง ถึงกระนั้นก็อย่าได้คิดว่าจะมาทำตัวอวดเบ่งใส่ฉันได้!” แม้ว่าเขาจะประหลาดใจที่เฟนด์แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ แต่เวสลีย์ก็ยังไม่คิดว
เฟนด์ชำเลืองมองดาวดวงเล็ก ๆ ที่หมุนไปมาอย่างดุเดือดบนดาบยาวขนาดสามฟุตของเวสลีย์ เฟนด์ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านแม้ว่าดวงดาวจะหมุนอย่างรวดเร็วและก่อตัวขึ้นราวกับน้ำวน เมื่อดวงดาวระเบิดและปลดปล่อยพลังออกมา คนธรรมดาจะไม่สามารถต้านทานพลังที่ท่วมท้นเช่นนั้นได้เขาอัญเชิญผนึกเวทย์อีกครั้งและสร้างดาบวิญญาณเล่มที่สองขึ้น ซึ่งสีของมันมืดมนกว่าดาบวิญญาณเล่มแรกมาก ในขณะนั้นเฟนด์สามารถควบคุมดาบวิญญาณได้อย่างมั่นคง ซึ่งเขาสามารถควบคุมดาบวิญญาณทั้งสองให้โจมตีได้อย่างอิสระหรือสามารถควบรวมมันเป็นหนึ่งเดียวได้เฟนด์หรี่ตาในขณะที่เขานำดาบวิญญาณใส่เข้าไปในกริชสีดำอีกครั้ง กริชสีดำปล่อยแสงสีเข้มออกมาอีก เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ กริชสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศยังปล่อยคลื่นหมอกสีดำอมเทาออกมาด้วย มันดูเย้ายวนใจอย่างประหลาดและดูเหมือนจะสามารถทำให้ใครก็ตามหลงเสน่ห์ได้แน่นอนว่าเวสลีย์เองก็สังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขานิ่งเงียบขณะคิ้วขมวดมุ่น เขาก้าวไปข้างหน้าในพร้อมกับโบกดาบออกไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาบรรลุถึงขีดสุดด้วยความเร็วขนาดนั้น คนธรรมดาคงมองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ในชั่วพริบตา ดาบก็พ
ทุกคนมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเฟนด์ร่ายเวทย์อีกครั้ง และกริชสีดำก็เปล่งประกายขึ้น เขาดันกริชไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี และกริชสีดำก็ทะลุผ่านแสงสีเงินไปในทันที มันเล็งตรงไปที่เวสลีย์ดวงตาของเวสลีย์เบิกกว้าง และแม้ว่าเขาจะลังเล แต่เขาก็ยังก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ กริชสีดำอยู่ห่างจากร่างของเวสลีย์เพียงสามฟุตในขณะที่เขายกดาบขึ้นอย่างเร่งรีบเพื่อสกัดกั้นการโจมตีเสียงกระทบกันระหว่างโลหะที่แหลมคมและดังก้องไปทั่วกริชสีดำปะทะกับดาบยาวสามฟุตอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้แสงสีดำไม่ได้ทำลายแสงดาบสีเงินลง แต่แสงสีดำกลับห่อหุ้มดาบยาวไว้ราวกับกำลังกลืนกินดาบเล่มนั้น!การแสดงออกของเวสลีย์บิดเบี้ยวอย่างอัปลักษณ์เมื่อได้เห็นภาพดังกล่าว และเขาใช้พละกำลังที่แท้จริงของเขาเพื่อสลายแสงสีดำที่หมุนวนขึ้นไปบนดาบราวกับเถาวัลย์ทันที แต่เขาโชคร้าย เวสลีย์ยังคงประเมินการโจมตีของเฟนด์ต่ำไปแม้ว่าเขาจะใช้พละกำลังที่แท้จริงของเขาในการทำลายแสงสีดำส่วนใหญ่ลงได้ แต่เสี้ยวหนึ่งของแสงสีเข้มก็พิชิตดาบของเขาและคืบคลานไปที่แขนของเขาเวสลีย์รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่มือของตัวเอง และรู้สึกราวกับมีมดกว่าหมื่นตัวมากัดแทะที่จิ
คราวนี้แม้แต่แอมโบรสก็พูดขึ้นว่า “ถูกต้อง! หัวใจของเราสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว นั่นมันอะไรกัน? มันทำให้เวสลีย์ซึ่งเป็นคนที่หวงแหนเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างที่สุดต้องคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด!”แม้ว่าเดลจะได้รับบาดเจ็บจากเวสลีย์และมีรอยดาบที่น่าอับอายประทับอยู่บนร่างกาย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะย่องไปที่อัฒจันทร์ผู้ชม เมื่อได้ข่าวว่าเฟนด์และเวสลีย์ประจันหน้ากันอยู่ที่สนามประลอง เขาก็เมินเฉยต่อบาดแผลของตัวเอง แม้ว่าเขาควรจะต้องดูแลบาดแผลบนร่างกายให้ดีก็ตาม เขารีบมาชมการต่อสู้ของคนทั้งคู่ซึ่งดูเหมือนทั้งสองคนจะสูสีกัน เดลนั่งลงในจุดที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็นเขาไม่แยแสต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากการถูกฟันบนร่างกายของเขา ซึ่งเป็นความเจ็บปวดที่กระทบกับจิตใจของเขาหากการต่อสู้ดำเนินต่อไปเช่นนี้ เวสลีย์อาจพ่ายแพ้ให้กับเฟนด์อย่างแท้จริง หากเฟนด์สามารถทำเช่นนั้นได้ สิ่งนี้จะทำให้ทั้งตำหนักสองกษัตริย์สั่นคลอนอย่างไม่ต้องสงสัยอย่างไรเสียเฟนด์ก็รับคำท้าแม้จะอยู่คนละระดับกัน และเขาก็เพิ่งเข้ามาในตำหนักด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เวสลีย์เพราะถ
“ใครจะคิดว่ามีศิษย์ที่เก่งกาจในหมู่ศิษย์ชุดใหม่ที่เข้ามาได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ? พรสวรรค์ของเฟนด์เทียบได้กับศิษย์พี่ดันแคนเชียวนะ!”สำหรับหลาย ๆ คน ดันแคนเป็นเหมือนเพดานที่สูงเกินเอื้อม ไม่เพียงแต่เขาจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่พรสวรรค์ของเขายังน่าประทับใจจนคนอื่น ๆ เกือบลืมหายใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา หลายคนบูชาดันแคนไม่ต่างจากต้นแบบในการดำเนินชีวิตของพวกเขาถือเป็นการยอมรับอย่างสูงสำหรับพวกเขาในการเปรียบเทียบเฟนด์กับดันแคนทุกการโต้เถียงและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้ชมล้วนไปถึงหูของเวสลีย์ สัมผัสทางการได้ยินของเขาเฉียบคม ยิ่งเหล่าศิษย์ภายนอกพูดต่อกันไปมากเท่าไหร่ สีหน้าของเวสลีย์ก็ยิ่งมืดมนขึ้นเท่านั้น ในขณะนี้ มันเหมือนกับว่าเขาเผลอกินของขมไปหลายชิ้น สีหน้าของเขาค่อย ๆ ซีดลงอย่างน่าสยดสยองมือขวาของเขาจับดาบยาวสามฟุต แม้ว่ามือจะสั่นเทาก็ตาม เขาจ้องมองไปที่เฟนด์ด้วยนัยตาคมกริบ และสีหน้าท่าทางของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาอยากที่จะกัดทึ้งเฟนด์เพื่อระบายความเกลียดชังของตัวเองมากแค่ไหน หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เฟนด์คงตายไปแล้วหลายหมื่นครั้ง“ที่ผ่านมานายคงภูมิใจในตัวเองมากสินะ? แ
ริมฝีปากของเฟนด์กระตุกเมื่อได้ยินคำพูดที่อาจหาญของเวสลีย์ ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำอะไรเวสลีย์ก็ชอบโอ้อวดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาอย่างภาคภูมิ สำหรับเวสลีย์แล้ว ไม่ใช่พลังอันแข็งแกร่งของเฟนด์ที่บีบให้เขาทำสิ่งนี้ ตรงกันข้าม เฟนด์ควรรู้สึกเป็นเกียรติที่เขาทำเช่นนั้นแต่เฟนด์ตกตะลึงไปเพียงครู่หนึ่ง และเขาก็รู้สึกอยากจะหัวเราะกับคำพูดของเวสลีย์ แต่เขาไม่ต้องการเสียเวลากับเวสลีย์ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หลังจากที่ดาวดวงที่สามก่อตัวขึ้น ดาวทั้งสามดวงก็ดึงดูดและควบคุมซึ่งกันและกัน พวกมันยังคงหมุนอย่างรวดเร็วบนดาบยาวสามฟุตและกระตุ้นพลังงานโดยรอบให้กลายเป็นพายุทอร์นาโดขนาดย่อมดวงตาของทุกคนเบิกกว้างเมื่อได้เห็นภาพนั้น พวกเขาหลายคนกำลังชั่งใจอยู่ว่าเวสลีย์จะสามารถแข่งขันกับศิษย์ภายนอกร้อยอันดับแรกหรือแม้แต่แปดสิบอันดับแรกได้หรือไม่ เมื่อเขาแสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้!“ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่นี่ในวันนี้จะไม่เสียเปล่า ฉันได้เห็นการต่อสู้ที่น่าสนใจเช่นนี้ ไม่เคยคิดว่าเวสลีย์ซ่อนให้ตายเอาไว้ในระหว่างการต่อสู้กับเดลก่อนหน้านี้ นี่คือพลังที่แท้จริงของเขา!”"ใช่แล้ว! อันที่จริงฉันมาที่
วินาทีต่อมา ดาบยาวสามฟุตได้ดูดซับเลือดของเวสลีย์ไปอย่างรวดเร็ว ดาวสามดวงหมุนรอบดาบสามฟุตอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกับที่ความเร็วก็เพิ่มขึ้นด้วยเฟนด์แน่ใจว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ยามหลังชนฝาของเวสลีย์ ในขณะนี้ใบหน้าของเฟนด์ดูเคร่งขรึมและเขารู้สึกไม่สบายใจอยู่หน่อย ๆ แต่ต่อให้ลังเลแค่ไหนเขาก็ไม่อาจถอยหนีได้ด้วยเหตุนี้ เขาจึงร่ายเวทด้วยมือของเขาอย่างต่อเนื่อง และแสงสีดำก็ถูกฉีดเข้าไปในกริชอีกครั้งกริชเหมือนก่อนหน้านี้ปล่อยแสงสีดำออกมา และดาบวิญญาณดวงที่สามก็หลอมรวมเข้ากับกริชสีดำ เพื่อความปลอดภัยเฟนด์ตัดสินใจและเพิ่มพลังที่แท้จริงของเขาลงไปด้วย แม้ว่าเขาจะสามารถรวมดาบวิญญาณสองเล่มเข้ากับความสามารถปัจจุบันของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่การที่จะรวมดาบวิญญาณทั้งสามเข้าด้วยกันในครั้งเดียวก็ยังถือเป็นเรื่องยากสำหรับเฟนด์แต่เขาไม่มีเวลาไปสนใจข้อด้อยนั้นเขาต้องบังคับตัวเองให้หลอมรวมดาบเข้าด้วยกัน แม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะทำไม่ได้ก็ตาม มือของเขาหมุนอย่างต่อเนื่องและเร็วขึ้น ผนึกอักษรรูนปรากฏขึ้นในมือของเขาราวกับผีพุ่งใต้ เฟนด์รู้สึกได้ถึงคลื่นของความเจ็บปวดที่เสียดแทงอยู่ในจิตวิญญาณของเขา มันบ่งบอกว
ผู้ชมได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นที่คุ้นเคย ขณะที่ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากศูนย์กลางคลื่นพลัง ร่างนั้นกระแทกกับเกราะกำบังที่ถูกอัญเชิญไว้ที่ลานประลองพร้อมกับเสียงครวญครางเจ้าของร่างนั้นคือเวสลีย์ และเกราะป้องกันก็ช่วยหยุดเขาไม่ให้กระเด็นออกจากสนามประลองไปเวสลีย์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยหยิ่งยโสอย่างที่สุด กลับถูกทำให้อยู่ในสภาพน่าสมเพชไปเสียได้ เขาดูคล้ายกับคนที่จมอยู่ในโคลน เขาเลื่อนลงมาตามกำแพงพลังงานและตกลงบนพื้นด้วยเสียงอันดัง ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ในขณะที่เวสลีย์ร่วงลงกับพื้นโดยที่แขนขาทั้งสี่ข้างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นจนไม่เป็นชิ้นดีแสงทมิฬปกคลุมเวสลีย์ไว้ราวกับหมอก มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเขาขณะที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ในการโจมตีก่อนหน้านี้ทักษะชุมนุมเจ็ดดาวตกของเวสลีย์เทียบไม่ได้กับทักษะทลายห้วงสุญญะเลยแม้แต่น้อย หลังจากทักษะทลายห้วงสุญญะซึ่งก่อตัวขึ้นด้วยดาบวิญญาณสามเล่มสามารถเอาชนะทักษะชุมนุมเจ็ดดาวตกได้ พลังที่เหลืออยู่ก็เข้าโจมตีเวสลีย์ทันทียิ่งไปกว่านั้นทักษะทลายห้วงสุญญก็ะเป็นการโจมตีทางวิญญาณอีกด้วยราวกับว่าการที่เขาถูกโจมตีโดยไม่ทันคาดคิดน