“แม้แต่พวกเราที่เข้าร่วมตำหนักสองกษัตริย์ในรอบปกติก็ไม่กล้าอ้างตัวเองว่าสามารถเป็นหนึ่งในศิษย์ภายนอกสองร้อยคนแรกได้ภายในหกเดือน”หลังจากที่ชายผู้มีตาสามเหลี่ยมพูด ผู้ติดตามทั้งสองก็พูดพร้อมกันทันทีว่า “ใช่แล้ว! นายมันก็แค่คนโง่ที่ดีแต่คุยโว นายมันทำไม่ได้อย่างที่พูดหรอก โล่มนุษย์อย่างพวกนายมีสิทธิ์อะไรเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับศิษย์พี่เวสลีย์? ฉันจะบอกนายให้นะ ศึกระหว่างตำหนักกำลังจะเกิดขึ้นและเราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราจะรอดชีวิตไปได้หรือเปล่า ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าใครให้ท้ายพวกนายในการคุยโวแบบนี้”ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมเย้ยหยันอย่างเย็นชาและมองไปที่ศิษย์ภายนอกที่เพิ่งได้รับคัดเลือกด้วยสายตารังเกียจ “หนุ่มน้อย อย่าแม้แต่จะพูดถึงการแข่งกับศิษย์พี่เวสลีย์เลย ฉันจะให้เวลานายหกเดือนก่อนที่นายจะต่อสู้กับศิษย์น้องของฉันในสนามประลองเดิมพันถึงตอนนั้นนายคงไม่อาจแม้แต่จะรับมือกับเขาได้ถึงห้ากระบวนท่าด้วยซ้ำ ต่อให้เราจะให้โอกาสนายโจมตีล่วงหน้าสามกระบวนท่าก็ตาม”เหล่าศิษย์ภายนอกที่ได้รับคัดเลือกใหม่ใบหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่ไม่มีใครกล้าตอบโต้อะไร แม้แต่ศิษย์ภายนอ
คำพูดของเฟนด์ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหมู่ศิษย์ภายนอก บรรดาผู้ที่แต่เดิมได้แต่สงบปากสงบคำรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นในทันที"จริงด้วย! พวกนายรู้สึกภูมิใจที่ทำให้พวกเราอับอายได้อย่างนั้นเหรอ? ต่อให้นายจะเป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นหนึ่งในสองร้อยอันดับแรกของศิษย์ภายนอก แต่เราเพิ่งเข้าร่วมตำหนัก ศิษย์ศิษย์พี่ที่เข้าร่วมตำหนักมานานกว่าพวกนายเคยทำให้พวกนายขายหน้าตอนที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของตำหนักหรือไง?”"ใช่แล้ว! พวกนายก็ทำได้แค่แกล้งพวกเราเท่านั้นแหละ!”เวสลีย์โกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาเย้ยหยันและเชิดหน้าอย่างหยิ่งยโส “อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพวกนาย พวกนายคิดว่าตัวเองมีค่าพอหรือไง? พวกนายก็เป็นแค่ของลดราคาตอนเปลี่ยนฤดูก็เท่านั้นแหละ หากไม่มีเรื่องศึกระหว่างเผ่าปฐมหายนะและตำหนักสองกษัตริย์ คิดว่าคนอย่างพวกนายจะมีโอกาสเข้าร่วมตำหนักสองกษัตริย์รึไง!”จากนั้นเวสลีย์ก็หันหน้าไปทางเฟนด์และความเกลียดชังในดวงตาตรงไปที่เฟนด์ราวกับดาบอาบยาพิษ แต่ก็ดูเหมือนว่าเฟนด์จะไม่ได้รับผลกระทบการจ้องมองเวสลีย์ เขายังคงสงบนิ่งจู่ ๆ เวสลีย์ชี้ไปที่ห้องด้านหลังของเฟนด์ “นายไม่คู่ควรที่จะได้เป็นเจ้าของห้
เมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายใช้ความกล้าหาญในทางที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เฟนด์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา คำท้าทายเช่นนี้อาจได้ผลกับผู้อื่น แต่ไม่ใช่กับเฟนด์ศิษย์ภายนอกที่ได้รับคัดเลือกใหม่คนอื่น ๆ รู้สึกมีชีวิตชีวา หลังจากได้ยินสิ่งนี้และมองไปที่เฟนด์อย่างตื่นเต้นเนื่องจากพวกเขาต้องการให้เฟนด์รับคำท้า ในสายตาของพวกเขาแล้วเฟนด์สามารถต่อสู้กับเวสลีย์ได้เมื่อพอเดาได้ว่าเฟนด์จะไม่ตอบรับการเดิมพันเนื่องจากเห็นแล้วว่าเฟนด์นิ่งเฉย เวสลีย์จึงกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “นายเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ที่ได้รับคัดเลือกใหม่ ถ้านายกลัว คิดว่าคนอื่นจะคิดต่อไปคนอื่นจะคิดยังไงกับนาย”เฟนด์พูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับฉัน นายอยากสู้กับฉันในสนามประลองเดิมพันไม่ใช่หรือ? ฉันจะทำให้นายสมความปรารถนา แต่ฉันไม่ได้รับคำท้าเพราะสิ่งที่นายพูด ฉันแค่รู้สึกว่านายสมควรได้รับบทเรียน”รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเวสลีย์ทันทีที่เฟนด์ตอบตกลง เพียงแต่ประโยคสุดท้ายที่เฟนด์พูดนั้นเหมือนกับการตบหน้าเขาอย่างแรง และสีหน้าดีใจของเขาก็หายไปทันทีเวสลีย์กัดฟันจ้องมองเฟนด์ เขาอยากจะเอ่ยปากดุด่าอีกฝ่ายให้ดังสนั่นห
เนื่องจากพวกเขาไม่มีกำลังพอที่จะเอาชนะเวสลีย์ได้ พวกเขาจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้เฟนด์ล้างแค้นให้พวกเขา ข่าวการปะทะกันของเฟนด์และเวสลีย์ในสนามประลองเดิมพันแพร่กระจายไปราวกับติดปีก ศิษย์ภายนอกทั้งหมดรับรู้ถึงข่าวคราวนี้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงดังนั้น ทุกคนจึงได้แต่เฝ้ารอให้เวลานั้นมาถึง พวกเขาต่างคาดหวังถึงการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องของตัวเอง เฟนด์ขอให้แนชออกมาอีกครั้งและให้คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น“พ่อรู้ว่าลูกมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาโดยตลอด แต่การสู้กับเวสลีย์มันไม่ง่ายเลย” แนชกลุ้มใจ “แม้ว่าศิษย์อาวุโสลีจะยกย่องว่าลูกน่าจะเป็นหนึ่งในสามร้อยอันดับแรกของศิษย์ภายนอก แต่เวสลีย์เป็นถึงหนึ่งในสองร้อยอันดับแรกเชียวนะ ลูกมั่นใจหรือว่าจะสู้กับเขาได้”เฟนด์ส่ายหน้า “ตอนนี้ผมไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์”ไม่แปลกเลยที่แนชจะรู้สึกกังวลเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และเขาก็นั่งยืดตัวตามสัญชาตญาณ “แล้วทำไมถึงรับคำท้าล่ะ?”เฟนด์ยกกาน้ำชาบนโต๊ะมารินชาสองถ้วยสำหรับตัวเขาและพ่อ “หมายถึงว่าตอนนี้ผมไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าผมจะไม่ม
เฟนด์มองไปที่บรู๊คด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขารู้สึกได้ว่าคำพูดของบรู๊คกำลังสื่อไปอีกอย่าง และเฟนด์ขมวดคิ้วเล็กน้อยถามว่า “เขาจะกลายเป็นศิษย์อาวุโสหลังจากเพิ่งขึ้นเป็นศิษย์ภายในเนี่ยนะ?”ขั้นตอนในการเป็นศิษย์ภายในมีการระบุไว้ในป้ายหยกประจำตัว แต่วิธีการเป็นขึ้นเป็นศิษย์อาวุโสหรือศิษย์ที่ถูกเลือกกลับไม่มีอยู่ในนั้น เฟนด์รู้ว่าศิษย์อาวุโสนั้นมีตำแหน่งสูงกว่าศิษย์ภายในหนึ่งระดับ แต่ก็ไม่ได้มีตำแหน่งที่สูงไปกว่ากันมากนักศิษย์ที่สำคัญที่สุดจากทั้งตำหนักคือศิษย์ที่ถูกเลือก เนื่องจากเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตำหนัก เฉพาะผู้ที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับศิษย์ที่ถูกเลือกเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธในระดับสูงสุดได้แต่กระนั้นเฟนด์ไม่รู้ว่าจะก้าวขึ้นเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกได้อย่างไรบรู๊คยิ้มอย่างสุภาพ เขาต้องตระหนักว่าเฟนด์ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงอธิบายด้วยความอดทนอดกลั้นว่า “อันที่จริง เราจะได้ชื่อว่าเป็นศิษย์อาวุโสก็ต่อเมื่อศิษย์อาวุโสภายนอกและศิษย์อาวุโสภายในทั้งหลายเลือกศิษย์ในหมู่ศิษย์ภายในให้เป็นศิษย์ที่ถูกเลือกของพวกเขา ศิษย์พี่เวสลีย์ม
หลังจากดูดซับชิ้นส่วนวิญญาณของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เข้าไป เฟนด์ก็ได้สัมผัสกับโลกที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น แม้ว่าเมื่อเทียบกับทวีปแคทธีเซียแล้ว ทวีปเฮสเทียจะแข็งแกร่งกว่ามากในแง่ของการบ่มเพาะตัวเอง แต่ที่นี่ก็ยังเทียบไม่ได้กับดินแดนเทพสาบสูญ ตำแหน่งศิษย์ที่ถูกเลือกเป็นเพียงตำแหน่งในตำหนักเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะเวสต์ เซอร์ซีของทวีปเฮสเทีย เฟนด์ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ บรู๊คเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฟนด์ก่อนที่เขาจะแอบส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้เขามองออกได้เลยว่าเฟนด์มุ่งมั่นที่จะเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกถึงขนาดไหน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามีปฏิสัมพันธ์กับศิษย์ของตำหนักมาจำนวนนับไม่ถ้วน และเขาเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้จะคนเหล่านั้นมาก่อนแล้วแต่ความมุ่งมั่นจะได้คว้าชัยชนะจะหมดไปภายในปีหรือสองปี การจะไปถึงตำแหน่งนั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากศิษย์ที่ถูกเลือกคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักเพียงสิบคนเท่านั้นแม้ว่าตำหนักสองกษัตริย์จะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมายในทวีปเฮสเทีย แต่ตำหนักนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำหนักชั้นนำในเกาะเวสต์ เซอร์ซี ตำหนักนี้ได้ทำการคัดเลือกอัจฉริยะจากเกาะเวสต์ เซอร์ซีมามากมายและนี่คือค่ายฝึก
เมื่อเฟนด์เปิดประตูเพื่อเข้าไปในหอเขาก็ไม่รู้ว่าจิตใจของเขาตื่นตระหนกไปเองหรือว่าเขารู้สึกเช่นนี้ได้จริง ๆ กันแน่ เขารู้สึกถึงคลื่นลมที่พัดเข้าหาร่างของเขาและถ้ารวมพาร่างกายของเขาก่อนพุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ นั่นทำให้เขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมากหอนี้มีการตกแต่งที่เรียบง่ายอย่างที่สุด และมีประตูเล็ก ๆ หลายบานที่ด้านหลังโถงซึ่งสูงเท่ากับความสูงของผู้ชายคนหนึ่ง ประตูเหล่านี้มีเอกลักษณ์และเครื่องหมายต่าง ๆ สลักไว้มากมาย และเพียงแค่เหลือบมองเครื่องหมายเหล่านี้ เฟนด์ก็รู้สึกว่าตาของเขาเจ็บมากจนไม่สามารถมองมันได้ที่หน้าประตูเหล่านี้มีโต๊ะวางอยู่ และมีศิษย์คนหนึ่งกำลังงีบหลับอยู่หลังโต๊ะด้วย เฟนด์รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นศิษย์ภายนอก เมื่อดูจากการแต่งตัวของเขา แต่เฟนด์จำเขาไม่ได้ นอกจากนี้เขายังรู้ว่าการมอบหมายงานดังกล่าวนี้จะไม่ถูกมอบให้กับศิษย์ภายนอกที่เพิ่งได้รับคัดเลือก ชายคนนี้ต้องเป็นศิษย์ภายนอกซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเขา ชายคนดังกล่าวใช้มือช้อนใบหน้าตัวเองเอาไว้ ท่าทางเขาดูง่วงงุนจนหนังตาตก เมื่อเทียบกับพื้นที่ฝึกฝนอื่น ๆ ที่หอเจตสิกมีคนแวะเวียนมานี่ไม่มากนัก เพราะมีไม่กี่คนที่ฝึกฝนทักษะศิลปยุท
“อย่าพูดแบบนั้นกับฉันสิ ฉันมีเหตุผลที่ต้องพูดกับนายแบบนั้น ทักษะศิลปยุทธหรือทักษะยุทธที่อยู่ในธาตุวิญญาณถือเป็นการฝึกที่ยากกว่าทักษะในธาตุอื่น ถ้านายฝึกทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธจากทักษะทางธาตุทั้งห้า ฉันคงไม่ถามอะไรแบบนี้กับนายหรอก คิดซะว่าฉันอยากจะเปลี่ยนใจนายก็แล้วกัน แม้แต่อัจฉริยะในตำหนักก็ยังไม่อ่านฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทางธาตุวิญญาณได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์ภายนอกที่ได้รับคัดเลือกใหม่อย่างนาย”โนเอลไม่ได้พูดเกินจริง ในบรรดาทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทั้งหมด ทักษะทางธาตุทั้งห้านั้นเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ง่ายที่สุดแม้ว่าพลังที่ปลดปล่อยออกมาหลังจากที่พวกเขาบรรลุถึงระดับสำเร็จจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธของสายอื่น ๆ แต่การฝึกฝนทักษะทางธาตุเหล่านั้นย่อมง่ายกว่า และความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จก็สูงกว่ามากเช่นกันโนเอลขยี้ตาแดง ๆ ของเขาเล็กน้อยแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทีสบาย ๆ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธด้วยธาตุวิญญาณสำเร็จมีเพียงเหล่าศิษย์ภายในที่มีความสามารถสูงอย่างยิ่งเท่านั้น แม้แต่ศิษย์ที่ถูกเลือกก็ไม