หลังจากดูดซับชิ้นส่วนวิญญาณของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เข้าไป เฟนด์ก็ได้สัมผัสกับโลกที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น แม้ว่าเมื่อเทียบกับทวีปแคทธีเซียแล้ว ทวีปเฮสเทียจะแข็งแกร่งกว่ามากในแง่ของการบ่มเพาะตัวเอง แต่ที่นี่ก็ยังเทียบไม่ได้กับดินแดนเทพสาบสูญ ตำแหน่งศิษย์ที่ถูกเลือกเป็นเพียงตำแหน่งในตำหนักเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะเวสต์ เซอร์ซีของทวีปเฮสเทีย เฟนด์ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ บรู๊คเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฟนด์ก่อนที่เขาจะแอบส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้เขามองออกได้เลยว่าเฟนด์มุ่งมั่นที่จะเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกถึงขนาดไหน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามีปฏิสัมพันธ์กับศิษย์ของตำหนักมาจำนวนนับไม่ถ้วน และเขาเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้จะคนเหล่านั้นมาก่อนแล้วแต่ความมุ่งมั่นจะได้คว้าชัยชนะจะหมดไปภายในปีหรือสองปี การจะไปถึงตำแหน่งนั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากศิษย์ที่ถูกเลือกคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักเพียงสิบคนเท่านั้นแม้ว่าตำหนักสองกษัตริย์จะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมายในทวีปเฮสเทีย แต่ตำหนักนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำหนักชั้นนำในเกาะเวสต์ เซอร์ซี ตำหนักนี้ได้ทำการคัดเลือกอัจฉริยะจากเกาะเวสต์ เซอร์ซีมามากมายและนี่คือค่ายฝึก
เมื่อเฟนด์เปิดประตูเพื่อเข้าไปในหอเขาก็ไม่รู้ว่าจิตใจของเขาตื่นตระหนกไปเองหรือว่าเขารู้สึกเช่นนี้ได้จริง ๆ กันแน่ เขารู้สึกถึงคลื่นลมที่พัดเข้าหาร่างของเขาและถ้ารวมพาร่างกายของเขาก่อนพุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ นั่นทำให้เขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมากหอนี้มีการตกแต่งที่เรียบง่ายอย่างที่สุด และมีประตูเล็ก ๆ หลายบานที่ด้านหลังโถงซึ่งสูงเท่ากับความสูงของผู้ชายคนหนึ่ง ประตูเหล่านี้มีเอกลักษณ์และเครื่องหมายต่าง ๆ สลักไว้มากมาย และเพียงแค่เหลือบมองเครื่องหมายเหล่านี้ เฟนด์ก็รู้สึกว่าตาของเขาเจ็บมากจนไม่สามารถมองมันได้ที่หน้าประตูเหล่านี้มีโต๊ะวางอยู่ และมีศิษย์คนหนึ่งกำลังงีบหลับอยู่หลังโต๊ะด้วย เฟนด์รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นศิษย์ภายนอก เมื่อดูจากการแต่งตัวของเขา แต่เฟนด์จำเขาไม่ได้ นอกจากนี้เขายังรู้ว่าการมอบหมายงานดังกล่าวนี้จะไม่ถูกมอบให้กับศิษย์ภายนอกที่เพิ่งได้รับคัดเลือก ชายคนนี้ต้องเป็นศิษย์ภายนอกซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเขา ชายคนดังกล่าวใช้มือช้อนใบหน้าตัวเองเอาไว้ ท่าทางเขาดูง่วงงุนจนหนังตาตก เมื่อเทียบกับพื้นที่ฝึกฝนอื่น ๆ ที่หอเจตสิกมีคนแวะเวียนมานี่ไม่มากนัก เพราะมีไม่กี่คนที่ฝึกฝนทักษะศิลปยุท
“อย่าพูดแบบนั้นกับฉันสิ ฉันมีเหตุผลที่ต้องพูดกับนายแบบนั้น ทักษะศิลปยุทธหรือทักษะยุทธที่อยู่ในธาตุวิญญาณถือเป็นการฝึกที่ยากกว่าทักษะในธาตุอื่น ถ้านายฝึกทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธจากทักษะทางธาตุทั้งห้า ฉันคงไม่ถามอะไรแบบนี้กับนายหรอก คิดซะว่าฉันอยากจะเปลี่ยนใจนายก็แล้วกัน แม้แต่อัจฉริยะในตำหนักก็ยังไม่อ่านฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทางธาตุวิญญาณได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์ภายนอกที่ได้รับคัดเลือกใหม่อย่างนาย”โนเอลไม่ได้พูดเกินจริง ในบรรดาทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทั้งหมด ทักษะทางธาตุทั้งห้านั้นเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ง่ายที่สุดแม้ว่าพลังที่ปลดปล่อยออกมาหลังจากที่พวกเขาบรรลุถึงระดับสำเร็จจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธของสายอื่น ๆ แต่การฝึกฝนทักษะทางธาตุเหล่านั้นย่อมง่ายกว่า และความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จก็สูงกว่ามากเช่นกันโนเอลขยี้ตาแดง ๆ ของเขาเล็กน้อยแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทีสบาย ๆ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธด้วยธาตุวิญญาณสำเร็จมีเพียงเหล่าศิษย์ภายในที่มีความสามารถสูงอย่างยิ่งเท่านั้น แม้แต่ศิษย์ที่ถูกเลือกก็ไม
“เลิกคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าคนอื่น มีหลายคนที่คิดแบบที่นายคิด แต่พวกเขาก็เป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลังเห็นว่านั่นเป็นความคิดที่เพ้อฝันแค่ไหน” โนเอลไม่ได้เตือนเฟนด์ เขากำลังเหน็บแนมเฟนด์ที่ประเมินตัวเองสูงเกินไป อย่างที่เขาพูด ในตำหนักมีศิษย์มากมาย แต่มีคนจำนวนหยิบมือเท่านั้นที่ฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธของธาตุวิญญาณเหนือสิ่งอื่นใด วิญญาณเป็นสิ่งลวงตา และไม่ใช่สิ่งที่แตะต้องได้เหมือนธาตุทั้งห้า ศิษย์อาวุโสจำนวนมากได้ฝึกฝนธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน และสิ่งเหล่านั้นก็มีหลักฐานให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอันเฟนด์ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร นั่นทำให้โนเอลหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่แยแสและพูดต่อ “ในเมื่อนายยืนยันที่จะเข้าไปและเสียคะแนนสะสมทั้งสิบคะแนนไป ฉันก็หมดคำจะพูดแล้ว”โนเอลไม่เชื่อว่าเฟนด์จะสามารถเร่งการพัฒนาทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธของเขาหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องโถงได้ สำหรับโนเอลมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หากเฟนด์ทะลวงเข้าสู่ขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดเรื่องนั้นอาจเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่เมื่อพิจารณาถึงระดับพลังยุทธของเฟนด์แล้ว เขาก็ได้รู้ว่าเฟนด์เพิ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นแรกระดับแรกกำเนิดเท
โนเอลเริ่มโกรธมากขึ้นในขณะที่เขาพูด เขาอดแทบไม่ได้ที่จะพุ่งไปข้างหน้าเพื่อตบเฟนด์เข้าที่ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขาสักทีเพื่อให้เขาตื่นจากฝันกลางวัน เขาจะไม่เสียเวลามาพูดกับเฟนด์เลยหากเขาจะไม่ต้องถูกลากไปเอี่ยวด้วยหากวิญญาณของเฟนด์ได้รับบาดเจ็บ“นายรู้ตัวไหมว่านายกำลังพูดอะไรออกมา? เลือกระดับความยากเป็นระดับสอง และฉันมั่นใจว่านายคงทนได้ไม่กี่อึดใจหรอก และหลังจากฉันหายใจแค่ไม่กี่ครั้งนายก็จะวิ่งหางจุกก้นออกมา” โนเอลมองไปยังเฟนด์ด้วยสายตาที่กำลังมองคนโง่แสนดื้อรั้น เฟนด์ถอนหายใจเบา ๆ โดยรู้ดีว่าการกระทำของเขาต้องทำให้เขาดูโง่เง่าในสายตาของคนอย่างโนเอลเป็นแน่แต่เขาทำสิ่งนี้เพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลา เพราะความยากตามปกติจะไม่ได้ช่วยพัฒนาทักษะยุทธที่ระดับทลายห้วงสุญญะ ในความเป็นจริง เขาขอให้โนเอลปรับระดับความยากเป็นระดับสอง เพราะเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้มีประโยชน์กับเขาหรือไม่ภายใต้ความยากเช่นนี้เฟนด์พูดอย่างอับจนหนทาง “ก็ไม่ต้องกังวลหรอก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผมตอนที่ผมอยู่ข้างใน ผมจะบอกพวกผู้ใหญ่หรือผู้ดูแลว่าผมทำเรื่องพวกนี้ด้วยความตั้งใจของผมเอง โดยที่ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมจะตรวจสอบให้แน่ใจว่า
ภายในโลกที่มืดสนิท ซึ่งทำเอาหัวใจของคนคนหนึ่งกระเซ็นซ่าน ทุกสิ่งรอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยความมืด เฟนด์ยื่นมือออกไปและคลำไปรอบ ๆ ตัวตามสัญชาตญาณ แต่รอบตัวเขากลับมีเพียงความว่างเปล่า ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกเดินได้ลำบากพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นแตกต่างจากพื้นที่ภายนอกอย่างสิ้นเชิง และความมืดของที่นี่ไม่อาจเทียบได้กับความมืดของด้านนอก ถ้าเขาเปรียบเทียบพื้นที่ภายนอกเหมือนน้ำพุใสในบ่อหิน พื้นที่นี้ก็เหมือนกับโจ๊กที่ปรุงสุกแล้วเพราะบรรยากาศหนาแน่นจนบรรยายไม่ถูกเขากำมือทั้งสองข้างเป็นกำปั้น และดูเหมือนว่าเขาจะไขว่คว้าพื้นที่รอบตัวเขาไว้ในมือได้ นี่คือพื้นที่ส่วนกลางของหอเจตสิกไม่ผิดแน่ และยังเป็นสถานที่ที่สามารถช่วยเขาปรับปรุงทักษะยุทธได้อันที่จริง จากสิ่งที่โนเอลบอกเขาสามารถรับรู้ได้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะฝึกฝนตัวเองที่นี่ แต่เขาไม่ถอยหนีและเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว ขณะที่เขากำลังจะเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง เสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่านยอดไม้ทำให้เขาตกใจโดยไม่รู้ตัวหลังจากนั้นก็มีลมอีกระลอกหนึ่งพัดมาทางเขา ลมกระโชกแรงนี้แตกต่างจากลมปกติภายนอก มันพัดตรงเข้าหาเฟนด์โดยไม่สนว่าน่าจะเป็นผิวหนังหรือ
คลื่นกระแทกวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นจากวิญญาณที่อัดตัวกันแน่นยังคงพุ่งเข้าหาวิญญาณของเฟนด์ แม้ว่าการเรียกใช้ทักษะทลายห้วงสุญญะโดยเฟนด์จะทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากคลื่นกระแทกวิญญาณเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่รอดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ คลื่นกระแทกวิญญาณพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง และทำให้วิญญาณของเฟนด์รู้สึกถึงคลื่นความเจ็บปวดที่เสียดแทงแต่เรื่องนี้ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเฟนด์ อันที่จริง เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะในที่สุดเขาก็พบเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อาจสร้างดาบวิญญาณเล่นที่สองได้ ในอดีต จิตวิญญาณของเฟนด์นั้นมั่นคงมาก และหากไม่ได้รับการกระตุ้นเขาก็จะไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างที่โนเอลพูดเอาไว้ วิญญาณเป็นสิ่งลวงตา หากปราศจากสารกระตุ้นพิเศษ เฟนด์ก็สามารถสัมผัสถึงวิญญาณได้ แต่ไม่อาจสัมผัสกับอะไรได้มากมายนัก อย่างไรก็ตาม คลื่นกระแทกวิญญาณเหล่านี้ยังคงพุ่งเข้าหาวิญญาณของเฟนด์มันก่อให้เกิดผลกระทบบอกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เฟนด์ยังใช้โอกาสนี้ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณของตัวเองอีกด้วยการสร้างดาบวิญญาณนั้นต้องการการเคลื่อนไหวของวิญญาณและการเคลื่อนไหวของวิญญาณของทุกคนก็แตกต่างกัน นี่คือสาเหตุท
โนเอลกำลังศึกษาเรื่องอาชีพเสริม หลังจากที่เขาล้มเหลวในการพัฒนาทักษะของตัวเองหรือเปล่า?เซนชี้ไปที่ประตูเรียงเนตรแล้วถามว่า “ศิษย์พี่โนเอล คุณวางแผนที่จะศึกษาเรื่องกลไกของประตูหรือ?”มุมปากของโนเอลกระตุกก่อนที่เขาจะหันไปกลอกตาใส่เซน เขาเม้มริมฝีปากไม่อยากจะพูดกับอีกฝ่ายแต่เขาไม่อาจห้ามไม่ให้ตัวเองพูดได้ ในตอนนี้ความคิดหนึ่งกำลังวนเวียนอยู่ในใจของเขาตลอดเวลาเขาถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเหลือเชื่อว่า “เมื่อครู่เพิ่งมีคนเข้าไปในนั้น”เซนซึ่งยังไม่เข้าใจในความหมายแฝงของคำตอบจากปากโนเอลยังคงงงงวย การที่มีคนเข้ามาที่นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หอเจตสิกแห่งนี้มีไว้สำหรับฝึกฝนไม่ใช่หรืออย่างไร?เขามองไปที่โนเอลและถามอย่างฉงนสนเท่ห์ว่า “การจะมีใครสักคนเข้าไปฝึกข้างในก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง? ทำไมคุณมายืนจับจ้องอยู่ที่นี่? คนที่อยู่ข้างในเป็นคนพิเศษหรือเปล่า? เขาเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกซึ่งแข็งแกร่งอย่างยิ่งงั้นหรือ?”นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่เซนคิดได้ เพราะคนที่สามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธของธาตุวิญญาณได้นั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดา มีเพียงศิษย์ภายในหรือสิทธิ์ผู้ถูกเลือกท