มอร์ตันหุบพัดลง “ฉันมีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะนาย? นั่นก็เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็แข็งแกร่งกว่านาย นั่นทำให้ฉันมีสิทธิ์หัวเราะเยาะนายไงล่ะ!”เจอรัลด์หัวเราะอย่างเย็นชา "ถ้าอย่างนั้น นายก็ขึ้นไปทดสอบเป็นคนต่อไปสิ เราจะได้จบเรื่องนี้กันสักที”มอร์ตันเย้ยหยันและเดินเข้าไปหาออบซิเดียนอย่างมั่นคงราวกับว่าชัยชนะอยู่ในมือของเขาแล้ว ไม่ว่าใครที่หันมามองเขาก็ล้วนต้องนึกถึงนกยูงที่กำลังเดินหาคู่อยู่ฝูงชนมองดูพวกเขาทะเลาะกันเงียบ ๆ “ฉันสงสัยจังว่ามอร์ตันจะสามารถจุดไฟห้าดวงได้จริง ๆ หรือเปล่า” ใครบางคนกระซิบ"ฉันก็คิดแบบนั้น เขาไม่ใช่คนโง่ หากเขาไม่มั่นใจในตัวเองเขาคงไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมา ศักดิ์ศรีของเขาสำคัญที่สุด”หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของผู้พูดคนที่สอง จริงอยู่ มอร์ตันอาจจะชอบอวดตัวเอง แต่เขาจะไม่ทำอะไรที่จะทำลายชื่อเสียงของเขา ถ้าเขาบอกว่าทำได้เขาก็ทำได้เมื่อถึงเวลานั้น มอร์ตันก็ยืนอยู่หน้าออบซิเดียน ณ ที่เดียวกับที่เจอรัลด์ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขามองดูออบซิเดียนก่อนจะเก็บพัดของเขาไว้ในแหวนยุทธ มีกฎว่าห้ามใช้อาวุธ ผู้ประเมินจึงสามารถโจมตีออบซิเดียนด้วยพลังยุทธของพวกเขาเพียงเท่
เฟนด์ฟังการสนทนาของฝูงชนอย่างเงียบ ๆในขณะนั้น มอร์ตันพร้อมที่จะออกหมัด แต่แล้วเขาก็ไปทำเรื่องโง่ ๆ ด้วยการมองไปที่เจอรัลด์ด้วยสายตายั่วยุซึ่งทำให้เจอรัลด์กลอกตาใส่เขา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จับตาดูพลังอันแรงกล้าของฉันไว้ให้ดี!”พอพูดจบ เขาก็ชกกำปั้นที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองหนาลงไปที่ออบซิเดียน แรงนั้นแข็งแกร่งมากจนทุกคนสามารถได้ยินเสียงของพละกำลังที่มาจากกระดูกของเขา ออบซิเดียนส่งเสียงออกมาและแสงก็สว่างขึ้นทันที ความแรงของการโจมตีของมอร์ตันนั้นคล้ายกับเจอรัลด์แต่กอปรไปด้วยความเพ้อฝันที่มากกว่าทุกคนจ้องมองไปที่แสงไฟด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขาเป็นพยานในการแลกฝีปากกันระหว่างคนทั้งคู่มาโดยตลอดและแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของมอร์ตัน ถ้ามอร์ตันมีพลังมากกว่าเจอรัลด์จริง ๆ ต่อไปเจอรัลด์ก็อาจจะต้องสงบปากสงบคำมอร์ตันไม่รีบร้อนที่จะเห็นผลลัพธ์ของเขา ยังไงก็ตาม ฝูงชนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่ามีเพียงไฟสี่ดวงเท่านั้นที่ถูกจุดขึ้น เขาใช้พลังงานทั้งหมดในร่างกายของเขาไปแล้ว และแสงที่ห้าก็ควรจะกระพริบออกมาสักหน่อย แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังมืดอยู่เช่นเดิมเฟนด์นับวินาที ไฟดวงที่สี่ติด
ใบหน้าของมอร์ตันแดงก่ำและเขาหายใจหนัก เขาชี้ไปที่เจอรัลด์และพูดว่า “แม้ว่าฉันจะไม่ได้จุดแสงดวงที่ห้า แต่ฉันก็ยังแข็งแกร่งกว่านาย แสงที่สี่ของฉันอยู่ได้นานกว่าของนายหนึ่งวินาที!”เจอรัลด์ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เขาพูด “ก็แค่วินาทีเดียวเท่านั้น อย่ามาทำเหมือนกับว่านายจะสามารถกำจัดฉันออกไปได้ในหมัดเดียวสิ ถึงนายจะแข็งแกร่งกว่าฉันนิดหน่อย แต่มันเทียบอะไรไม่ได้กับสังเวียนการต่อสู้ของจริง ถ้าเราเผชิญหน้ากันจริง ๆ นายก็คงไม่ชนะหรอก”เจอรัลด์มีความมั่นใจสูงสุดในประสบการณ์การต่อสู้ของเขา ตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้ติดตามผู้อาวุโสของเขาไปฝึกฝนและประลองฝีมือกับคนอื่น ๆ มากมาย เขาชนะบ้างและแพ้บ้าง ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เขาเป็นเขาอย่างในทุกวันนี้วัยเด็กของมอร์ตันแตกต่างจากเจอรัลด์อย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการฝึกฝนอยู่บ้าง แต่ก็เมื่อเปรียบเทียบกับของเจอรัลด์ประสบการณ์ของเขาก็ดูจืดชืดไปเลย เขารู้ข้อเท็จจริงนั้นดีที่สุด “อย่าพยายามบิดเบือนความจริงที่ว่าฉันยังแข็งแกร่งกว่านายสิ ฉันมีสิทธิ์ที่จะเหยียบย่ำนายอยู่นะ!”เจอรัลด์ชำเลืองมองเขา “ในเมื่อเราทั้งคู่ผ่านการประเมิน ทำไมเราถึงไม่ไปหาคำตอบด
ความสงบของเฟนด์ทำให้เซฟเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขาในแง่ดีขึ้น แต่เขารับเงินจากคำสัญญาที่ว่าจะพาเฟนด์ออกไปให้ได้มาแล้ว ดังนั้นให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เฟนด์ได้เข้าร่วมการทดสอบหรือปล่อยให้เขาออกจากสถานที่นี้ไปแบบที่ยังมีลมหายใจอยู่เซฟหัวเราะอย่างเย็นชาและหันไปเผชิญหน้ากับฝูงชน “แน่นอนว่านายไม่ได้ทำอะไรผิด! เหตุผลที่ฉันไม่อนุญาตให้นายเข้าร่วมการทดสอบก็เพราะนายเป็นสายลับที่เผ่าปฐมหายนะส่งมายังไงล่ะ”ฝูงชนพากันอ้าปากค้างขณะที่พวกเขาหันมามองที่เฟนด์ด้วยสายตาแห่งความสงสัย ความจริงที่ว่าผู้กล่าวหาคือเซฟทำให้ข้อกล่าวหามีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ไม่อย่างนั้นคนที่มีตำแหน่งในตำหนักสองกษัตริย์อย่างเขาจะโกหกในเรื่องแบบนี้ไปทำไม? เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำเช่นนั้น?แอมโบรสไม่รู้ว่าสิ่งที่เซฟพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่เขามักจะรับบทปีศาจเลวทรามอยู่เสมอไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตาม เขาแอบมองที่เฟนด์และรู้สึกประทับใจในความสงบของชายหนุ่มเช่นกัน 'ถ้าเขาเป็นสายลับจริง ๆ เขาคงไม่ใช่สายลับธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน' เขาคิดด้วยรอยยิ้มจาง ๆเดิมทีเขายืนอยู่ข้างผู้อาวุโสลี แต่ตอนนี้กลับย้ายไปอยู่ใกล้เฟนด
ท้ายที่สุด พวกเขามีศิษย์ภายนอกจำนวนมากที่ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในสงคราม ดวงตาของเซฟมีบางอย่างสว่างวาบในขณะที่เขาเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่ได้คาดหวังว่าเฟนด์มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยังไงก็ตาม ไม่ว่าเขาจะเฉลียวฉลาดแค่ไหน เขาก็ยังไม่สามารถหยุดเซฟได้ เขาหัวเราะเบา ๆ และหันไปเผชิญหน้ากับฝูงชน“ฉันได้รับรายงานจากศิษย์ที่เป็นสายข่าวคนหนึ่งของฉัน เขาเห็นนายทานอาหารกับศิษย์จากเผ่าปฐมหายนะ นอกจากนั้น วอร์เรนยังสามารถเป็นพยานได้ว่าเขาเคยเห็นนายในเผ่าปฐมหายนะมาก่อน ข้อโต้แย้งของนายไร้ประโยชน์เมื่อมีประจักษ์พยานจากหลักฐานทั้งสองอย่างนั้น” คำพูดของเซฟฟังดูมีเหตุผลและคนที่ไม่ค่อยรู้อะไรก็เริ่มเชื่อเขาฝูงชนมองไปที่เฟนด์ด้วยสายตาเย้ยหยัน “สายลับอย่างนายนี่มันน่ารังเกียจ! นกสองหัวนั้นน่ะรังเกียจที่สุด! พื้นที่ลึกลับนั่นเต็มไปด้วยทรัพยากรและถูกค้นพบโดยตำหนักสองกษัตริย์แตเผ่าปฐมหายนะกลับขโมยมันไป! นายน่าจะละอายใจกับตัวเองบ้างนะ!” ใครบางคนตะโกนขึ้น"ใช่! เผ่าปฐมหายนะทั้งน่ารังเกียจและไร้ยางอายอย่างที่สุด!”“นายจะคาดหวังอะไรจากพวกเขา? ดูอย่างผู้ชายคนนี้สิ ภายนอกดูใสซื่อแต่ซ่อนความชั่วร้า
แอมโบรสเลิกคิ้ว เขารู้สึกสงสารเฟนด์ ไม่ว่าสิ่งที่เซฟพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม ตำหนักสองกษัตริย์จะยังคงดำรงอยู่ได้เช่นเคย นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เซฟมีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องส่วนใหญ่ของตำหนักสองกษัตริย์อีกด้วยเฟนด์เป็นเพียงผู้สมัครเข้ารับการประเมินและเขาไม่มีอำนาจยับยั้งการตัดสินใจของเซฟ แอมโบรสก็อยากจะแก้ตัวให้เฟนด์อยู่สักหน่อยแต่เขาก็ไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงเพราะสิ่งที่เซฟพูดเรื่องเกี่ยวกับการที่เฟนด์เป็นสายลับอาจกลายเป็นความจริงได้ในที่สุด และเขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศที่ช่วยเหลือเฟนด์ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เงียบและสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ปริปากสีหน้าของเฟนด์เย็นชาขึ้นทันที ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้รับการแก้ไขโดยง่าย เซฟเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นและกระซิบข้างหูของเฟนด์ว่า “พอได้แล้ว ไอ้สารเลว ในฐานะผู้ดูแลตำหนักสองกษัตริย์ถ้าฉันบอกว่านายไม่อาจเข้ารับการทดสอบได้ นายก็ไม่อาจเข้ารับการทดสอบได้ นี่คือสิ่งที่นายได้รับจากการหาเรื่องผิดคน”แม้ว่าเซฟจะไม่ได้บอก แต่เฟนด์ก็เดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหัวเราะอย่างเย็นชาและมองไปด้านข้างเซ
“น่าขำจริง ๆ นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? นายเป็นนักสู้ที่ร้ายกาจในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิด นี่นายคิดจริง ๆ หรือว่านายจะสามารถเอาชนะอัจฉริยะทั้งสองคนที่อยู่ต่อหน้านายและจุดประกายแสงดวงที่ห้าของออบซิเดียนได้”แอมโบรสและผู้อาวุโสลีสบตากัน พวกเขาก็คิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังอยู่เหนือความคาดเดาไปกันใหญ่ที่ด้านล่างของเวที ฝูงชนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายอีกครั้ง ส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าเฟนด์มีปัญหาทางสมอง เขากล้าดียังไงถึงประกาศอย่างอวดดีว่าเขากำลังจะคว้าที่หนึ่งมาได้?“นายต้องหลงผิดแน่ ๆ ที่คิดว่าตัวเองจะสามารถจุดไฟห้าดวงแล้วรับโอสถซานหยวนไปได้ นายคิดว่าเป็นอัจฉริยะขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้านายเป็นอัจฉริยะจริง ทำไมเราไม่เคยได้ยินชื่อนายมาก่อนเลย”"ใช่! นายควรหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือกว่านี้สักหน่อย! อย่าได้คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่สามารถจุดไฟห้าดวงได้ ถ้านายสามารถจุดไฟดวงที่สามเป็นเวลาห้าวินาทีก็ถือว่าโชคดีแล้ว”“ฉันรู้ว่าการโกหกมาเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่นี่มันมากเกินไป เขาเป็นคนงี่เง่าที่สุดที่ฉันเคยพบมาในชีวิต แม้แต่มอร์ตันและเจอรัลด์ก็ยังไม่อาจจุดแสงดวงที่ห้าได้ ถ้าเขาได้รับโอสถซานหยวน ฉันจะยอมวิ่งรอบจ
แต่เฟนด์มีสายเลือดที่แตกต่างกับอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้มาจากตระกูลอันทรงเกียรติหรือมีระดับการบ่มเพาะสูงอะไร แน่นอนว่าเขาถูกฉีกหน้าเพราะคำสบประมาทเหล่านั้น เซฟกำหมัดแน่น เขาคงจะปิดปากเฟนด์ด้วยการต่อยเข้าที่ใบหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลสุดท้ายเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่นและเขาจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดเฟนด์จากการซุบซิบที่เป็นอันตรายมากขึ้นทุกที “นายคิดว่าการที่การที่นายใส่ร้ายฉันแล้วอะไร ๆ มันจะเปลี่ยนงั้นเหรอ? ไหนล่ะหลักฐานของนาย?”เฟนด์ยิ้มเบา ๆ และยืดตัวขึ้น “บิงโก แล้วไหนล่ะหลักฐานของคุณ? คุณบอกว่าคุณได้รับรายงานจากศิษย์ของคุณว่าผมเป็นสายลับ ไปเรียกพวกเขามาสอบปากคำสิ! ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมไปพบกับคนของเผ่าปฐมหายนะตอนไหน”เซฟหายใจเข้าลึก ๆ และดูคล้ายกับมีประกายไฟก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา ในตอนนี้เขาเกิดความคิดบรรเจิดขึ้น การถูกนินทาจะทำให้ทุกอย่างพังทลายลง เขารู้สึกประทับใจกับมันสมองอันชาญฉลาดของเฟนด์ นี่เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ของประโยคที่ว่า 'หากเอาชนะไม่ได้ก็จงเข้าร่วม'เซฟเย้ยหยันอย่างเย็นชาและหันหน้าหนี “แน่นอน ฉันเรียกพวกเขามาที่นี่ได้ แต่ทำไมฉันต้องเร